ตอนที่แล้วLSG- บทที่ 109 ฝึกฝนกระบี่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปLSG-บทที่ 111 ท่านคือใคร

LSG-บทที่ 110 อยู่ในห้องกันสองคน


LSG บทที่ 110

แปลไทยโดย : SwordGod

อยู่ในห้องกันสองคน

ซูหยุนไม่ได้กลัว ศาลาใจทมิฬ พลังของพวกขเายังไม่เท่าสำนักกระบี่เซียนแล้วพวกเขายังเป็นสาวกภายในอีก มีอะไรที่ต้องกลัว?

หลังจากมันแลกกระบวนท่ากับศาลาใจทมิฬแล้วมันก็กลับห้อง หลังจากมันกินอาหารเสร็จมันก็รีบออกไปตลาดในเมองเพื่อซื้อของเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

มันทำสิ่งต่างๆเพียงคนเดียวไม่เคยไปยุ่งกับเหล่าคนในตระกูล ความสงสัยต่างเริ่มเกิดขึ้น

การเข้าร่วมชุมนุมล่ามัจฉามันเป็นแค่ฉากบังหน้า คนมากมายมาเพื่ออยากลองของเขตแดนดวงจิตวิญญาณขั้นที่8 แม้ว่าระดับเขตแดนดวงจิตวิญญาณขั้นที่8เพียงพอที่จะกวาดล้างบรรดายอดฝีมือจากสำนักต่างๆหลายสิบสำนักก็ตามที

แต่ถ้าพวกเขาเข้าร่วมภาระกิจชุมนุมมัจฉาครั้งนี้มันจะสร้างชื่อเสียงเข้าสู่สำนักและเหล่านิกาย ตระกูลต่างๆได้มากมายเลยทีเดียว มีข้อดีหลายประการ เนื่องจากมันมีประโยชน์มากมาก ทำไมถึงแค่แสดง? ยังไงก็ตาม มันก็ไม่มีอพไรจะเสีย

การที่จะได้จักษุศักดิ์เกล็ดสวรรค์นั้นมันไม่ง่ายเลย ราชามัจฉาสวรรค์นั้นระดับเขตแดนดวงจิตวิญญาณขั้นที่8 สัตว์ปีศาจบำเพ็ญได้สูงขนาดนี้ได้ยังไงกัน? ร่างกายทุกส่วนของมันคือสมบัตินิกายและสำนักต่างๆจะได้สิ่งเหล่านั้นเป็นค่าตอบแทน ดวงตาของมันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดเหล่าขุมพลังต่างๆต้องการครอบครองมัน จะเห็นแล้วว่ามันยากเย็นขนาดไหน?

ซูหยุนวางแผนของมันไว้ในใจ

วุ่นวาย!

ด้วยระดับการบ่มเพาะของมันการที่จะได้สมบัติต้องอยู่ในช่วงที่วุ่นวายเท่านั้น

แล้วมันจะสร้างความวุ่นวายได้ยังไง?

ถ้าแค่สร้างความวุ่นวายเขตแดนผลิวิญญาณระดับต่ำก็แค่สะกดเวทมนต์พวกเขาเท่านั้น ถ้าพวกอยู่ขั้นที่5หรือสูงกว่านั้นเวทมนต์อาจจะไม่ได้ผล มันไม่แน่ใจว่าจะมีสาวกเขตแดนดวงจิตวิญญาณปรากฏตัวหรือเปล่า หากว่าเป็นอย่างนั้นการที่มันจะได้รับจักษุเกล็ดสวรรค์ก็จะเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก

ขระที่มันคิดมันก็ได้มาถึงตลาดแล้ว

หลังจากที่มันซื้อเสร็จมันก็กลับไปที่โรงเตี้ยม

ถึงแม้ว่าจะเข้าสู่กลางดึกแล้วแต่เหล่าสาวกศาลาใจทมิฬยังนั่งดื่มสุราจับกลุ่มนินทรากันอยู่ ไม่มีคนของตระกูลซูเลยราวกับว่าพวกเขาไม่อยากร่วมห้องด้วยพวกเขาเลยอยู่แต่ในห้องของตนเอง

ซูหยุนเดินผ่านห้องโถง ศาลาใจทมิฬทุกคนหยุดการพูดคุยกันแล้วมองไปทีมัน พวกเขามองอย่างกระอักกระอ่วนใจไม่มีใครกล้าพูดถึงสิ่งใดด้วยความกลัว

ซูหยุนรู้สึกขำในใจ แต่มันไม่ได้พูดอะไรและเดินกลับห้อง

เมื่อมันกลับไปการพูดคุยในห้องดถงเริ่มเสียงดังจอแจขึ้นอีกครั้ง

ภายในห้องซูหยุนหยิบวัตถุออกมาวางเรียงไว้บนเตียง พร้อใกับหยิบแผนที่ อารามไท่ฉิง

ที่มุมบนขวามือเป็นบริเวณที่ทำเครื่องหมายไว้ นั่นคือ ทะเลสาปไท่ฉิง ระยะทางจาก เมืองสเว๋ถัง ห่างจากทะสาปไท่ฉิงแค่เดินทางไม่กี่ชั่วยาม ในระหว่างนั้นเป็นภูเขามหึมาถัดไปเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ตรงกลางคือ อารามไท่ฉิง

ซูหยุนศึกษาแผนที่อารามไท่ฉิงปราะมาณครึ่งชั่วยามก่อนจะเก็บ จากนั้นมันก็เตรียมส่วนผสมต่างๆที่มันซื้อมา

มีส่วนผสมหลายประเภท แต่พวกมันนั้นธรรมดาไม่ได้เลอเลศ ยกเว้น2อย่างที่เป็นเหมือนลักษณะผิดมนุษย์มนาและค่อนข้่งเป็นปัญหา

หนึ่งคือกะโหลกศีรษะของสัตว์อสูรเก้าเขี้ยวเดนนรก 'สัตว์อสูร9เขี้ยวเดนนรก' จัดได้ว่าเป็นปีศาจชั้นต่ำในทวีปปีศาจ พวกมันมีการบ่มเพาะอยู่เขตแดนแก่นแท้วิญญาณ มีอยู่หลายแห่ง แต่ไม่ค่อยได้เห็นใน ทวีปจอมยุทธฟ้า มันไม่ได้พบเห็นง่ายๆ

กะโหลกศีรษะของ สัตว์อสูร9เขี้ยวเดนนรก อยู่ในตลาดมืดมีราคาอยู่ที่23000เหริยญ

อีกอันหนึ่งคือ วานรปีศาจแห่งหุบเขาลึก มันเป็นสิ่งล้ำค่าและมันช้เหรียญวิญญาณ19000เหรียญ

เหรียญวิญญาณที่มันปล้นมาจากซูฮัวหยูหมดเกลี้ยงแล้ว

แต่หากว่ามันได้รับจักษุเกล็ดสวรรค์ในวันพรุ่งนี้ก็นับว่าคุ้มค่า

ของสองสิ่งนี้มีปราณปีศาจหนาแน่น มันสามารถใช้ตำรากระบี่ไร้สรรพสิ่งปกปิดได้ แม้ว่าผู้อาวุโสกระบี่จะไม่เต็มใจเขาบอกว่าลมปราณปีศาจมันแซกซึมเข้ามาแต่ว่าซูหยุนไม่ได้สนใจเขาเลยพูดอะไรไม่ออก

มันตัดสินใจพักส่วนผสมที่เหลือไว้

มันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านนอก มันมืดแล้ว แม้ว่าเมืองสเว๋ถังจะไม่เหมาะกับเมืองกลางคืนเพราะสำนักนักต่างๆได้หยูดพักผ่อน แต่ไกลจากที่นี่ มันยังคงมืด

1ชั่วยามผ่านไป

ส่วนผสมทั้งหมดได้ถูกเตรียม รวมทั้งสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม มีลูกบอลสีดำเจ็ดลูกที่สร้างขึ้น

"เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว!"

ซูหยุนหยิบลูกบอลขึ้นมาตรวจเช็ค มันพูดพึมพำแล้วโยนใส่ไว้ในกระเป๋า

เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมมันก็วางไว้บนเตียงแล้วนอนหลับพักผ่อน

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ...

ปังๆๆๆ!

เสียงเคาะรัวออกมาเป็นชุดที่หน้าประตูห้องของมัน

ซูหยุนลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย"ใครกันมามาเอาป่านนี้?"

มันนึกขึ้นมาได้ก่อนที่จะเด้งขึ้นจากเตียง ฟิ้ว!

เขาเห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีเขียวยืนมองไปที่ซูหยุนด้วยท่าทางอ่อนโยนและพยักหน้าเล็กน้อย "ข้าเข้าไปได้มั้ย?"

"ข้ายังไม่ได้พักเลย!" ซูหยุนยังไม่ทันได้เชิญ ซูก้วนไห่ ก็เข้ามาในห้องของมันแล้ว "ท่านมาทำอะไรดึกๆดื่น?"

"ข้าอยากจะคุยกับเจ้าสักหน่อย!"

ซูก้วนไห่ยิ้มทื่อๆ"เจ้าจะรังเกียจมั้ย?"

ซูหยุน ผงกหัวของมันในความคิด หลังจากนั้นมันก็ผายมือเชิญซูก้วนไห่

เมื่อเขาอยู่ในห้องก็ยืดคอยาวโยกซ้ายขวาเหมือนงูเห่า แล้วเขาก็ถามว่า "นี่มันกลิ่นอะไร?"

"มันเป็นกลิ่นเท้าของข้าเองข้าเพิ่งล้างมัน!"

ซูหยุนตอบไปส่งๆแล้วเดินไปรินน้ำชาบนโต็ะ

ซูก้วนไห่รีบปิดจมูกของเขา

ซูหยุนยกน้ำชามาให้

“ขอบใจ!”

ซูหยุนไม่ดื่มชา มันเดินไปที่เตียงและนอนลงไปทันที ด้วย2มือหนุนหัวแล้วพูดว่า "หัวหน้าก้วนไห่ ท่านมีอะไรก็พูดมาตรงๆอย่าอ้อมค้อม คืนนี้ข้าต้องการพักผ่อน! "

ซูก้วนไห่ยังเงียบ ผ่านไปประมาณ40กว่าลมหายกว่าเขาจะพูดออกมา"ที่ข้ามาที่นี่ในคืนนี้ ข้าก็แค่อยากจะถามนายน้อยซูหยุนถึงเรื่องปัญญหาพรสวรรค์ของท่าน!"

“พรสวรรค์?” ซูหยุนตกใจมากแต่มันก็หัวเราะแทน "ฮ่าๆๆหัวหน้าก้วนไห่ ท่านสับสนสิ่งไดกัน ? ท่านกำลังถามขยะในตำนานอย่างข้าเรื่องพรสวรรค์? ฮ่า ๆ ท่านช่างน่ารักจรองๆ ... "

"ท่านฟื้นคืนพรสวรรค์ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?"

ซูก้วนไห่ถามขณะที่ที่ซูหยุนยังหัวเราะไม่จบ

ใจของซูหยุนหล่นวูบแล้วยิ้มออกมา

นัยตาของมันฉายแวววูบวาบ "มันไม่สำคัญหรอกน่า?"

"ข้าก็แค่อยากรู้

"สองปีที่แล้ว!"

ซูหยุนตอบลวกๆเพราะตอนนี้เขาต้องระวังตัว

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจุดสนใจ หากเรื่องนี้เปิดเผยมากขึ้นมันจะตกเป็นเป้าสนใจ ดูเหมือนว่ามันต้องระวังตัวมากกว่านี้จะได้ไม่เป็นที่น่าสนใจ

"สองปีที่แล้ว?" ซูกว้นไห่ถามด้วยตกใจ "ท่านฟื้นฟูได้ยังไง?"

"ท่านรู้ใช่มั้ยว่าพรสวรรค์ของข้ามันลดลงเรื่อยๆ?"

“ท่านฟังน่ะ!

"ทำไมท่านถึงต้องการรู้ว่าข้าฟื้นฟูมันได้ยังไง?"

ซูก้วนไห่เงียบ

ความตั้งใจของซูหยุนเป็นเรื่องที่ชัดเจน ถ้าท่านไม่บอกว่ามาที่นี่ทำไมแล้วเรื่องอะไรมันต้องบอก?

มันดึงผ้าห่มคลุมหน้าและพูดว่า "หัวหน้าก้วนไห่หากไม่มีอะไรแล้วได้โปรดเชิญ ชายสองคนอยู่ในห้องเดียวกันตอนกลางคืนมันจะไม่ดี? โลกใบนี้มันทำให้เกิดความวุ่นวาย! "

"... "

ซูก้วนไห่มองไปที่ถ้วยน้ำชาแล้วขมวดคิ้วว่า "บอกตามตรงพรสวรรค์ของข้าได้รับบาดเจ็บ!"

"หืม? ซูหยุนเปิดผ้าห่มออกและจ้องมองเขาด้วยความสับสน

"เมื่อ7ปีที่แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้นแก่นแท้วิญญาณของข้าได้รับบาดเจ็บ ข้าดื้อด้านและไม่ใส่ใจ ข้ากินน้ำแกงดอกไม้ข่มต่อเนื่องกันมา80วันก่อนที่จะฟื้นตัว แต่ไม่ว่ายังไงพรสวรรค์ของข้าก็ไม่ฟื้นฟูได้เต็มที่ ข้าเคยเป็นหนึ่งในสาวกที่โดเด่นแห่งตระกูลซู แต่ว่าตอนนี้...ข้าไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา "

ซูหยุนพยักหน้าแล้วเข้าใจซูก้วนไห่ทันทีว่าทำไมเขามาเยี่ยมตอนดึกๆ

มันเป็นที่รู้จักกันในนามขยะ มันฝึกฝนมา7-8ปีแต่ไม่มีความก้าวหน้าใดๆแต่เมื่อไม่นานมานี้ความแข็งแกร่งของมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันจะไม่ได้รับความสนใจได้ยังไง?

"ข้าเข้าใจแล้ว แต่....ข้าคงช่วยอะไรท่านไม่ได้! ท่านน่าจะไปที่หุบเขาฮวาซินนะเผื่อท่านจะโชคดี! "

มันไม่ได้รู้จักนิสัยที่แท้จริงของซูก้วนไห่ดังนั้นมันจึงไม่ไว้วางใจเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้มันยังแตกต่างระหว่างอาการป่วยกับการได้รับบาดเจ็บของมัน วิธีของมันอาจจะไม่ได้ผลกับเขาก็ได้

ซูก้วนไห่ หัวเราะอย่างขมขื่น "ข้าเคยไปหุบเขาฮวาซินมาแล้วแต่อาการบาดเจ็บของข้ารุนแรงมากข้าต้องการให้จ้าวหุบเขามาช่วยรักษาข้าเกรงว่าแม้แต่ราชาเม็ดยาก็ไม่สามารถรักษาช้าได้ แล้วเจ้าหุบเขาจะมาช่วยบุคคลเล็กๆเช่นข้าหรอ? "

ซูหยุนเงียบ

ซูก้วนไห่ลุกขึ้นยืนมองไปบนเตียงโดยไม่ลังเลกำหมัดไว้แน่น "เมื่อนายน้อยซูหยุนหมดสิ้นหนทาง ถ้างั้นซูก้วนไห่ก็ขอตัวลา!"

"โอ้ใช่!"

ทันใดนั้นซูหยุนก็ร้องตะโกน

"อะไร?"

"ข้าอยากถามอะไรสักอย่าง" ซูหยุนคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะถามต่อ"ท่านเป็นใครในตระกูลซู? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของท่านมาก่อน? "

ในความทรงจำของมัน มันไม่เคยได้ยินเรื่องราวของซูก้วนไห่ มันเคยอยู่ในสำนักภายในมาก่อน มันก็ไม่เคยได้ยินชื่อ

ซูก้วนไห่ได้ยินเขาก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน "ข้าเป็นพี่เลี้ยงทายาทตระกูลซู ข้าเพิ่งกลับมาไม่กี่ปีให้หลังนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่นายน้อยซูหยุนจะไม่รู้จักข้า! "

"โอ้ ... " ซูหยุนไม่ได้พูดอะไร แต่คำถามในใจยังไม่ได้รับการตอบ

ซูก้วนไห่ไม่พูดสิ่งใดต่อแล้วจากไป

หลังจากซูก้วนไห่จากไปแล้วซูหยุนก็ไม่ได้คิดจะหลับ มันไม่อยากคิดถึงเรื่องซูก้วนไห่มันนั่งบนเตียงแล้วฟูมฟักลมปราณลึกล้ำแทน

เมื่อภารกิจเสร็จสิ้นมันมองเข้าไปในฝักกระบี่ไร้สรรพสิ่ง

ด้วยความคิดดังกล่าวซูหยุนรวบรวมทั้งหมดตั้งสมาธิ

สองชั่วยามถัดมาเป็นเวลายาม1 ซูหยุนยืนขึ้นทันทีสวมเสื้อผ้าสีขาวและสะพายกระบี่มรณะและฝักกระบี่ มันถอดป้ายสาวกตระกูลซูออกเก็บไว้ในแหวนแล้วออกจากโรงเตี้ยม

พวกสาวกศาลาใจทมิฬเพิ่งจะได้สติแล้วกลับเข้าห้องไปทีละคนปล่อยให้เสี่ยวเอ้อเก็บโต๊ะ

ซากปรักหักพังยังเหลืออยู่จากการต่อสู้วันก่อนๆแต่ตระกูลซูและศาลาใจทมิฬชดใช้ค่าเสียหายแล้ว เถ้าแก่ร้านยังยินดีที่จะให้บริการแขกกลุ่มนี้อยู่

“อ่า? ท่านลูกค้า ข้างนอกมันมืดแล้ว ท่านยังจะออกไปอีกรึ?”

แต่ซูหยุนออกไปอย่างรวดเร็วไม่ได้ตอบคำถามเขา

เมื่อมันออกมาจากโรงเตี้ยมแล้วมันก็ขี่ม้าวิญญาณที่มันซื้อมาเมื่อวานนี้ออกจากเมืองไป

ในขณะนี้ในเมือมีหลายสำนักพักอยู่จึงไม่ได้มีการปิดประตูเมือง เพื่อความสะดวกในการเข้าออกเมือง มันขี่ม้าตามแผนที่มา หลังจากผ่านไป1ชั่วยามมันก็มาถึงลานทะเลสาปไท่ฉิง

สายลมพัดชายเสื้อของมันปลิวไสว

ซูหยุนมองความกว้างของทะเลสาปไท่ฉิงเหมือนเป็นกระจกขนาดใหญ่ความสว่างไสวแต่งแต้มผ่านสายตาของมัน

แปลไทยโดย : SwordGod

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด