Chapter 41 The Ranch (Part 1)
Chapter 41 The Ranch (Part 1)
เราฆ่าไปสามตัวในการต่อสู้ครั้งแรกและอีกเจ็ดจากการต่อสู้ครั้งที่สอง ไลแคนที่มีความฉลาดเหมือนมนุษย์จะตอบสนองปัญหานี้อย่างไร?
หลังจากการตายแบบนั้นพวกเขาจะไม่ประมาทและอย่างน้อยที่สุดพวกเขาจะไม่โจมตีโดยใช้จำนวน?
ในกรณีนั้นแม่ว่าจะเดินเร็วขึ้นมันก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงไลแคนได้ สุดท้ายในสถานการณ์แบบนั้นเราก็ต้องเผชิญและสู้กับพวกมัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นเราจะเสียเปรียบ.
คืนก่อนเราจัดการมันได้เจ็ดตัวได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นเป็นเพราะจุดยุทธ์ศาตร์?.
ถ้าเราต่อสู้ในป่าที่เต็มไปด้วยอุปสรรคเต็มไปหมด เราไม่มั่นใจว่าเราจะชนะ.
‘แต่การสอบนี้ไม่ใช่จะเครียร์ไม่ได้.’
ผมเดาว่าการจุดบอดในการเครียร์ข้อสอบนี้อยู่ในหมู่บ้านนี้.
ผมเดาเพราะมันเป็นหมู่บ้านที่อยู่ระหว่างการโจมตีของพวกไลแคน.
พวกเขาไม่ได้มีอาวุธหรือว่าความเกรียจคร้าน แต่เป็นหมาเฝ้าบ้าน!
‘มันไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นหมา.’
ความจริงเนื่องจากผมรู้เรื่องพวกนี้ไม่นานจากไลแคนที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้เพื่อที่จะแยกความแตกต่างจากหมาเฝ้าบ้าน หมู่บ้านที่เป็นศัตรูกับไลแคนต้องมีหมาเฝ้าบ้านที่ทางเข้า.
แต่ในหมู่บ้านนี้ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว
‘ฉันจะตรวจสอบอีกหน่อย.’
ผมเรียกซิลและเริ่มสำรวจหมู่บ้านเพื่อรวบรวมข้อมูล.
***
ในใจกลางหมู่บ้านมีคนกว่าโหลมารอผู้นำจากการพากลุ่มคนไปยังบ้านที่ว่างเปล่า.
“หัวหน้าเกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันให้เขาอยู่ในบ้านที่เจสันอาศัยอยู่.”
“นั่นมันอันตรายเกินไปไหม? พวกเขาบอกว่าพวกเขาสู้กับมอนเตอร์เหล่านั้น.”
“โอ้พระ พวกเขาบอกว่าฆ่าพวกมันไปสิบตัว…”
เด็กหนุ่มที่อยู่ที่นั่นแสดงออกถึงความหวาดกลัว
“พวกเขาอันตรายขนาดนั้น จริงๆ.”
ขณะที่พวกเขาคุยกันผู้นำก็เริ่มหายไปกับความคิด.
ไลแคนที่ปกครองที่นี่เป็นของตรธเงินซึ่งเป็นความหวาดกลัวกลับหมู่บ้านนี้จนถึงจุดที่ไม่แม้แต่จะต่อต้านด้วยความกล้าหาญใดๆ.
ดังนั้นการปรากฎตัวของนักเดินทางที่ต่อสู้และฆ่าไปกว่า10ตัวของตระกูลเงินทำให้คนในหมู่บ้านตกใจ.
“บางทีพวกเขาอาจจะหลอก? นักเดินทางเรร่อนมักขี้โม้.”
“ใช่ๆ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ฉันแน่ใจว่าพวกเขาอยากจะกดดันพวกเรา”
“ฉันแน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้พบไลแคนตัวไหนหรือไม่ก็พวกเขาเพิ่งจะหนีพวกมันสัก 1-2 ตัว.”
พวกคนเหล่านั้นตั้งใจที่จะเข้ามาในหมู่บ้านพวกเขาจะดูถูก.
แต่ผู้นำส่ายหัว.
“พวกเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลอก พวกเขาดูจริงใจมาก.”
คำพูดของผู้นำทำให้บรรยากาศตกลงมาอีกครั้ง.
“จะเกิดอะไรขึ้นหากนักเดินทางแข็งแกร่ง? ป้าแบรรี่บอกว่า เธอบอกว่าเขาดูเหมือนกับว่าจะไม่ได้กลัวไลแคน.”
“ถูกต้อง หากพวกเขาแข็งแกร่งมากพอพวกเขาอาจจะคิดว่าการจัดการไลแคนก็เป็นแค่การออกกำลังกายหลังอาหาร…”
“นั่นเป็นไปได้.”
ผู้นำพูดอย่างหนักแน่น.
“มันอาจจะเป็นจริงที่พวกเขาฆ่าไลแคนไปสิบตัว แต่พวกเขาก็ดูไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น.”
“คุณคิดงั้น?”
“คุณไม่รู้.”
เกิดการโต้แย้งกับผู้นำอีกครั้ง.
“คุณงี่เง่า ระลึกไว้ว่าตระกูลเงินเป็นผู้นำ.”
ด้วยคำพูดเหล่านั้นการแสดงออกของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไป.
ผู้ตระกูลเงิน.
กลุ่มไลแคนของตระกูลเงินเป็นที่น่าหวาดกลัวและโหดร้ายมาก พวกเขาไม่ได้มีลักษณะว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลก.
“ไม่มีมนุษย์คนไหนมองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้ไม่ต้องกลัว นักเดินทางเหล่านี้ยังไม่เห็นเขา”
“จากนั้นๆ อะไร?”
“เราดำเนินการอยู่.”
ดวงตาของผู้นำกลายเป็นหนาวเย็น.
“ใส่ยานอนหลับในอาหารที่จะเอาไปให้พวกเขา พวกเขาอาจจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแบ่งออกเป็นมื้อเช้าและมื้อเย็น และแจ้งทั้งหมดให้กลับตระกูลเงิน พวกเขาคงรู้แล้ว.”
“ครับ/ค่ะ.”
“เข้าใจแล้วผู้นำ”
ขณะที่เขาหันหลังกลับผู้นำก็พึมพำ
“เหมือนเดิม ที่เรากำลังทำ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความคิด.”
ขณะที่เขากลับมาที่บ้านผู้นำก็พึมพัมกับตัวเอง
“เรามีชีวิตได้จนถึงจุดนี้…”
และจากด้านบนมีสิ่งเล็กๆกำลังมองมายังด้านล่าง.
-เมี๊ยว.
ชีวิตที่เหมือนแมวที่ทำมาจากลมกำลังม้วนหางของมัน
***
ผู้นำทำตามแผนเดิม.
เขาส่งชายคนนึงไปยังตระกูลเงินเพื่อรายงานข่าวสารและสั่งให้ผู้หญิงทำอาหารให้กับนักเดินทาง แน่นอนว่ามื้อเย็นเป็นมื้อที่มียานอนหลับ.
เป็นบางครั้งที่พวกเขาแกล้งถามนักเดินทางว่าจัดการพวกมันได้อย่างไรขณะที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของเขาและบางทียานอนหลับก็ทำงานในช่วงเวลาที่พวกเขาผ่อนคลายลงหลังจากที่พวกเขาเข้านอน.
‘ทั้งหมดเป็นไปตามแผน.’
ผู้นำหัวเราะอย่างเงียบกับตัวเองก่อนที่จะกลับบ้าน.
บ้านของผู้นำนั้นอาศัยอยู่คนเดียว เขาไม่มีครอบครัวและน่าเบื่อ
ผู้นำจิบไวท์องุ่นที่เอาออกมาจากตู้ ในเวลานี้เป็นเวลาที่เขาชอบมากที่สุดให้หมู่บ้านที่แห้งแล้งเหล่านี้และไม่มีความหรูหรา.
เมื่อแก่ตัวมากขึ้นความหรูหราพวกนี้ก็เพื่อตัวเขาเองทั้งนั้น การอาศัยแต่ละวันก็เพิ่มมากขึ้นและเขาก็โชคดีที่เป็นหัวหน้าเนื่องจากเขาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้มานาน.
นั่นคืออำนาจ
ผู้นำมีความสุขทุกวันเนื่องจากอำนาจเหล่านั้น.
ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงนักเดินทางที่มาอยู่ในหมู่บ้าน.
เพื่อความแน่นอนว่าพวกเขาได้ผ่านการผจญภัยต่างๆไปจนถึงจุดนี้.
นักเดินทางเหล่านี้แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะไลแคน มันน่าเหลือเชื่อมากสำหรับผู้นำแก่ๆของหมู่บ้านนี้.
‘โชคร้าย.’
พวกเขายังเด็กและมีชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อมากกว่าคนที่อยู่ในหมู่บ้านนี้พร้อมกับชายชราคนนี้และชะตากรรมพวกเขาจะไม่ผ่านคืนนี้.
เขามีชะตากรรมที่น่าเศร้าและในความเป็นจริงผู้นำก็รู้สึกสงสารชีวิตพวกเขา เป็นเพราะว่าเขาต้องการจะมีชีวิตอยู่ในท้ายที่สุด
“คนหนุ่มสาวมีความสำคัญกับอนาคตข้างหน้า หวังว่าเราคงไม่น่ารังเกียจมากนัก.”
เขาพึมพัมและจิบไวน์อีกครั้ง.
แต่จากนั้น.
“คุณไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่คุณกระทำน่ารังเกียจเหล่านั้นจะทำให้ได้รับความไม่พอใจ?”
“ฮักฮัก!”
จากเสียงที่ได้ยินจากข้างหลังเขารู้สึกว่าหัวใจแทบจะหยุดเต้นและสั่นสะท้าน.
เพล้งง!
เขาตกใจจนถ้วยไวน์ในมือหล่นลงพื้นและแตกออกมา.
ผู้นำหันกลับไปมองข้างหลังของเขา.
และสองตาของเขาก็เบิกกว้าง.
คนที่มองเขาด้วยความเย็นชาเหล่านี้น่าจะนอนกันหมดแล้วกลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
***
เห็นได้ชัดว่าเราไม่ได้แตะต้องอาหารของพวกเขา.
ผู้หญิงในหมู่บ้านที่นำอาหารมาส่งให้และบอกให้พวกเราเพลิดเพลินกับอาหารพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่น่ากลัว.
วีธีที่พวกเขาใช้?
ผมสงสัยว่ามีนักเดินทางเท่าไหร่แล้วที่ถูกพวกเขาหลอกอย่าวสบายใจ.
เมื่อมันมืดผมใช้ทักษะของซิลในการจัดการเสียงรบกวนและเข้าไปในบ้านของผู้นำ.
สำหรับคนที่ถูกกักขังที่ได้มาเยือนเขา พวกเขาไม่รู้สึกผิดและลึกลงไปในจิตวิญญาณของพวกเขาก็เป็นบางอย่างที่น่ารังเกียจ.
“คุณ… คุณ… คุณทำได้อย่างไร…!”
“ฉันมาขอบคุณสำหรับมื้ออาหารทีี่ยอดเยี่ยม.”
“โอ จริงดิ? ฮ่าฮ่า มันไม่มีความจำเป็นเลย…”
“ทำไมไม่ให้ฉันนั่งหน่อยนะ คุณไม่มีเก้าอี้มากกว่านี้แล้วหรอ?”
“ฮ่าฮ่า แน่นอน ความจริงแล้วผมจะไปเรียกใครบางคนเอาเครื่องดื่มมาให้.”
เรียกใครสักคน.
ผมสามารถบอกได้จากสิ่งเล็กๆน้อยที่เขาแสดงออกมาให้เห็นคือการที่เขาได้เป็นผู้นำหมู่บ้านนี้เขาได้ใช้ความแข็งแกร่งทางอำนาจในการขึ้นเป็นผู้นำหมู่บ้าน.
นั่นหมายความว่าชายชราคนนี้เอาอำนาจมาจากไหน?
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร.
“เงียบแล้วนั่ง.”
“…!”
หลังจาที่ได้ยินคำพูดของผมแล้วผู้นำที่กำลังออกจากหมู่บ้านเพื่อไปเรียกคนกลายเป็นแข็งค้าง.
“ถ้าคุณไม่หุบปากและนั่งลงผมจะควักลูกตาคุณ.”
ผมขู่เขาอย่างหนักอีกครั้ง นี่เป็นคำพูดของคุงจุนชอยที่ผมได้เรียนรู้จากเขา.
โชคดีทีี่ผู้นำคงจะคิดว่าผมเป็นคนที่สามารถทำเช่นนั้นได้ เขานั่งลงอย่างแผ่วเบาด้วยความกลัว
ผมจ้องมองไปรอบๆบ้านและนำเก้าอี้ที่ผมเห็นมานั่งตรงข้ามกับเขา
“ในตอนดึกมียามคอยเฝ้าและพวกสอดแนม พวกมันมีแค่สองอย่างเท่านั้น ในหมู่บ้านที่มีชีวิตรอดท่ามกลางกลุ่มไลแคนเป็นเวลานาน.”
ผมพูดต่อ.
“คุณมีข้อตกลงร่วมกับไลแคนหรือไม่ก็คุณกำลังถูกปกครองโดยไลแคน หนึ่งในสองอย่างนี้ถูกไหม?”
“นั่น เอ่อ…”
“ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะตัดนิ้วมือคุณทีละนิ้ว.”
“อึก! ใช่ ถูกต้อง!”
“แล้วคุณรักษาความสัมพันธ์กับไลแคนได้อย่างไร? ผมคิดเรื่องนี้มาตลอดและสมมุติฐานที่ผ่านมาบางอย่าง ฟังนะ.”
ผมพูดต่อ.
“คุณบอกว่าหมู่บ้านนี้ประกอบด้วยผู้คนที่หลบหนีจากผู้นำที่เผด็จการ? ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นความจริง เฉพาะเรื่องนั้นที่เฉยๆ คนที่หลบหนีจากภาษีอย่างหนักเข้ามาในหมู่บ้านและทุกครั้งคุณก็ให้อาหารที่มียานอนหลับและส่งไปให้ไลแคนเป็นอาหารเพื่อรักษาชีวิตคุณ.”
“คุณอาจจะให้คนอื่นแนะนำมาที่หมู่บ้านนี้? ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้นและคนอื่นจะกลายเป็นอาหาร ผมผิดไหม?”
“คุณ ถูก.”
ผู้นำพูดด้วยเสียงสั่นๆ.
“เราไม่ต้องการทำสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราเข้มแข็งเหมือนกับพวกคุณเราคงต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายเหล่านั้น! แต่เราไม่แข็งแกร่ง…”
ดวงตาของผู้นำเริ่มมีน้ำตา เขายังคงพูดราวกับว่าผมเป็นทีี่ปรึกษา.
“คนในหมู่บ้านกี่คนแล้วที่ต้องกลายเป็นอาหาร! ถ้าผมคิดถึงเพือนบ้านที่เราต้องเสียสละ…”
ผมไม่สามารถฟังได้อีกและพูด
“ซิลตัดนิ้วออก.”
-เมี๊ยว!
วูซ ฉัวะ!
ด้วยลมที่คมทกริบของซิลได้ตัดหัวแม่มือขวาของผู้นำ.
“อ๊ากกก!”
ผู้นำเห็นนิ้วหัวแม่มือข้างขวาถูกตัดก็ร้องออกมาด้วยสายตาที่เบิกกว้าง.
เสียงของชายชราที่น่ารักเกียจนี้ไม่ได้ออกไปไหนเนื่องจากผมสั่งซิลให้กำจัดเสียงต่างๆออก.
“อ๊ากก!”
ผู้นำยังคงกรีดร้องเสียงดัง
ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามกรีดร้องให้ชาวบ้านด้านนอกได้ยิน เมื่อผมเห็นเทคติคของเขาผมก็หัวเราะน้อยๆ.
“หุบปาก.”
เพี๊ยะ!
ผมตบหน้าเขา เขาทำหน้าตาไม่น่าเชื่อ ว่าเขาจะถูกตบแก้มด้วยเด็กน้อย.
“อะไร? ไม่พอใจ?”
ผมเชยคางของผู้นำและมองเข้าไปในตาเขา
“คุณอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนกับเป็นราชา และคิดว่าคงไม่มีวันนี้?”
“นั่น เอ่อ…”
“ชายชราสกปรกอย่างคุณ คิดว่าผมเข้ามาที่นี่และอาศัยอำนาจของคุณทำให้ผมเหมือนกับเป็นคนรับใช้เหมือนคนอื่น.”
“…”
“คนในหมู่บ้านนี้กว่า 200 คน มีคุณเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อายุมากกว่า 50 ปี.”
ดวงตาของผู้นำทั้งสองเบิกกว้าง.
ผมตีควาวมกลัวเข้าไป.
ผมยิ้มเหยียดหยาม.
“คุณอาจจะให้คนแก่กับไลแคนและคนที่ตัดสินใจว่าใครจะเป็นมื้ออาหารก็คือคุณ หลังจากที่ได้รับความรับผิดชอบจากไลแคน คุณได้กำหนดตัวเองเป็นผู้นำ.”
“มัน มันเป็นสิ่งที่ต้องทำ ถ้าไม่ใช่ฉัน หมู่บ้านแห่งนี้…”
“งั้นเราก็มาทดสอบการเสียสละของคุณโดยคำนึงถึงความจริงใจของคุณต่อหมู่บ้านแห่งนี้?”
ผมคว้าคอเขาและดึงเข้ามาใกล้ผมและพูด.
“คุณเรียกไลแคนมาที่หมู่บ้านใช่มั๊ย? ผมจะให้คุณเป็นผู้นำในการฆ่าไอ้สารเลวพวกนั้น แต่เมื่อคิดว่าด้วยความปลอดภัยของหมู่บ้านนี้ไม่สามารถทำได้และยังเป็นศัตรูกับไลแคนได้ แต่แน่นอนว่าถ้าคุณไม่ร่วมมือผมจะฆ่าคุณ คิดว่างั้นไหม? ต้องการแสดงความเสียสละของผู้นำหน่อยไหม?”