เล่มที่ 1: บทที่ 3-2 (Resident Evil)
เล่มที่ 1: บทที่ 3-2 แปลโดย: กิลด์เทพอสูร
ฝูงซอมบี้จู่โจมเข้ามาจากทุกๆ ด้าน ถึงแม้ว่าพวกมันจะดูน่าหวาดกลัว แต่พวกมันกลับค่อนข้างเชื่องช้า ภายใต้การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเจิ้งทำให้ฝูงซอมบี้ไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาได้ ในขณะเดียวกันจำนวนของซากซอมบี้ที่ตาย ภายใต้คมกระสุนปืนของเขาก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้เขาเหลือลูกกระสุนเพียง 1 แม็กกาซีนเท่านั้น
ส่วนอีกด้าน ทันทีที่ทหารรับจ้างเปิดประตูเข้าไปยังห้องแล็บ ฝูงซอมบี้พุ่งเข้าจู่โจม พวกมันลากทหารรับจ้างที่เปิดประตูเข้ามายังด้านใน เขาส่งเสียงกรีดร้องสุดท้ายอย่างน่าสยดสยอง คุณอาจไม่รู้สึกอะไรเมื่อยามที่คุณดูหนังฉากนี้ผ่านจอ แต่ถ้าหากว่ามัน เกิดขึ้นตรงหน้าคุณความสยองขวัญนั้นมันช่างสุดแสนจะพรรณนา
วันร้องตะโกนออกมา“กลับไปที่ห้องราชินีแดง! กลับไปที่นั่น!”
ก่อนที่ฝูงซอมบี้ที่มีจำนวนมากว่าสิบตัว จะพุ่งเข้าหากลุ่มของเจิ้งและทหารรับจ้าง มีซอมบี้สามตัวแยกจากกลุ่มแล้วปรี่เข้ามาหาเจิ้งตัวของพวกมันส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง เสี่ยวอี้ไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากร้องตะโกน “พี่เจิ้งยิงพวกมันเร็ว!”
สำหรับคนที่เคยดูหนังเรื่องนี้จะรู้ดีว่า ใครก็ตามที่โดนซอมบี้เหล่านี้กัดหรือเพียงแค่ถูกข่วนก็ตาม จะติดเชื้อในทันที มีวัคซีนเพียงอย่างเดียวที่ช่วยได้ซึ่งมันก็อยู่บนรถไฟ สำหรับคนธรรมดาคงจะตายก่อนที่จะได้ไปถึงรถไฟ
เจิ้งรู้สึกกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นทหารรับจ้างเริ่มห่างออกไป ซอมบี้ออกมาจากทั่วทุกมุม และจำนวนของพวกมันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่ลูกกระสุนปืนของเขากลับลดจำนวนลง
“10...9...8 ...”
เจิ้งค่อยๆ นับจำนวนลูกกระสุนปืนของเขาทีละนัดขณะที่ยิงออกไป ทำให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านหน้าล่วงลงทีละตัวๆ เจี๋ยโผล่จากด้านหลังของพวกเขาและร้องตะโกน “นายกำลังทำอะไรกัน? ฉันไม่ได้บอกให้นายตามพวกนั้นไปรึไง? นายไม่เคยดูหนังเรื่องนี้? ฮันเตอร์มันจะโผล่ตรงนี้.”
ในขณะที่พูดเจี๋ยยังคงรัวยิงอย่างต่อเนื่อง โดยไม่หันมองไปทั้งสามคน และวิ่งตามทิศทางของกลุ่มทหารรับจ้างที่มุ่งไป เจิ้ง หลาน และ เสี่ยวอี้ วิ่งตามไปติดๆ
เขาวิ่งเร็วกว่าพวกเราประมาณ 20% เขาคงจะเพิ่มศักยภาพกล้ามเนื้อแล้ว
เจิ้งตรวจสอบเจี๋ยขณะที่วิ่ง เขาพบว่าไม่สามารถจับความเร็ว และความเร็วในการตอบสนองของเจี๋ยขณะที่ยิงได้
ด้วยการเพิ่มศักยภาพของเจี๋ย ทำให้ในที่สุดคนทั้งสี่ก็มาถึงยังห้องส่วนกลางคอมพิวเตอร์ และตามมาด้วยเสียงของประตูที่ปิดดังปัง! ทันทีที่ประตูปิดลง ฝูงซอมบี้ทั้งหมดถูกบล็อกอยู่ด้านนอก
คนทั้งสามล่วงลงไปนั่งกองกับพื้นอย่างหมดแรง นอกจากเจี๋ยคนที่เหลือหอบหายใจอย่างรุนแรง ถึงแม้ขณะนี้ปอดของพวกเขาจะเต็มไปด้วยอากาศ แต่เพราะความหวาดกลัวมันจึงทำให้พวกเขายังคงหายใจอย่างหนัก และคงต้องใช้เวลาชั่วครู่เพื่อให้มันสงบลง สำหรับพวกเขาทั้งสาม “ไม่เลวนี่” เจี๋ยเหน็บปืนไว้ที่เอวและหัวเราะใส่เจิ้ง
“หมายความว่าไง?”
เจี๋ยหันไปมองที่ทหารรับจ้าง พวกเขากำลังมองไปที่ซากศพที่นอนกองอยู่บนพื้นทางเดินเลเซอร์ เจี๋ยพูดขึ้นมาด้วยเสียงโทนต่ำ สำหรับหนังเรื่องแรกมันจะถือว่าอันตรายที่สุดสำหรับมือใหม่อย่างพวกนาย อันดับแรกต้องปรับตัวและเข้าใจกับสถานการณ์ของตัวเองที่เป็นอยู่ หลายคนที่ฉันเคยเห็น พวกนั้นมักคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันคือภาพลวงตา หรือไม่ก็เป็นเพียงแค่เกมส์โชว์ของรายการทีวี เพราะความคิดแบบนี้มันจึงทำให้พวกนั้นต้องตายเร็วขึ้น แต่สำหรับพวกนายทั้งสามคนกลับสามารถปรับสภาพจิตใจและสติปัญญาได้อย่างรวดเร็ว พวกนายยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดามือใหม่ทั้งหมดที่ฉันเคยเจอ ไม่ใช่แค่เพียงปรับความคิดของตัวเองได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังสามารถชนะความหวาดกลัวของตัวเองได้อีก”
“ประการที่สองการเอาชนะความกลัวของนาย มันยังไม่เพียงพอที่จะมีชีวิตรอด นายยังคงเป็นแค่คนธรรมดาในหนังเรื่องแรก ถึงแม้นายจะรู้พล็อตเรื่องแล้วก็ตาม แต่มันยังคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับนายที่จะตาย ดังนั้นหนังเรื่องแรกจึงต้องพึ่งโชคเข้าช่วยตราบใดที่นายสามารถมีชีวิตผ่านหนังเรื่องแรกไปได้ นายสามารถเพิ่มศักยภาพตัวเอง และ แลกเปลี่ยนอาวุธ เหมือนกับปืนของฉันนี่ไง”
หลังจากที่เจี๋ยพูดจบ เขาได้หยิบซิการ์ออกจากซองและส่งให้กับเจิ้งหนึ่งมวน “ขอแสดงความยินดีมือใหม่ รู้สึกเป็นยังไงบ้างที่ยังมีชีวิตอยู่? ฮ่า ๆ ๆ ๆ .”
เสี่ยวอี้ปรี่เข้ามาหา และพูดขึ้นมาว่า “พี่เจี๋ยผมขอมั่ง”
เจี๋ยเหลือบมองไปที่เสี่ยวอี้ แล้วพูดว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่ได้กลิ่นนะ ตัวของแกไม่มีกลิ่นบุหรี่ซักนิด ถ้าแกยังไม่อยากตาย ก็อย่าริสูบตามพวกเราจะดีกว่า”
เสี่ยวอี้คอตก “พี่เจี๋ยผมติดลบอยู่ 10 คะแนน ผมควรทำยังไงดี?”
เจี๋ยหัวเราะแล้วพูดว่า “แกติดลบไป 10 คะแนน แทนที่จะได้มันใช่มั้ย ? ถือว่าแกยังโชคดีนะ เพราะเมื่อหักลบกับ 1,000 คะแนนที่จะได้รับหลังจบภาระกิจแล้วแกสบายใจได้ แต่จำไว้ว่าถ้าแกติดลบถึง -1,000 คะแนนเมื่อไหร่ แกจะถูกลบออกจากโลกใบนี้”
มีคนเคาะประตู เสียงของอลิซดังมาจากนอกห้อง "เปิดประตู เร็วเข้า!”
ทหารรับจ้างและเจี๋ย รีบวิ่งไปเปิดประตูให้อลิซกับแมตต์
วันรีบถามขึ้นมาว่า “ข้างนอกเป็นยังไงมั่ง? เราพอจะย้อนกลับไปทางเก่าได้ไหม?”
อลิซส่ายศรีษะ “พวกมันอยู่ทั่วไปหมด”
ทุกคนก็นิ่งไป แคปแลนทรุดตัวลง “พวกเราไม่มีทางหนีรอด ไม่มีทางออกอื่นอยู่ในห้องของราชินีแดง เราเสร็จมันแน่!”
จากนั้นสเปนซ์ก็พูดขึ้นว่า “พวกเราหลบอยู่ที่นี่กันไม่ได้เหรอ?”
ถ้าพวกด้านนอกรู้ว่า พวกเรานั้นหายไปเขาอาจจะส่งหน่วยสนับสนุนมาช่วย ผมคิดว่าเรารออยู่ที่นี่น่าจะปลอดภัยกว่า อีกอย่างผมไม่อยากออกไปเจอกับซอมบี้พวกนั้น”
ทหารรับจ้างมองสเปนซ์ด้วยสายตากระอักกระอ่วน สเปนซ์จึงถามขึ้นมา “ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า?”
แคปแลนจึงตอบว่า "อาจจะไม่มีหน่วยสนับสนุน”
สเปนซ์สติแตกแล้วกระชากคอเสื้อของแคปแลน “หมายความยังว่ายังไง ไม่มีหน่วยสนับสนุน?”
วันถอนหายใจ แล้วพูดขึ้นมาว่า “พวกเรารับคำสั่งให้นำวงจรหลักของราชินีแดงกลับไปเท่านั้น และ รีบออกจากรวงผึ้ง จำเส้นทางที่พาพวกเรามาสู่รวงผึ้งได้รึเปล่า ถ้าเราไม่ไปถึงที่นั่นภาย ใน 3 ชั่วโมงประตูจะถูกปิดลง และ แยกรวงผึ้งออกจากโลกภายนอก ไอ้บริษัทเฮงซวย ผมรู้แล้วว่าทำไมพวกเราถึงได้รับคำสั้งแบบนั้น”
กลุ่มของเจิ้งมองหน้ากัน พวกเขายังรู้ว่าตัวจับเวลาของนาฬิกาพวกเขานั้นมีความหมายว่าอย่างไร พวกเขาจะต้องมีชีวิตรอดจนกว่าประตูจะถูกปิดลง และจะต้องไม่โดนซอบบี้กัด หรือได้รับบาดเจ็บใดๆ จากซอมบี้ อีกทั้งตอนนี้พวกเขายังไม่สามารถสู้กับซอมบี้ทีละหลายๆ ตัวได้ เพราะมีลูกกระสุนเหลือไม่มากนัก กับปืนดีเซิร์ทอีเกิ้ลของเจี๋ย ซึ่งอนุภาพของมันยังไม่เพียงพอที่จะสู้กับฮันเตอร์ได้
สเปนซ์ปล่อยมือ ออกจากแคปแลน และ อยู่ในท่าทางตื่นตะหนก “ไม่! พวกเขาทำแบบนี้ไม่ได้ เขากำลังจะฆ่าพวกเราทั้งหมดที่นี่?”
เรนพูด “มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ที่จะสามารถปิดบังความลับเรื่องงานวิจัยของพวกเขา ถ้าคนทั้งหมดที่นี่ตายลงความลับก็ไม่มีทางรั่วไหลออกไป” มือของเธอยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย
คนอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบยิ่งทำให้สเปนซ์สติแตกมากขึ้น “ทำไมคุณถึงพึ่งมาบอกผม? ทำไมคุณไม่พูดก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น?”
จากนั้นอลิซได้พูดแทรกขึ้นมา “หยุดเถียงกันซะที แล้วมาช่วยคิดวิธีหาทางก่อนจากที่นี่กันดีกว่า อันดับแรกเราต้องหาทางที่จะออกไปจากห้องนี้ก่อน” เธอหยิบวงจรหลักของราชินีแดงขึ้น มาและเดินเข้าไปในห้องราชินีแดง
“นั่นคุณจะทำอะไร?” วันถาม
“คุณจะเปิดเธอขึ้นมาใหม่?”
เมื่อทหารรับจ้างเดินออกไปเจิ้งจึงถามเจี๋ยว่า “เราจะไม่ไปดูด้วยเหรอ?”
“มีอะไรให้ดู? นายทำยังกับว่าไม่เคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนยังงั้นแหละ นายควรเก็บแรงเอาไว้ฆ่าซอมบี้ในอีกไม่ช้า”
หลานแตะหน้าผากของเธอ (ท่าประจำตัว) “โอ้ จริงสิ ฉันยังมีอยากคำถาม พวกเราจะกลับไปที่ห้องรับรองของพระเจ้าด้วยวิธีไหน? ตัวจะเปล่งแสงออกมา? หรือค่อย ๆ จางหายไป? หรือจะมีเส้นทางปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของพวกเรา?”
เจี๋ยตอบ “ฉันก็ไม่รู้วิธีกลับเหมือนกัน เพราะในทุกครั้งๆ หลังจากจบภารกิจ ฉันก็กลับมาอยู่ที่ห้องรับรองของพระเจ้าแล้ว เพื่อรอหนังเรื่องถัดไป ฉันคิดว่าเธอไม่ต้องกังวล หรือกลัวว่าจะไม่ได้กลับไปที่ห้องรับรองของพระเจ้า เพราะตราบใดถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่แม้ว่าจะติดเชื้อ ที-ไวรัส หรืออะไรก็ตาม ถ้าเธอยังคงมีสติอยู่ทุกอย่างจะหายไป และในขณะที่เธอสูญเสียแขน หรือ ขาของเธอไป เธอสามารถซ่อมมันได้ด้วยคะแนน”
หลานขมวดคิ้วแล้วถามต่อว่า “คุณพูดถึงภารกิจ?”
“แน่นอน ฉันบอกว่าพวกเรากำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เหมือนตอนที่เรามาถึงที่นี่ (ห้องราชนีแดง) และ ไม่สามารถออกไปได้นั่นแหละภารกิจพิเศษ และพวกเราจำเป็นต้องปฎิบัติภารกิจพิเศษนั้นให้สำเสร็จลุล่วง มันคือวิธีของพระเจ้าที่เพิ่มความยากลำบากให้กับพวกเรา”
หลานถอนหายใจ“โชคร้ายนะ ตอนแรกฉันอยากจะ...ช่างมันเถอะ”
“เธอคิดจะทำอะไร?” เจิ้งพูดแทรกขึ้นมา
“เธอต้องการให้เรารออยู่ที่นี่?”
หลานยิ้มให้เจิ้ง “นั่นแหละ คือความหมายที่ฉันต้องการจะพูด เหมือนที่เจี๋ยบอกว่าเราจะออกจากที่นี่ทันทีเมื่อถึงเวลา ในเมื่อตอนนี้เราเป็นอิสระ และ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องตามตัวละครหลักอีกต่อไปแล้ว ทำไมถึงไม่รออยู่ที่นี่? ฉันจำได้ว่าในพล็อตเรื่อง ฉากนี้พวกเขาจะเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดินและเกือบถูกฮันเตอร์ฆ่า และหลังจากที่พวกเขาหนีรอดออกมาได้ จนขึ้นรถไฟได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี แล้วที่นี้ล่ะ?”
เจิ้ง และ เจี๋ยประหลาดใจในสิ่งที่หลานพูด “เธอกำลังกลัวว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับพวกเรา แล้วมอบภารกิจให้ในตอนหลัง? เธอจะให้เราไล่ตามตัวละครหลักไปใช่มั้ย? เพราะถ้าพวกเราไม่อยู่ใกล้พวกเขาเราจะตาย?”
“ก็ใช่ มันอาจเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ถ้ามองจากความเป็นไปได้”
เจี๋ยพ่นควันซิการ์ออกมา แล้วคิดอยู่ชั่วครู่ “เอาล่ะ เราจะอยู่ที่นี่ต่อ ไม่มีทางที่พระเจ้าจะมอบภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเมื่อทหารรับจ้างได้ออกห่างจากพวกเรา และ พวกเราจะต้องอยู่ภายในระยะ 300 ฟุตจากพวกเขา นั่นแหละฉันตัดสินใจแล้ว เราจะอยู่ที่นี่กัน”
ทั้งสามคนประหลาดใจ เจิ้งบอกกับเจี๋ยว่า “คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เหมือนกับพวกเราก็ได้ พวกเรายังเป็นแค่คนธรรมดา แต่คุณมีปืนและสามารถเพิ่มศักยภาพตัวเอง ทำไมไม่ไปฆ่าซอมบี้เพื่อล่ารางวัลล่ะ? ยิ่งถ้าคุณฆ่าฮันเตอร์ได้จะได้ตั้ง 100 คะแนนเลยเชียวนะ! แต่พวกเราต้องจำใจอยู่ที่นี่”
เจี๋ยยิ้มแบบฝืนๆ “จากใจเลยนะ ใครจะบ้าอยากอยู่ที่นี่กัน กว่าจะผ่านหนังไปได้แต่ละเรื่องแทบจะสติแตก แลัวคิดดูนี่ล่อเข้าไปเรื่องที่ 4 แล้ว ฉันยังเคยคิดที่จะระเบิดสมองตัวเองให้ตายๆ ไป จะได้หมดเรื่องหมดราวซักที”
“ที่สำคัญฉันยังอยากให้พวกนายรอด บางครั้งคนเราก็ไม่อาจมีชีวิตรอดได้ด้วยตัวเอง ถ้าหากเจอคนที่มีประสบการณ์ยื่นมือเข้ามาช่วยอีกแรง โอกาสรอดย่อมสูงขึ้นอย่างแน่นอน เอาล่ะในเมื่อพวกเราจะอยู่ที่นี่กัน มาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าจะพูดกับตัวละครหลักยังไงดี”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสี่คน ได้เริ่มพูดคุยวางแผนรอตัวละครหลักกลับมา แล้วพวกเขาจะเดินเข้าไปหาตัวละครด้วยรอยยิ้ม เจิ้งไม่เพียงแต่อยากที่จะมีชีวิตอยู่เท่านั้น แต่เขายังอยากที่จะอยู่กับคนอื่นด้วยเช่นเดียวกัน
ติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องนี้ได้ก่อนใครที่ FB: www.facebook.com/IDTR8 หรือพิมพ์ค้นหา นิยายแปล: เกมส์สยองต้องไม่ตาย
***จากตอนปัจจุบันในเพจ เรานำไปแล้ว 150ตอนนะค้า***