ตอนที่ 4 สร้อยรูปงู
โอ๊ยมันก็นานมากแล้วนะฉันรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ฉันคิดว่าฉันจะอยู่แต่ในห้องนี้ไม่ได้แล้วล่ะฉันควรจะหาทางออกไปจากที่นี่สักที ฉันเอาหูแนบกับประตูดูเผื่อว่ามันอาจจะได้ยินเสียงอะไรบ้าง แต่ฉันไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากความเงียบ ฉันเลยเปิดประตูแง้มๆมันดูเผื่อว่าฉันจะมองเห็นอะไรได้บ้าง เเต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยเห็นเเต่ห้องโล่งๆที่มันไม่มีอะไรเลยซึ่งมันเป็นห้องสีดำแดงแล้วก็จะมีอีกประตูให้เปิดออกไปอีกหนึ่งประตูข้างหน้าของฉัน ห้องซ้อนห้องมันไม่เปลืองพื้นที่ไปหน่อยหรอเเต่ก็ช่างมันเถอะเพราะอย่างไรก็ไม่ใช่ห้องของฉันอยู่ดี ฉันโผล่หัวออกไปดูก็ไม่เห็นว่ามีใครอยู่ฉันเลยถือโอกาสนี้เดินออกมาจากห้องนั้นเพื่อที่จะรีบหนีออกไปจากที่นี่เสียที แอบตามมุมนั้นมุมนี้บ้างเผื่อว่าจะมีคนเข้ามาฉันจะได้หลบทันหรือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้รอดออกไปได้ ด้วยความที่ห้องนี้มันมืดอยู่เเล้วฉันอาจจะพลางตัวได้บ้างเเต่มันก็มีข้อเสียก็คือมันมืดเกินกว่าที่ฉันจะมองเห็นของในห้องนี้ได้ ในตอนที่เดินออกไปอยู่ก็ต้องระวังของที่เป็นของที่เเตกได้ด้วยถ้าเกิดเสียงดังขึ้นมาพวกมันอาจจะรู้ว่าฉันอยู่ที่ห้องนี้ก็ได้ ฉันเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปชนกับอะไรบางอย่างที่เเข็งๆชนที่ด้านหลังของฉันฉันจึงลองจับมันดู มันก็คือลูกบิดประตูนี่นาฉันหาประตูพบเเล้วสินะ เเต่ก่อนที่ฉันจะเปิดประตูออกก็ดันได้ยินเสียงเท้าของใครบางคนกำลังมุ่งตรงมาที่นี่ด้วยสิ ฉันจะทำอย่างไรดีล่ะถ้าเกิดออกไปตอนนี้เเล้วเขาไม่ใช่คนดีขึ้นมาจะทำเช่นไรกัน ฉันจะหลบซ่อนตรงได้ได้บ้าง. . .งั้นก็ซ่อนมันซะตรงนี้เลยก็เเล้วกัน ฉันย่องไปเเอบที่หลังประตูของประตูที่ฉันเจอเเล้วรอให้เขาเข้ามาในห้องนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นยังไงมันก็ต้องเกิดอยู่ดีจะตายก็ช่างมันเเต่ตอนนี้ยังไม่ตายก็หาทางเอาตัวรอดก่อน นั่นก็คือข้างประตูเนี่ยแหละ //ตึกตึกตึก// ฉันยืนอยู่เงียบๆที่หลังของประตูบานนี้เเต่ทว่ามือของฉันดันไปโดนกับกำเเพงทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาบางทีอาจจะทำให้เขาได้ยินเสียงของฉันก็ได้นะซวยเเล้วสิเรา สักพักหนึ่งเสียงเดินก็ได้หยุดลงที่หน้าประตูของห้องนี้ //กุกกัก เอี๊ยด// เสียงเปิดประตูดังขึ้นมาเเล้วคนๆนั้นก็กำลังจะเข้ามาในนี้ด้วย ขอให้ลูกได้รอดด้วยเถิดสาธุๆ มีใครบางคนได้เปิดประตูเตรียมที่จะเข้ามาเเล้วในตอนนี้ หัวใจของฉันเต้นรัวๆเเบบไม่เป็นจังหวะจะรอดหรือไม่รอดก็อยู่ที่คนๆนี้เเล้ว ฉันเเอบมองออกไปตรงช่องของประตูดูว่าใครกันที่กำลังจะเข้ามาในนี้ ผมที่ยาวลงไปยังก้นของคนๆนี้ หรือว่าจะเป็นผู้หญิงกันนะ ขาของเขาเริ่มก้าวเข้ามาในห้องๆนี้ฉันตายเเน่ๆเลยไม่นะอย่าเข้ามานะไม่ !!!
“นายท่านครับผมขออนุญาตรบกวนนายท่านสักหน่อย พอดีว่ามีข่าวดีมาบอกกล่าวให้นายท่านได้รู้ครับผม ในตอนนี้ทางทหารปีศาจฝั่งที่ไปทางหน้าเมืองของพวกมนุษย์นั่นก็ได้ฝ่าวงล้อมเข้าไปได้แล้วครับเราควรจะเอายังไงต่อดีครับ ให้ทำการตีกำแพงชั้นในเลยหรือเปล่าถ้าตีกำเเพงชั้นในได้พวกเราจะสามารถเข้าไปเอาตราแห่งความเจริญมาได้นะครับ”
คนกลุ่มนี้เองหรอที่ตีกำเเพงชั้นนอกของเมืองกงจิ้น หรือว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูของเมืองๆนั้น
“อย่างนั้นหรอทำได้ดีมากเลยมาคาโอ ฉันไม่คิดเลยว่าเมืองกงจิ้นจะตีแตกง่ายขนาดนี้เลยนะงั้นฉันจะไปจัดการแผนต่อเอง ส่วนนายไปบอกให้พวกนกยักษ์ปากเหล็กกลับมาที่ปราสาทกันได้แล้วนะ พวกมันกินมนุษย์แล้วทิ้งอย่างนั้นทำให้กลิ่นแถวนั้นเน่าฉันให้เฝ้าไม่ได้ให้ฆ่าเล่นๆเเล้วโยนทิ้ง เข้าใจด้วยว่าฉันไม่ชอบให้มีกลิ่นเหม็นในตอนฉันไปถึง บอกให้แม่บ้านแมวป่าไปจัดการเก็บกวาดด้วยนะก่อนที่ฉันจะเดินทางไปถึงหอคอยแห่งนรกอีกที ได้ข่าวว่ามีมนุษย์รอดจากนกยักษ์ได้ด้วยนี่นา ใครกันที่รอดจากนกยักษ์ได้นี่ก็ถือว่าเก่งใช้ได้เลยนะ อย่างไรก็ตามฉันขอสั่งให้นายลงไปตรวจค้นรอบๆด้วยเผื่อว่ามันจะอยู่เเถวนั้น”
เสียงของผู้ชายนี่นาเขาเป็นผู้ชายหรอ เเล้วหอคอยแห่งนรกก็คือหอคอยที่ฉันถูกขังไว้สินะ เขาจะรู้หรือเปล่าว่าเขาพาฉันมาซวยที่นี่ เเต่ถึงอย่างไรฉันก็ต้องโดนขังอยู่ที่เมืองกงจิ้นอยู่ดี อย่างไรก็ตามเเต่ตอนนี้ฉันต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนเพราะดูจากท่าทางของนายนี่เเล้วเขาไม่ใช่คนดีอย่างเเน่นอนเเถมดูเหมือนจะไม่สนโลกอีกด้วย ขนาดคนตายเขายังไม่เเยเเสเลย ที่สำคัญเหมือนจะเป็นบุคคลอันตรายที่เลี้ยงเจ้านกยักษ์พวกนั้นเสียด้วยสิ เมื่อพวกเขาคุยกันเสร็จเรียบร้อยชายคนนั้นได้ปิดประตูเเล้วเดินออกไปจากที่นี่ทำให้ฉันโล่งใจได้เปาะหนึ่งเเต่ว่าถึงอย่างไรก็ยังคงไว้ใจไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ควรที่จะออกไปจากห้องๆนี้ก่อนที่เขาจะกลับมาดีกว่า ไม่เช่นนั้นถ้าเขาได้เจอฉันเขาอาจจะจับฉันไปฆ่าหรือทรมานเเบบนี้ทำกับใครหลายๆคน เมื่อรอเวลาจนคิดว่าน่าจะไม่มีคนอยู่แล้ว ฉันจึงเปิดประตูนั้นออกแล้วก็มองซ้ายมองขวาข้างนอกนี่จะเป็นทางยาวให้เดินไป ส่วนด้านขวาจะเป็นเหมือนสวนญี่ปุ่นที่มีเเต่เม็ดกรวด ฉันเดินตามทางไปเรื่อยๆเเต่เสียงรองเท้าค่อนข้างดังมากมันจึงทำให้ฉันต้องถอดรองเท้าของตัวเองออกเเล้วเอาใส่กระเป๋าไว้เเล้วเดินไปต่อ เเต่มันก็ยังไม่วายที่จะวางใจก็ดันมีเสียงของผู้หญิงเดินคุยกันเเล้วกำลังจะเข้ามาที่นี่ด้วย ฉันได้ยินเเบบนั้นฉันรีบลงไปจากทางเดินเเล้วมุดลงไปใต้พื้นในทันที ดีนะที่มันเป็นเสาร์ตั้งสูงถ้าไม่อย่างนั้นคงหาที่ซ่อนไม่ได้เป็นเเน่ ในตอนเเรกก็นึกว่าจะเดินผ่านเข้าไปในประตูห้องที่ฉันเคยอยู่เเต่ที่ไหนได้ดันมันยืนคุยกันอยู่ข้างบนหัวของฉัน
“นี่เธอๆได้กลิ่นอะไรเเปลกๆจากเเถวนี้บ้างหรือเปล่าห้ะ???”
ซวยเเล้วไงกลิ่นเหงื่อของฉันมันมีกลิ่นขนาดนั้นเลยหรอ ผู้หญิงคนนี้ถึงได้กลิ่นขนาดนี้
“ห้ะ? อะไรนะกลิ่นอะไรของเธอทำไมฉันไม่เห็นที่จะได้กลิ่นเลย หรือว่า. . . จะเป็นกลิ่นของนายท่านที่ติดตัวของฉันอยู่ เเล้วนี่ทำไมถึงต้องดมกลิ่นด้วยหรือว่ายังไม่เลิกกลับตัวเป็นเหมือนมนุษย์เสียที ยังเป็นสุนัขอยู่เหมือนเดิมหรอ ฮ่า ฮ่า”
ผู้หญิงคนนี้ฉันจำเสียงได้เธอเป็นคนที่อยู่ในห้องกับผู้ชายอีกคนนี่นา เเล้วนายท่านที่ว่าน่าจะเป็นคนที่เปิดประตูตอนนั้นเเน่ๆเลย
“นี่หล่อนอย่ามาว่ากันเเบบนั้นนะ ที่เธอล่ะตอนเเอบไปเเขวะขนตัวเองออกจากคอฉันยังไม่พูดออกมาเลยนะ หุบปากของเธอเอาไว้เลียขนของตัวเองดีกว่าย๊ะ”
เอาเเล้วเริ่มทะเลาะกันเเล้วเเต่สิ่งที่พวกเธอพูดทำเอาฉันมึนงงไปหมดเลย อะไรที่บอกว่าดมกลิ่นเเล้วอะไรที่บอกว่าเลียขน สักพักก็มีเสียงของผู้ชายอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาจากที่ทะเลาะกันอยู่ก็เงียบกัน
“พวกเธอกำลังทำอะไรกันอยู่พอเลิกทะเลาะกันได้แล้ว ฉันบอกว่ายังไงห๊ะโซฟีจะไปทำไหมงานน่ะไปทำได้เเล้ว ส่วนเธออีสเธอร์ฉันบอกให้ไปที่ไหนทำไมไม่ยอมไปทำความสะอาดเสียที เดี๋ยวก็สั่งให้นายท่านพาลงนรกเสียหรอก”
เสียงเเบบนี้น่าจะเป็นคนที่ไปบอกข่าวกับผู้ชายคนนั้นเเน่นอน
"ขอโทษค่ะพวกเราจะไปทำเดี๋ยวนี้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะไปเร็วอีสเธอร์"
เรียบร้อยทั้งสองคนเลยโดนครั้งเดียวเงียบกันหมด เสียงเท้าเริ่มวิ่งพากันออกไปฉันรอจังหวะที่ผู้ชายอีกคนจะออกไปด้วย เเต่เหมือนว่าเขายังไม่ออกไปเลยเขากำลังทำอะไรของเขาอยู่ตรงนี้กัน เเต่สักพักเขาก็เดินออกไปจากตรงนี้ใช้เวลาสักพักหนึ่งเพื่อที่จะให้เสียงเท้าเงียบลงฉันจึงค่อยๆโผล่หัวขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เเล้วฉันก็ขึ้นมาจากข้างใต้นั่นแล้วก็เดินตามทางต่อไป เมื่อเดินไปจนสุดทางมันจะมีทางแยกระหว่างทางขวาและทางซ้ายให้ฉันเลือกซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าไปทางไหนมีโอกาสรอดที่สุด ฉันเลยใช้วิธีแบบไทยๆนี่แหละในการเลือกทางไปโดยการเสี่ยงดวง นับ หนึ่ง สอง สาม จ้ำจี้มะเขือเปาะแปะกระท้อนหน้าแว่น แล้วชี้ไปตามเพลงจนกระทั่งจบเพลงฉันลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่านิ้วของฉันนั้นได้ชี้ไปทางขวา ไปเลยยัยมะลิสู้เขาจะรอดจะตายก็แล้วแต่ทางที่ไปนี่เเหละ เมื่อเดินตามทางไปทางมันก็จะโค้งไปโค้งมาเหมือนกับว่ามันจะไม่มีทางสิ้นสุดลง แต่ใช้เวลาไม่นานฉันก็เจอกับประตูขนาดใหญ่ที่มีรูปงูยักษ์ ฉันเห็นแบบนี้บ่งบอกได้สองอย่างคือ ข้างในอาจจะมีงูอยู่เต็มไปหมดหรือมันเป็นเพียงการสลักภาพให้สวยงามเท่านั้น เสี่ยงมาขนาดนี้แล้วจะกลับก็คงไม่ได้แล้วล่ะ ฉันเลยเปิดประตูเข้าไปทันทีเลยเอายังไงก็เอายังงั้นให้มันตายรู้เเล้วรู้รอดไปเลย!!! เมื่อประตูได้เปิดออกฉันพบกับตู้ที่มีของอยู่ข้างใน ซึ่งกระจกได้ปิดคอบมันเอาไว้ เมื่อมองเข้าไปผ่านกระจกนั้นฉันก็เห็นกับสร้อยคอรูปงูสีอมขาวไข่มุขเหมือนงูเผือกซึ่งมันสวยมาก มันสะกดใจฉันให้เข้าไปหามันทันทีที่เห็น แต่ด้วยความคิดเหมือนว่ามันจะเป็นของล้ำค่ามากๆเลย ฉันเปิดที่คอบออกเเล้วหยิบมันขึ้นมาก่อนจะใส่มันเอาไว้ที่คอของฉัน ก่อนที่ฉันจะออกไปฉันก็พบกับหนังสือบางอย่าง วางไว้ใกล้ๆกับสร้อยนี่ด้วยฉันจึงหยิบมาด้วยแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากที่นี่ เมื่อฉันได้วิ่งออกมาจู่ๆก็ดันไปเจอกับผู้หญิงหน้าสุนัขคนหนึ่งทำให้ฉันตกใจมาก นี่ไม่ใช่คนนี่นาฉันกำลังเจอกับสัตว์ประหลาดอยู่ที่ข้างหน้าของฉัน เเล้วตอนนี้เธอก็หันมามองฉันจากที่ไกลๆเเล้วด้วย ฉันเห็นเช่นนั้นเลยรีบวิ่งกลับไปอีกทางหนึ่งซึ่งเป็นทางซ้ายแล้ววิ่งไปเปิดประตู ก่อนเธอคนนั้นจะวิ่งตามมาทัน ก่อนที่เธอจะถึงตัวของฉันฉันรีบปิดประตูอัดหน้าของเธอเเล้วก็กลั้นประตูเอาไว้ เมื่อมองลงไปก็พับว่าประตูนี้สามารถล๊อกได้ฉันจึงล๊อกเอาไว้เเล้วถอยออกมาจากประตูในทันที ฉันถอนหายใจยาวๆก่อนจะปาดเหงือของตัวเองออกเเล้วก็จะหันหลังเดินออกมา เเต่เหมือนกับว่าหน้าของฉันไปชนกับอะไรบางอย่างนุ่มๆเข้า ฉันจึงถอยออกมาเเล้วพบกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีผมยาวเเละสูงมากเสียด้วย
“เจอตัวเเล้วมนุษย์ที่รอดออกมา มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกันนะ. . . คิดอะไรสนุกๆออกเเล้วสิ”
แย่แล้วเขาเจอฉันแล้วฉันตายแน่ๆเลย ฮือออพ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยหนูด้วย