ตอนที่ 50 ไม่บอกชื่อตอน 2
ในขณะที่ความตะกละกำลังกินลาภก้อนโตอยู่นั้น การจับคู่ของซิลเวียและแรนดอล์ฟนั้นก็กำลังจะจบในไม่ช้า เห็นได้ชัดว่าเอลเดอร์ลิชเป็นฝ่ายได้เปรียบ
[เน่าเปื่อยไปซะ....!]
เวทมนต์สีดำได้แผ่กระจายและกัดกร่อนไปทั่ว ดินจะกลายเป็นเป็นปุ๋ย และอากาศจะถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษ มันเป็นระดับของพิษที่แม้กระทั่งผู้ใช้ออร่านั้นไม่สามารถทนได้
เวทมนต์ขั้น6 การสูบพลังชีวิตได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว เอลเดอร์ลิชขั้นสูงที่เป็นอมตะ ปะทะก่อนจอมเวทย์ขั้น5 เป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
ซิลเวียนั้นนิ่งเฉยและร่ายเวทย์ออกมา “แช่แข็ง!”
อากาศและพื้นดินได้แข็งตัวทันที พิษในอากาศได้ถูกหยุดลง การแช่แข็งด้วยความเร็วสูงเช่นนี้เกิดจากอุปกรณ์เวทย์ ‘Jack Frost’s staff’ ของเธอและถ้าเธอไม่มีประสาทสัมผัสและการร่ายเวทย์ที่รวดเร็วเธอคงต้องเจ็บปวดจากพิษนี้ไปแล้ว
จอมเวทย์คนอื่นๆนั้นคงจะถึงขีดจำกัดไปนานแล้ว แต่เธอยังคงมีพลังเวทย์เหลืออยู่ประมาณ3%
“แฮ่ก....!แฮ่ก...!” ใบหน้าของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธอเช็ดใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ และมองไปที่โครงกระดูกสีขาวที่ลอยอยู่ตรงหน้าเธออย่างโกรธ
ความสามารถของคู่ต่อสู้ของเธอเหนือกว่าเธอหลายเท่า จำนวนเวทมนต์และความเร็วในการร่ายเวทมนต์นั้นเหนือกว่าเธอหมด และเหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นอมตะ
และสถานการณ์ของเธอก็คล้ายกับแรนดอล์ฟที่กำลังต่อสู้อยู่ใกล้ๆ
แก๊ง! ดาบคู่ปะทะดาบคู่ ทำให้เกิดประกายไฟจากดาบทั้งสี่เล่ม
ความเร็วของดาบนั้นเหนือกว่าเสียงเสียอีก ดาบซ้ายของแรนดอล์ฟได้หักไหล่ซ้ายของฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่โครงกระดูกอัศวินจะเรียกเลือดที่คอของแรนดอล์ฟได้ การโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงของทั้งคู่ก่อให้เกิดแรงลมที่น่ากลัวขึ้นรอบๆทั้งสอง มันเรียกว่าวงดาบ
อัศวินโครงกระดูกนั้นขาดความยืดหยุ่นเช่นร่างกายของมนุษย์ไป ดังนั้นแรนดอล์ฟจึงใช้ช่องว่างนี้ในการชิงความได้เปรียบ แต่อย่างไรก็ตามอัศวินโครงกระดูกก็ยังเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบากอยู่ดี
‘บ้าเอ้ย ไอตัวประหลาด!’
ในเวลาเดียวกันแรนดอล์ฟก็ได้ป้องกันการแทงสามครั้งซ้อนอย่างรวดเร็วของอัศวินโครงกระดูก
แก๊ง!แรนดอล์ฟนั้นถูกกดดันจนต้องถอยหลังไป
เขาถอยหลังไปไม่กี่ก้าว นี่เป็นการโจมตีตอบโต้ที่สมบูรณ์แบบมาก ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีร่างกายที่แข็งทื่อเหมือนอันเดท หัวของเขาคงจะหลุดไปสิบครั้งแล้ว
‘ยัง....ฉันพบช่องว่างที่ฉันจะโจมตีได้’
[สาวน้อย] เสียงของแรนดอล์ฟถูกส่งไปหาซิลเวียคนเดียว [ฉันจะเปิดช่องว่างให้กับเธอ จากนั้นใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดที่เธอจะทำได้...!]
โดยไม่ต้องรอการตอบสนอง แรนดอล์ฟก็หันไปมุ่งความสนใจไปที่คู่ต่อสู้ของเขา
คู่ต่อสู้ของเขามีช่องว่างอยู่และถ้าฝ่ายตรงข้ามยังมีชีวิตอยู่เขาคงจะใช้ช่องว่างนี้ไม่ได้
‘ตอนนี้แหละ!’
ดาบทั้งสองเล่มของแรนดอล์ฟคล้ายกับคมเขี้ยว
-คลื่นดาบหมาป่า
ฉึบ!
ดาบที่ปกคลุมไปด้วยออร่าอย่างแน่นหนาได้ปล่อยคลื่นดาบกระแทกเข้าใส่ที่หัวของโครงกระดูกอัศวินอย่างรุนแรง เกิดคลื่นกระแทกกระจายไปทั่ว
หัวของโครงกระดูกอัศวินได้ปลิวกระเด็นไปทางเอลเดอร์ลิช
[มันคืออะไร....?] การร่ายมนต์ของเอลเดอร์ลิชได้ถูกหยุดลงจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
ถ้าเขาร่ายเวทมนต์สำเร็จ เขาจะทำลายซากผมที่มีค่าเหล่านี้ด้วยมือของตนเอง ตอนนี้มันเป็นเพียงอัศวินโครงกระดูก แต่มันก็ยังเป็นข้ารับใช้ที่มีค่าที่อาจจะเปลี่ยนเป็นอัศวินแห่งความตายได้ในสักวัน
ในช่วงเวลาแห่งความลังเลนั้น พลังเวทมนต์ที่หนาวเย็นก็ได้ถูกร่ายขึ้น “นายแห่งความหนาวเย็น ยมิลล์! ฉันขอร้องท่าน..!”
มันเป็นเวทมนต์ที่ซิลเวียได้ใช้ในการแข่งขันกับซิลเวียในตอนสุดท้าย แต่ความสมบูรณ์และพลังอำนาจของมันได้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมจากตอนนั้น เอลเดอร์ลิชที่สังเกตเห็นกระแสพลังเวทย์แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เนื่องจากหัวของอัศวินโครงกระดูกที่กระเด็นมาได้ขัดขวางการหลบหลีกของมัน ขณะนั้นเวทมนต์ของซิลเวียก็เสร็จสมบูรณ์
‘พายุหิมะสังหาร’
พายุหิมะอันน่ากลัวได้กลืนกินอันเดททั้งสองไปทันที!
กรึ้ก ! แกร็ก!ครืนน!
พื้นดินและแม้กระทั่งน้ำในอากาศต่างแข็งตัว แม้แต่พลังเวทย์แห่งความมืดก็ไม่มีทางที่จะต้านทานความหนาวเย็นนี้ได้ อัศวินโครงกระดูกกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งทันที ขณะที่เอลเดอร์ลิชนั้นถูกปกคลุมไปด้วยก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่
ในอีกแง่หนึ่งมันเป็นการโจมตีที่ดีที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถที่จะทำลายแก่นชีวิตได้ ดังนั้นการใช้เวทมนต์น้ำแข็งที่จะหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของมันนั้นเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในตอนนี้ ขณะนี้ได้เกิดก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง
[….ใช้ได้ สาวน้อยเธอนั้นมีทักษะที่ดีจริงๆ]
อย่างไรก็ตามเอลเดอร์ลิชนั้นยังคงนิ่งเฉย
แม้เอลเดอร์ลิชนั้นจะถูกขังอยู่ในน้ำแข็งแต่ทว่า มันยังคงอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลาย ไม่มีทางที่พวกซิลเวียจะทำลายความเป็นอมตะของมันได้
[พวกเจ้าไม่สามารถที่จะหลีกหนีจากความตายได้ เมื่อพลังเวทมนต์ของเจ้าหมดลงและน้ำแข็งนี่ละลาย มันจะเป็นวินาทีสุดท้ายของชีวิตเจ้า!]
“อา แกยังคงเห่าอยู่จนจบ” แรนดอล์ฟพึมพำขณะที่เขาปล่อยดาบของเขาลงพื้น เขารู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่สามารถชนะได้ แม้พวกเขาทั้งสามคนจะอยู่รวมกันผลลัพธ์ก็คงเป็นเช่นเดิม
ตราบใดที่ไม่สามารถทำลายแก่นชีวิตของมันได้ การต่อสู้กับมันนั้นก็จะไร้ความหมาย และในตอนนี้พลังเวทย์ของซิลเวียก็ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
แกร๊กแกร๊ก....น้ำแข็งที่กักขังอันเดททั้งสองตัวเอาไว้เริ่มแตกออก
เมื่อพลังเวทย์ของซิลเวียได้หมดลง อากาศที่หนาวเย็นโดยรอบก็ค่อยๆอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดน้ำแข็งก็ได้ละลายจนหมดและโครงกระดูกสองตัวก็ได้หลุดออกมา
[นี่คือจุดจบ.....จากนี้ไปพวกเจ้าจะกลายเป็นข้ารับใช้ของข้า!]
ซิลเวียและแรนดอล์ฟนั้นไม่มีอำนาจที่จะต่อต้านหรือหนีไปได้เลย พื้นที่โดนรอบของพวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจเวทมนต์อันดำมืดที่จะกัดกร่อนสิ่งมีชีวิตในทันทีที่สัมผัสกับมัน ถ้าเป็นเช่นนี้ไม่นาน แรนดอล์ฟจะกลายเป็นดูลาฮาน และซิลเวียจะกลายเป็น วิญญาณมืด
ขณะนั้นก็ได้มีเสียงอันไม่พึงประสงค์ดังออกมาจากที่ไหนสักแห่งภายในถ้ำ
หมอกได้หยุดเคลื่อนที่และเอลเดอร์ลิชได้ทำเสียงสับสน [หืม? หมายความว่าไงกัน...?]
เสียงนั่นมาพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆที่เหมือนเสียอะไรบางอย่างไป เขารู้สึกว่ามีบางอย่างหายไปจากร่างกายของเขา จิตวิญญาณของเจ้าของร่างนี้ ชายหนุ่มที่ชื่อว่า จีโอวานนี่ ได้กลายเป็นอาหารของความตะกละไปแล้ว
จากนั้นจุดจบของเขาก็ตามมาไม่นานหลังจากนั้น
[---!] กระดูกของเอลเดอร์ลิชค่อยๆผุกร่อนเรื่อยๆและพลังเวทมนต์ได้กระจายออกจากร่างของมันไปทั่ว
ซิลเวียและแรนดอล์ฟที่ได้เห็นเอลเดอร์ลิชที่เป็นอมตะกลายเป็นเศษฝุ่นขี้เถ้า นี่คือจุดจบของเอลเดอร์ลิช จีโอวานนี่
ฟิ้ววว....
ขณะที่เขาหายไปกลายเป็นกองขี้เถ้า ทั้งสองคนต่างเต็มไปด้วยความงุนงง พวกเขาไม่ทราบว่าพวกเขาชนะได้อย่างไร
***
ดันเจี้ยนที่สูญเสียแกนกลางจะล่มสลายอย่างแน่นอน และแน่นอนตามที่กล่าวไปดันเจี้ยนนี้ที่ถุกสร้างขึ้นโดยเอลเดอร์ลิชก็ได้กลับไปเป็นรูปแบบเดิม กลายเป็นถ้ำที่มีเพียงความกว้างไม่กี่เมตรและความลึกไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
และห้องแกนกลางที่ธีโอถูกขังอยู่ก็ไม่เว้น
กึก กึก กึก.....
แผ่นดินได้สั่นสะเทือน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้กลับสู่สภาพเดิม กำแพงที่ขยายกว้างขึ้น รูปปั้นสลักน้ำแขงและดินที่ปนเปื้อยไปด้วยพลังสีแดง ทั้งหมดได้ฟื้นฟูกลับเป็นดั่งเดิม ห้องแกนกลางนั้นไม่ได้เป็นห้องที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ แต่เป็นห้องที่ถูกปรับปรุงดัดแปลง
ธีโอดอร์เข้าใจถึงเรื่องนี้ได้ทันทีขณะที่มองไปรอบๆ “นี่คือห้องที่ถูกเขียนในรายงาน”
เขาพยักหน้าให้กับตัวเองขณะมองไปที่โบราณวัตถุและกระดาษที่เก่าคร่ำครึ ตามรายงานของจีโอวานนี่ เขาได้พบห้องที่เต็มไปด้วยสมบัติ รวมถึงมรดกตกทอดของแรนดอล์ฟอีกด้วย
‘แต่ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนดาบเลย..บางทีมันอาจจะเป็นที่อื่น?’
ตำแหน่งของสิ่งของอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ดันเจี้ยนถูกสร้างและลบออกไป ธีโอนำวัตถุโบราณใส่ในกระเป๋ามิติและเดินออกจากห้องไปเพื่อไปหากลุ่มของเขา
วูบบบบบ!
ธีโอรู้สึกแปลกๆที่หลังของเขา ธีโอรีบกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างรวดเร็วและเขาก็พบกับหนังสือที่ปกคลุมไปด้วยความมืด
มันเป็นหนังสือที่มีโซ่แห่งความมืดพันอยู่รอบมัน!
“หนังสือเวทย์โบราณ!” เมื่อธีโอร้องออกมาด้วยความตกใจหลุมบนฝ่ามือของธีโอก็ได้เปิดขึ้น
-ฮู่ๆ เจ้าพบมันแล้ว! ปล่อยให้ข้าจัดการเอง ผู้ใช้!
ความรู้สึกของความตะกละเต็มไปด้วยความสุขอย่างยิ่ง ลิ้นได้ยื่นออกไปอย่างรวดเร็วและคว้าหนังสือเวทย์โบราณแห่งความมืดเอาไว้และโยนมันลงกับพื้นดิน
(……………!)
-เพื่อนใหม่!
ความตะกละไม่สนใจเสียงกรีดต้องที่น่าขนลุกของหนังสือเล่มนั้นและได้ฟาดหนังสืออย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือนแมลงที่ถูกคางคกจับ บางครั้งความมืดก็ได้แทรกซึมเข้าไปในถ้ำ แต่ลิ้นของความตะกละนั้นไม่สนใจและยังคงฟาดหนังสือไปเรื่อยๆ
[……..]
การโจมตีของความตะกละนั้นมีประสิทธิภาพมาก ความมืดมิดค่อยๆเงียบลง มันก็เหมือนกับคนที่ถูกกระแทกจนสลบ ธีโอรู้สึกสงสารขณะที่เขาถูกบังคับให้ยืนนิ่งและเฝ้าดู
หนงสือเล่มนี้น่าจะโดนฟาดอย่างแรงถึง30ครั้งได้มั้ง?
-บังอาจมากเพื่อน!แกกล้าคิดที่จะควบคุมผู้ใช้ของข้า....มันจะเป็นการดีกว่าที่จะสุ่มเลือกคนอื่น
ความตะกละหัวเราะออกมาอย่างยินดี ดูเหมือนว่ามันจะพยายามขโมยร่างของธีโอเหมือนที่จีโอวานนี่โดน หนงสือเวทย์โบราณได้พ่ายแพ้และกลายเป็นเหมือนกับอาหารของความตะกละ
และเช่นเดียวกับสัตว์ร้ายที่ไม่มีความปราณี ความตะกละได้วางลิ้นของมันลงบนหน้าปกหนังสือนั่น
[Death’s Worship]
[หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยวิญญาณของเนโครแมนเซอร์ในตำนาน เจเร็ม ผู้ที่เป็นเนโครแมนเซอร์ขั้น9ผู้ที่เข้าร่วมกับฝั่งปีศาจโจมตีมนุษย์ เจเร็มนั้นจะขโมยร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อ่านหนังสือเล่มนี้และเปลี่ยนให้กลายเป็นอันเดท เขาฝันว่าเขาจะได้รับการคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และวิญญาณของเขากำลังรออยู่ในก้นบึ้งของนรก
*หนังสือเล่มนี้อยู่ในระดับ ‘ตำนาน’
*เมื่อกินแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะดูดซับความสามารถของเนโครแมนเซอร์เจเร็มมา50-100% ‘การบิดเบือนช่องว่าง’และอันเดทซึ่งเป็นของเจเร็มจะเป็นของคุณ
*เมื่อกินแล้วมีความเป็นไปได้สูงมากที่ เนโครแมนเซอร์เจเร็ม จะยึดร่างกายของคุณ หากคุณต้องการจัดการกับความเป็นไปได้นี้ โปรดปลดผนึกความสามารถของความตะกละอีกอันและเพิ่มระดับเวทย์ของคุณ]
“…วงกลมที่9?” ธีโอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นเลขนั้น
มันคือจุดสูงสุดของเวทมนต์ จอมเวทย์ขั้น9นั้นไม่เคยปรากฏตัวในทวีปมานานเกือบพันปีแล้ว
มีเพียงผู้นำของBlue Tower และ Red Tower เท่านั้นที่เป็นจอมเวทย์ขั้น8และพวกเขาเป็นคนที่อยู่เหนือขีดจำกัดของมนุษย์ พวกเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้อาณาจักรเมลเทอร์สามารถต่อกรกับจักรวรรดิแอนดราส ที่มีขนาดและความแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาได้
อย่างไรก็ตามจอมเวทย์ขั้น9?ถ้าจอมเวทย์ขั้น9กลับมาอีกครั้งพวกเขานั้นสามารถครอบครองทวีปได้โดยลำพัง แต่ทว่าคำแนะนำที่เขียนไว้ในคำอธิบายนี้ได้ระงับความโลภของเขาไว้
“...เฮ้ แกไม่สามารถกินมันได้ในตอนนี้”
-มาดูกัน?นี่เป็นโอกาสที่หายากมาก นี่ไม่ใช่โอกาสที่จะกลายเป็นจอมเวทย์ขั้น9งั้นรึ มันคุ้มค่ากับการเสี่ยงชีวิตไม่ใช่หรอ?
“อย่ามาพูดบ้าๆน่า”
หรือว่าบางทีความตะกละอาจจะมีวิธีในการจับตัวมันเอาไว้
ด้วยความเชื่อมั่น ธีโอดอร์จึงเปิดปากของเขาขึ้น “แก...แกมีวิธีจัดการกับมันงั้นหรือ?”
-ใช่และไม่ใช่
มันเป็นคำตอบที่คลุมเครือ แต่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ธีโอคิดอย่างเร่งด่วนและเข้าก็หาคำตอบได้ ให้อาหารแก่มันด้วยกระเป๋ามิติและเปิดคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ มันน่าจะเป็นเหตุผลที่ความตะกละได้ให้คำแนะนำแก้ธีโอโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนใดๆ
“คุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ ใช่ไหม?”
-ข้าไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้มากกว่านี้ อ่าและเวลาที่ข้าจะสามารถจับหนังสือเล่มนี้เอาไว้ได้เหลืออีกแค่5นาทีเท่านั้น ข้าแค่อยากจะบอกให้ทราบเฉยๆดังนั้นไม่ต้องกังวล
“ไอบ้าเอ้ย...!”
มันเป็นคำตอบที่น่ากลัวและล่อลวงเขาอย่างยิ่ง ถ้าธีโอไม่ปลดล็อคคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่เขาจะไม่สามารถที่จะจับหนังสือเล่มนี้ได้ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นเจ้าหนังสือเวทย์โบราณนี้คงจะหนีจากลิ้นของความตะกละและไปหาร่างสิงสู่ใหม่
ในอนาคตอาจจะเกิดเอลเดอร์ลิชที่ทรงอำนาจกว่านี้และก่อให้เกิดภัยพิบัติขึ้น ต้องขอบคุณความอันตรายของหนังสือเวทย์โบราณเล่มนี้ ทำให้ธีโอไม่มีเวลาที่จะกังวลเกี่ยวกับราคาของกระเป๋ามิติ
ในที่สุดมือขวาของธ๊โอก็ล้วงเข้าไปในเสื้อของเขา