Chapter 39 The Silver Village (Part 2)
Chapter 39 The Silver Village (Part 2)
“ฉันได้กลิ่นพวกเขา.”
หนึ่งในพี่น้องสูดลุมหายใจเข้าขณะพูด.
เจสันที่มุ่งเน้นที่ความรู้สึกของกลิ่นและพยักหน้า.
“แน่นอน กลิ่นหญ้าที่น่าเปื่อยผสมกับกลิ่นของมนุษย์ที่ครุมเครือเล็ก”
เจสันบดฟัน.
“ไปกัน ฆ่าพวกมันให้หมด”
“เราควรระวัง.”
“พวกมันมีอาวุธแปลกๆ.”
“ฉันรู้แล้ว!”
พี่น้องเจสันเริ่มต้นเข้าไปยังที่ๆมนุษย์อยู่.
พวกเขาเข้าไปใกล้ๆอย่างเงียบๆและสงบนิ่ง.
ขณะที่พวกเขาเข้ามาใกล้กลิ่นมนุษย์เริ่มแรงขึ้น.
ในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จที่เข้าใกล้มนุษย์และตรวจสอบพวกเขาด้วยสายตาตัวเอง.
มนุษย์ผู้ชายคนนึงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน.
บางทีเป็นเพราะว่าเขากำลังเฝ้ายามอยู่เลยมองเห็นได้อย่างง่ายๆ คนอื่นๆดูยากเล็กน้อยแต่ก็พอเข้าใจว่าพวกเขากำลังนอนหลับอยู่.
พี่น้องมองไปที่เจสันเพื่อให้เขาตัดสินใจ.
‘มีเพียงคนเดียวที่ตื่นอยู่.’
มนุษย์ชายที่ตื่นอยู่ไม่ได้ถึืออาวุธใดๆ.
ในตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้สู้ จริงๆแล้วมันก็แค่ชัยชนะที่ท่วมท้น.
นี่เป็นโอกาสทองที่จะฆ่ามนุษย์ทุกคนที่เฮลกิไม่สามารถทำอะไรได้และวิ่งหนีออกไป เจสันจะไม่ปล่อยโอกาสอย่างนี้.
‘พวกมันกล้าใช้ลูกเล่นกับฉัน! เจ้ามนุษย์!’
เจสันยกกรงเล็บขึ้น.
พี่น้องก็ทำตามและเปลี่ยนท่าทางในการต่อสู้ที่กำลังใกล้เข้ามา ความกระหายเลือดในการต่อสู้เริ่มที่จะเบาบางลง.
“กรรร!”
สุดท้ายเจสันก็โจมตี.
คนแรกที่เป็นเป้าหมายคือมนุษย์ผู้ชายที่ยืนยามอยู่ในที่แจ้ง
เขาเดินเข้ามาและกลางกรงเล็บของเขา มันจะเป็นแค่ช่วยเวลานึงที่เขาจะกรีดคอมนุษย์.
แต่มนุษย์ผู้ชายคนนั้นเคลื่อนที่ไปทางขวาและหลีกเลี่ยงการโจมตี ยิ่งไปกว่านั้นมนุษย์ที่หลบหลีกเจสันยังได้เตะเข้าไปทีี่ชายโครงขณะหลบด้วย.
ผลัก!
“คุก!”
การโต้กลับโดยไม่คาดคิดทำให้เจสันสะดุด.
พี่น้องที่ออกมาในเวลาเดียวกันที่เข้ามาโจมตีก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับชายคนนั้น.
‘บางอย่างผิดปกติ!’
ความรู้สึกไม่สบายใจก็ผ่านเข้ามาในหัวใจของเจสัน จากนั้น…
ปัง!
***
“ยิง!”
ผมสั่งและซิลก็เหนี่ยวไก.
ปัง!
ในเวลาเดียวกันกับที่ประกายไฟของ Mosin-Nagant, พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่คล้ายกับ ‘อ๊ากกก!’.
คลิก!
ซิลดึงสลักและเปลี่ยนแม๊กกระสุน จากนั้นเธอก็ปลดไกพร้อมยิง ทั้งหมดนี้ทำได้อย่างรวดเร็วมาก.
กริ๊ก ปัง!
ทุกครั้งที่มีเสียงปืนยิงออกมาก็จะมีไลแคนล้มลง.
กริ๊ก ปัง!
“ตุบ!”
กริ๊ก ปัง!
“อ๊ากก!”
ซิลเหมือนกับเป็นเครื่องจักรที่ยิงได้อย่างต่อเนื่องและเคลื่อนไหวอย่างนั่นซ้ำๆ
ถ้าเป็นผมที่ถือปืนผมคงไม่เร็วอย่างนี้.
คืนนี้มือดังนั้นเราจึงเห็นเพียงแค่เงาคลุมเครือ แต่ผมสามารถบอกได้เลยว่าฝั่งไลแคนตื่นตัวไม่น้อย.
“หนี!”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงไลแคน.
ผมช๊อค.
‘พวกมันพูกเหมือนมนุษย์!’
ผมตกใจที่พวกมันพูดเหมือนมนุษย์กับใบหน้าที่คล้ายสัตว์ของเขา และรู้สึกตกใจอีกรอบที่เราสามารถเข้าใจกันได้.
มันเป็นภาษาที่ผมได้ยินเป็นครั้งแรก แต่ผมเข้าใจมันได้.
“ฮยอง ไอ้พวกห่านั่นกำลังหนีไปแล้ว!”
เมื่อจุนโฮตะโกนผมก็ได้สติกลับมา
หลังจากทั้งหมดที่ถูกยิงตายในช่วงเวลาหนึ่ง ก็มีเพียงไลแคนสามตัวที่หนีไปทางซ้ายสองและขวาอีกหนึ่ง.
ในขณะที่พวกมันทำแบบนั้นจุนชอยที่อยู่ท่างกลางพวกมันก็เคลื่อนที่ตามไปโดยไม่ต้องคิด.
เขาเหยียบไปที่พื้่นและเตะเข้าไปที่ไลแคนมันก็กระเด็นขึ้นข้างบน.
“กรรรร!”
ไลแคนที่ร่วงลงมาพร้อมกับกรงเล็บที่อ่อนแรง.
จุนชอยหลบได้อย่างแม่นยำและโจมตีเข้าไปยังช่องว่างอีกรอบ.
พั๊วะ!
“แค่ก!”
ด้วยการโจมตีที่รุนแรงเข้าไปที่หน้าอกไลแคนครางออกมา เมื่อตกใจกับเสียงครางของตนเองไลแคนได้กู่ร้องคล้ายกับสัตว์ป่าพร้อมกับขย้ำกรงเล็บมา ดูเหมือว่าเขาจะใช้การโจมตีแบบนั้นรอบที่สองในการทำให้จุนชอยกลายเป็นเศษเนื้อ.
แต่จุนชอยเป็นคนที่เยี่ยมมาก.
เขาไม่ได้ถอยกลับ แต่ยืนอย่างมั่นคง เขายื่นแขนออกมาและลู่ไปตามแรงของไลแคนโดยที่มันไม่อาจจะทำอะไร.
จากนั้นแรงระเบิดเกิดที่หน้าอกอีกครั้งและมันก็กลายเป็นหลุม!
โผ๊ละ!
“กรางง!”
โดยไม่มีแรงด้านพร้อมกับการถูกบด.
ด้วยเสียงร้องนั่นไลแคนเริ่มที่จะกระอักเลือด.
‘ดี ตอนนี้เหลือเพียงแค่สอง.’
ผมส่งตลับกระสุนปืนให้กับซิลอีกครั้ง.
“ซิลไล่ตามพวกมันไปและยิงมันให้หมด.”
-เมี๊ยว!
ซิลถือ Mosin-Nagant และบินออกไปดังสายลม.
***
เจสันกำลังตกอยู่ในความหวาดกลัว
เขาไม่อาจเข้าใจมันได้
ปัง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงที่แหลมคนนี้ หัวของพี่น้องของเขาก็กระจุย.
เขาไม่คิดว่าไลแคนตระกูลเงินที่มีเกียรติจะตายโดยไร้ประโยชน์.
‘มันเป็นเรื่องจริง! นี่เป็นเหตุผลที่เฮลกิไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งหนี!’
การที่คิดว่าเขาอาจจะตายอย่างไรประโยชน์อย่างนี้ก็ได้พัดผ่านเข้ามา.
เจสันหนีหางจุดตูด
เหลือเพียงพี่น้องคนเดียวที่เหลืออยู่.
จากนั้น…
ปัง-
อีกครั้งที่เกิดเสียงดังกังวานก้องเข้าไปทุกที่
เจสันไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไปและตระหนักว่าไม่มีใครอยู่กับเขารอบๆนี้.
น้องชายคนเล็กทียังไม่ได้วิ่งหนีอยู่ที่นั่น.
คนเดียวที่เหลืออยู่ตอนนี้คือเจสัน.
‘ฉันต้องมีชีวิต! ฉันต้องมีชีวิต!’
ความคิดนับล้านได้ผ่านเข้ามาในหัวของเขา ความปรารถนาทั้งหมดที่เขาแสวงที่จะมีชีวิตล้วนเปล่าประโยชน์.
เจสันรู้ถึงความต้องการอันหอมหวานนี้เป็นแรงผลักดันให้เขามีชีวตอยู่.
เขาควรจะรับรู้ได้ถึงความอันตรายหลังจากที่พี่น้องเฮลกิพ่ายแพ้ไป เขาไม่ควรประมาทเพียงเพราะมนุษย์เป็นแค่เหยื่อเท่านั้น.
เขาล้มเหลวเพราะเล่ห์กลของมนุษย์และเขาก็มีความโกรธโดยสมบูรณ์และมันก็เป็นเพียงความผิดพลาด เขาไม่ควรทำอย่างนั้น.
แต่ตอนนี้เวลาแห่งความเสียใจได้ผ่านไปแล้ว.
ปัง!
เสียงแห่งความตายได้เจาะเข้ามาในสมองของเขาและการมองเห็นเบื้องหน้าก็กลับกลายเป็นความมืดที่ส่งเจสันไปยังนรก.
***
เปรี๊ยง!
จุนชอยโจมตีครั้งสุดท้ายไปที่หัวไลแคน
ด้วยเสียงที่น่ากลัวกระโหลกของมันก็ถูกบดขยี้ ไลแคนล้มลงเหมือนกับหุ่นเชิดที่ไร้สาย.
ในเวลาเดียวกันซิลก็กลับมา ด้วยสองมือที่น่ารักนั่นกำลังกอดไรเฟิลที่มีขนาดใหญ่กับตัวเองมาก เธอมองผมด้วยตากลมตัว ราวกับว่ามันเป็นนิสัยที่มักจะถามผมว่า เธอทำดีหรือไม่.
“เธอทำดีมาก ซิล.”
ผมลูบหัวของซิลและเธอก็เงยหน้าขึ้นเลียมือของผม.
การต่อสู้เสร็จสิ้นและเริ่มรวบรวมซากศพของไลแคนไว้ในจุดเดียว.
“ลองดูเมไจ.”
ขณะที่ผมพูด จุนโฮและแจฮีทำสีหน้าตกใจ.
“นั่น อืม เราต้องหามันในศพของเขา ถูกไหม?”
จุนโฮถามและผมก็พยักหน้า.
“ผมก็คิดงั้น.”
“อุก…”
จุนโฮไม่สามารถเข้าใจได้
นั่นมันเป็นเรื่องง่ายๆ แม้ว่าเราจะเป็นนักสำรวจแต่เราก็เคยชินกับความหยาบกร้านในการสอบ แต่เราก็ยังไม่คุ้นเคยกับการผ่าศพ.
แฮซูพูดขึ้น.
“โอปป้า ฉันจะทำมัน.”
“คุณ?”
“ใช่ ออกมาให้ฉัน.”
แฮซูเรียกดาบของเธอ
จากนั้นเธอก็ไปยังศพของไลแคน.
หัวที่ถูกยิงด้วยปืนทำให้สภาพศพของพวกมันดูแปลกประหลาด แฮซูเรียกความกล้าหาญของเธอขณะที่เอาดาบแทงไปที่ศพ
ฉึบ!
จุนโฮเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ
ด้วยมือที่สั่นเทาของแฮซูขณะที่ลากดาบผ่าไปบนร่างไลแคน.
แลกบริเวณที่เธอลากผ่านก็มีเลือดไหลออกมายังบริเวณที่เธอจับ.
จากที่ผมเห็น ผมรู้สึกได้ แฮซูทำงานอย่างหนักมากเพื่อความแข็งแกร่งของเธอ การอาสาทำงานที่รังเกียจนี้เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดี.
“ฮยองผมจะทำมันด้วยอาวุธ!”
จุนโฮเรียกหอกของเขาและเริ่มผ่าไปยังไลแคนอีกตัว
“โอปป้าฉันเจอมันแล้ว!”
แฮซูเจอมันก่อนและแสดงให้ผมเห็นถึงหินกลมๆที่ชุ่มไปด้วยเลือด.
หินกลมที่มีแสงสีเหลืออ่อนๆออกมา.
นี่คือเมไจ พวกเขาบอกว่าเจ้าสิ่งนี้อยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในอารีน่า.
จีเฮได้แสดงตัวอย่างของเมไจมาก่อนที่ศูนย์วิจัย แต่สิ่งที่พวกเขาแสดงตัวอย่างออกมามันใหญ่กว่าเจ้าสิ่งนี้ แต่ผมไม่สงสัยกับเรื่องนี้.
“ฉันพวกมันเหมือนกับฮยอง!มันอยู่ใกล้กับสะดือ.”
จุนโฮก็โชวเมไจให้ผมดู.
“โอเค ตอนนี้ก็ปล่อยผม.”
ผมใช้ซิล.
ซิลใช้มีดสายลมในการขุดเขาเมไจออกมา.
เรารวบรวมเมไจได้ทั้งหมด7อันและเก็บมันไว้ในกระเป๋าของแฮซู มันมีที่ว่างไม่มากนัก ผมจุงได้เอากระสุนของผมออกและเก็บไว้ในกระเป๋าของผม.
“ฮยอง ถ้าเราขายพวกนี้ให้ศูนย์วิจัยคุณคิดว่ามันจะได้เท่าไรเมื่อพวกเขาเสนอราคา?”
“ฉันไม่รู้ อย่างไรก็ตามเราไปกันเถอะ เราต้องรีบหน่อย ไลแคนตัวอื่นๆอาจจะได้ยินเสียงปืน”
“ตกลง.”
พวกเราเริ่มเดินอีกครั้ง.
***
ในตึกสูงตระหง่าน ย่านศูนย์กลางของกังนัม โซล.
ตึกที่สูงเสียดฟ้านี้มีเพียงตัวอังษรอยู่สองตัว จินซัง ตัวใหญ่เขียนไว้ที่ยอดตึกและอาคารแห่งนี้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของจินซังกรุ๊ป.
ที่ชั้นบนสุดมีชายชราอายุประมาณ70ที่กำลังนั่งมองลงไปยังเบื้องล่างผ่านหน้าต่างของเขา.
เขาที่กำลังมองลงไปยังเมืองที่ดูเล็กเหมือนของเล่นและแววตาของชายชราคนนี้ก็มีลักษณะสำนึกผิดออกมา.
“ประธาน.”
เสียงชายวัยกลางคนที่ได้ยินจากด้านหลังเรียกชายชรา.
ประธานจินซองกรุ๊ป ที่เกิดจากชาวนาที่ยากจนและได้ถือครองความมั่งคั่งและเกรียติยศสูงที่สุดในเกาหลี ประธานปาร์คจินซังหันมามองรอบๆ.
ประธานปาร์คถาม.
“คุณรู้เรื่องแล้วหรือยัง?”
“ครับ ผ่านการเชื่อมต่อจากศุูนย์วิจัยจากภายในและได้เห็นมันแล้ว.”
“แสดงให้ผมดู.”
ชายวัยกลางคนได้หยิบซองเอกสารบางอย่างออกมาและด้านในก็มีรูปภาพมากมายที่ถูกถ่ายไว้อยู่บนโต๊ะ.
ด้านหลังเป็นฮอฯของกองทัพ
มันเป็นรูปของชายหญิงอายุน้อง4คนที่กำลังเข้าไปในฮอฯ.
มันเป็นการแอบถ่ายโดยกล้องมือถือถ่ายรูปจากคนที่อยู่ในกองร้อยนั้น.
ในรูปใบหน้าของบุคคลทั้งสี่มีหน้าตาแน่วแน่.
ชายกลางคนยังเอาประวัติของเขาให้ดู.
“พวกเขาเป็นผู้เข้าสอบใหม่ของศูนย์วิจัยและรู้จักในชื่อของทัม คิมฮยอนโฮ.”
“คิมฮยอนโฮเป็นใคร?”
“เด็กหนุ่มคนนี้.”
ชายวัยกลางคนชี้ไปที่ชายหนุ่มคนนึงให้ปาร์คจินซังดูใกล้ๆ.
“คนนี้เป็นผู้นำ?”
“ครับ.”
“เขาเป็นเด็กแบบไหน?”
“พวกเขาบอกว่าเขาเป็นคนที่มีการตัดสินใจและการออกคำสั่งที่ดี และยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีสกิลหลักที่พิเศษมากอยู่ด้วย.”
“ประเภทไหน?”
“ผมไม่รู้ ผมเลยบอกว่าผมจะให้เงินมากขึ้น แต่แหล่งข่าวของเราปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดมากกว่านี้.”
“แล้วคนอื่น?”
“ผู้เข้าสอบคังจุนชอยไม่ค่อยน่าสักเกตเท่าไรนัก.”
เขานำภาพของคังจุยชอยออกมาและอธิบายต่อ.
“สกิลของเขาอยู่ในค่าเฉลี่ย แต่เขามีความสามารถในศิลปะการต่อสู้จากประเทศจีน พวกเขาบอกว่าเขาอยู่ในการสอบรอบที่3 แต่สกิลของเขามีมากกว่าคนที่สอบรอบที่6.”
“หืิม เป็นแบบนั้นเอง?”
“ใช่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่พูดเกินความจริง.”
“หืม…”
ประธานปาร์คจินซังมองไปที่ภาพของคิมฮยอนโฮและคังจุนชอยอีกครั้ง.
“แล้วเพือนคิมฮยอนโฮคนนี้ทำอะไรได้บ้าง?”
“อายุ29 หลังจากจบการศักษาในมหาวิทยาลัยเขามีประวัติการทำงานเล็กน้อยคนเกือบจะมาอยู่ในวัยกลางคน เนื่องจากเขาจะเตรียมสอบเข้าราชการ เขาลาออกจากงานและย้ายกลับไปอยู่อาศัยกับครอบครัวในชอยนัน.”
“จิ๊ จิ๊ เขาเป็นอย่างไร เขาไม่เคยมีชีวิตที่เหมาะสมก่อนที่จะตายและทุกข์ทรมาณจากความยากลำบาก.”
ประธานปาร์คเดาะลิ้นของเขาราวกับจะแสดงความเมตตาของเขาจณะที่เขาจ้องมองไปที่ภาพ.
มันเป็นธรรมดา แต่อบอุ่น มันเหมือนกับตอนที่เขาได้ลูกชายคนแรกของเขา.