ตอนที่แล้วChapter 34 Examinees (Part 2) [41/75]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 36 Lycanthrope (Part 2)

Chapter 35 Lycanthrope (Part 1)


Chapter 35 Lycanthrope (Part 1)

“ก่อนอื่น งั้นเรามาตรวจสอบภารกิจของเรา.”

“โอเค ฮยอง.”

“เริ่ม.”

จุนโฮและแฮซูตอบรับทันทีแม้แต่จุนชอยก็พยักหน้าด้วย อ่า ความร่วมมือแบบนี้ ตอนโกซางอยู่ไม่มีบรรยากาศแบบนี้อยู่เลย.

“เรียกกระดาน.”

-ชื่อ: คิม ฮยอน โฮ

-คลาส: 5

-คาม่า: 0

-ภารกิจ: ออกจากป่า

-จำกัดเวลา: 20 วัน

“20 วัน?”

มันคือแฮซูที่พูดคนแรก

“เราต้องเดินป่าเป็นเวลานาน…”

จุนโฮก็ประหลาดใจเหมือนกัน

แม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับการเอาชีวิตรอดและผ่านการสอบครั้งที่สอง รวมทั้งเราได้เตรียมการต่างๆไว้หมดแล้ว ในการอยู่อาศัยภายในป่า แต่มันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก

การเตรียมตัวที่นอนอย่างยากลำบากกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น มีศัตรูพืช การต่อสู้ที่มากมายเป็นเวลา 20 วัน มันคงไม่แปลกใจที่คนไม่ชอบภารกิจนี้ ผมคงป่วยหลังจากออกไปจากป่านี้.

ในฐานะหัวหน้าทีมผมตัดสินใจทำให้กลุ่มสงบก่อน

“ไม่ต้องกังวลมากเกินไป บางทีพวกเขาอาจจะให้เวลามากมายถึง 20 วัน ถ้าเราสามาถออกจากป่าได้เราอาจจะไม่ถึง 20 วัน.”

“นั่นก็ถูกต้อง.”

จุนโฮพยักหน้าเห็นด้วย

“อย่างไรก็ตาม อย่างที่ศูนย์วิจัยคาดเอาไว้ ภารกิจนี้คือการออกจากป่า และเราต้องเดินไปทางตะวันออกตามแผน”

ผมเรียกซิล

-เมี๊ยว.

ลมเริ่มหมุนก่อตัวเป็นรูปร่างของแมว เพราะนั่นคือซิล เธอเริ่มทำท่าน่ารักด้วยการเอาหางพันรอบคอเพื่อทักทายผม.

“สอดแนมบริเวณรอบๆ.”

-เมี๊ยว.

เธอพยักหน้าและบินไปอย่างรวดเร็ว.

“เอาหล่ะ ไปกัน”

ผมเริ่มเดินนำหน้าหลังจากที่พูด.

“โอปป้า เราไม่ต้องไปทางตะวันออก?”

แฮซูถาม.

ผมพยักหัวของผม.

“ช่าย นี่คือทิศตะวันออก.”

“จริง? คุณรู้ทิศทางได้อย่างไร?”

โอ้ เธอคงไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสกิลช่วยเหลือมาก่อนสินะ.

ผมให้คำอธิบายง่ายๆเกี่ยวกับ ‘เนวิเกเตอร์’ สกิลช่วยเหลือที่ผมได้รับมาในราคา 100 คาม่า.

“ว้าว ตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่หลงกันแล้ว.”

“อืมใช่ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ ผมรู้แค่ทิศทางทั่วๆไปและต้องการศึกษาสกิลนี้อีกเล็กน้อย.”

แน่นอนว่าสกิลนำร่อง(เนวิเกเตอร์)ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ เมื่อไปไปจับแกะน้อย ฮยอนจีที่คลับ.

หลังจากนั้นผมก็เรียนรู้สกิลเพื่มเติมจากจีเฮ.

-เนวิเกเตอร์ (สกิลช่วยเหลือ):ได้รับสัมผัสที่หกในการหาเส้นทาง.

*ระดับเริ่มต้น 1: รู้ทิศทางทั่วไป. (-100)

นี่คือขอบเขตของเลเวล1

อย่างแรกผมรู้ทิศทาง แต่ไม่ใช่ระยะทาง ผมไม่รู้ว่ามันจะต้องเดินทางอย่างไรในเมื่อผมมองไม่เห็น.

อย่างที่สอง ผมต้องพบเห็นบุคคลหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นมาก่อน.

น้องสาวผมฮยอนจีผมเคยเห็นมาแล้วเพราะงั้นผมเลยเข้าใจทิศทางที่เธออยู่ ทีมของผมก็เหมือนกันถ้าพวกเขากระจายออกจากป่า.

แต่สมมุติว่า ‘หาผู้เข้าสอบคนอื่นในชอยนัน.’ นั่นผมไม่สามารถทำได้ เพราะผมไม่เคยเจอคนเหล่านั้น.

แม้ว่าจะพบโดยบังเอิญแต่ผมไม่รู้ว่าเขา ‘เป็นผู้เข้าสอบชอยนัน’ ผมก็ไม่สามารถไปหาเขาได้.

เหมือนกับที่ผมเห็นคนดังบนTVหรืออินเตอร์เน็ต ผมไม่เคยพบพวกเขาด้วยตัวเองเพราะงั้นเนวิเกเตอร์ไม่สามารถหาเขาพบได้.

“ถ้าคุณเพิ่มเลเวลสกิลของคุณ คุณจะสามารถรู้ได้อย่างไร?”

แฮซูพูด.

“ผมไม่รู้ แต่มิสจีเฮบอกกับผมว่าเลเวล1ก็พอแล้ว และผมต้องใช้คาม่าไปยังสกิลอื่นจะดีกว่า.”

ขณะที่เราเดินผมได้เรียกซิลเพือสำรวจสภาพแวดล้อมและเราก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก.

เรามีประสบการณ์เพียงแค่สองครั้งและในป่าครั้งสุดท้าย เราเหมือนกับอยู่ต่างประเทศ และลิงแดงที่ปรากฎออกมาที่เป็นศัตรูเรามาก่อนนั้นไม่ได้ทำให้เรากลัว.

เนื่องจากว่าเราทั้งหมดเดินทางและคุยกัน

ส่วนใหญ่แล้วเรากำลังเดินไปรอบๆตามทิศทางของเนวิของผม มันจึงไม่ใช่ไร้ประยชน์ทั้งหมด

“แล้วอันนี้ละ?”

จุนโฮหยิบหินก้อนเล็กออกมาจากพื้น

“ดูใกล้ๆ”

จุนโฮยื่นกำปั้นทั้งสองมาให้ผม

“เดาสิว่าหินอยู่ในมือข้างไหน.”

ผมจ้องเขม็งไปที่มือของจุนโฮแต่ผมไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ

“ผมไม่รู้.”

“โอ้ ผมคิดว่ามันไม่ได้ผล.”

จุนโฮเผยก้อนหินที่อยู่ในมือขวา

ผมมองไปที่ซิลที่ออกไปสอดแนมและรู้ว่าลิงแดงกำน้อยลงเรื่อยๆ.

‘มันกำลังหลีกเลี่ยงการขัดแย้ง.’

พวกมันได้สูญเสียผู้นำและพวกเราก็เหมือนกับระเบิดขนาดใหญ่ ถ้าพวกมันรู้ว่าเราไม่ได้ปรากฏตัวอีกครั้งพวกมันอาจจะตอบสนองมากกว่านี้ ที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และออกไปจากดินแดนพวกมันอย่างรวดเร็ว.

หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อื่น

ผมเรียกซิลออกมาเพื่อสอดแนมและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน.

ศัตรูที่อันตรายที่สุดที่เราเจอวันนี้คืองูที่ตกลงมาจากต้นไม้ ทันทีที่มันตกลงมางูก็ถูกตัวหัวโดยซิลที่เรียกไว้แล้ว.

จุนโฮและแฮซูรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่ตามความคิดของจุนชอยคือให้เราทำมันเป็นเนื้อย่างและกินมัน เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนจีน? เขาไม่สามารถกินมันได้ทุกอย่าง.

หลังจากมื้อเย็นเสร็จแล้วเราก็มาล้มรอบกองไฟเพื่อพูดคุยก่อนที่จุนโฮจะปวดท้อง.

“อ่า ทำไมท้องของผมรู้สึกไม่ดี?”

“อาหารที่นายกินคงไม่ดีมั้ง?”

“สิ่งเดียวที่มาสัมผัสปากผมคืองู ฮยอง”

จุนโฮตบไปที่หน้าท้องและยิ้มแย้ม ดูเหมือนว่าการกินเนื้องูจะไม่ดีสำหรับเขา

“กดไว้ก่อน.”

แฮซูเอายาเล็กๆออกจากกระเป๋า.

“มันเป็นยาช่วยย่อย.”

“ขอบคุณนูน่า.”

จุนโฮกินยาช่วยย่อยที่แฮซูให้เขา.

ผมคิดว่ายาช่วยย่อยคงอยู่ในชุดพยาบาลเบื้องจ้นของแฮซู หลังจากนั้นคุณอาจจะได้กินอาหารที่ทำให้เราป่วย.

“ผมขอโทษ.”

มันเป็นคำขอโทษที่หาได้ยากจากจุนชอย เขาคิดว่ามันเป็นเพราะเนื้องูที่จุนโฮกิน.

“ไม่ มันดี มันอร่อยมาก.”

“จุนโฮไม่ต้องเฝ้ายามในวันนี้และไปพักผ่อนเร็วๆ.”

“ครับฮยอง.”

จุนโฮล้มตัวลงนอนและพวกเราก็จัดเวรยามก่อนที่จะแยกย้ายไปนอน

โชคดีที่ยาช่วยย่อยส่งผลดีมากใบหน้าของจุนโฮที่อยู่ในแสงไฟไม่เป็นไรแล้ว.

แบบนั้นเหตุการณ์ต่างๆในวันแรกก็ผ่านไป.

***

“ผมขอโทษทุกคน เป็นเพราะผม.”

ตอนเช้า จุนโฮขอโทษทุกคน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ยืนยามเนื่องจากปวดท้อง.

“มันโอเค ไม่ความเจ็บแล้ว?”

“ครับ.”

“ดี งั้นเรามากินอาหารเช้าก่อน”

แฮซูและผมร่วมมือกันทำอาหารเช้า ผมใช้ซิลไปล่าสัตว์ที่สามารถจัดการได้มากที่สุดอย่างกระต่ายและแฮซูก็เตรียมเบอร์รี่และผลไม้ที่เหมือนกับส้มจีนและผักสีเขียว.

“นูน่า ผลไม้และผักกินได้?”

“อืม ฉันได้เรียนรู้มาแล้วไม่ต้องกังวล.”

แฮซูได้ฝึกดาบ ปฐมพยาบาล และยังฝึกแยกแยะผักผลไม้ที่ทานได้.

เธอฝึกฝนอย่างหนักพอๆกับความอ่อนแอของเธอและความพยายามของเธอก็ส่งผลแล้ว

‘ตอนนี้เมื่อฉันคิดถึงมัน เราเดินกันไกลมากเมื่อวานและวันนี้เธอก็ยังไม่ได้แสดงความอ่อนแอ.’

เมื่อเทียบกับการสอบรอบสองแฮซูก้าวหน้าอย่างมาก เธอที่กังวลว่าจะเป็นภาระได้กลายเป็นความโล่งใจ.

เรากินอาหารเสร็จและเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง.

แฮซูมีร่างกายที่อ่อนแอที่สุด และมีเพิ่มพลังความแข็งแรงเลเวล 1 มันเท่ากับชายปกติที่แข็งแรงและการเดินทางก็ไม่ได้ส่งผลอะไร.

ด้วยการสอดแนมของซิล เราสามารถหลีกเลี่ยงการเจอกันกับลิงแดงได้และเดินต่อไปอีกครึ่งวัน.

เมื่อถึงจึดหนึ่งความมือเริ่มเข้ามาปกคลุมป่า.

-เมี๊ยว!

ซิลปรากฎตัวตรงกลางหลังจากที่เธอสอดแนมและส่งเสียง.

“มันเป็นศัตรูหรือเปล่า?”

-เมี๊ยว!

ซิลพยักหน้า

“พวกมันมาทางนี้?”

ตอนนี้เธอส่ายหน้า.

แต่การกระทำของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เธอแตกต่างจากตอนที่เธอเจอลิงแดงที่กำลังหาอาหาร

ผมคิดแบบนั้นบางทีผมต้องถาม

“มันเป็นศัตรูที่ไม่ใช่ลิงแดง?”

ซิลพยักหน้า.

***

“ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผ่านเราไปอย่างไว.”

ใครบางคนพูด.

คนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกัน

“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน มันเหมือนกับเป็นเงาตะคุ่มๆ”

“พวกคุณด้วย? ผมคิดว่าผมรู้สึกคนเดียว.”

ความมืดเริ่มเข้ามาในป่า.

เงามนุษย์4คนเดินไปอย่างช้าๆ

“ไม่มีเสียงหรือกลิ่นน่าสนใจ.”

“ผมรู้ มันเป็นไปได้อย่างไร?

“มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในดินแดนของเรา”

จากนั้น.

“โง่”

เงาที่ใหญ่ที่สุดพูด

“มันเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกลิ่นหรือเสียง.”

อีกสามคนพูกและให้ความสนใจ.

มันยังคงพูดต่อไป.

“มันอาจเป็นไปได้สำหรับ สปิริต.”

“สปิริต?”

“จริงหรอฮยอง?”

พี่น้องที่ยังแปลกใจและคนที่ถูกเรียกว่าฮยองยังคงพูดต่อ.

“มันเป็นเวลานานแล้วปู่ของฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขากล่าวว่ามีสปิริตในโลกนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่มีชีวิตอยู่.”

“ปู่บอกว่าเขาเคยเห็นสปิริต?”

“ครั้งนึงเมื่อนานมาแล้วเราถูกเนรเทศออกจากตระกูลของเราครั้งนึงและพยายามที่จะข้ามเทือกเขาสีเขียวในทิศตะวันตก.”

“เทือกเขาสีเขียว?”

“เอ่อนั่นล่ะ…”

โดซัง(พี่น้อง)* ได้หายไปจากความคิด.

(TN: สิ่งที่ใช้เรียกเพือนสนิทที่มีอายุน้อยหรือเท่ากับคุณ.)

“ทุกคนตายและปู่มาที่นี่ เขาบอกว่าเขาเห็นสปิริต.”

“แน่นอนว่าทุกคนตาย! โชคดีที่ปู่อยู่รอดได้!”

“นั่นเป็นอาณาเขตของเอลฟ์!”

ความวิตกกังวลแผ่ซ่านไปที่ใบหน้าพวกเขาทั้งสามคน พวกเขามองไปที่ฮยองและถาม.

“บางทีสปิริตนั่นอาจจะเป็นเอลฟ์?”

“ถ้าเอลฟ์บุกพื้นที่เรา นี่มันก็เป็นปัญหาใหญ่!”

“เราต้องแจ้งเตือนพ่อ!”

“อย่ารีบร้อน!”

ฮยองตะโกนด้วยเสียงอันดัง สามพี่น้องไม่พูดอะไรออกมาสักคำ.

ฮยองตะโกนพูด

“เรายังไม่ได้ตรวจสอบอะไรแล้วจะแจ้งเตือนท่าพ่อ? นายต้องการให้เขาคิดว่าเป็นคนขี้ขลาดหรอ?”

“ไม่ ไม่.”

“ไม่ใช่อย่างนั้น.”

“เราไม่ใช่คนขี้ขลาด.”

เมื่อพูดถึง ‘พ่อ’,เสียงร้องตะโกนก็เงียบลง พ่อคนนี้เป็นพ่อที่พิเศษมาก.

“งั้นไปตรวจสอบกัน ฉันไม่ได้ยินว่ามีแค่เอลฟ์เท่านั้นที่จะมีสปิริต ปู่บอกว่ามีคนที่หายากและเป็นเพือนกับเอลฟ์และเรียนรู้ที่จะเรียกวิญญาณ.”

ฮยองยังพูดต่อ.

“ถ้ามันเป็นเอลฟ์เราจะกลับไปบอกพ่อ และถ้าเป็นมนุษย์...เราจะทำแบบเดียวกับที่พวกเขาก้าวเข้ามาในดินแดนของเราเหมือนกับคนอื่นๆ”

“โอเค.”

“คุณพูดถูก.”

พี่น้องอนุมัติ.

แสงจันทร์ในยามค่ำคืนพัดผ่านผืนป่าผลัดใบหนาทึบและให้แสงเงาสี่เงา.

การปรากฏตัวของพวกเขาใต้แสงจันทร์เผยให้เห็นสัตว์สองเท้าที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์สีเงิน.

“ไปเลย!”

ฮยองที่เป็นผู้นำและวิ่งไปพร้อมกัยพี่น้องของเขาที่เดินตาม.

“กรร!”

“กรรรร!”

ขณะที่พวกเขาเริ่มวิ่งเขาเริ่มแสดงความเป็นธรรมชาติของเขา.

ด้วยขาที่ยืดหยุ่นและสลับกับแขนที่เคลื่อนที่คล้ายกลับสัตว์สี่เท้า

ดวงตาของพวกเขาไหลเวียนเป็นประกายด้วยก้อนเลือด ดวงตาของพวกเขาเหล่านั้นหิวกระหายเลือดออกมาอย่างเห็นได้ชัด.

และไลแคนสี่พี่น้องได้วิ่งเข้าไปหาศัตรู.

0 0 โหวต
Article Rating
11 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด