ตอนที่ 61 ภารกิจใหม่ 1
แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากกับการที่ได้ฝึกซ้อมกับเวโรนิก้าที่เป็นหนึ่งในสองจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ แม้มันจะหนักหน่วงไปหน่อย เธอดูเหมือนจะเชี่ยวชาญกับการโจมตีและป้องกันในลักษณะนี้ เธอใช้พลังแค่ในระดับที่ให้ธีโอพอรู้สึกตึงมือเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังใช้พลังและความเร็วของเธอเพื่อผลักดันให้เขาใช้พลังถึงขีดจำกัด
‘เธอมาแล้ว’ ธีโอได้ขยับร่างกายของเขาทันทีที่สัมผัสของเขาจับเธอได้
เขาขยับไปด้านขวาสองก้าวและจากนั้นก็ได้มีสายฟ้าที่น่ากลัวพุ่งเข้าใส่จุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ประสามสัมผัสทั้ง5ของเขาได้ถูกลับจนเฉียบคมกว่าเดิมและเขาสามารถอ่านการเคลื่อนไหวของพลังมาน่าได้จึงทำให้สามารถคาดการณ์ทิศทางการโจมตีได้ล่วงหน้าขั้นหนึ่ง จากนั้นก็ตามมาด้วยศรเพลิง
-Arrow Protection
ธีโอได้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวและร่ายเวทย์ธาตุน้ำออกมาปกคลุมตัวเขาไว้ขณะที่ใช้บทเพลงแห่งสงครามไปพร้อมๆกัน เขากำลังเต้นเคลื่อนที่ผ่านศรเพลิงนับร้อยพร้อมกับต่อยและเตะพวกมันไปได้ การเคลื่อนไหวของเขาเป็นธรรมชาติอย่างมาก
‘บทเพลงแห่งสงคราม ท่วงทำนองโบราณ Mezzo Forte’
หมัดของธีโอดอร์ปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์อันมหาศาล และชกเข้าใส่บอลเพลิงที่พุ่งมาหาเขา
บูมมม!
เศษสะเก็ดระเบิดจากบอลเพลิงได้กระเด็นใส่หน้าเขา แต่เขากลับไม่หลบและไม่แม้กระทั่งที่จะกระพริบตา เขาต้องคอยจ้องมองการเคลื่อนไหวของเวโรนิก้าตลอดเวลา ถ้าเขาคลาดสายตาไปจากเธอเพียงนิดเดียวนั่นหมายความว่าเขาได้แพ้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เวโรนิก้านั้นกลับเบี่ยงเบนความสนใจของเขาได้แล้ว
“เธอกำลังมองไปที่ภาพลวงตางั้นหรอ?” เสียงของเวโรนิก้าดังมาจากด้านหลังของเขา เขาพลาดไปตอนที่เธอใช้เวทย์ศรเพลิงและบอลเพลิงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเขา เธอก็ได้ร่ายเวทย์สร้างร่างปลอมขึ้นทันที
ฟู่!
กระสุนเพลิงได้พุ่งมาหาเขา ธีโอได้คาดการณ์วิถีของบอลเพลิงด้วยการเคลื่อนไหวของมาน่าได้ แต่ทว่ามันไมใช่Blaze Shellธรรมดา เขาไม่มีทางที่จะหยุดมันได้ในระยะแค่นี้ เขาใช้สกิลการป้องกันผสมกับบทเพลงแห่งสงครามมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้ตอนนี้เขาไม่มีทางหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์นี้ได้
ขณะที่ธีโอพยายามร่ายเวทย์ป้องกันด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นนั้น...
กริ้ก
มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา มันราวกับฟันเฟืองที่หยุดหมุนได้กลับมาหมุนอีกครั้ง กระแสเวทมนต์ที่อึดอัดได้หายไปและวงกลมที่5ของเขาได้เริ่มหมุนไปพร้อมกับวงกลมอีก4วง
ธีโอดอร์รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมบูรณ์แล้ว เขาจึงร่ายเวทย์ป้องกันขั้น5ออกมาทันที
บูมมม!
กำแพงเวทมนต์สีฟ้าได้ปรากฏขึ้นในทันทีและป้องกันกระสุนเพลิงไว้ได้ทัน
“…เอ๋?”
ธีโออดที่จะยิ้มให้กับการป้องกันที่สำเร็จของเขาไม่ได้ และเวโรนิก้าได้คว้าตัวเขาไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส เธอสัมผัสได้ทันทีว่าเขาทำให้วงกลมที่5ของเขาเสถียรได้แล้วหลังจากเขาใช้เวทย์ป้องกันออกมา
“เธอทำสำเร็จแล้ว!เยี่ยมมากเด็กน้อย!”
“ทะ-ท่านผู้นำ ปล่อยผมเถอะ”
เวโรนิก้าไม่ได้สวมใส่เสื้อคลุมดังนั้นหัวของธีโอจึงกลายเป็นว่างเปล่าเมื่อเขาได้สัมผัสกับผิวของเธอ ผิวที่ชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อของเธอทำให้เขารู้สึกเบลอ
อย่างไรก็ตามเวโรนิก้านั้นไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรอยู่ในหัวของเขาและยิ้มอย่างสนุกสนาน “เมื่อเราอยู่ในที่ส่วนตัวเธอควรจะเรียกฉันว่าพี่สาวนะ เธอถอดแบบมาจากอาจารย์ของเธอเลยนะ ช่วงเข้มงวดเสียจริง นี่เป้นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้เล่นกับเธอ ฉันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยนะ”
เธอทิ้งงานของเธอมาเป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อเป็นคู่ต่อสู้ให้กับธีโอดอร์ มองในอีกแง่นึง จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมลเทอร์มาทำหน้าที่เป็นครูสอนพิเศษส่วนตัวให้เขา มันช่างยิ่งใหญ่มากเมื่อเขานึกถึงมัน
แต่ตอนนี้บุคคลที่ยิ่งใหญ่เช่นเธอกำลังบอกให้เขาเรียกเธอว่า พี่สาว? และแน่นอนธีโอลังเลที่จะพูดเช่นนั้น..
“ชู่ มีแขกกำลังมา” เวโรนิก้ารู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้และย้ายตัวธีโอไปหลบในมุมที่เขามองไม่เห็นทันที
ตึก ตึก-
ชายในชุดคลุมสีขาวที่มาจากWhite Tower เดินเข้ามาในเพ็นทาเรี่ยมอย่างเร่งรีบและโค้งคำนับให้แก่เธอ
“ท่านผู้นำหอคอย! มีเรื่องเร่งด่วนที่ท่านต้องดูโดยด่วนครับ!”
“ระดับละ?”
“ความสำคัญอย่างน้อยอยู่ในระดับ4ครับ”
“…โอ้ สูงพอสมควร ช่วยไม่ได้ละนะ”
เธอจะปฏิเสธมันถ้ามันอยู่ในระดับ5 (ระดับความสำคัญน่าจะ1สำคัญสุดนะครับ) ดวงตาของธีโอเต็มไปด้วยความเสียใจเล็กน้อย แต่ดวงตาของเขาก็ต้องสั่นไหวเมื่อได้ยินคำถัดไปของเธอ
เป็นเพราะเธอกำลังออกคำสั่งกับเขาด้วยท่าทางจริงจัง “ตามฉันมา ฉันอาจจะต้องการพลังของเธอ”
***
ภารกิจนี้จะถูกส่งให้จอมเวทย์สงครามและเหล่าสมาชิกของRed Towerที่ยังว่างงานอยู่
ถ้าเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ จอมเวทย์ส่วนใหญ่จะถูกส่งมาจากRed Tower พวกเขาจะถูกส่งไปเมื่อมีการปรากฏตัวของมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งหรือมีกลุ่มก่อการร้ายหรือกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวง
ดังนั้นRed Tower จึงแบ่งภารกิจออกเป็นสองประเภทนั่นก็คือระดับความเสี่ยง และระดับความสำคัญ
เวโรนิก้าเดินนำหน้าเขาและอธิบายว่า “เอลเดอร์ลิชที่เธอจัดการไปในบ้านเกิดของเธอถูกจัดให้อยู่ใน ความเสี่ยงระดับ 3 แต่ความสำคัญระดับ3และ4 นั้นเป็นอะไรที่เหนือกว่านั้น ฉันสามารถที่จะจัดการมันได้โดยไม่ยากมากนัก อย่างมากก็อาจจะมีเขตหนึ่งเขตหรือสองเขตที่ต้องพังไป โอ้ลืมไปหนังสือเวทย์โบราณเป็นข้อยกเว้นนะ”
“หนึ่งหรือสอง...”
มันฟังดูน่ากลัวมากเมื่อมองจากมุมมองของเขตเหล่านั้น แต่ก็ไมได้เป็เนรื่องที่ใหญ่โตเมื่อมองไปที่ภาพรวมของทั้งอาณาจักร
ตามที่เธอกล่าว ความสำคัญระดับ1นั้นจะเกี่ยวกับพวกการรุกรานจากอาณาจักรอื่นหรือการลอบสังหารกษัตริย์ ระดับ2 จะเกี่ยวของกับการระบาดของโรคที่ร้ายแรง ภัยพิบัติทางธรรมชาติและฝูงมอนสเตอร์ที่โจมตีเมือง
“แล้วความสำคัญระดับ3และ4ละครับ?”
“มันคือปัญหาที่อาจจะกลายเป็นระดับ1หรือ2ได้ แต่ส่วนมากกรณีเหล่านี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยความรุนแรง พวกมันเป็นสิ่งที่พวกเราสามารถจัดการได้ด้วยความแข็งแกร่ง”
เวโรนิก้าเตะประตูของห้องทำงานเธอเข้าไปทันที ลูกบิดประตูดูราวกับจะไม่มีความหมายสำหรับเธอ แต่ไม่มีใครสนใจในเรื่องนี้
เธอนั่งลงบนเก้าอี้และมองไปที่สมาชิกหน่วยข่าวกรอง “อ่านรายงานให้ฉันฟัง”
จอมเวทย์ในชุดคลุมสีขาวได้อ่านรายงานทันที “เมื่อสามวันก่อน ตัวแทนของเอิร์ลเบอร์เก้นได้พูดถึงเรื่อง ‘การค้าทาส’ ในขณะที่เขาคอยจับตามองดูพ่อค้าบางส่วน ชื่อขององค์กรนั่นก็คือ[Shackler] ซึ่งมีบทบาทอยู่ในอาณาจักรออสเต็น”
“ทาสงั้นรึ?พวกเขาได้ยินไม่ผิดนะ?” การแสดงออกของเวโรนิก้าแสดงให้เห็นว่าเธอไม่เข้าใจเลยสักนิด
เป็นเวลานับ 100 ปีแล้วที่มหาอำนาจในทวีปทางตอนเหนือได้แก่ อาณาจักรแอนดราสและอาณาจักรเมลเทอร์ ได้ทำการยกเลิกระบบทาส อัศวินและจอมเวทย์ที่ได้ดำเนินการและพ่อค้าทาสต่างหายตัวไป ครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับการค้าทาสต่างถูกทำลาย และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากความมั่งคั่งต่างกลายเป็นศพทุกราย
และกฏนั้นยังคงอยู่ในทุกวันนี้และตอนนี้ได้มีเหล่าคนโง่ที่พยายามจะใช้เมลเทอร์และแอนดราสเป็นตัวกลางในการค้าทาส เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองจากWhite Tower White Towe พยักหน้ายืนยัน“ผมได้อ่านเรื่องนี้หลายครั้งแล้วก่อนที่จะมาบอกกับท่านผู้นำหอคอย....พวกเขาเป็นพ่อค้าทาสแน่นอนครับ ผมเห็นพวกเขากำลังขนถึงขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่ามนุษย์”
“พวกมันต้องการที่จะตายงั้นหรอ.....ได้เลยพวกเราจะสนองให้” จิตสังหารพวยพุ่งออกมาจากตัวของเวโรนิก้า ดวงตาสีทองของเธอเปล่งเจตนาฆ่าออกมา
พ่อค้าทาสนั้นถูกห้ามไม่ให้เข้ามาในเขตของอาณาจักรเมลเทอร์อย่างแน่นอน
หน้าที่ของRed Tower คือทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอันตรายต่อเมลเทอร์ พ่อค้าทาสเป้นพวกที่ไม่ได้รับอนุญาติให้มีชีวิตอยู่พวกเขาสามารถสังหารทิ้งได้ทันทีโดยไม่ต้องจับกุม
ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงแล้วละก็ ระดับความสำคัญต้องไม่ต่ำกว่าระดับ4แน่นอน
“แล้วชนิดของทาสที่ถูกซื้อขายละ?”
“เป็นเอลฟ์ครับ”
“ถ้านี่เป็นเพียงแค่การจัดการกับพ่อค้าทาสที่เป็นมนุษย์ ระดับความสำคัญคงเป็นเพียงระดับ6เท่านั้น”
เผ่าพันธ์เอลฟ์นั้นจะมีลักษณะที่สวยงามอย่างมากและมีชีวิตที่ยืนยาว ถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่มีอิทธิพลในสมัยก่อน
เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง ได้เกิดการล่าเอลฟ์ครั้งใหญ่ไปทั่วทวีป มันถึงจุดที่ว่าเผ่าพันธ์เอลฟ์เกือบที่จะสูญพันธ์ทำให้เหล่าจิตวิญญาณธาตุต่างโกรธแค้นอย่างมากในการกระทำของมนุษย์ พวกเขาจึงได้ลงโทษมนุษย์ แต่ทว่าความโลภของมนุษย์ก็ยังไม่จางหายไป
ดังนั้นเอลฟ์จึงตัดสินใจที่จะแยกอาณาจักรของตนออกห่างจากเขตของมนุษย์ พวกเขารวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนแข็งแกร่งและก่อตั้งอาณาจักรของตัวเองในภูเขาลึกทางตอนเหนือโดยใช้ชื่อว่า เอลฟ์เฮล์ม
มันเป็นที่ๆมนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย มันถือเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าเอลฟ์เลยก็ว่าได้ เหล่าพ่อค้าทาสต่างไม่กล้าเข้าไปในเขตนั้น และพวกเขาต่างถูกนับรบแห่งเผ่าเอลฟ์ตามล่าเพื่อชิงตัวคนในเผ่าพันธ์พวกเขา
ตั้งแต่นั้นมาการขายทาสเผ่าเอลฟ์จึงกลายเป็นข้อห้ามของทั้งทวีป อย่างไรก็ตามจำนวนของมนุษย์ที่ต้องการให้มีทาสเผ่าเอลฟ์ก็ยังคงมีมากเกินที่จะนับได้ ดังนั้นการค้าทาสจึงยังคงมีอยู่ในเงามืด
“….เป็นโอกาสอันดีที่รอคอยมานานแล้วที่จะได้สร้างสัมพันธ์อันดีกับเอลฟ์เฮล์ม คุณคงมีข้อมูลกองกำลังของ องค์กร[Shackler]ใช่ไหม?”
“...แน่นอนครับ” จอมเวทย์ชุดคลุมสีขาวยื่นม้วนกระดาษให้กับเธอ
ดูเหมือนเข้าลังเลที่จะพูดต่อหน้าธีโอที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในภารกิจ
เวโรนิก้าเปิดม้วนกระดาษด้วยการร่ายเวทย์ เธอขมวดคิ้วแน่นเมื่ออ่านเนื้อหาภายใน “ไม่อยากจะเชื่อเลย พวกมันนำนักรบออร่าระดับผู้เชี่ยวชาญมา5คน?หมายความว่าการซื้อขายครั้งนี้ต้องใหญ่มากแน่ๆ”
ด้วยนักรบออร่า5คนนี้มันเพียงพอที่จะทำลายเมืองขนาดเล็กหรือเมืองขนาดกลางได้เลย แม้ราคาของทาสเผ่าเอลฟ์จะสูง แต่มันคุ้มงั้นหรอกับนักรบออร่าจำนวน5คน?
ถ้ากองกำลังนี้ถูกทำลาย องค์กร[Shackler]ก็เปรียบเสมือนถูกทำลายไปกว่าครึ่ง
มีบางสิ่งที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงนำคนมามากเช่นนี้ในการขายเอลฟ์ธรรมดาๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีวัตถุประสงค์อื่น ดูเหมือนว่าหน่วยข่าวกรองของWhite Tower จะไม่ได้เจาะลึกมากนัก
ดูเหมือนเวโรนิก้าคงต้องเพิ่มระดับพลังของจอมเวทย์ที่จะถูกส่งไปจัดการซะแล้ว เธอวางม้วนกระดาษไว้ข้างๆและกดกริ่งบนโต๊ะของเธอ
กริ้งงง! เสียงระฆังดังไปทั่วหอคอย คนที่กำลังว่างงานอยู่ต่างรีบวิ่งขึ้นมาทันที
“มีอะไรครับท่านผู้นำ?”
“ฉันต้องการจอมเวทย์ที่มีระดับปรมาจารย์เป็นขั้นต่ำ2คน และเรียกทุกคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดในเมืองหลวงมาที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“เข้าใจแล้วครับ” เขาขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะซีดลง
เวโรนิก้าที่สังเกตุเห็นท่าทางของเขาจึงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจจากการแสดงออกดังกล่าว ชายคนนั้นพุดด้วยเสียงสั่นๆ “ทะ-ท่านผู้นำ ในเมืองหลวงตอนนี้มีเพียงจอมเวทย์สงครามระดับปรมาจารย์เพียงคนเดียวเท่านั้นครับ”
“ใคร?”
“วินซ์ ไฮน์เดล ครับ”
ธีโอดอร์สะดุ้งทันทีเมื่อเขาได้ยินชื่ออาจารย์ของเขา ยอ่างไรก็ตามใบหน้าของเวโรนิก้ากลับกลายเป็นบิดเบี้ยวก่อนที่จะถามว่า “แล้วพวกทหารผ่านศึกละ?”
“มีเพียง เฮอร์แมนเท่านั้นครับ”
“เขาไม่สามารถที่จะต่อสู้ได้เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส บ้าจริง วันนี้มีงานมากเกินไป ฉันไม่สามารถที่หยิบยืมกำลังจากหอคอยอื่นๆได้”
มันแตกต่างกันถ้าเทียบกับการปราบปรามมอนสเตอร์ มันก็ยากเกินไปที่จะมอบงานให้กับจอมเวทย์จากหอคอยอื่นๆ จิตใจของพวกเขานั้นยังไม่พร้อมและพวกเขายังไม่รู้เทคนิคที่ดีพอ
หากพวกเขาเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ นั่นก็จะไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม ณตอนนี้ไม่มีใครเลย เธอต้องการหาผู้สมัครที่สามารถส่งไปทำงานได้ทันที”
“คนที่เหลือละ?”
“มีจอมเวทย์ระดับทั่วไป 23คน....ส่วนใหญ่พึ่งได้รับเลื่อนขั้นมาไม่นานขณะที่เหลือได้ทำภารกิจอื่นไปหมดแล้วครับ”
“ฉันไม่สามารถใช้พวกเขาได้ จะพูดทำไมกัน”
เธอทุบโต๊ะด้วยความหงุดหงิดก่อนที่จะขยี้หัวของเธออย่างที่ไม่สามารถช่วยได้ ธีโอดอร์ยืนมองอย่างอึดอัดก่อนที่ดวงตาสีทองจะหันมามองที่เขา
“เรียกตัว ปรมาจารย์ วินซ์ ไฮน์เดล มาพบฉันเดี๋ยวนี้ วินซ์ ไฮน์เดล และ ธีโอดอร์ มิลเลอร์ จะเป็นผู้รับภารกิจนี้ จากนั้นไปหาชูเกลและขอให้เขาเตรียมการเคลื่อนย้ายด้วย”
จอมเวทย์ม่กล้าที่จะปฏิเสธหรือลังเลใดๆ เขารีบวิ่งออกจากหอคอยไปทันที