Chapter 35 Lycanthrope (Part 1)
Chapter 35 Lycanthrope (Part 1)
“ก่อนอื่น งั้นเรามาตรวจสอบภารกิจของเรา.”
“โอเค ฮยอง.”
“เริ่ม.”
จุนโฮและแฮซูตอบรับทันทีแม้แต่จุนชอยก็พยักหน้าด้วย อ่า ความร่วมมือแบบนี้ ตอนโกซางอยู่ไม่มีบรรยากาศแบบนี้อยู่เลย.
“เรียกกระดาน.”
-ชื่อ: คิม ฮยอน โฮ
-คลาส: 5
-คาม่า: 0
-ภารกิจ: ออกจากป่า
-จำกัดเวลา: 20 วัน
“20 วัน?”
มันคือแฮซูที่พูดคนแรก
“เราต้องเดินป่าเป็นเวลานาน…”
จุนโฮก็ประหลาดใจเหมือนกัน
แม้ว่าเราจะคุ้นเคยกับการเอาชีวิตรอดและผ่านการสอบครั้งที่สอง รวมทั้งเราได้เตรียมการต่างๆไว้หมดแล้ว ในการอยู่อาศัยภายในป่า แต่มันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
การเตรียมตัวที่นอนอย่างยากลำบากกับสภาพอากาศที่หนาวเย็น มีศัตรูพืช การต่อสู้ที่มากมายเป็นเวลา 20 วัน มันคงไม่แปลกใจที่คนไม่ชอบภารกิจนี้ ผมคงป่วยหลังจากออกไปจากป่านี้.
ในฐานะหัวหน้าทีมผมตัดสินใจทำให้กลุ่มสงบก่อน
“ไม่ต้องกังวลมากเกินไป บางทีพวกเขาอาจจะให้เวลามากมายถึง 20 วัน ถ้าเราสามาถออกจากป่าได้เราอาจจะไม่ถึง 20 วัน.”
“นั่นก็ถูกต้อง.”
จุนโฮพยักหน้าเห็นด้วย
“อย่างไรก็ตาม อย่างที่ศูนย์วิจัยคาดเอาไว้ ภารกิจนี้คือการออกจากป่า และเราต้องเดินไปทางตะวันออกตามแผน”
ผมเรียกซิล
-เมี๊ยว.
ลมเริ่มหมุนก่อตัวเป็นรูปร่างของแมว เพราะนั่นคือซิล เธอเริ่มทำท่าน่ารักด้วยการเอาหางพันรอบคอเพื่อทักทายผม.
“สอดแนมบริเวณรอบๆ.”
-เมี๊ยว.
เธอพยักหน้าและบินไปอย่างรวดเร็ว.
“เอาหล่ะ ไปกัน”
ผมเริ่มเดินนำหน้าหลังจากที่พูด.
“โอปป้า เราไม่ต้องไปทางตะวันออก?”
แฮซูถาม.
ผมพยักหัวของผม.
“ช่าย นี่คือทิศตะวันออก.”
“จริง? คุณรู้ทิศทางได้อย่างไร?”
โอ้ เธอคงไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสกิลช่วยเหลือมาก่อนสินะ.
ผมให้คำอธิบายง่ายๆเกี่ยวกับ ‘เนวิเกเตอร์’ สกิลช่วยเหลือที่ผมได้รับมาในราคา 100 คาม่า.
“ว้าว ตั้งแต่นี้ไปเราจะไม่หลงกันแล้ว.”
“อืมใช่ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นจริงๆ ผมรู้แค่ทิศทางทั่วๆไปและต้องการศึกษาสกิลนี้อีกเล็กน้อย.”
แน่นอนว่าสกิลนำร่อง(เนวิเกเตอร์)ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ เมื่อไปไปจับแกะน้อย ฮยอนจีที่คลับ.
หลังจากนั้นผมก็เรียนรู้สกิลเพื่มเติมจากจีเฮ.
-เนวิเกเตอร์ (สกิลช่วยเหลือ):ได้รับสัมผัสที่หกในการหาเส้นทาง.
*ระดับเริ่มต้น 1: รู้ทิศทางทั่วไป. (-100)
นี่คือขอบเขตของเลเวล1
อย่างแรกผมรู้ทิศทาง แต่ไม่ใช่ระยะทาง ผมไม่รู้ว่ามันจะต้องเดินทางอย่างไรในเมื่อผมมองไม่เห็น.
อย่างที่สอง ผมต้องพบเห็นบุคคลหรือทำกิจกรรมอย่างอื่นมาก่อน.
น้องสาวผมฮยอนจีผมเคยเห็นมาแล้วเพราะงั้นผมเลยเข้าใจทิศทางที่เธออยู่ ทีมของผมก็เหมือนกันถ้าพวกเขากระจายออกจากป่า.
แต่สมมุติว่า ‘หาผู้เข้าสอบคนอื่นในชอยนัน.’ นั่นผมไม่สามารถทำได้ เพราะผมไม่เคยเจอคนเหล่านั้น.
แม้ว่าจะพบโดยบังเอิญแต่ผมไม่รู้ว่าเขา ‘เป็นผู้เข้าสอบชอยนัน’ ผมก็ไม่สามารถไปหาเขาได้.
เหมือนกับที่ผมเห็นคนดังบนTVหรืออินเตอร์เน็ต ผมไม่เคยพบพวกเขาด้วยตัวเองเพราะงั้นเนวิเกเตอร์ไม่สามารถหาเขาพบได้.
“ถ้าคุณเพิ่มเลเวลสกิลของคุณ คุณจะสามารถรู้ได้อย่างไร?”
แฮซูพูด.
“ผมไม่รู้ แต่มิสจีเฮบอกกับผมว่าเลเวล1ก็พอแล้ว และผมต้องใช้คาม่าไปยังสกิลอื่นจะดีกว่า.”
ขณะที่เราเดินผมได้เรียกซิลเพือสำรวจสภาพแวดล้อมและเราก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก.
เรามีประสบการณ์เพียงแค่สองครั้งและในป่าครั้งสุดท้าย เราเหมือนกับอยู่ต่างประเทศ และลิงแดงที่ปรากฎออกมาที่เป็นศัตรูเรามาก่อนนั้นไม่ได้ทำให้เรากลัว.
เนื่องจากว่าเราทั้งหมดเดินทางและคุยกัน
ส่วนใหญ่แล้วเรากำลังเดินไปรอบๆตามทิศทางของเนวิของผม มันจึงไม่ใช่ไร้ประยชน์ทั้งหมด
“แล้วอันนี้ละ?”
จุนโฮหยิบหินก้อนเล็กออกมาจากพื้น
“ดูใกล้ๆ”
จุนโฮยื่นกำปั้นทั้งสองมาให้ผม
“เดาสิว่าหินอยู่ในมือข้างไหน.”
ผมจ้องเขม็งไปที่มือของจุนโฮแต่ผมไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ
“ผมไม่รู้.”
“โอ้ ผมคิดว่ามันไม่ได้ผล.”
จุนโฮเผยก้อนหินที่อยู่ในมือขวา
ผมมองไปที่ซิลที่ออกไปสอดแนมและรู้ว่าลิงแดงกำน้อยลงเรื่อยๆ.
‘มันกำลังหลีกเลี่ยงการขัดแย้ง.’
พวกมันได้สูญเสียผู้นำและพวกเราก็เหมือนกับระเบิดขนาดใหญ่ ถ้าพวกมันรู้ว่าเราไม่ได้ปรากฏตัวอีกครั้งพวกมันอาจจะตอบสนองมากกว่านี้ ที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และออกไปจากดินแดนพวกมันอย่างรวดเร็ว.
หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่มีเหตุการณ์อื่น
ผมเรียกซิลออกมาเพื่อสอดแนมและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน.
ศัตรูที่อันตรายที่สุดที่เราเจอวันนี้คืองูที่ตกลงมาจากต้นไม้ ทันทีที่มันตกลงมางูก็ถูกตัวหัวโดยซิลที่เรียกไว้แล้ว.
จุนโฮและแฮซูรู้สึกอึดอัดใจมาก แต่ตามความคิดของจุนชอยคือให้เราทำมันเป็นเนื้อย่างและกินมัน เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนจีน? เขาไม่สามารถกินมันได้ทุกอย่าง.
หลังจากมื้อเย็นเสร็จแล้วเราก็มาล้มรอบกองไฟเพื่อพูดคุยก่อนที่จุนโฮจะปวดท้อง.
“อ่า ทำไมท้องของผมรู้สึกไม่ดี?”
“อาหารที่นายกินคงไม่ดีมั้ง?”
“สิ่งเดียวที่มาสัมผัสปากผมคืองู ฮยอง”
จุนโฮตบไปที่หน้าท้องและยิ้มแย้ม ดูเหมือนว่าการกินเนื้องูจะไม่ดีสำหรับเขา
“กดไว้ก่อน.”
แฮซูเอายาเล็กๆออกจากกระเป๋า.
“มันเป็นยาช่วยย่อย.”
“ขอบคุณนูน่า.”
จุนโฮกินยาช่วยย่อยที่แฮซูให้เขา.
ผมคิดว่ายาช่วยย่อยคงอยู่ในชุดพยาบาลเบื้องจ้นของแฮซู หลังจากนั้นคุณอาจจะได้กินอาหารที่ทำให้เราป่วย.
“ผมขอโทษ.”
มันเป็นคำขอโทษที่หาได้ยากจากจุนชอย เขาคิดว่ามันเป็นเพราะเนื้องูที่จุนโฮกิน.
“ไม่ มันดี มันอร่อยมาก.”
“จุนโฮไม่ต้องเฝ้ายามในวันนี้และไปพักผ่อนเร็วๆ.”
“ครับฮยอง.”
จุนโฮล้มตัวลงนอนและพวกเราก็จัดเวรยามก่อนที่จะแยกย้ายไปนอน
โชคดีที่ยาช่วยย่อยส่งผลดีมากใบหน้าของจุนโฮที่อยู่ในแสงไฟไม่เป็นไรแล้ว.
แบบนั้นเหตุการณ์ต่างๆในวันแรกก็ผ่านไป.
***
“ผมขอโทษทุกคน เป็นเพราะผม.”
ตอนเช้า จุนโฮขอโทษทุกคน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ยืนยามเนื่องจากปวดท้อง.
“มันโอเค ไม่ความเจ็บแล้ว?”
“ครับ.”
“ดี งั้นเรามากินอาหารเช้าก่อน”
แฮซูและผมร่วมมือกันทำอาหารเช้า ผมใช้ซิลไปล่าสัตว์ที่สามารถจัดการได้มากที่สุดอย่างกระต่ายและแฮซูก็เตรียมเบอร์รี่และผลไม้ที่เหมือนกับส้มจีนและผักสีเขียว.
“นูน่า ผลไม้และผักกินได้?”
“อืม ฉันได้เรียนรู้มาแล้วไม่ต้องกังวล.”
แฮซูได้ฝึกดาบ ปฐมพยาบาล และยังฝึกแยกแยะผักผลไม้ที่ทานได้.
เธอฝึกฝนอย่างหนักพอๆกับความอ่อนแอของเธอและความพยายามของเธอก็ส่งผลแล้ว
‘ตอนนี้เมื่อฉันคิดถึงมัน เราเดินกันไกลมากเมื่อวานและวันนี้เธอก็ยังไม่ได้แสดงความอ่อนแอ.’
เมื่อเทียบกับการสอบรอบสองแฮซูก้าวหน้าอย่างมาก เธอที่กังวลว่าจะเป็นภาระได้กลายเป็นความโล่งใจ.
เรากินอาหารเสร็จและเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง.
แฮซูมีร่างกายที่อ่อนแอที่สุด และมีเพิ่มพลังความแข็งแรงเลเวล 1 มันเท่ากับชายปกติที่แข็งแรงและการเดินทางก็ไม่ได้ส่งผลอะไร.
ด้วยการสอดแนมของซิล เราสามารถหลีกเลี่ยงการเจอกันกับลิงแดงได้และเดินต่อไปอีกครึ่งวัน.
เมื่อถึงจึดหนึ่งความมือเริ่มเข้ามาปกคลุมป่า.
-เมี๊ยว!
ซิลปรากฎตัวตรงกลางหลังจากที่เธอสอดแนมและส่งเสียง.
“มันเป็นศัตรูหรือเปล่า?”
-เมี๊ยว!
ซิลพยักหน้า
“พวกมันมาทางนี้?”
ตอนนี้เธอส่ายหน้า.
แต่การกระทำของเธอแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เธอแตกต่างจากตอนที่เธอเจอลิงแดงที่กำลังหาอาหาร
ผมคิดแบบนั้นบางทีผมต้องถาม
“มันเป็นศัตรูที่ไม่ใช่ลิงแดง?”
ซิลพยักหน้า.
***
“ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างผ่านเราไปอย่างไว.”
ใครบางคนพูด.
คนอื่นๆก็รู้สึกเหมือนกัน
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน มันเหมือนกับเป็นเงาตะคุ่มๆ”
“พวกคุณด้วย? ผมคิดว่าผมรู้สึกคนเดียว.”
ความมืดเริ่มเข้ามาในป่า.
เงามนุษย์4คนเดินไปอย่างช้าๆ
“ไม่มีเสียงหรือกลิ่นน่าสนใจ.”
“ผมรู้ มันเป็นไปได้อย่างไร?
“มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในดินแดนของเรา”
จากนั้น.
“โง่”
เงาที่ใหญ่ที่สุดพูด
“มันเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีกลิ่นหรือเสียง.”
อีกสามคนพูกและให้ความสนใจ.
มันยังคงพูดต่อไป.
“มันอาจเป็นไปได้สำหรับ สปิริต.”
“สปิริต?”
“จริงหรอฮยอง?”
พี่น้องที่ยังแปลกใจและคนที่ถูกเรียกว่าฮยองยังคงพูดต่อ.
“มันเป็นเวลานานแล้วปู่ของฉันเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เขากล่าวว่ามีสปิริตในโลกนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่มีชีวิตอยู่.”
“ปู่บอกว่าเขาเคยเห็นสปิริต?”
“ครั้งนึงเมื่อนานมาแล้วเราถูกเนรเทศออกจากตระกูลของเราครั้งนึงและพยายามที่จะข้ามเทือกเขาสีเขียวในทิศตะวันตก.”
“เทือกเขาสีเขียว?”
“เอ่อนั่นล่ะ…”
โดซัง(พี่น้อง)* ได้หายไปจากความคิด.
(TN: สิ่งที่ใช้เรียกเพือนสนิทที่มีอายุน้อยหรือเท่ากับคุณ.)
“ทุกคนตายและปู่มาที่นี่ เขาบอกว่าเขาเห็นสปิริต.”
“แน่นอนว่าทุกคนตาย! โชคดีที่ปู่อยู่รอดได้!”
“นั่นเป็นอาณาเขตของเอลฟ์!”
ความวิตกกังวลแผ่ซ่านไปที่ใบหน้าพวกเขาทั้งสามคน พวกเขามองไปที่ฮยองและถาม.
“บางทีสปิริตนั่นอาจจะเป็นเอลฟ์?”
“ถ้าเอลฟ์บุกพื้นที่เรา นี่มันก็เป็นปัญหาใหญ่!”
“เราต้องแจ้งเตือนพ่อ!”
“อย่ารีบร้อน!”
ฮยองตะโกนด้วยเสียงอันดัง สามพี่น้องไม่พูดอะไรออกมาสักคำ.
ฮยองตะโกนพูด
“เรายังไม่ได้ตรวจสอบอะไรแล้วจะแจ้งเตือนท่าพ่อ? นายต้องการให้เขาคิดว่าเป็นคนขี้ขลาดหรอ?”
“ไม่ ไม่.”
“ไม่ใช่อย่างนั้น.”
“เราไม่ใช่คนขี้ขลาด.”
เมื่อพูดถึง ‘พ่อ’,เสียงร้องตะโกนก็เงียบลง พ่อคนนี้เป็นพ่อที่พิเศษมาก.
“งั้นไปตรวจสอบกัน ฉันไม่ได้ยินว่ามีแค่เอลฟ์เท่านั้นที่จะมีสปิริต ปู่บอกว่ามีคนที่หายากและเป็นเพือนกับเอลฟ์และเรียนรู้ที่จะเรียกวิญญาณ.”
ฮยองยังพูดต่อ.
“ถ้ามันเป็นเอลฟ์เราจะกลับไปบอกพ่อ และถ้าเป็นมนุษย์...เราจะทำแบบเดียวกับที่พวกเขาก้าวเข้ามาในดินแดนของเราเหมือนกับคนอื่นๆ”
“โอเค.”
“คุณพูดถูก.”
พี่น้องอนุมัติ.
แสงจันทร์ในยามค่ำคืนพัดผ่านผืนป่าผลัดใบหนาทึบและให้แสงเงาสี่เงา.
การปรากฏตัวของพวกเขาใต้แสงจันทร์เผยให้เห็นสัตว์สองเท้าที่ปกคลุมไปด้วยขนสัตว์สีเงิน.
“ไปเลย!”
ฮยองที่เป็นผู้นำและวิ่งไปพร้อมกัยพี่น้องของเขาที่เดินตาม.
“กรร!”
“กรรรร!”
ขณะที่พวกเขาเริ่มวิ่งเขาเริ่มแสดงความเป็นธรรมชาติของเขา.
ด้วยขาที่ยืดหยุ่นและสลับกับแขนที่เคลื่อนที่คล้ายกลับสัตว์สี่เท้า
ดวงตาของพวกเขาไหลเวียนเป็นประกายด้วยก้อนเลือด ดวงตาของพวกเขาเหล่านั้นหิวกระหายเลือดออกมาอย่างเห็นได้ชัด.
และไลแคนสี่พี่น้องได้วิ่งเข้าไปหาศัตรู.