Chapter 37 Lycanthrope (Part 3)
Chapter 37 Lycanthrope (Part 3)
“ตายเพราะมนุษย์?”
ใบหน้าของบิดาตกตะลึงด้วยความสงสัย
จากผู้คนในตระกูลจะได้ยินเสียงขำของผู้ชายน้อยๆ.
เฮลกิไม่สนใจและพูด
“ผมไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่คนเรายังไม่ทันได้เห็นหน้าและสามคนก็ตายแทบจะในทันที ผมขอโทษบิดา.”
เสียงหัวเราะลางที่อยู่ข้างหลังของเขาหยุดทันที
ในที่นี้ไม่มีผู้ชายสักคนที่ชอบเฮลกิ เป็นเพราะภายในตระกูลผู้ชายทุกคนต้องแข่งขันกันเพื่อผู้หญิง
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาปฏิเสธความแข็งแกร่งของเขา.
ถ้าเฮลกิไม่มีแม่แต่โอกาสที่ตจะต่อสู้และเสียพี่น้องไป มันจะเป็นปัญหา หากยังคงเยาะเย้ยความไร้ความสามารถ.
สามคนตาย แต่ไม่มีใครเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม มีบางอย่างร้ายแรงเกิดขึ้นที่นี่
“แกไม่ได้เห็นหน้า? ข้อมูลไม่เพียงพอ.”
จากคำพูดของบิดา เขามองไปยังศพ
“นั่นคือเหตุผลที่ผมเอาร่างน้องชายมาด้วย”
เขาพลิกตัวศพและแสดงให้เห็นถึงด้านหลัง
“บางอย่างเล็กๆที่ติดอยู่ในลำตัว มนุษย์ใช้อาวุธแปลกที่กำหนดไปยังเป้าหมายได้จากระยะไกล.”
“ตรวจสอบร่างนั่น”
“ครับ.”
เฮลกิตรวจสอบศพของน้องชาย เขาวางมือไปตรงบาดแผลพุพองรอบ จากนั้นก็มีบางสิ่งอยู่ในมือของเฮลกิ.
เขาเอามันออกและแสดงให้บิดาเห็น มันเป็นโลหะเล็กๆที่กำลังกลิ้งอยู่
“แกจะบอกว่าสิ่งเล็กๆนี้บินเร็วกว่าลม?”
“ครับ บิดา”
“มันต้องเป็นอาวุธอันตราย.”
“ผมไม่แน่ใจ แต่ผมเดาว่ามันคงเป็นการเรียกสปิริต.”
เกิดความเงียบในกลุ่มพวกเขา.
อาวุธที่ไม่รู้จักซึ่งฆ่าน้องชายเฮลกิในทันทีและยังมีการเรียกสปิริตอีก.
คนที่เข้ามาในดินแดนของเขาในเวลานี้ไม่สามารถดูแคลนพวกเขาได้.
“ก่อนอื่นเราไม่รู้ว่ามนุษย์พวกนี้เป็นใครและมีกี่คน.”
“บิดาผมจะออกไปหาเอง!”
เสียงสดใสกล่าวออกมา ไลแคนที่มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
‘เจสัน?’
ใบหน้าเฮลกิกลายเป็นบิดเบี้ยว
เจสันเป็นคนที่มักจะแข่งกับเฮลกิเป็นส่วนใหญ่ในพี่น้องต่างแม่
เมื่อเห็นการกลับมาอย่างล้มเหลวของเฮลกิ เจสันจึงใช้เหตุการณ์นี้ออกมาอาสาอย่างรวดเร็ว มันเป็นกลยุทธ์กดดันเฮลกิอย่างชัดเจน.
“ตามนั้น.”
บิดาดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจกับงานนี้.
“ขอบคุณ! ผมจะทำให้ดี!”
เจสันกล่าวออกมาอย่างร่าเริง พี่น้องต่างแม่เดินตามเจสันไป.
‘นี่ไม่ดี.’
การแสดงออกของเฮลกิกลายเป็นมืดมน
ในตระกูลพ่อของเขาอยู่เหนือสุด ไลแคนปกติจะอยู่ตรงกลางระหว่างฝ่ายมารดาและสร้างกลุ่มขึ้นมา
จนถึงตอนนี้เฮลกิและพี่น้องทุกคนที่เกิดจากมารดาภรรยาคนแรกของบิดาเขา มาเรีย พวกเขามีพลังมากแต่ด้วยเหตุการณ์นี้ทุกคนยกเว้นเฮลกิเสียชีวิตหมดแล้ว.
จากด้านบนทั้งหมด พี่น้องทั้ง7คนมาจากภรรยาคนที่ 3 เฮร่า.
ถ้าพวกเขาประสบความสำเร็จในภารกิจนี้พวกเขาอาจจะใช้โอกาสนี้ทำให้เจสันเข้าสู่ตำแหน่งที่2.
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งส่วนบุคคลมีความสำคัญมากกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่หากเทียบกับเฮลกิ เจสันก็ไม่ด้อยนัก ถ้าเกิดการต่อสู้เฮลกิต้องเตรียมพร้อมกับความตายที่เป็นไปได้ที่จะก้าวข้ามแม่น้ำไม่หวนกลับ
‘แต่มันก็ไม่แน่ เจสันเป็นคนใจร้อนเขาอาจจะทำให้งานนี้เสียหายได้’
แม้ว่าพวกเขาจะทำไม่สำเร็จอย่าๆน้อยๆพวกเขาก็สอดแนมได้ พวกเขาก็แค่เข้าไปในระยะมองเห็น.
แต่หลังจากที่เขาสอดแนมแล้วเขาอาจจะโจมตีมนุษย์ด้วยความโลภ?
ภาพการต่อสู้กลับของมนุษย์และการโจมตีที่ทรงพลังราวกับภัยบัติของธรรมชาติ.
สำหรับตระกูลโดยรวมแล้วการสูญเสียสมาชิกไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่กับเฮลกิการตายของคู่แข่งคือสิ่งที่ดี.
‘ฉันคิดว่าฉันควรจะหวังให้เจสันตาย.’
เฮลกิคิดว่าเจสันอาจจะเสี่ยงเนื่องจากความชะล่าใจ.
***
“ฮ่าๆๆ นายได้เห็นใบหน้าที่มืดมิดของเฮลกิไหม?”
“มันดูเหมือนกับหมากินขี้เลย.”
พี่น้องเจสันพูดเสียงขึ้นจมูก.
“การที่ตายเพราะมนุษย์ เขาน่าจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอาย อืมมม เขาอาจจะเดินไม่ไหวและมาถึงขีดจำกัดแล้ว.”
เจสันนินทาเฮลกิมากขึ้นและพี่น้องของเขาก็เข้าคู่กันอย่างมาก
บิดาได้ตั้งกฎไว้เมื่อ26ปีที่แล้ว.
จากกฎของบิดาที่ผ่านมาอย่างยาวนานเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก.
การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงของการเติบโตของตระกูล.
ในประวัติศาสตร์ของตระกูลไลแคนไม่เคยมีบิดาแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่มีใครสามารถท้าทายบิดาได้.
ไม่ใช่แค่นั้น แต่บิดายังห้ามไม่ให้มีการจัดอันดับที่ไม่จำเป็นในตระกูล
การท้าทายและการต่อสู้ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุเท่าไร ดังนั้นผู้ชายในตระกูลไม่ได้ลดลงจากการตายเป็น แต่กลับมีตัวเลขเพิ่มขึ้นมากมาย
บิดายังหาอาหารได้โดยไม่ต้องออกไปล่า นั่นเป็นการกระทำที่โดดเด่นมาก โดยไม่ต้องออกไปดูลาดเลาเท่าไรตามที่ต่างๆกระนั้นการล่าก็เป็นไปได้ง่ายเป็นอย่างมาก.
เมื่ออาหารอุดมสมบูรณ์การเติบโตของตระกูลก็มากขึ้น ตระกูลเคยมีไม่ถึง20คน แต่ตอนนี้มีคนที่แข็งแกร่งกว่า 100 คน
ตอนแรกมีความไม่พอใจกับการบริหารแปลกๆของพ่อ แต่ตอนนี้มีแต่คนสรรเสริญเขา พวกเขากล่าวว่าเขาได้นำความมั่งคั่งมาให้กับตระกูลสีเงิน.
แต่ความขัดแย้งภายในยังคงมีอยู่
และพี่น้องของเจสันเป็นตัวอย่างที่สำคัญ.
‘ไลแคนคิดเสมอถึงความแข็งแกร่ง! อันดับตัดสินใจจากความแข็งแกร่ง การจูบตูดพ่อและเพิ่มระดับเป็นสิ่งที่ผิด!’
เจสันรู้สึกสมเพชเฮลกิ
เขาไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของเขาน้อยกว่าเฮลกิ
แต่ความฉลาดและปัญญาของเขาทำให้เขาทำตามคำสั่งของบิดาได้อย่างไม่บกพร่องและเจสันก็ไม่สามารถที่ทำได้ ด้วยเหตุนี้ลำดับภายในตระกูลของเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากตามหลังเฮลกิ
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
‘ตอนนี้เป็นโอกาส.’
การปกครองของบิดาผิดพลาด
จำนวนคนในตระกูลเพิ่มขึ้น แต่ผู้ชายที่ตายจากความกล้าหาญน้อยลง.
เนื่องจากไม่ค่อยได้มีการล่า ความรู้สึกของเขาจึงลดลง และนำไปสู่การสูญเสียเมื่อสู้กับมนุษย์.
ความคิดของเจสันเป็นแบบนี้
‘เราต้องย้อนกลับไปในแบบเดิม ฉันจะทำอย่างนั้น.’
แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีเจตนาท้าทายบิดา เพราะเขาแข็งแกร่งมาก.
แต่เขาก็ยังต้องต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เฮลกิ
ไม่ว่าบิดาจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาก็ต่องเสื่อมไปตามกาลเวลา! ถ้าเขาแซงเฮลกิได้ผู้นำคนต่อไปจะเป็นเขา.
“เราจะจัดการคนที่เข้ามาในดินแดนของเรา.”
“ห๊ะ?”
“นายต้องการลบพวกเขา?”
พี่น้องของเจสันตกใจจากความคิดของเขา.
“เจสัน คำสั่งคือการสอดแนม บิดาไม่ได้บอกว่าเราต้องสู้.”
“ช่าย.”
“และสิ่งที่มนุษย์มีอาวุธแปลกๆที่อันตรายอีก มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราประมาทและเร่งโจมตี?”
“แม้แต่พี่น้องของเฮลกิก็ยังต้องตาย”
“พี่น้องเฮลกิคืออะไร?”
เจสันเริ่มโกรธพี่น้องของเขามากขึ้น.
“นายกำลังบอกว่า เพราะพี่น้องเฮลกิทำไม่ได้เราเลยทำไม่ได้?!”
“ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้บอกแบบนั้น…”
“แกไอ้ขี้ขลาด!”
“อัค…! อัค…!”
เจสันคว้าคอพี่น้องของเขาและกำมันแน่น.
“ฟังให้ดี! เราจะล่ามนุษย์ทั้งหมดที่ฆ่าพี่น้องของเฮลกิอย่างไรความปราณี เมื่อเรากลับมาหลังจากทำสำเร็จบิดาจะวางใจเรามากกว่าเฮลกิ และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงความคิดเล็กน้อย เขาจะตระหนักรู้ได้ว่าพวกเราแข็งแกร่งน้อยเกินไป!”
“แค่กๆ…! อ่า โอเค…!”
เจสันปล่อยพี่น้องของเขาลงก่อนที่จะเดินต่อไปอย่างรวดเร็ว.
“ไปกัน อย่างแรกเราต้องได้กลิ่นมนุษย์ก่อน”
***
‘นี่ทำไม่ได้.’
ผมแทบจะนอนไม่หลับเพราะความกังวลดังนั้นผมจึงตัดสินใจจะตอบโต้.
“งั้นก็เปลี่ยนจากตอนดึกเป็นตอนเช้า.”
ผมบอกต่อเพื่อนร่วมทีม.
ทุกคนงง ผมเลยอธิบาย.
“ธรรมชาติของไลแคนแล้วเป็นสัตว์กลางคืน มันจึงมีโอกาสสูงที่เขาจะโจมตีในเวลากลางคืน นอกเหนือจากตอนกลางคืนคือตอนที่เรานอนหลับและพื้นในการมองเห็นของเรามีจำกัด.”
“คุณบอกว่าเราควรจะนอนตอนนี้.”
ผมหยักหน้าจากคำพูดของคังชอย
“ใช่ ถ้าเรานอนในส่วนที่สว่างที่สุดในตอนเช้า มันจะเป็นประโยชน์ต่อยามที่เฝ้ามากกว่ากลางคืนและในตอนกลางคืนเราสามารถเรียกซิลและเคลื่อนไหวไปได้เรื่อยๆ.”
“เป็นความคิดที่ดี.”
“ผมเห็นด้วย.”
แฮซูลและจุนโฮเห็นด้วย
จุนชอยพยักหน้าตกลงที่จะทำแบบนั้น
เราทำอาหารเช้าง่ายๆและเคลื่อนไหวเมื่อตอนพระอาทิตย์ตกและนอนเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นตรงหัว.
เรานอนหลับใต้ร่มไม้และเนื่องจากเรานอนไม่หลับเพราะความวิตกจากตอนกลางคืนมันเลยทำให้เรานอนง่ายมากๆแม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืน.
ไม่จำเป็นต้องก่อกองไฟและยังมีนกสองตัวหินอีกหนึ่งก้อน ตอนนี้เราไม่กลัวไลแคนตอนเช้าหรือหวาดกล้วอะไรสักอย่าง.
แต่เมื่อถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตกเราก็เริ่มเคลื่อนไหว เราต้องลำบากเล็กน้อยจากการมองเห็นที่จำกัดและยังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ผมอธิบายอะไรบางอย่างผมเลยจัดให้จุนชอยเดินหน้า ด้วยความแข็งแกร่งทางกายปานกลางเลเวล 1 และการควบคุมออร่า เลเวล 5 เป็นการดีที่สุดที่จะให้จุนชอยเดินไปข้างหน้าแม้ในเวลากลางคืนการต่อสู้ก็ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5.
หลังจากนั้นจุนโฮและแฮซูก็ตามลำดับและผมก็อยู่ท้ายขบวน
จุนชอยเตือนให้เรารู้ถึงก้อนหินที่ยื่นออกมามันทำให้เราเดินทางได้ง่ายมากขึ้น.
ผมมักจะเรียกซิลออกมาสอดแนมทุกๆ 1.2 กิโลเมตร.
‘ไม่มีทางที่เราจะผ่านไปง่ายแบบนี้ มันต้องมาแกแค้นเราแน่นอน.’
พวกมันคงไม่เกิดการกลัวที่จะโดนโจมตีด้วยปืนหรอกนะ ไม่งั้นการสอบก็จะง่ายขึ้น?
‘เมื่อคือไม่มีการโจมตีของศัตรู เป็นหลักฐานว่าพวกมันระวังตัว พวกมันอาจจะคิดอย่างรอบคอบ.’
เอาเรื่องจริงก็คือการยิงปืนของผมแม่นยำมาก พวกมันคงไม่เห็นอาวุธแบบนั้น ดังนั้นพวกมันจึงน่าจะตื่นตระหนกมาก
ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะไม่มีการโจมตีครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
‘ตอนนี้ พวกเขาต้องมาสอดแนม.’
หมาป่าเป็นสัตว์ที่ฉลาด และมันยิ่งฉลาดมากขึ้นเมื่อมันเป็นไลแคนที่มีสติปัญญาเท่ากับมนุษย์.
สำหรับตอนนี้มันอาจจะทำหน้าที่ส่งข้อมูลบางอย่างหลังจากสอดแนมเรา
พวกมันต้องหาทางที่จะรู้ได้ว่าเรามีกี่คนและอาวุธแบบไหนที่มีการโจมตีแปลกๆ.
อาวุธระยะไกลที่ยิงพวกมันอยากรู้ก็คือ Mosin-Nagant’s การโจมตีจะเกิดขึ้นหลังจากที่มันรู้อย่างแน่นอนแล้ว.
ถ้าเป็นแบบนั้นเราไม่สามารถให้ข้อมูลแบบนี้ง่ายดายนัก
เราต้องขัดจังหวะการสอดแนมของพวกมัน.
‘เอาหล่ะ.’
ผมคิดจะสร้างกับดัก
“ซิล”
-เมี๊ยว?
“มีกลิ่นใหม่ๆที่ใกล้เคียงกับพวกเราและสามารถซ่อนกลิ่นร่างกายได้หรือไม่?”
-เมี๊ยว!
ซิลพยักหน้า.
“ได้โปรดเอามาให้ผม.”
ซิลบินออกไป.
มันอาจจะผ่านไปสัก 5 นาที?
ซิลกลับมาพร้อมกับพวงอะไรสักอย่าง ผมเอามันเข้ามาใกล้กับจมูดและดม มันมีกลิ่นฉุนและอึนๆเล็กน้อย
‘มันจะได้’
ผมทำตามแผนของผมต่อ.
“ซิลคุณลบกลิ่นของพวกเราสัก 20 นาที? และทำให้กลิ่นของเราไม่ได้โผล่ที่อื่นที่เราผ่าน.”
-เมี๊ยว.
ซิลพยักหน้าด้วยความเข้าใจ.
จากนั้นซิลก็เอาพืชที่ออกจากมือของผมไป
“ใน20นาที แผนก็คือเราจะถูสิ่งนี้ลงในเสื้อผ้าของคุณ.”
“มันเป็นแผนอะไร?”
แฮซูถาม ผมตอบ
“พวกสารเลวนั่นอาจจะตามเราผ่านกลิ่น พวกมันจะรู้จำนวนของเราและระยะทางโดยใช้กลิ่นของพวกเขา.”
“คุณต้องการลบกลิ่นพวกเราเพื่อกวนใจพวกมัน?”
จุนโฮพูด.
“มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะไม่ใช่กลิ่น แต่ถ้ากลิ่นของพวกเราหายไปไอ้ห่านั่นอาจรู้สึกหหงุดหงิดเล็กน้อย”
ผมยิ้มและพูดต่อ.
“เนื่องจากมันยากที่จะบอกด้วยกลิ่น พวกมันจะต้องเข้ามาใกล้และจะต้องเห็นด้วยตัวตาของมันเอง แล้วมาลองจับพวกมันทั้งหมดกัน.”