Chapter 176: Quickening Period (2)
Chapter 176: Quickening Period (2)
ดันเจี้ยนเปลี้ยนรูปลักษณ์ของมัน.ดันเจี้ยนจากภูเขาปูซานได้เปลี่ยนเป็น ‘ปราสาท’ ขนาดใหญ่มาก
การเปลี่ยนแปลงมันเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันยืดออกไปหลายกิโลเมตร ความสูง...มันเป็นไปไม่ได้ มันสูงขึ้นไปบนฟ้า
"การสำรวจดันเจี้ยนจะถูกห้ามจนกว่าจะมีการหาสาเหตุที่ชัดเจน.”
กิรินประกาศ.
เธอยืนอยู่บนแท่นและมีบรรยายกาศโดดเด่นรอบๆตัวเธอ.
"มีเพียงแกนขนาดเล็กเท่านั้นที่อยู่ในคลัง เราจะหยุดสำรวจดันเจี้ยนทั้งหมดเป็นเวลาสามวัน.”
ยองวูไม่เห็นด้วย กิรินและอเวคไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่อยู่ที่นี่.
มีหัวหน้ากลิด์เจ็ดคน กิริน และสองดาร์กเอลฟ์เท่านั้นที่อยู่ในห้องโถงขนาดเล็ก
พวกเขาถูกรวมไว้อยู่ในที่เดียวเพื่อหามาตรการรับมือต่างๆ.
"อเวคหลายคนรู้สึกไม่ปลอดภัยเกี่ยวกับการสำรวจดันเจี้ยน หากมันระเบิดแล้วมันจะมีความเสียหายที่ใหญ่มาก.”
เอรินหัวหน้ากิลด์แดมบิ ได้ย้อนบรรยายกาศการพูดคุย.
แต่กิรินก็ไม่ธรรมดา รอยที่ถือดาบอยู่ข้างเธอกล่าว
"ผมสามารถแก้ปัญหาแก่นจากดันเจี้ยนได้.”
"เธอจะบอกว่าสามารถหาแก่นได้โดยไม่เข้าไปสำรวจ?”
รอบพยักหน้าให้กับยองวูที่ถามขึ้น.
"เจ้านายของฉันได้ส่งแก่นมาให้ผมมาก.”
"ผู้ช่วยชีวิต...?”
"เขาส่งอาวุธมาให้ผม เพื่อขจัดปัญหาที่จะเกิด.”
แปะ!
รอยตบมือ จากนั้นเพดานก็พังลงมา มันร้ายกาจมาก
"หืม!"
หัวหน้ากิลด์รู้สึกประหลาดใจเพราะว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงการดำรงอยู่ของมัน.
ความสูงของมันสูงสุดแค่ไหล่ของเขา เป็นชายที่ราวกับถูกปั้นออกมาร่างกายเปลื่อยเปล่าและไม่มีผม ดวงตาที่ดำสนิทและลิ้นที่ห้อยยาวอย่างน่าปะรหลาด.
“โฮมุนครูส นี่เป็นความล้มเหลว แต่....มันก็เพียงพอที่จะกวาดล้างพวกเขา.”
โอมุนครูส สิ่งมีชีวิตประดิษ!
เหล่าหัวหน้ากิลด์ทั้ง7ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ พวกเขารู้สึกกลัวตามสัญชาตญาณ.
การเป็นหัวหน้ากิลด์ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะต้องแข็งแกร่งที่สุด แม่แต่ในกิลด์ก็มีหลายคนที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขา แต่พวกเขาถูกเลือกจากคนของกิลด์และพวกเขาก็มีประสบการณ์สำรวจดันเจี้ยนมาก่อน.
มันเป็นธรรมชาตืที่พวกเขาจะรู้ความแข็งแกร่งของผ่านตรงข้ามได้ คนแข็งแกร่งที่สุดมีชื่อว่าผู้ช่วยชีวิตรองลงมาก็กิรินแต่โอมุนครูสเป็นรายต่อไป โกเลมเทียมที่ถูกใช้โดยดาร์กเอลฟ์ทั้งสองก็แข้งแกร่งแต่ไม่มีแรงกดดันมากขนาดนี้.
“ฮี๊ๆๆ....”
โอมุนครูสคำรามและจ้องมองไปที่กิลด์มาสเตอร์ทั้ง7 เขาเข้ามาใกล้และเอาลิ้นเลียแด้มของพวกเขา.
อึก!
บางคนกลืนน้ำลายบางคนยกมือขึ้นวางลงบนดาบของพวกเขา.
รอยสังเกตและพูด.
"เด็กคนนี้สายตาไม่ดี แต่เขามีการสัมผัสและรับกลิ่นที่ยอดเยี่ยม ตอนนี้เขาตระหนักถึงคนที่เป็นมิตร ไม่ต้องกังวล.”
"นะ-นั่นคือเหตุผลที่เขาเลียแก้มของพวกเรา?”
ยองวูหลับตาลง เขาค่อนข้างมั่นใจ แต่เมื่อลิ้นของโอมุนครูสเลียแก้มของเขาแล้วเขาคิดว่า ‘นี่คือจุดจบ’
“ใช่.มีคนรักษษการณ์บางส่วนที่ได้รับมอบหมายเหมือนกับเด็นคนนี้ การรวมตัวเป็นปราตี้กับพวกอเวคและอณุญาติให้เขารู้จักพวกเขา มาสเตอร์บอกว่าเขาเป็นคนค่อนข้างรุนแรงดังนั้นเขาอาจจะโจมตีพันธมิตรหาไม่ได้เตรียมมาตรการรับมือ”
"คุณรอยไม่ควรอยู่กับเขาหรอ?”
รอยส่ายหัว.
"ผมจะปลูก‘เมล็ด’ พร้อมกับโรสและทำพิธี ผมไม่สามารถไปได้.”
“เมล็ด?”
ยองวูกระพริบตาปริบๆเมื่อรอยยื่นเมล็ดทั้งสองออกมา.
เมล็ดมันไม่ได้เหมือนกันแบบปกติมันมีสีแดงและฟ้าตัดกัน
"ต้นไม้แห่งชีวิตและความตาย พวกเขามาจากต้นไม้ดั้งเดิม พวกเขาจะเป็นตัวช่วยเราหากการปลูกสำเร็จ อย่าไรก็ตามสิ่งมีชีวิตอาจจะเคลื่อนไหวในขณะที่เรากำลังปลูกมัน.”
รอยพูดอย่างเคร่งขรึม ความสงบของเขาแตกต่างจากตัวตนที่ขี้ขนาดของเขาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามรอยพูดเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้.
กิด์มาสเตอร์ไม่เข้าใจ
เอรินจากกิลด์แดมบิถามในนามของพวกเขา
“...มันกำลังจะมีคลื่นมอนเตอร์งั้นหรอ?”
“มาสเตอร์ของผมได้จัดการกับสิ่งมีชีวิตหลายอย่างในเกาหลีใต้ มีความเป็นไปได้ที่มีสิ่งมีชีวิตใกล้เคียงจะเข้ามา.”
สิ่งมีชีวิตมากมายที่ไม่ได้พบกับมาสเตอร์ พวกเขาใช้สัญชาตญาณในการทำล้ายผู้คนในเกาหลีใต้.
ขณะที่ต้นไม้แห่งชีวิตและความตายเติบโตขึ้น มันจะปล่อยกลิ่นเน่าเหม็นและชั่วร้ายไปสู่สิ่งมีชีวิตเฉพาะเจาะจง พวกเขาจะใช้สัญชาตญาณของพวกเขาในการมาหาต้นไม้เพื่อทำลายมันอย่างเฉพาะเจาะจง.
เอลินถามอย่างใจเย็น
"แล้วทำไมเราถึงต้องเสี่ยง?"
"พวกเขามีความเสี่ยงเมื่อเติยโต แต่พวกเขาจะขยี้สิ่งมีชีวิตเมื่อเติบโตแล้ว.”
"แล้วเราต้องปลูกพืชเหล่านี้อีกหรอ? มันไม่สายเกินไปหลังจากที่ทุกอย่าเสถีรยภาพมากขึ่นแล้ว.”
“ไม่ ตอนนี้เป็นเวลาที่พร้อมที่สุด ถ้าเราไม่ปลูกพืชใน3วันนี้ เราจะต้องรออีก12ปีข้างหน้า.”
รอยมองขึ้นไปที่เพดาน เขาดูเหมือนจะมองอะไรเกินกว่าที่เพดานจะกั้นอยู่.
เอลินมองไปที่หัวหน้ากิลด์อีก6คน เธอถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของพวกเขา ทุกคนไม่แน่ใจ แต่ทุกคนคิดว่ามันคุ้มค่ากับความเสี่ยง.
เอลินพูดอีกครั้งหลังจากได้รับข้อเสนอแล้ว
“เร็วที่สุกเท่าที่จะเป็นไปได้...เราจะเครียร์มันเอง.”
กองทัพของรัฐบาลเก่า ผู้ก่อการร้าย.
สงครามของพวกเขาจะต้องสิ้นสุดโดยเร็ว ระยะเวลา3วัน เป็นการดีที่สุดที่พวกเขาจะเสร็จตอนนั้น.
พวกเขาไม่สามารถรับการโจมตีของสิ่งมีชีวิตและรัฐบาล2ด้านพร้อมกันได้.
คีย์หลักอยู่ที่โฮมุรครูสตอนนี้รัฐบาลไม่ได้มีกำลังมากนัก อัตตราส่วนตอนนี้อยู่ที่ 6.5:3.5 แต่ต้องใช้กลยุทธ์แบบกองโจรที่น่ารำคาญ.
มันเป็นช่วงเวลานั้น
รอบและโรสลุกขึ้นมอง
เขาจ้องไปที่เงาแล้วพูด
“ฮืม? ตะ-ตอนนี้แล้วพิธี?”
"ถูกต้อง รอยไม่น่าเชื่อถือ พวกเราสองคนกำลังทำพิธี...”
หูของโรสกำลังกระดิก ดูเหมือนว่าเธอกำลังฟังอะไรบางอย่าง หัวหน้ากิลด์ต่างงงวย.
“คุณทำได้ไหม? คะ-คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ตอนนี้แค่ให้คำแนะนำของคุณ เยี่ยม เราทำมันได้.”
"ไม่ โรสดีกว่า ราชินีสบายใจได้.”
ราชินี?
นั่นหมายความว่าเป็นผู้ช่วยชีวิต.
นอกจากนี้ดาร์กเอลฟ์ทั้งสองก็ได้ติดตามหลังจากที่เขาปรากฎตัว
10 วินาที.มันก็เงียบ รอยและโรสก็โค้งคำนับ.
“...เข้าใจ”
“...ฉันจะพยายามทำมัน.”
ไม่นานนักจากที่ทั้งสองบอก ก็ปรากฎเห็นภาพบางคนจากเงามืด.
เงาร่างค่อยๆชัดเจน.
กิลด์มาสเตอร์แทบจะหยุดหายใจของพวกเขาขณะยืนยันการปรากฎตัวของมัน.
คนๆนั้นเป็นผู้หญิงและสวมใส่ชุดไหมผิวและหูของเธอได้แสดงว่าเป็นดาร์กเอลฟ์เหมือนกับรอยและโรส ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมด้วยผ้าปิดปากแต่มันก็ไม่หลุดออกมา.
มีบรรยากาศที่ไม่สามารถแตะต้องได้รอบๆตัวเธอ แม้ตาจะมองไม่เห็นหน้าเธอชัดๆ แต่ก็สามารถบอกได้เลยว่าเธอสวยงามเป็นอย่างมาก ผู้ชายระงับความอยากที่จะยืดมืออกไป พวกเขาต้องการจะฉีกผ้าปิดปากของเธอนั่น.
“ยินดีที่ได้พบ.”
“อ๊าาาห์....”
ยองวูและชายหัวหน้ากิลด์คนอื่นๆก็ร้องอุทานออกมา ผู้หญิงทุกคนไม่แม้แต่เอรินก็ประหลาดใจด้วย เสียงของเธอช่างมีเสน่ห์!
สาวดาร์กเอลฟ์ยังคงพูดต่อ
"นี่เป็นภารกิจ ฉันจะทำพร้อมกันด้วย”
มีเวลาจำกัดแค่สามวัน.
พูดตามตรง พวกเขาต้องจับศัตรูที่กระจัดกระจาย ไม่ว่าพลังของเธอจะมีมายเท่าไร.
...พวกเขาคิดอย่างนั้น นั่นคือสามัญสำนึก.
แต่สามัญสำนึกที่ทำลาย ราวกับจานที่พลิกคว่ำ
โฮมุนครูสยอดเยี่ยมมากในการค้นหาศัตรู ความรู้สึกและการสัมผัสกลิ่นได้อย่างแม่นยำมุ่งตรงไปยังสถานที่พวกเขาใช้หลบซ่อนแม้ว่าเขาจะมีทักษะที่ชำนาญ
ทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น?
ในด้านของความเร็วไม่มีใครเทียบได้ ความเร็วที่สามารถอยู่ยงคงกระพันอย่างแท้จริง! พลังทำลายของเขาอ่อนแรงกว่าความเร็วเล็กน้อย แต่มันก็ยังเป็นกำแพงที่ผ่านไปไม่ได้ของมนุษย์อยู่ดี.
อย่างไรก็ตามทุกอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยความแข็งแกร่ง กิรินบอกว่าจะไม่สู้กับมนุษย์ แต่โรสและโกเลมของเธอก็แกข็งแกร่งมาก
ปัญหาคือจำนวนของศัตรู พวกเขาอ่อนแอ แต่มีหลายร้อยหลายพันคน ในความเป็นจริงแล้วหากโกเลมของโรสวิ่งเข้าไปในกับดักของกองกำลังรัฐบาลเดี่ยวๆแล้วหล่ะก็เธอจะถูกทำเป็นเป้าซ้อมสกิลของคนกว่าสองพันคน.
เงื่อนไขหลายอย่างทับภมกัน แต่มันก็ไม่อาจจะละเลยได้.
อย่างไรก็ตาม...ไม่ได้มีคนที่แข็งแกร่งเพียงคนเดียว แต่เป็นสอง
หนึ่งนั้นแข็งแกร่งมากพวกเขาไม่สามารถเปรียบเทียบใดๆได้เลย
เรื่องรางแตกต่างออกไป.
ผัวะ!
ผลัก!
สาวดาร์กเอลฟ์
เธอก้าวข้างหน้าไปแม้ว่าจะมีจำนวนมากมายล้มตามรายทาง
อยู่ท่ามกลางศัตรู เธออ่านแฟนการกับดักของศัตรูทั้งหมดและจับความเคลือนไหวและฆ่าพวกมันอย่างรวดเร็ว การเคลือนไหวที่แพรวพราว ไม่มีส่วนเกินแม้แต่น้อย มันเรียบร้อย และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
อ๊ากก! เสียงกรัดร้องได้ยินจากอีกด้านหนึ่ง
วันที่สาม พวกเขาสำเร็จในการโจมตีกองทัพของรัฐบาล.
แน่นอนว่าดาร์กเอลฟ์และโอมุนครูสไม่ได้เป็นพวกเดียวที่เกี่ยวข้องกับสงคราม.
อเวคหลายพันคนล้อมรอบอยู่ที่สำนักงานใหญ่ตรงภูเขา ทั้งหัวหน้ากิลด์ทั้ง7และสมาชิกของกิลด์ทั้งหมด.
"อย่าปล่อยให้พวกเขาหนีไป!”
"เรามีเทพธิดาแห่งชัยชนะ!”
ขวัญกำลังใจของพันธมิตรเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ในทางตรงกันข้ามของศัตรู พวกเขามีกำลังใจที่ต่ำมาก.
ไม่มีผู้ชนะที่แน่นอนของทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ตามสถานการณ์กลับตรงกันข้ามเมื่อทั้งสองฝ่ายร่วมมือกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวดาร์กเอลฟ์ที่มีผิวสีดำนั่นที่ถูกเรียกว่า ‘เทพธิดาแห่งชัยชนะ’ มีบทบาทมากขึ้น.
แนวโน้มมาหาพวกเขาอย่างเต็มเปี่ยมดังนั้นมันจึงแทบจะเป็นกำหนดชัยชนะที่สมบูรณ์
ต้นไม้แห่งชีวิตและความตาย
พวกมันเป็นผลผลิตที่ไม่ได้ดั้งใจของตั้นไม้ดั้งเดิมตอนเพิ่มระดับ
ยิฮิไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้ผม แต่สปิริตไฟได้เห็นมันเนื่องจากสีที่แปลกตา
ไฟ1-3ได้เบื่อกับการปกครองที่เผด็จการของยิฮิและได้แอบบอกเรอิกับเซร่า.(มีหักหลังหัวหน้าด้วย555)
สุดท้ายยิฮิก็ถูกบังคับให้ส่งเมล็ดให้กับผม
ไม่ว่าเธอจะดีแค่ไหนแต่.....ยิฮิก็ยังเป็นยิฮิดูเหมือนสิ่งนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง.
ไม่ว่าทางไหน.
‘มันยากที่จะปลูกมันในดันเจี้ยน.’
ต้นไม้แห่งชีวิตและความตายจะดึงดูสิ่งมีชีวิตในขณะที่มันกำลังเติบโต มันจะขยายตัวอย่างบ้าคลั่งโดยมัน พวกเขาจะพึ่งสัญชาตญาณของพวกเขาและไม่ฟังคำสั่งผม.
กังนั้นมันจึงไม่เหมาะที่จะปลูกในดันเจี้ยน.
‘มันเหมาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของพวกมนุษย์.’
ผมนั้งอยู่ด้านหน้าของแกนดันเจี้ยน.
เงื่อนไขที่จะปลูกต้นไม้ทั้งสอง.
ต้นไม้แห่งชีวิตจะเติบโตทุกครั้งที่มีสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาและต้นไม้แห่งความตายจะเติบโตเมื่อมีสิ่งมีชีวิตตายลง.
และเมื่อต้นไม้ทั้งสองเติบโตขึ้นพวกเขาก็จะถูก ‘อเวค’ ขึ้นโดยรอบๆ ตังอย่างของมนุษย์จะมีโอกาศสูงที่จะมีอเวคเกิดขึ้น
มันจะเกิดอะไรขึ้นหากสิ่งนี้จะถูกนำมาใช้กับสิ่งมีชีวิต? มันเป็นไปได้ แต่...
‘มนุษย์ต่างจากสิ่งมีชีวิต.’
สิ่งมีชีวิตไม่ได้มีความแตกต่างจากอเวค.ในทางตรงกันข้ามมนุษย์ ‘มีความเป็นไปได้’ มากกว่านี่คือความแตกต่างขนาดใหญ่.
นอกจากนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าดันเจี้ยนจะมีความเป็นระเบียบหากมีต้นไม้ทั้งสองอยู่ภายใน.
มันเป็นการการันต์ตีว่าต้นไม้จะส่งเสริมความสามารถของมนุษย์.
‘จะมีประโยชน์มากถ้ามีอัตราส่วนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ.’
ก่อนอื่นมนุษย์ในเกาหลีนั้นต้องเติบโตอย่างรวดเร็ว
'เร่งความเร็วยิ่งขึ้น ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง.’
ผมสามารถจัดการฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่มีข้อจำกัดถ้ามีคนอื่นเข้ามาร่วม มนุษย์จะกลายเป็นประโยชน์ในเวลานั้น.
ควรเป็นประโยชน์.
นั้นเป็นเหตุผลที่ผมได้ทำสิ่งนี้
‘มนุษย์ อย่าทำให้ฉันผิดหวัง.’