Chapter 186: Sacred Zone (1)
Chapter 186: Sacred Zone (1)
ยิฮิรู้สึกตื่นเต้น.
เธอได้ทำสวนด้วยตัวของเธอเองจากด้านบนของยักษ์ทดสอบ.เธอกลัวว่ามาสเตอร์จะโกรธแต่เธอก็ได้รับคำชมจริงๆ.เขายังบอกว่าช่วย ‘ทำความทำสะอาดมัน’ด้วย.
“ยิฮิฮิฮิ ~”
ยิฮิหัวเราะขณะที่อยู่บนหัวของยักษ์ทดสอบ
มันเป็นหลักฐานว่าเขาเชื่อถือเธอ.บางทีความคิดของภายในเขาก็อาจจะเป็นตรงข้ามของคริสปี้สำหรับยิฮิ.
ความคิดของมาสเตอร์ที่ตระหนักได้ถึงคุณค่าของเธอหมายความว่าจะมีรอยยิ้มออกจากปากของเธอตลอดเวลา.
“แฟร์รี่ตัวนั้อย! หนวกหู!”
แต่ยักษ์ทดสอบไม่ชอบมัน.
"อะไร, ทำไม, อะไร, ยิฮิเสียงดัง? ยิฮิฮิฮิ!”
"ออกไปจากหัว!”
"สิ่งมีชีวิตหัวล้าน! แบร่! ยิฮิคือคนที่มาสเตอร์วางใจ.คุณควรจำขอบคุณที่ยิฮิอยู่บนหัว!”
“แฟร์รี่บ้า!”
"ตอนนี้คุณว่ายิฮิ? ชิส์...ไอ้หัวล้าน!”
ยิฮิกำหมัดและเขกไปที่หัวของยักษ์ทดสอบ.ความแข็งแรงทางกายภาพของเธอได้เพิ่มขึ้นจากการยกระดับ.มีกำปั้นมีพลังมาก. ยักษ์ทดสอบขมวดคิ้วและส่ายหัว.
"หัวล้าน! ตลอดชีวิตที่ผ่านมาหัวล้านๆของก็ไม่เลว.”
“แบร่.มาสเตอร์มอบงานให้ยิฮิทำ.อะไรคือสิ่งที่คนหัวล้านทำได้? ยิฮิฮิฮิฮิ!”
"แฟร์รี่ติ้งต๊อง."
ยิฮิหัวเราะและเย้าแหย่ยักษ์ทดสอบ แต่ยักษ์ทดสอบไม่ชอบมันและส่ายหัว
“ยิฮิฮิฮิ ~”
ยิฮิยังคงมีความสุขมาก.
การโจมตีของสิ่งมีชีวิต.และมีการสู้รบตามมา.อเวคทุกคนได้ยินเสียงที่ดัง.พวกเขาเห็นปีกเพลิงและสายฟ้า.
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังเวทย์มนตร์ที่กดดันมานี่มันทำให้เขารู้สึกไม่สบาย
เกิดอะไรขึ้น?
อเวคได้ส่งทีมไปสำรวจแล้ว.พวกเขาไม่สามารถพูดได้เมื่อเขาเห็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่ตายซ้อนกันเป็นภูเขา.
"ดูเหมือนว่ามันจะตายจากการต่อสู้กันเอง.”
"ดูจากสิ่งที่เรากำลังมองไม่ต้องบอกเลย.ก่อนอื่นมันตาย...มันดูเหมือนกับว่ามันจะตายจากคนๆเดียว?”
"หนึ่งคนกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้?”
"ฉันเป็นบาเรียไฟจากระยะไกล.นอกจากนี้ยังมีสายฟ้าแว่บไปแว่บมา.ผู้ที่มีพลังแบบนี้...ผู้ช่วยชีวิต.ผู้ช่วยชีวิตกวาดสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ทั้งหมด.”
มีความเห็นมากมายขณะที่พวกเขาสำรวจ.สิ่งที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คือ ‘ผู้ช่วยชีวิต’ ไม่มีใครอื่นนอกจากผู้ช่วยชีวิตที่สามารถจัดการกับสิ่งมีชีวิตมากมายเพียงลำพัง.
“ฉันพบร่างของดีม่อน.แต่ตาทั้งสองข้างของเขาหายไป.”
"รักษามันไว้.”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอร่างกายของดีม่อน.ทุกคนในทีมสำรวจตื่นเต้นมาก.ร่างกายของเขาสามารถเอาไปใช้ทดลองเป็นวัสดุหรือสกิลได้.พวกเขารู้สึกได้จากเพียงแค่คิดว่าจะทำอะไรจากศพของดีม่อนเท่านั้น.
สมาชิกได้เขียนชื่อสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไว้ในสมุด มันจะใช้ในการรายงานความเสี่ยง.
หลังจากนั้นไม่กี่นาที.
“...แค่ก!”
สมาชิกบางคนเริ่มไอเป็นเลือด
ใบหน้าของพวกเขาซีดลงเหมือนคนป่วยมือและเท้าของเขาสั่น
มีเพียงสิ่งเดียวที่อาจจะทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้
“พิษ...!”
"พิษอะไร? มันเป็นพิษจากการสลายตัว?”
"ศพเหล่านี้ตายไม่เกินสองวัน.มันไม่สามารถทำแบบนั้นได้.ต้องมีบางอย่าง...ที่พ่นพิษได้อย่างชัดเจน.”
มันเป็ฯพิษที่แข็งแแกร่งมาก.
สารพิษได้ละลายผิวหนังของสิ่งมีชีวิต.
สิ่งมีชีวิตที่มีผิวหนังบอกบางก็ละลายไปด้วยมันเป็นสิ่งที่พวกเขายืนยันได้ พวกเขาค้นพบมันก็สายไปเสียแล้ว.
พื้นดินที่มีสารพิษ พวกเขาไม่สามารถเอามันกลับไปได้.
"อัค!"
แต่นั่นมันยังไม่จบ
มีบางอย่างโจมตีทีมสำรวจและหลายคนเสียชีวิต.
“สิ่งมีชีวิต! มันออกมจากดิน!”
“แม่งเอ้ย ก๊อบลินพิษ!”
ก๊อบลินพิษ.
สิ่งมีชีวิตที่ปล่อยสารพิษออกจากร่างกายของมัน.พวกมันมักจะอยู่แต่ในพื้นที่ของมันดังนั้นไม่มากนักที่พวกทีมสำรวจจะเข้าไปเจอกับสิ่งมีชีวิตประเภทนี้.
ในที่สุดหัวหน้าทีมสอดแนมก็กัดปากและพูดว่า
"รีบถอยออกมา ที่นี่...มันเป็นดินแดนแห่งความตาย.”
ยิฮินวดไหล่ของเธอ.
"ไอกู ~ น่ารำคาญมาก.นี่มันยากกว่าที่ฉันคิด.”
เธอกลับเข้าไปในป่าและถือโถที่มีน้ำผึ้งจากผึ้ง
เธอใส่มันในแก้ว น้ำผึ้งอร่อยที่สุด
ในขณะที่ผึ้งเคลือนไหวรอบๆในขณะที่เธอกำลังดื่น้ำผึ้ง มันช่างได้บรรยากาศที่สมบูรณ์แบบ.
“อ่า อร่อยมาก การดื่มน้ำผึ่งหลังจากการทำงานอย่างเหน๊ดเหนื่อยมันช่างหอมหวานนัก.”
ยิฮิจับคางของเธอขณะที่ดื่มน้ำผึ้ง.
"จัดการสิ่งที่ไม่พึงประสงค์.ประเมิณซากศพ? โดยการทำความสะอาด. จากนั้น อืมม...”
ยิฮิมีความสุขจากการที่ได้รับคำสั่งจากมาสเตอร์ แต่เธอรู้สึกผิดหวังหลังจากที่มาถึงสถานที่ทำงาน.เธอตัดสินใจที่จะยังโทษ ‘ให้อีก’ ครั้งกับมัน.
มาสเตอร์เชื่อว่าเธอจะจัดการกับสิ่งที่ยังคงเหลืออยู่.
ยิฮิหัวหน้าไปแอบมองคนอื่นๆ.
“เทวดาตัวน้อย? คุณ ชื่อคุณชื่อว่าอะไร?”
"แฮซ.”
คำตอบออกมาสั้นๆ เทวดามีขนาดใหญ่กว่าแฟร์รี่เล็กน้อยและมีหลายปีก.
ยิฮิพยักหน้า
"แฮซ? อ๊าา ~ คุณคือแฮซ?”
“เคี๊ยว~”
แฮซบินไปใกล้ๆยิฮิ
“ยิฮิฮิฮิ.คุณต้องการไปกับยิฮิไหม?”
“อึ้ม.”
ยิฮิยิ้มแย้มให้กับแฮซอย่างเห็นได้ชัด
"ตกลง งั้นยิฮิจะบอกให้ว่าคุณต้องทำอะไร.แล้วคุณต้องการไปที่ไหน? ดี...อ่า! ไปดูมนุษย์กันเถอะ.มนุษย์เป็นคนตลกจริงๆ. ยิฮิฮิฮิ~ เราสามารถไปสนุกกับรอยและโรสได้.คุณคิดว่าไง?”
“อึ้ม.”
“ยิฮิฮิฮิ.”
ยิฮิบินไปข้างหน้าพร้อมกับแฮซที่บินตามหลัง
มนุษย์ได้บันทึกเหตุการณ์นี้ว่า ‘แฟร์รี่และเทวดาตัวน้อยที่บินอยู่บนท้องฟ้า’ เป็นฝันร้ายที่น่ากลัว.
คิมยูราและคิมมินจี
พวกเธอทั้งสองยังนอนนิ่งในขณะที่ผมตรวจสอบเธอ.
คิมยูราได้ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์.ไม่มีร่องรอยจากความพิการหลงเหลืออีกแล้ว.เธอเกิดใหม่ด้วยรูปลักษณ์ที่สะอาดและบริสุทธิ์.มันเพียงพอที่จะคิดได้ว่าเป็น ‘นักบุญ’.
ในทางตรงกันข้ามคิมมินจีก็ต่างไปจากเดิมเธอแทบจะไม่รอดชีวิตหลังจากสูญเสียช่วงล่างของเธอ.
‘มนุษย์ไม่สามารถอยู่รอดได้โดยปราศจากขาของพวกเขา.’
การรักษาส่วนร่างที่ถูกตัดออกไปแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่ แต่ผมสงสัยว่ามันจะคุ้มไหม.
‘คิมยูราเป็นรักบุญ น้องสาวของเธอ..ฉันให้ชีวิตของเธอกลับมา แต่ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องหากเธอตายอีกครั้ง.’
ผมสัญญาว่าจะช่วยชีวิตคิมมินจีที่กำลังจะตาย แต่ผมไม่รู้ว่าเธอจะตายอีกครั้งหรือไม่.
แต่...มีบางอย่างแปลกๆ.
“ทัสมาบ.”
ผมเรียกทัสมาล.ผมรู้สึกปวดบริเวณท้ายทอยและตอนนี้มันก็ปวดมากขึ้น.ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไรผมจึงอยากถามทัสมาล.
“เกิดอะไรขึ้น?”
ทัสมาลกำลังยุ่งกับการเลี้ยงดูเทวดา เธอดูเหนื่อย แต่เธอก็ตอบคำถามของผมทันที.
"คุณรู้สึกได้ไหม?”
"จากนักบุญ? อืมรู้สึกแปลกๆ.ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นนักบุญทั่วๆไป.”
"ผมไม่ได้พูดถึงนักบุญ แต่เป็นน้องสาวของเธอ.”
"น้องสาวเธอ...? มนุษย์ที่ไม่มีขา?”
ทัสมาลขยับตัวเธอ
ในเวลาเดียวกันทัสมาลก็ขมวดคิ้ว.
“นี่มัน...แปลก. เธอไม่ใช่นักบุญแต่เธอมีพลังคล้ายๆนักบุญ.ความจริงแล้วเธอก็เป็นเหมือนกับพี่สาวของเธอ.”
“นั่นมันหมายความว่าอย่างไร?”
"พลังศักดิ์สิทธิ์เชื่อมต่อจากคนทั้งสอง.บางทีอาจจะไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นอาจจะเป็นพลังชีวิตที่เชื่อมต่อกัน.มีประสิทธิภาพและแข็งแกร่ง.นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นเพราะงั้นฉันจึงไม่สามารถตอบได้แน่นอนนัก แต่....ถ้าความคิดของฉันถูกต้องหล่ะก็พลังของทั้งคู่จะมีอำนาจมากกว่านักบุญปกติ.ความรุนแรงของพวกเขาจะลดลงถ้าพวกเขาทั้งสองอยู่ห่างจากกันและกัน.”
มันเป็นอีกหนึ่งการเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดฝัน.
นี่มันทำให้ผมรู้สึกสะดุ้ง.
ผมไม่ได้สังเกตเพราะว่าพลังของคิมมินจีมีขนาดเล็กมาก
แต่เงื่อนไขเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก มีสองศพ แต่มีเพียงชีวิตเดียวที่รอดและพวกเขาต้องอยู่ใกล้กันเสมอ.
“คุณฝึกพวกเขาได้ไหม?”
ผมถามทัสมาล.มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ผมบอกถึงการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์.คนเดียวที่สามารถสอนเขาได้คือทัสมาล.
“ดันเจี้ยนมาสเตอร์.คุณควรทำมากกว่าฉัน.ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่มันไม่ได้มีพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว.พลังเวทย์ของคุณยังมีอยู่.ฉันคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่พลังทั้งสองจะสามารถอยู่ร่วมกันในเวลาเดียวกันได้แต่...น้องสาวมีพลังเวทย์มากขึ้นในขณะที่พี่สาวมีพลังศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น.ทั้งสองคนต่างมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน.”
อ่า มันเป็นสมดุลแบบนั้น.
แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะฝึกฝนพวกเขา.
‘ฉันต้องทำให้พลังในการสร้างร่างกายส่วนร่างของเธอ.’
ผมพบว่าพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันดังนั้นผมจึงไม่ต้องกังวล.
แม้ว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากแต่ผมก็อยากจะบอกให้ปาการามกับโอเว่นสร้างส่วนร่างให้กับเธอ
"ว่าแต่ดันเจี้ยนมาสเตอร์ ฉันได้ยินมาว่าคุณได้จับดยุคในครั้งนี้.”
“มาร์คินถูกฆ่าไปแล้ว.”
"แล้ว...คุณวางแผนจะทำอย่างไรกับดันเจี้ยนของเขา?”
"ไม่ได้วางแผนอะไร ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น?”
การแสดงออกของทัสมาลเริ่มจริงจัง.มีช่วงเวลานึงที่เธอเงียบก่อนที่เธอจะเปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง.
"ดันเจี้ยนนั้น...คุณสามารถให้มันกับเทวดาได้ไหม?”
"แบบนั้นเขาก็สามารถประกาศเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ได้นะสิ?”
"ถูกต้อง ฉันได้เห็นเทวดาที่มาในโลกนี้และพวกเขากำลังพ่ายแพ้ ฉันไม่ชอบมัน ถ้าพวกเขามีจุดมุ่งหมายพวกเขาก็สามารถฆ่าดีม่อนอื่นๆได้ อ่า ยกเว้นคุณ.”
เธอรีบพูดประโยคสุดท้าย.
"ถ้าฉันคิดว่ามันมีประโยชน์แล้วฉันจะได้อะไรจากดันเจี้ยน.”
ผมไม่ใช่คนที่ดีพอที่จะให้ดันเจี้ยนง่ายๆ.
แน่นอนว่าการประกาศเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ดีม่อนอื่นๆรุดหน้าไปตรวจสอบแต่นั่นไม่ได้เป็นประโยชน์.
ทัสมาลพูดด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนด้วยสายตาของเธอ.
"ในไม่ช้า...คุณคามิเอลจะลงมาก.เขาเป็นหนึ่งในเจ็ดเทวดาที่มีฐานะเป็นเซราฟิม...เขาเองก็จะเข้ามาเพื่อทำความสะอาดโลก.มันจำเป็นที่จะต้องมีสถานที่ๆทักทายเขา.”
ผมขมวดคิ้วแน่น.เซราฟิม.มันหมายถึงเทวดาที่แข็งแกร่งที่สุด.มีไม่กี่ครั้งที่ผมได้เห็นเทวดาชั้นเซราฟิมตายลงในชีวิตก่อนหน้าของผม?
มันแปลกที่ทัสมาลรู้เรื่องนี้ เธอเป็นเทวดาตกสวรรค์และเธอไม่สามารถกลับไปยังสวรรค์ได้ เธอรู้ได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่สามารถที่จะคิดต่อกับสวรรค์ได้?
“คุณแน่ใจ?”
“ฉันได้รับ ‘การแสดงให้เห็น’.”