ตอนที่ 72 ขบวนเดินทางจากเมืองหลวง 2
การเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางของขบวนเป็นไปอย่างรวดเร็ว จอมเวทย์ทุกคนต่างพยายามฝืนความเหนื่อยล้าของตัวเองเอาไว้และเตรียมพร้อสำหรับป้องกันอย่างเต็มที่
พวกเขาต้องเดินทางพร้อมกับเอลฟ์ชั้นสูงซึ่งเปรียบเสมือนกับสัญลักษณ์ของเหล่าเอลฟ์ พวกเขามีน้อยกว่า10ตนบนโลกนี้ ถ้าเอลโลน่าเสียชีวิตในอาณาจักรเมลเทอร์ พวกเขาจะต้องมีการกระทบกระทั่งกับเอลฟ์เฮล์มแน่ๆ
เฮอร์แมนกล่าวคำอำลาอย่างเป็นทางการกับเอิร์ลเบอร์เก้น “....ขอบคุณสำหรับความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง เอิร์ลเบอร์เก้น ฝ่าบาทจะต้องพอพระทัยในความจงรักภักดีของท่าน”
“โอ้ กระผมทำไปเพราะหน้าที่และความจงรักภักดีต่ออาณาจักรเมลเทอร์ ท่านเฮอร์แมน ท่านไม่จำเป็นต้องให้อะไรแก่กระผมหรอก”
อันที่จริงมันเป็นคำกล่าวถ่อมตนของเหล่าขุนนางเฉยๆ อย่างไรก็ตามเฮอร์แมนก็ได้โบกมือให้เขา “อืมฉันเข้าใจแล้ว ขอโทษด้วย”
น่าเสียดายที่เอิร์ลเบอร์เก้นนั้นไม่ทราบถึงลักษณะนิสัยของเหล่าจอมเวทย์จากRed Tower แทนที่เขาจะได้คำตอบที่คาดไว้เขากลับได้ยินเพียงเสียงล้อรถเข็นที่เคลื่อนตัวออกห่างไป ไม่มีเวลาให้เขาสร้างสัมพันธ์ใดๆ
กรุก....กุกก....
ล้อรถเข็นของเฮอร์แมนเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งหยุดอยู่ด้านหน้าชายชรา ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงตัวตนของชายชราที่สวมชุดคลุมสีขาวคนนี้
ผู้อาวุโสชูเกลจากWhite Tower จ้องมองลงมาที่เฮอร์แมนและเดาะลิ้นของเขา “อะไรกันการพูดคุยจบลงภายในไม่ถึง5นาทีได้ยังไงกัน?แกเพียงแค่โยนคำพูดไม่กี่คำใส่เขางั้นรึ?แกควรที่จะพูดดีๆกับเขาเพื่อรักษาสัมพันธ์อันดี”
อย่างไรก็ตามเฮอร์แมนนั้นไม่เห็นด้วยและหัวเราะเยาะใส่เขา“หยุดพูดไร้สาระ ถ้าฉันยังคงพูดคุยอยู่กับเจ้าคนที่แต่งตัวแปลกประหลาดนั้น เราจะเดินทางล่าช้าอย่างน้อยสองชั่วโมงและพวกเราจะไม่กลายเป็นคนโง่หรือไง?”
“บ้าอะไรกัน?มันเสียเวลาที่จะพูดกับแก ฉันจะสอนมารยาทให้กับคนเช่นแกยังไงดี?”
“เราไม่สามารถที่จะใช้เวทย์เคลื่อนย้ายได้ แกไม่รู้เกี่ยวกับความสำคัญของเวลาหรือไง?ฉันจะคิดเกี่ยวกับเรื่องมารยาทนี้ถ้าแกมอบขาทั้งสองข้างให้ฉันใหม่ได้”
เฮอร์แมนตบลงไปที่กางเกงหลวมๆของเขา และชูเกลถูกบังคับให้ต้องถอยหลัง แม่กระทั่งสุดยอดเวทย์รักษายังไม่สามารถที่จะงอกขาใหม่ให้ใครได้ ชายชราทั้งสองคนมักจะถกเถียงกันเช่นนี้เสมอ
และมันจะดำเนินขึ้นต่อไปมากกว่า10นาที ถ้าวินซ์ไม่ได้เข้ามาคั้นกลางพวกเข้าด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ผู้อาวุโสเฮอร์แมน ผมมีเรื่องต้องการจะคุยกับคุณครับ”
“โอ้วินซ์!”
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนเลิกทะเลาะกับราวกับว่าพวกเขากำลังรอคนมาขัดอยู่ คิ้วที่ขมวดแน่นและรอยย่นบนหน้าได้จางหายไป พวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน หลังจากที่พวกเขาทำกันอย่างนี้มาเกือบจะ50ปีแล้วทำให้นี่กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกเขา
ชูเกลหันหลังไปเป็นคนแรก “อืม ฉันจะกลับไปเมืองหลวงก่อนละกันและพวกเราจะพบกันอีกครั้งที่นั่น พลังลมอาจจะสร้างความลำบากให้แกเล็กน้อย....และด้วยวัยเช่นนี้แกอาจจะรู้สึกเจ็บข้อต่อหน่อยๆละนะ ใช่มั้ย? ฮ่าๆๆๆๆ!”
“หนอยไอแก่....!” เฮอร์แมนจ้องมองไปที่แผ่นหลังของชูเกล แต่ไม่ได้พยายามที่จะชวนเขาทะเลาะต่อ พวกเขาเป็นผู้อาวุโสของMagic Society และพวกเขารู้จักแยกแยะดี
เห็นได้ชัดจากการแสดงออกที่สงบบนใบหน้าของเฮอร์แมน “เอาละ มีอะไรงั้นหรือวินซ์?”
วินซ์เริ่มเล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาจากเอลโลน่าในวันก่อนหน้านี้ เขาได้อยู่กับธีโอในวันที่เธอเล่าเรื่องนี้แก่พวกเขา แม้จะมี’คำถามและคำตอบ’จากความตะกละแต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะค้นพบความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ได้ มีข้อมูลที่พวกเขาขาดไปเยอะเกิน
การแสดงออกของเฮอร์แมนกลายเป็นจริงจังเมื่อได้ยินเรื่องราวดังกล่าว
“ฉันเข้าใจบ้างแล้ว”เฮอร์แมนรับฟังด้วยท่าทางเครียดๆ “มันเป็นความจริงที่คนจากออสเต็นนั้นได้ลักพาตัวเอลฟ์ชั้นสูง แต่มีอะไรบางอย่างฆ่าคนคุ้มกันของเธอใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับ”
การที่จะลักพาตัวเอลฟ์ชั้นสูงมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เอลฟ์ชั้นสูงนั้นจะได้รับการปกป้องอย่างดีจากเอลฟ์เฮล์มตั้งแต่เกิด นักรบที่มีฝีมือจากเอลฟ์เฮล์มจะถูกส่งไปพิทักษ์เอลฟ์ชั้นสูง ซึ่งนักรบของเหล่าเอลฟ์ที่รักสันตินั้นมีพลังเทียบเท่ากับนักรบออร่าเลยทีเดียว
พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับที่จะถูกคนอย่างจานิสซารี่เพียงคนเดียวสังหาร แต่เอลโลน่านั้นไม่พบตัวผุ้คุ้มกันเธอเลย
“ผู้คุ้มกันจากเอลฟ์เฮล์มถูกสังหารโดยไม่มีใครรู้งั้นหรอ?”
“บางทีเอลโลน่าอาจจะยอมให้โดนจับขณะที่กำลังรอผู้คุ้มกันของเธอให้มาช่วยอยู่ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอที่จะหลบหนี แต่เพื่อนของเธอนั้นถูกจับเป็นตัวประกัน ดังนั้นเธอจึงยอมให้จับ”
“อืม....มันยากที่จะตัดสิน มีหลายสิ่งที่เรายังไม่รู้”
ทั้งสองคนครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่ก็ไม่สามารถที่จะหาคำตอบได้
“มันช่วยไม่ได้ละนะ” ในท้ายที่สุดเฮอร์แมนก็สรุปว่า“เราจำเป็นต้องไปเมืองหลวงกันให้เร็วที่สุด เรื่องอาจจะเงียบไปสักสองสามวัน แต่ถ้าพวกออสเต็นยังไม่ยอมแพ้ในเรื่องของเอลฟ์ชั้นสูง ด้วยพลังของพวกเราเพียงแค่นี้ย่อมไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของเธอได้”
“ไม่ดีกว่าที่จะอยู่ที่นี่งั้นหรอครับ?”
“ฉันจะทำเช่นนั้นถ้าพวกออสเต็นไม่ส่งกำลังเสริมมาที่นี่”
เฮอร์แมนไม่ได้สูญเสียความสงบของเขาแม้จะค้นพบเกี่ยวกับภัยคุกคาม เขาสังเกตเห็นความสับสนของวินซ์และเคาะหัวของเขาเบาๆ มันอาจจะแตกต่างไปจากหอคอยเวทมนต์อื่นๆ แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในRed Towerที่พวกเขาจะฝากชีวิตเอาไว้ได้
“ผู้นำของพวกเราได้ถูกส่งไปที่ไหนสักแห่ง แต่เธอกำลังรีบมาเข้าร่วมกับขบวนเดินทางของเรา ถ้าเรามุ่งหน้าสู่เมืองหลวงละก็เราจะได้พบกับเธอในระหว่างทาง”
“อ่า...!” วินซ์พยักหน้าให้กับคำพูดของเฮอร์แมน
ถ้าเวโรนิก้ามาเข้าร่วมระหว่างทางกับพวกเขาละก็ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวใครหน้าไหน เวโรนิก้าจะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา
วินซ์ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับศิษย์ของเขา ตอนนี้กลับสงบสติลงได้แล้ว
“ทำไมเธอถึงทำท่าเช่นนั้นละ?เธอไม่ได้จะทิ้งศิษย์ของเธอไว้ที่นี่งั้นรึ?”
“ผมไม่สามารถทำเช่นนั้นได้” วินซ์ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับคำถามของเฮอร์แมน “ถ้าไอพวกระยำนั้นกำลังแกะรอยของเอลฟ์ชั้นสูง พวกมันจะต้องมาหาธีโอแน่ เขาจะปลอดภัยมากกว่าถ้าเขาอยู่ในขบวนเดินทางและมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง”
“ฉันเข้าใจ แต่เธอจะอยู่ที่นี่งั้นหรอ?”
“ผมจะคอยหยุดพวกศัตรูที่มุ่งเป้าไปที่ลูกศิษย์ของผม ถ้าพวกมันมาหาผม ผมสามารถที่จะถ่วงเวลาได้พอสมควร”
วินซ์พร้อมที่จะตายเสมอ อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการตายต่อหน้าธีโอดอร์ นอกจากนี้หากศิษย์ของเขาถูกสังหารละก็มันจะเป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตของเขา วินซ์ ไฮน์เดล และนอกจากนั้นเขายังบาดเจ็บอยู่อีกด้วยเขาจะกลายเป็นภาระในสนามรบ ดังนั้นวินซ์จึงไม่สามารถที่จะเข้าร่วมขบวนเดินทางได้
เขามุ่งมั่นที่จะอยู่คนเดียวในเบอร์เก้น และเสี่ยงชีวิตเพื่อชะลอศัตรูเอาไว้
เฮอร์แมนพยักหน้าให้กับความคิดของเขา “ฉันไม่สามารถที่จะหยุดยั้งคนที่ตัดสินใจไปแล้วได้ โปรดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตัวเอง พวกเราจะคุ้มกันศิษย์ของเธอและเอลฟ์ชั้นสูงให้เอง”
“ขอบคุณ”
จากนั้นจอมเวทย์สงครามทั้งสองก็ได้แยกออกจากกัน
...
มันเป็นเกวียนที่แตกต่างจากเกวียนทั่วไป จอมเวทย์จากWhite Tower ได้ปีนขึ้นไปบนที่นั่งด้านหลังและตะโกนด้วยเสียงอันดัง “เคลื่อนที่ได้!”
ขณะเดียวกันกังหันลมทั้งสามอันก็ได้ขยับล้อรถ ลมที่พัดมาจากจอมเวทย์ที่ด้านหลังได้ทำให้ใบเรือพัดขึ้นมาครึ่งหนึ่งขณะที่เริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคล้ายกับรถที่ลากด้วยม้า
ธีโอรู้สึกประหลาดใจเมื่อดูการทำงานของมัน “ว้าว เวทมนต์เกือบร้อยบทถูกใช้เพื่อขยับเกวียนนี้....มันน่าหลงใหลอย่างมาก”
เวทย์ได้ปรับแรงเสียดทานของล้อรถและครอบคลุมไปทั่วรถเพื่อลดแรงต้านทานของอากาศ และเวทมนต์จะปรับทิศทางอัตโนมัติด้วยแรงลม....
ธีโอเชื่อว่าเขาสามารถซื้ออุปกรณ์เวทย์ได้หลายสิบชิ้นสำหรับค่าทำเกวียนนี้
ธีโอเฝ้ามองไปมาโดยรอบรถขณะที่เฝ้าดูพลังลม ‘นอกจากนี้ยังมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา แม้ว่าจะเป็นคนที่มีระดับเดียวกับแคทนิส ยังยากที่จะเข้ามาใกล้ในระดับ50เมตร..’
ขณะที่แรงลมกำลังพัด เฮอร์แมนและจอมเวทย์คนอื่นๆจากRed Tower ต่างกำลังสำรวจโดยรอบตลอดเวลาขณะที่ตัวติดแน่นกับธีโอและเอลโลน่า พวกเขาสามารถที่จะซื้อเวลาให้พวกธีโอได้แม้จะเป็นศัตรูระดับสูง
เนื่องจากวินซ์ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับศัตรู พวกเขาจึงวางมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ และพวกเขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดจนกว่าจะพบกับเวโรนิก้า เมื่อลมพัดแรงขึ้นเกวียนที่สร้างโดยจอมเวทย์จากWhite Towerก็เริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มที่
วูบบบบบบ!
‘นี่คืออะไรกัน?’
หลังจากที่เขาฟังเสียงลมแปลกๆ ธีโอและเอลโลน่าก็ร้องออกมาขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
“เฮือก...!”
“โอ้ พระเจ้า....!”
ภาพนอกหน้าต่างกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่ากลัวอย่างมาก มันเป็นความเร็วที่ทำให้ภาพต้นไม้และพุ่มไม้บิดเบี้ยว ธีโอเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเตือนว่าอย่าเอื้อมมือออกไปนอกหน้าต่างเด็ดขาด ถ้าพวกเขากระแทกกับอะไรเข้าด้วยความเร็วเช่นนี้ มันมีพลังมากพอที่จะป่นกระดูกของพวกเขา
มิตราสั่นไปมาขณะที่เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง
[โฮ้---]
ดวงตาของเธอหมุนวนไปมาเหมือนกับกระแสน้ำวน ราวกับว่าเธอกำลังงุนงงไปกับภาพที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ธีโอคว้าตัวเล็กๆของเธอมากอดไว้ขณะที่วิเคราะห์หลักการของลม ยิ่งเขามองดูมันเท่าไร เขาก็อดที่จะทึ่งไปกับมันไม่ได้
‘ฉันเข้าใจหลักการการทำงานของมันก็จริง แต่ฉันไม่สามารถที่จะทำตามได้’
นี่คือผลสำเร็จสำหรับผู้ที่อุทิศชีวิตของพวกเขาให้กับเวทย์ธาตุลมอย่างแท้จริง
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะพัดกระแสลมให้เข้าไปในใบเรือและเร่งความเร็ว อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องคอยคำนึงถึงแรงต้านอากาศและทิศทางของลม ขณะที่ตรวจสอบว่าพลังงานจะไม่กระจายออกไป มันเหมือนกับการใช้เวทย์ที่แตกต่างกันห้าครั้งในเวลาเดียวกัน
แทนที่จะใช้เวทมนต์ พวกเขาใช้เทคนิคที่ใกล้เคียงกับการควบคุมเวทมนต์
“….บางทีพวกเราอาจจะถึงภายในวันเดียว?” ธีโอคิดว่ามันเป็นไปได้ถ้าวิ่งด้วยความเร็วเช่นนี้ตลอด
กลุ่มพ่อค้าระดับสูงต้องใช้เวลาถึง1สัปดาห์ในการเดินทางจากเมืองหลวงมาเบอร์เก้น แต่ทว่าพวกเขากลับใช้เวลา1วัน?ถ้าวิธีที่รวดเร็วเช่นนี้เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วละก็ เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย จากนั้นธีโอดอร์ก็มองไปที่เบอร์เก้นที่อยู่ห่างออกไปด้วยความชื่นชมครึ่งหนึ่งและความกังวลครึ่งหนึ่ง
เขาอธิษฐานโดยไม่รู้ตัวในใจว่า ‘ได้โปรดขอให้ขบวนเดินทางนี้ไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยด้วยเถอะ’
จากนั้นเขาจะสามารถพบกับมาสเตอร์ วินซ์ ของเขาได้