ตอนที่ 11 เมสเซอร์รี่
“มันจะมากไปเเล้วนะเลย์เเกกำลังคิดอะไรของเเกอยู่ เเกคิดว่าเเกกำลังทำสงครามกับเมืองเล็กๆอยู่อย่างนั้นหรอนั่นมันสวรรค์นะไม่ใช่เมืองกงจิ้นที่เเกจะทำอะไรก็ได้น่ะ สิ่งที่เเกควรทำที่สุดก็คือการหยุดสงครามระระหว่างสองโลกมากกว่าความรักที่มันไม่สามารถที่จะเป็นไปได้อย่างปีศาจและมนุษย์เเกคิดผิดมากเลยนะรู้บ้างไหม ฉันจะให้โอกาสเเกคิดอีกสักครั้งหนึ่งคิดให้มันดีกว่านี้”
ตอนนี้พื้นมันสั่นเหมือนกับหน้าของคุณพ่อเลย์ มันทำให้ฉันทรงตัวไม่อยู่แล้วทำให้ฉันล้มลงไป เเต่เลย์ก็จับฉันเอาไว้ได้กับพื้นก่อนแสงสว่างจะได้บังเกิดขึ้น พื้นได้เเยกออกเป็นสองส่วนก่อนที่เราสองคนจะตกลงไป มันทำให้ฉันกลัวจนต้องหลับตาลงเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้ เเต่เวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างกลับเงียบลงไปทำให้ฉันเเปลกใจจนต้องลืมตาขึ้นมามอง
“เรากลับมาที่หอคอยกันแล้วหรอ”
ฉันมองไปที่เลย์ก่อนที่จะถามเลย์ซึ่งเลย์ก็พยักหน้าบ่งบอกว่าเรากลับมาสู่หอคอยกันเเล้ว เขาดูเปลี่ยนไปจากตอนเเรกเหมือนกับว่าเขาคิดถึงเรื่องที่พ่อของเขาได้พูดขึ้นมาคราวนั้น ในระหว่างที่เราสองคนกำลังนั่งรถม้าเพื่อที่จะกลับปราสาทของเรา ฉันยังจำคำที่เลย์ได้บอกกับพ่อของเขาเอาไว้ เขาบอกว่าเขารักฉันหรอมันเป็นความจริงหรือเปล่า แล้วนี่เขาก็กำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นด้วยใช่ไหม
“นายไม่สบายใจอะไรใช่ไหมถึงเหม่อขนาดนี้ ฉันถามอะไรนายหน่อยได้หรือเปล่าเลย์ นายพูดว่ารักฉันเพื่อที่จะโกหกพ่อของนายจะได้ไม่ต้องเเต่งงาน หรือว่านายพูดจริงๆ ??”
เลย์เงียบไปเลยหรือคำถามของฉันจะตรงเกินกว่าที่เขาจะบอกฉันได้ ฉันกำลังจะหันกลับไปมองที่ข้างบนอกเฉกเช่นเดิม เเต่ทว่าเลย์ก็จับฉันให้หันไปหาเขาเเล้วจับหน้าของฉันยื่นเข้าไปจูบกับเขา ริมฝีปากของฉันไปประกบกับริมฝีปากของเขาเข้าอย่างจัง ฉันพยายามจะดึงตัวเองออกเเต่เข้าก็จับตัวของฉันเเล้วก็ดึงเข้าไปกอดเอาไว้เเน่น ฉัน. . . ฉันหยุดลงเหมือนกับว่าตัวของฉันสั่งให้หยุดไม่ให้ตัวเองดิ้น เขามองหน้าของฉันเเล้วก็
ปล่อยตัวฉัน
"เธอน่าจะเข้าใจนะสิ่งที่ฉันทำมันน่าจะทำให้เธอรู้ว่าฉันคิดเเบบไหนอย่างไรกับเธอ"
ฉัน. . . ไม่กล้าที่จะมองหน้าเขา เมื่อรถม้าหยุดลงฉันก็รีบเดินลงจากรถม้าเเล้ววิ่งเข้าไปในห้องของตัวเองทันที ฉันปิดประตูพร้อมกับล๊อกห้องเอาไว้ไม่ให้ใครเข้า สิ่งที่เขาทำมันทำให้ฉันไม่อยากที่จะเจอหน้าของเขา ฉันไม่อยากที่จะได้ยินเสียงของเขา //กอก กอก// เสียงเคาะประตูที่ฉันรู้ว่าใครเคาะ
"เธอโกรธฉันที่ฉันจูบเธออย่างนั้นหรอเธอถึงหนีฉันมาเเบบนี้" คำพูดของเขาที่พูดมาเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะจูบฉัน ฉันไม่ได้โกรธเขาที่เขาจูบฉันเเต่ฉันรู้สึกเเปลกๆ เหมือนกับว่าฉันกับเขามีอะไรที่มากกว่านั้นไม่ใช่มีเเค่ความรู้สึกอย่างเดียว
“ช่วยเปิดประตูให้ฉันหน่อยได้ไหม ?? ถ้าเธอไม่ได้โกรธหรืออะไรฉันเลย”
ฉันไม่ได้โกรธเขาจริงๆเเต่ฉันไม่อยากเปิดประตูให้กับเขา พอมาคิดดูดีๆเเล้วสิ่งที่พ่อของเลย์ได้บอกมา มันทำให้ฉันไม่สามารถที่จะคิดอะไรกับเขาได้ เขากำลังจะเเต่งงานมะลิเขากำลังจะเเต่งงาน
"เธอจะไม่เปิดให้ฉันใช่ไหม ได้เลย. . ." ตอนนี้เขาเงียบไปเเล้วหรือว่าเขาจะโกรธฉันที่ฉันไม่เปิดประตูให้กับเขานะ //ตู้ม // เย้ยตกใจ อยู่ๆประตูก็ลอยผ่านหน้าของฉันไปชนกับโต๊ะเครื่องสำอาง
"นายทำบ้าอะไรของนายเนี่ย" เลย์เดินเข้ามาหาฉันก่อนที่จะอุ้มฉันขึ้นมา
"เธอโกรธฉันหรือเปล่าเธอก็บอกฉันมาสิ ถ้าเธอมัวเเต่หนีฉันเเบบนี้เเล้วเราจะคุยกันยังไงล่ะ"
เขาจะทำเเบบนี้กับฉันไม่ได้นะนี่มันหยามกันชัดๆเลย เเล้วทำไมฉันต้องหน้าเเดงด้วยเนี่ยเลิกซะหยุดหน้าเเดงได้เเล้ว
"ทำไมฉันต้องบอกนายด้วยว่าเป็นอะไร ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของนายอยู่ดีเพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนาย"
พอพูดจบเเล้วทำไมเขาถึงเงียบไปล่ะ หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เเต่เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเลย์
เลย์กำลังกั้นหัวเราะอยู่อย่างนั้นหรอ
“ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงล่ะเธอรู้สึกยังไงเมื่อรู้ว่าฉันจะแต่งงาน ??”
เขาถามฉันแบบนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันรู้สึกยังไง แต่ที่รู้ๆเลยคือฉันรู้สึกโกรธมากเลย เเละรู้สึกโมโหด้วยฉันไม่สามารถตอบความรู้สึกออกไปให้กับเขาได้
“ออกไปได้แล้วฉันเหนื่อยมากเลยวันนี้ ฉันต้องการที่จะพักผ่อนก่อนแล้วเดี๋ยวเรื่องทำงานฉันจะจัดการให้ ส่วนนายก็ไปพักก่อนซะก่อนที่งานของนายจะเข้ามาอีกแล้วนายจะไม่มีเวลาพักนะ”
จากนั้นฉันก็จับเขาให้ลุกขึ้นแล้วก็เริ่มดันเขาออกจากประตู แต่ตัวของเขาค่อนข้างที่จะหนักมากทำให้ฉันไม่สามารถที่จะดันเขาออกจากประตูของฉันได้
“เนี่ยอ่อนแอร์จริงๆเลยนะ ขนาดอ้วนๆแบบนี้ยังไม่สามารถที่จะดันฉันออกไปจากห้องนี้เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันไปดีกว่าเดี๋ยวงานของฉันได้เข้าจริงๆ”
เดี๋ยวนะว่าใครอ้วนเดี๋ยวตบด้วยพุงหรอก มันใช่ไหมเนี่ยที่จะมาว่าฉันว่าอ้วนตาบ้าเอ้ย ฉันปิดประตูแล้วล๊อกก่อนที่จะนอนลองบนเตียงต่อ ฉันนอนไปได้สักพักฉันก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ไม่รู้เพราะอะไรฉันรู้สึกได้เลยว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ฉันเลยลุกออกจากเตียงแล้วก็เดินออกไปข้างนอก เมื่อเดินไปตรงทางเดินก็พบกับว่าแม่บ้านทุกคนพากันวิ่งวุ่นเหมือนกับว่ากำลังจะจัดงานอะไรสักอย่าง เมื่อเจอโซฟีฉันเลยเดินไปถามโซฟี แต่เธออาจจะจำฉันไม่ได้นะฉันก็ต้องทำเหมือนไม่รู้จักเธอก่อน
“เธอคือแม่บ้านสุนัขใช่ไหมฉันขอถามอะไรเธอหน่อยสิ ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมดูวุ่นวายอะไรกันแบบนี้”
เธอหันมาที่ฉันก่อนจะมองไปที่นามบัตรของฉันแล้วก็ก้มคำนับฉัน ถ้าตำแหน่งงานใหญ่หรือสูงกว่ามันกจะเป็นแบบนี้แหละ แต่ฉันเป็นเพื่อนเธอนะโซฟีอย่าทำไปมากกว่านี้เลยโถ่
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ คือว่ามีการจัดงานราตรีคืนนี้ เพราะว่าแขกที่กำลังมาค่อนข้างจะเป็นแขกพิเศษค่ะ ฉันว่าต้องไปทำงานก่อนนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักกับเลขาใหม่ของนายท่าเลย์ค่ะ”
จากนั้นเธอก็เริ่มวิ่งไปทำงานของเธอต่อ พวกเขาคือใครนะถึงต้องจัดงานใหญ่ขนาดนี้เลย ฉันไม่ค่อยสนใจอะไรมาก แต่ว่าฉันก็อยากจะรุ้เหมือนกันว่าใครจะมา ฉันเลยเดินไปทั่วปราสาทเพื่อที่จะหาเลเรอร์ แต่ฉันก็หาไม่เจอเลยเขาหายไปไหนกันนะ ฉันเลยคิดว่าฉันควรจะนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องส่วนกลางนี่แหละ รอไปได้ไม่นานประตูหน้าก็ได้เปิดขึ้นมา ฉันมองไปที่ประตุคิดว่าเลเรอร์น่าจะมาแล้ว แต่มันไม่ใช่เลเรอร์เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมากๆเหมือนกับมนุษย์เลยแต่นางสวยมากเลย พร้อมกับพลทหารที่เรืองแสงมาแต่ไกล ใครกันนะที่กำลังเดินมาทางนี้ ฉันยืนขึ้นมาก่อนที่จะมองไปที่พวกเขา แล้วจากนั้นเมื่อพวกเขาเข้ามาพวกเขาก็มองมาทางฉัน ทหารทุกคนที่เธอเตรียมมาก็ได้นั่งคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ เธอหันไปดูก่อนที่จะเอามือขึ้น
“ทุกคนกลับไปที่ที่ทุกคนควรไปก่อนนะ ที่นี่เราจะจัดการเองไม่จำเป็นต้องห่วงบอกท่านพ่อให้กับเราด้วยนะ”
จากนั้นทุกคนก็ก้มหัวลงแล้วก็พากันเดินออกไปจากปราสาท เธอเดินเข้ามาหาฉันก่อนที่จะพูดอะไรกับฉันสักอย่าง
“เธอเห็นเลบ้างไหม ถ้าเธอไม่เห็นเราจะไปหาเลได้จากที่ไหนบ้าง”
ขนาดฉันยังหาไม่เจอเลย แล้วที่ไหนที่ฉันจะหาเจอบ้าง ฉันว่าเลย์คงจะไปทำธุระของเขานั่นแหละ
“ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกันแหละค่ะ แล้วคุณเป็นใครหรอคะทำไมถึงมาที่นี่ได้”
เธอยิ้มให้กับฉันก่อนที่จะเดินมาหาฉันใกล้ๆ แล้วเธอคนนั้นก็มองที่นามบัตรของฉันก่อนจะมองมาที่หน้า
ของฉัน
“เธอไม่ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับฉันหรอกนะ เป็นแค่เลขาไม่จำเป็นจะต้องรู้อะไรมากหรอก แต่จริงๆเธอเป็นเลขาเธอน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับคนที่เธอทำงานให้บ้างนะ แต่ถ้าเธออยากจะรู้จริงๆว่าฉันเป็นใคร ฉันก็จะบอกให้เอาบุญนะว่าฉันเป็นว่าที่ภรรยาของเลย์ หรือเมียของเขานั่นแหละย่ะจำเอาไว้”
ปากร้ายจังฉันนี่ขึ้นเลย พูดกับฉันดีๆไม่ได้หรือยังไง หึอย่าให้สวนคืนเถอะไม่อย่างนั้นฉันไม่รับเอาไว้แน่ เธอจับมือของฉันขึ้นมาก่อนจะบีบมือของฉันเอาไว้แน่นมากจนเจ็บมือ แล้วกะว่าจะด่าอยู่แล้ว แต่ว่าแม่บ้านคนหนึ่งก็ได้เข้ามาที่ห้องส่วนกลาง ทำให้เธอคนนั้นปล่อยมือฉันลง
“ขอบใจที่บอกนะจ้ะเลขาเบอร์ริน ยินดีที่ได้รู้จักนะเธอนี่น่ารักจังเลย”
แหมะตีเป็นสองหน้าเลย พูดกับฉันอีกอย่าง พอมีคนมาก็พูดกับคนอื่นอีกอย่าง ทำให้เป็นคนบอบบางเหอะ เห็นแล้วอยากจะอ้วกใครจะเอามาทำเมียกันนะ แต่ถ้าเลเรอร์ได้เป็นภรรยาฉันว่าเลเรอร์คงจะต้องปวดหัวตายเลย ยัยนี่มันบ้าไปแล้วแน่ๆ เสียงประตูได้เปิดขึ้นก่อนที่เลเรอร์จะเข้ามาในห้องส่วนกลาง
“เลย์มาแล้วหรอไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เราคิดถึงเธอจังเลย”
พูดมาได้ว่าคิดถึงเป็นคนทิ้งเขาไปแท้ๆไม่รู้จะกลับมาทำไมทั้งๆที่ทิ้งเขาไปแล้ว
“สวัสดีเมสเซอร์รี่เธอมาที่นี่ได้ยังไง ฉันบอกไม่ให้เธอมาไม่ใช่หรอ”
เธอเดินเข้าไปหาเลก่อนที่จะเดินเข้าไปจูบเขา มันทำให้ฉันอึ้งไปเลยเธอทำแบบนั้นทั้งๆที่ทุกคนก็ยืนดูเธออยู่นะ ไม่คิดจะสงวนตัวเองบ้างหรอเป็นผู้หญิงน่ะ
“ปากของเธอยังนุ่มเหมือนเดิมเลยนะที่รัก” เธอพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ชอบใจ แล้วทำไมฉันต้องรู้สึกไม่ชอบด้วยล่ะ