Chapter 183: Half Awakening (1)
Chapter 183: Half Awakening (1)
ในที่สุด!
มีรอยหยาดเยิ้มบนใบหน้าผม.
ผมได้รับไพ่เด็ดในการจัดการมาร์ติน
“ได้รับตัวเธอมาแล้วหรือยัง?”
-ตอนนี้ยัง.มีปัญหากับฉายาเธอเล็กน้อย
"ปัญหา?”
-มนุษย์ขอให้เราเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนักบุญ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสังเกตเห็นการเคลือนไหวของพวกเรา...
ผมเอียงหัว ผมไม่รู้ว่ามนุษย์ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับนักบุญได้อย่างไร ผมไม่ได้รับการรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้.
“เกิดอะไรขึ้น?”
-พวกเขาจับหนึ่งในแวมไพร์ของดยุคมาร์ตินได้.
“แวมไพร์มีความหยิ่งสูง พวกเขาเพียงติดตามดันเจี้ยนมาสเตอร์เท่านั้น พวกเขาได้ข้อมูลมาได้อย่างไร?”
-ยาและสกิลอื่นๆ อเวคมนุษย์มีหลายสกิลมากที่ฉันไม่รู้.
แน่นอน.
มนุษย์มีหลายพันคน พวกเขาทั้งหมดมีสกิลที่แตกต่างกัน
มันแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่ผมรู้จัก
"พวกเขาไม่ได้เคลือนไหวง่ายๆ ต้องมีผู้นำ.”
-ใช่ มาสเตอร์ของฉัน อึนเฮและสู่สวรรค์เป็นผู้นำ.
จิ๊! ผมขมวดคิ้ว
ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นสาเหตุเบื้องหลังการเคลื่อนไหวในครั้งนี้
ถ้าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องผมก็รู้สึกเลยว่าคริสปี้ก็ไม่สามารถทำอย่างง่ายๆ
‘ทำไม?’
ผมกังวลเกี่ยวกับมันสักครู่หนึ่ง ผํญหาเกี่ยวกับนักบุญ ยังคงเป็นความลับสุดยอด ผมไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับนักบุญใช้เธอเป็นเหยื่อในการจัดการกับมาร์ติน.
ถ้ามนุษย์ได้รับนักบุญไปผมกังวลว่าแผนการของผมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
‘มาร์ตินอาจจะสังเกตเห็นด้วย.’
มาร์ตินน่ารำคาญ.
ในกรณีของมาร์ตินเขามีหูตาปะปนอยู่กับเหล่าอเวค ตอนนี้เขาเงียบแล้วเป็นไปได้ว่าเขาได้ยินเกี่ยวกับความจริงของนุกบุญ เขาจะมุ่งมั้นไปที่โรส,รอยและคริสปี้แน่นอน.
“นักบุญปรากฎออกมาแล้ว?”
-เธอไม่ใช่อเวค อย่างไรก็ตามฉันได้ยินยันพลังศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว ฉันไม่แน่ใจแต่ทัสมาลจำได้.
ทัสมาลเป็นที่ดีที่ในการมองเห็นพลังศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากทัสมาลยืนยันมาแล้วเป็นไปได้ว่าเธอจะเป็นนักบุญ.
‘ฉันต้องการไฟที่สว่างพอที่จะพาออกจากอุโมงค์.’
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมนุษย์
ขณะที่พวกเขาได้รับความแข็งแกร่ง การกระทำของพวกเขาก็จะยิ่งยากแก่การคำนวนของผมมากขึ้น
เป็นการดีที่พวกเขาคิดได้ด้วยตัวเอง แต่พวกเขาอยู่ในรั้วของผม.
ถ้าพวกเขาพยายามออกจากรั้วของผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะปกป้องพวกเขา.
“คริสปี้ บอกโรสกับรอย ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากเคลื่อนไหว...นั่นคือการทำนายครั้งแรก”
-คำทำนาย...อะไร?
"มันเป็นคำทำนายปลอมๆ แต่เป็นความจริง มันจะต้องเหมาะสมเพื่อให้มนุษย์เคลื่อนไหว.”
นอกจากนี้วิธีการนี้ยังทำให้มาร์ตินสะดุ้ง
‘มนุษย์ พวกเขายังมองเห็นความจริงว่ายังมีดันเจี้ยนในเกาหลีใต้.’
เป็นเพราะว่าดันเจี้ยนตอนนี้สงบลงแล้ว?
ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการประสบการณ์อีกครั้ง
และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็เพื่อหลอกลวงมาร์ติน
จำเป็นต้องปรับโครงสร้างดันเจี้ยน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทำให้ระบบนิเวทศ์ไม่สมบูรณ์ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำความสะอาดบ้าน.
ในขณะเดียวกันรอยก็จะเป็น ‘ผู้เผยแพร่วจนะ’ ที่เป็นศูนย์กลางของมนุษย์.
"เมื่อพระจันทร์ได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดทางเข้านรกจะเปิดและผู้ส่งสารจะปรากฎออกมา ผู้ส่งสารจะมาพร้อมกับทำลายร้ายของมนุษย์อย่างโหดร้าย แต่พวกเขาจะไม่เป็นอันตรายต่อต้นไม้แห่งชีวิตและความตาย มนุษย์! เราต้องรอยู่บริเวณต้นไม้ทั้งสองต้นนี้จนกว่าสิ่งชั่วร้ายจะผ่านไป.”
เด็กของผู้ช่วยชีวิตเป็นผู้เผยแพร่พระวจนะ?
นี่เป็นครั้งแรก แต่นอกจากกิรินและผู้ช่วยชีิวตแล้วรอยมีอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดในหมู่มนุษย์.
คำพูดของรอยได้แพร่กระจายไปทั่วกรุงโซลอย่างรวดเร็วและผู้คนก็เริ่มที่จะอยู่รอบๆต้นไม้แห่งชีวิตและความตาย
และพระจัทร์เต็มดวงก็ได้เกิดขึ้นในตอนกลางคืน
มีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่า50,000ตัวออกจากดันเจี้ยน
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้แสดงตัวออกมาจากดันเจี้ยนในเกาหลีใต้?
เสือเขี้ยวดาบ พวกเขามีจำนวนมากที่สุดและก้าวร้าวเป็นอย่างมาก จำนวนของสิ่งมีชีวิตมากมายเสียชีวิตจากเขี้ยวยาวๆของเขา.
เจ้าขาวต่อสู้อย่างดุเดือดกับสิ่งมีชีวิตของดีม่อนตนอื่น ตามหลังมาด้วยเจ้าดำ.
อย่างไรก็ตามไม่ได้มีเสือเขี้ยวดาบสีดำเพียงตัวเดียวเท่านั้น มันมีทั้งหมดถึง7ตัว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานอกจากเจ้าขาวแล้วเสื้อเขี้ยวดาบาีดำทั้ง7ยังเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูงเลเวล4
มีเสื้อเขี้ยวดาบขั้นสูงเลเวล3อย่างน้อย20ตัว จำนวนของพวกมันมีถึง3,000ตัว
กลุ่มที่ใหญ่ที่สุดรายต่อไปคือมโนทอร์ 2,200 ตัว! ร่างกายที่ผิดปกติของพวกเขาทำให้ศัตรูเกิดความแตกตื่น.
แน่นอนว่ามันต้องเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำและต่ำมาก อัตราการขยายพันธุ์ของพวกออคและก๊อบลินอยู่เหนือจิตนาการ
หมีทมิฬ,แมมมอธและสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ออกมาเป็นระลอกคลื่นออกจากดันเจี้ยน ในอัตรานี้...ผมสามารถเอาสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำและต่ำสุดออกมาได้
จำนวนที่เหลืออยู่ของสิ่งมีชีวิตได้รับการจัดระดับขั้นกลางไปจนถึงสูง.
มันเป็นจำนวนมากพอที่จะครอบงำดันเจี้ยน!
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เดินไปที่ป่า พวกเขาล้อมกรุงโซล เพื่อสถานการณ์ที่น่าตกใจ
คิมยูราร้องไห้.
เธอสูญเสียครอบครัวและตัว ‘เธอเอง’ เนื่องจากสิ่งมีชีวิต มีแผลไฟไหม้ปรากฎบนใบหน้าที่กน้ากลัวเธอและตั้งแต่ช่วงร่างของเธอก็เป็นอัมพาต สายตาขอวงเธอก็แย่มากและแทบจะมองไม่เห็น.
นั่นไม่ใช้ทั้งหมดของเธอ เธอยังไม่มีแม้แต่เส้นผมบนหัวของเธอ
เธอไม่ตาย แต่ก็ไม่ต่างจากการตายไปแล้วมากนัก
อย่างไรก็ตามเธอยังมีชีวิตอยู่เนื่องจากน้องสาวของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่.
เธอพยายามฆ่าตัวตายหลายครั้งแต่ก็ถูกช่วยโดยน้องสาวของเธอ.
น้องสาวของเธออ่อนกว่าเธอ2ปีเธอทำทุกอย่างเพื่อให้พี่สาวของเธอมีชีวิตรอด.นับตั้งแต่โลกกลายมาเป็นเช่นนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก แต่...น้องสาวของเธอทำงานหนักเพื่อก่อสร้างในตอนเช้าและแอบซ่อนตัวทำงานในตอนกลางคืน ‘กะกลางคืน’
น้องสาวของเธอคิดว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้ แต่คิมยูรารู้ดี ถ้าน้องสาวเธอไม่ทำแบบนี้ คิมยูราจะไม่ได้รับอาหารสามมื้อต่อวัน.
แม้ว่าจะอยู่เขตชานเมืองแต่พวกเขาก็อาศัยอยู่ในกระท่อมปานกลาง เธอเดาได้ว่าน้องสาวของเธอต้องช่วยอเวคและกิลด์ในการก่อสร้าง
"น-นะ-นั่น...ทำไม...?”
คิมยูราพูดด้วยความยากลำบาก เหงือกของเธอละลายจนไม่สามารถพูดได้ เธอคิดว่าสถานที่นี้เป็นนรก แต่เธอกังวลเกี่ยวกับน้องสาวตัวน้อยของเธอ.
น้องสาวของเธอคิมจีมินกลับมา ใบหน้าของเธอบวมและช้ำ ผมของเธอสกปรกและมีคราบเลือดอยู่รอบๆปากของเธอ
“มันไม่เป็นไร ไม่ เราต้องออกไปจากที่นี่เร็วๆนี้.”
“หืม?”
“เด็กของผ้ช่วยชีวิตได้ทำนาย สิ่งมีชีวิตจะมีรวมกลุ่มบริเวณนี้ เราจำเป็นต้องหลบอยู่ใกล้ๆกลับต้นไม้แห่งชีวิตและความตาย คนอื่นๆได้ออกไปหมดแล้ว.”
คิมยูราถูกจับนั่งรถเข็นและคิมมินจีเริ่มผลักเธอ.
เช่นเดียวกับคิมมินจีหลายคนได้ออกจากที่พัก
ในทางกลับกันพวกเขาไม่ได้เอาอะไรออกมาด้วยเลยนอกจากร่างกายของตัวเอง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมกลุ่ม และนั้นคือทั้งหมด
การเดินขบวนยาวและช้า นอกจากนี้คิมมินจียังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย แม้ว่าเธอจะได้รับการรักษา เธอก็ยังคงผลักรถเข็นไปเรื่อยๆ
คิมยูราอยากจะบอกให้น้องสาวทิ้งเธอ แต่เธอไม่รู้ว่ามันจะทำให้สิ่งต่างๆยากขึ้น คิมยูราทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อให้เงียบที่สุด.
ครึ่งวันผ่านไปแล้ว
ขบวนหยุดชั่วคราวและคิมมินจีนั่งพักรถเข็น
"ไอ้เลว...เก็บเงิน...พี่สาว...ฉันจะแก้ไขมัน.”
คิดยูราร้องไห้ในขณะที่ได้ยินคำพูดของน้องสาวของเธอพึมพำขณะนอนหลับ คิมยูราจับมือกับแก้มของน้องาวและอธิฐานของเธอ
เธอต้องการให้น้องสาวของเธอยู่สุขสบายในโลกที่ชั่วร้ายฝบนี้.
อย่างไรก็ตามมันก็ใช้เวลาไม่นานที่จะตระหนักได้ว่ามันเป็นความฝัน
ปัญหาเกินขึ้นในวันถัดไป
เธอเจ็บคอ เธอหิวและเวียนหัว.
อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถหาอาหารหรือน้ำดื่มได้ด้วยตัวของเธอเอง
คิมยูราไม่พูเอะไร.
โครกก!
อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถซ่อนการตอบสนองจากร่างกายของเธอได้.
“อันนิ คุณหิวหรอ? รอแป๊ปนะ ฉันจะดูว่าฉันจะเอาอะไรให้คุณบางอย่างได้”
คิมมินจีเลียริมฝีปากที่แห้งและเดินท่างกลางผู้คน เธอได้รับสายตาเย็นชาเท่านั้น ไม่มีใครในขวบนนี้จะให้อาหารของเธอ.
คนดีทุกคนตายหมดแล้ว... นี่เป็รคำพูดที่เธอได้ยิน เธอเข้าใจ ชีวิตของพวกเขามีความสำคัญและพวกเขาก็มีครอบครัวของเขา
ในที่สุดเธอก็ได้ชาสมุนไพรเล็กน้อย.
“ขอโทษ อันนิ พรุ่งนี้ฉันจะทำให้แน่ใจว่าเราจะได้รับสิ่งที่กิน.”
คิมยูราส่ายหัว เธอยื่นชามให้คิมมินจี แต่เธอก็ส่ายหัวเช่นเดียวกัน
"ฉันกินมันไปแล้วนิดหน่อยก่อนที่ฉันจะกลับมา ถ้าอันนิไม่กินฉันจะโยนมันทิ้งไป”
น้องสาวของคิมมินจีเธอยังเด็กเกินไปจริงๆ คิมยูรากินโจ๊กสมุนไพรและขนมปัง.
หลังจากหลับตาไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงหวาดกลัว เมื่อเธอเปิดตาก็เห็นน้องสาวของเธอกำลังทำแผลของเธอ.
‘อ่า...’
คิมยูราหลับตาลงอีกครั้ง
โลกนี้มันเป็นนรกจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเขาสามารถทานอาหารกันได้อย่างปลอดภัย พวกเขามีมันฝรั่งหวานและน้ำหนึ่งขวด.
“เราต้องไปไกลกว่านี้ อันนิ คุณเห็นคุณกิรินไหม? ฉันไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อนในโลกนี้ อันนิก้จะคิดแบบเดียวกันเมื่อคุณเห็นเธอ เด็กของผู้ช่วยชีวิตน่ารัก ฉันได้เห็นพวกเขาจากที่ไกลๆครั้งนึง.”
คิมมินจีพูดต่อในขณะที่ผลักรถเข็น.
เธอรู้สึกโล่งใจเมื่อเข้าใกล้ศูนย์กลางมากยิ่งขึ้น
"ฉันไม่เคยเห็นผู้ช่วยชีวิต ฉันได้ยินแต่เรื่องราวของเขาเท่านั้น เขาเท่ห์และแข็งแกร่งที่สุดในโลก ฮิฮิ เขาคงไม่เหมือนกับเจ้าชายรูปงามหรอกนะ?”
ผู้ช่วยชีวิต.
น้องสาวของเธอสนใจคนที่ถูกเรียกว่าผู้ช่วยชีวิต.
เขาเป็นเหมือนกับเจ้าชายขี่ม้าขาวเพื่อช่วยให้พวกเขารอดพันจากสถานะการณ์เลวร้ายนี้
ในทางตรงกันข้ามคิมยูราไม่เชื่อ
คนแบบนั้นไม่หลงเหลือแล้วในโลกนี้.
คนดีทุกคนตายไปหมดแล้ว น้องสาวของเธอเป็นคนดีคนเดียวที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้
“แวมไพร์!”
“อ๊าาาาค!”
ในช่วงเวลานั้น คนที่อยู่ด้านหน้าก็เริ่มกรีดร้อง
“อะ-อันนิ!”
มันอันตรายเมื่อมีคนมาชนรถเข็น
เธอแทบจะไม่สามารถจับมันไว้ได้อย่างมั่นคง
ปึงงง!
ครึ่กกก!
ในขณะเดียวกันตึกบางแห่งได้ยุบตัวลงและทำให้เกิดการระเบิด
เศษซากอาคารหล่นมาทั่วทุกแห่ง...
“หลบมัน!”
คิมมินจีผลักรถเข็น.
คิมยูรานั่งอยู่บนนั้นแต่เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
“อ่าฟ์...”
ชีวิตของเธอได้รับการช่วยเหลือแต่น้องสาวของเธออยู่ใต้ซากเหล็ก
คิดมินจีถูกบดขยี้และดวงตาของเธอก็ไม่สามารถมองอะไรได้อีกเลย.
“อ่า...อาาาา...!”
คิมยูราเอามือสองข้างคลานไปที่พื้น ไม่มีทางไหนที่เธอจะสามารถขยับขาได้.
แต่...คิมมินจีไม่ได้หายใจแล้วเมื่อเธอมาถึง
“อ่าห์!”
คิมยูราจับตัวคิมมินจีไว้และพยายามจะปลุดเธอ อย่างไรก็ตามคนนั้นก็ได้หยุดหายใจแล้ว
เหมือนกับภาพลวงตา เมื่อความทรงจำของน้องสาวของเธอผ่านเข้ามาในห้วงความคิดของคิมยูรา.
ทุ่มเททั้งหมดให้คิมยูรา....แสงที่ส่องสว่างในตัวของเธอไม่สามารถที่จะเห็นได้อีกต่อไป
เกลียด เธอเกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง ทำไมคนดีๆทุกคนถึงจะต้องตาย? ทำไมพระเจ้าที่สร้างโลกนี้ขึ้นมาและให้มีแต่คนเลวๆเท่านั้นมีชีวิตอยู่?
ในเวลาเดียวกันแสงก็ส่องสว่างออกมาจากตัวคิมยูรา
แสงได้ส่องสว่างและกลืนทุกสิ่งทุกอย่างไป.