ตอนที่ 40 กลับบ้าน 1
ผู้นำBlue Tower บลันเดลล์ แอทลันคัส เรียกตัวพวกเขา….!
ทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจกับการเรียกตัวไปพบแบบไม่คาดคิด พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยเนื่องจาก นี่เป็นคำสั่งจากบุคคลที่อยู่จุดสูงสุดของหอคอยเวทมนต์ พวกเขาไม่ทราบเลยว่าบลันเดลล์ต้องการอะไรจากพวกเขากัน
Blue Tower นั้นอยู่ไม่ไกลจาก Magic Society ดังนั้นทั้งสองจึงเดินตามเมลโรสไปไม่นานก็ถึงBlue Tower เมื่อพวกเขาถึงหน้าประตูหลักของBlue Tower
“..มาสเตอร์ ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมาที่ผม?”
วินซ์นั้นมีสัมผัสที่ไวต่อการจ้องมองของผู้คนเขาก็รู้สึกได้เช่นกัน เขาจึงพยักหน้าอย่างอึดอัด
“ดูเหมือนว่าเธอจะกลายเป็นคนดังไปแล้วหลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน ตามที่คาดไว้Blue Tower นั้นกระจายข่าวได้เร็วจริงๆ”
“มีอะไรที่ผมควรจะต้องสนใจไหมครับ?”
“แค่ปฏิเสธไป ถ้าเธอให้ความสนใจพวกเขา พวกเขาจะเกาะติดเธอ”
Red Tower นั้นเปรียบเสมือนพวกหัวรุนแรง ป่าเถื่อน ขณะที่Blue Tower คือพวกที่ใช้เทคนิคการต่อสู้เป็นหลัก นี่คือคำที่ใช้เปรียบเทียบระหว่างหอคอยทั้งสองนี้ Red Tower เน้นความแข็งแกร่งมากกว่าการใช้สมอง ขณะที่Blue Tower จะใช้เทคนิคในการต่อสู้มากมายแทนที่จะสู้แบบตรงๆ พวกเขาจะต่อสู้แบบยืดเยื้อ ทั้งสองหอคอยจึงค่อนข้างแตกต่างกันมาก
ธีโอฟังคำแนะนำของวินซ์ไปขณะที่เดิมตามเมลโรสไปเรื่อยๆ และได้มาถึงชั้นบนสุดของหอคอยที่ห้องของผู้นำBlue Tower
พวกเขาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ประตูนั้นตกแต่งด้วยลวดลายที่ดูมีสีสันสดใสจากนั้นเมลโรสก็โค้งคำนับให้กับพวกเขา ขณะที่วินซ์เดินก้าวไปข้างหน้าทันใดนั้นประตูก็ได้เปิดออกเอง
แกร๊ก-
ทันทีที่วินซ์และธีโอดอร์เข้ามาประตูก็ได้ปิดเองอีกครั้ง มันคล้ายๆกับเวทมนต์ กล่าวคือห้องทั้งห้องนี้นั้นเกือบทั้งห้องเป็นอุปกรณ์เวทย์ทั้งหมด บลันเดลล์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้ลุกขึ้นและกล่าวต้อนรับพวกเขา
“โอ้ ยินดีต้อนรับ!ขอโทษด้วยที่เรียกตัวพวกเธอมาหาตั้งแต่ชะ-เช้า?”
บลันเดลล์ที่กำลังเดินมาก็ได้หยุดเคลื่อนไหวและจ้องมองไปที่วินซ์ ดวงตาของเขาส่องแสงออกมา หลังจากผ่านไป10วินาที บลันเดลล์ก็ยิ้มกว้างขึ้น “ฮ่าๆๆ! วินซ์เธอในที่สุดก็ทำลายกำแพงได้แล้วสินะ!”
“….คุณพูดเรื่องอะไร”
“โอ้ เธอนี่! ทำไมเธอถึงพยายามที่จะหลอกสายตาของผู้นำ Blue Tower คนนี้กันละ? อย่างไรก็ตามขอแสดงความยืนดีด้วยที่เธอก้าวข้ามขอบเขตได้แล้ว!”
“ฟู่ ขอบคุณ”
ตามที่คาดไว้จอมเวทย์ขั้น8 บลันเดลล์ ได้สังเกตเห็นถึงความสำเร็จของวินซ์อย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะร่าก่อนที่จะชวนวินซ์กับธีโอดอร์นั่งลง กลิ่นหอมอ่อนๆจากชาโชยมา บางทีการสนทนานี้คงจะไม่สั้นอย่างที่คิด
“วินซ์ฉันขอถามเธอก่อนได้ไหม?”
“พูดเลย”
“932และ1106 เธอรู้ไหมว่าเลขเหล่านี้หมายถึงอะไร?”
วินซ์รู้สึกขุ่นเคืองทันทีที่ได้ยินตัวเลขเหล่านี้ ใครมันจะไปรู้กัน
“ตัวเลขเหล่านี้เป็นการแสดงถึงจำนวนคนที่กำลังสืบหาข้อมูลของ วินซ์ ไฮน์เดล และ ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ตามลำดับตั้งแต่เมื่อวาน”
“….?!”
ดวงตาทั้งสองคนเบิกกว้างขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากจากพิธีมอบรางวัลเมื่อวานนี้ แต่พวกเขาไม่คิดว่าคนจำนวนมากจะให้ความสำคัญกับพวกเขาขนาดนี้ คนที่เข้าถึงข้อมูลของ Magic Society ได้นั้นมีน้อย แต่พวกเขาเหล่านั้นต่างเป็นพวกคนใหญ่คนโตทั้งสิ้น
วินซ์และธีโอตัวแข็งค้างทันที บลันเดลล์ส่ายหน้าและพยายามทำให้พวกเขาหายเครียด
“เอาละ พวกเธอไม่ต้องกังวลไป ฉันตระหนักถึงเรื่องนี้ดีและได้จัดการเรื่องนี้ตั้งแต่ที่พิธีมอบรางวัลจะเริ่มแล้ว คนเดียวที่มีอำนาจมากกว่าฉันคือฝ่าบาท ดังนั้นพวกเธอไม่ต้องกังวลไป”
“…..คุณรู้แต่แรกแล้วใช่ไหมว่ามันจะเป็นเช่นนี้?”
“มันเกิดขึ้นเสมอ ทุกๆปีพวกตระกูลใหญ่ๆพยายามที่จะชักจูงหาคนเข้าร่วมกับตัวเองอยู่เสมอ และปีนี้นั้นพิเศษกว่าเดิมพวกเขาจะพลาดมันได้ยังไง” บลันเดลล์ตอบอย่างใจเย็นขณะที่จิบชาของเขา
ในทางกลับกัน วินซ์ ก็อดที่จะขมวดคิ้วแน่นไม่ได้ เขาเกลียดชังเรื่องการเมืองเช่นนี้มากจึงได้หนีออกจากเมืองหลวงไป แต่พวกคนเดิมๆเหล่านั้นกำลังที่จะดึงศิษย์ของเขาไปยุ่งกับเรื่องนี้ ขณะนั้นพลังเวทย์ของเขาก็ปะทุขึ้นออกมาโดยไม่ตั้งใจ พลังเวทย์ของจอมเวทย์ขั้น6ทำให้บรรยากาศโดยรอบหนักอึ่งและร้อนขึ้นทันที
ความโกรธของจอมเวทย์ขั้นที่6 เป็นอะไรที่น่ากลัวมาก โชคดีที่ในห้องนี้นั้นมีจอมเวทย์ที่ทรงอำนาจอีก1คน
“ใจเย็นๆ” จากนั้นบลันเดลล์ก็สะบัดมือในอากาศเบาๆ
..เย็น
อากาศในห้องกลายเป็นเย็นลงทันที อากาศที่ร้อนก็กลายเป็นเย็นสบาย เขาช่างทรงพลังยิ่งนักเพียงแค่สะบัดมือเบาๆเท่านั้น
พลังของจอมเวทย์ที่มาถึงขั้นที่8เมื่อ30ปีที่แล้ว นั้นใกล้เคียงกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ถ้าบลันเดลล์ต้องการละก็ เขาสามารถที่จะเปลี่ยนสิ่งใดให้เป็นน้ำแข็งก็ได้เพียงแค่ดีดนิ้วเท่านั้น เขาสามารถทำให้พายุหิมะสังหารของซิลเวียกลายเป็นการเล่นของเด็กได้เลย และแม้กระทั่งทะเลทรายเขาก็สามารถที่จะคลุมมันทั้งหมดด้วยน้ำแข็งได้
หลังจากที่บลันเดลล์ได้ทำให้อากาศเย็นลงเขาก็กล่าวว่า “แม้ว่าเธอจะเป็นจอมเวทย์ขั้น6 เธอก็ไม่สามารถที่จะละเลยเรื่องเหล่านี้ได้ มันไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลยที่จะเป็นศัตรูกับเหล่าผู้มีอำนาจ”
“แล้วถ้าผู้นำหอคอยที่ชาญฉลาดจะทำอย่างไร?”
“หะ? ถ้าเป็นฉัน ฉันก็แค่จัดการพวกมันทั้งหมด ฉันเป็นจอมเวทย์ขั้น8ดังนั้น มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉัน”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังรู้สึกโกรธกับคำพูดของบลันเดลล์ เขาก็หัวเราะและหยิบอะไรบางอย่างออกมา
“นั่นเป็นเรื่องตลกเฉยๆ ฉันได้เตรียมพร้อมไว้สำหรับพวกเธอแล้ว”
“นั่น...?”
มันเป็นซองจดหมายที่ประทับตราของMagic Society เอาไว้ วินซ์นั้นรู้ดีว่าหมายความว่าอย่างไรแตกต่างจากธีโอที่ดูงุนงง
“นั่นคือจดหมายภารกิจ? ธีโอดอร์ ยังคงเป็นเพียงระดับพื้นฐานเท่านั้น”
“ถ้าเธอไม่สามารถที่จะจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ ก็เลี่ยงมันซะ มันจะดีกว่าถ้าเธออยู่แต่ในห้องตัวเองจนกว่าจะจบงานประลองเวทมนต์” บลันเดลล์ยิ้มด้วยความพึ่งพอใจขณะที่เขาพูดเสริมว่า “ธีโอดอร์ เธอไม่ได้กลับบ้านมาแล้ว5ปีใช่ไหม? เธอต้องการใช้โอกาสนี้ในการกลับบ้านไหม?”
“หืม? กลับบ้านผม?”
“สงสัยคงเป็นเรื่องบังเอิญ พอดีจุดหมายปลายทางของภารกิจครั้งนี้ก็คือ มิลเลอร์ บารอนี่”
“อ่า....!”
เรื่องนี้ทำให้เรื่องราวแตกต่างไปจากเดิม วินซ์สามารถที่จะซ่อนธีโอดอร์จากสายตาของเหล่าขุนนางได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรุกล่ำของพวกเขาและธีโอสามารถที่จะพบกับครอบครัวของเขาที่ไม่ได้พบมานานได้อีกด้วย
วินซ์มองไปที่เนื้อหาของภายในจดหมายที่ธีโอต้องส่งมอบ มันคือรายงานเกี่ยวกับถ้ำและประวัติของบุคคล และด้านล่างของเนื้อหามีคำแนะนำสั้นๆอยู่2-3คำ
“....ค้นหาจอมเวทย์ที่ถูกส่งตัวไปสำรวจถ้ำที่พบแถวมิลเลอร์ บารอนี่? มันไม่ใชคำของ่ายๆใช่ไหมครับ?”
บลันเดลลืเห็นด้วยกับคำของธีโอและอธิบายต่อว่า
“นี่ไม่ใช่ดันเจี้ยนแต่มันเป็นถ้ำธรรมดาที่พบเมื่อสามเดือนก่อน คนที่พอใช้ได้ถูกส่งไปสำรวจภายในถ้ำนั้น แต่....”
“การติดต่อได้ขาดหายไป”
“อะแฮ่ม ใช่แล้ว”
เรื่องนี้มันเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย โดยปกติแล้วจอมเวทย์จะเป็นพวกบ้าค้นคว้าและวิจัยอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาพบเจออะไรที่น่าสนใจพวกเขาจะเก็บตัวเองเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อศึกษามัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะส่งคนไปตรวจสอบและค้นหาจอมเวทย์ที่ขาดการติดต่อไป
“เธอไม่จำเป็นต้องเคร่งในเรื่องนี้มากนัก แค่พักผ่อนอยู่ในบ้านของเธอและหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ถ้าเธอพบจอมเวทย์คนนั้นช่วยนำเขากลับมาด้วย”
“…ผมเข้าใจ”
มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร มิลเลอร์ บารอนี่นั้นเปรียบเสมือนสวนหลังบ้านของเขา พ่อของเขาเป็นเจ้าเมืองที่แสนยากจนที่นั่น ถ้าจอมเวทย์คนนั้นไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในที่ลึกๆ เขาก็จะสามารถหาจอมเวทย์ได้ทันที
ธีโอได้รับการอนุญาตจากวินซ์และรับซองจดหมายนั้นมา
ทันใดนั้นบลันเดลล์ก็พุดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลว่า“อ่า-ตาแก่คนนี้ค่อนข้างเป็นห่วงเธอเพราะเห็นเธอยังเด็ก ถ้าจอมเวทย์คนนั้นไม่ได้ตั้งใจขาดการติดต่อด้วยตัวเอง ดังนั้นมันอาจจะเป็นอันตรายได้นิดหน่อย---”
“สิ่งที่คุณกำลังจะบอกคืออะไร?” วินซ์ถาม
“อะแฮ่ม! ฉันมีเพื่อนที่เหมาะจะร่วมเดินทางกับเธอ!” บลันเดลล์เมินวินซ์และเคาะไม้เท้าของเขาลงกับพื้น ดูเหมือนมันจะเป็นสัญญาณให้บางคนปรากฏตัวออกมา
เกิดคำถามขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองคน มีคนโผล่ออกมาจากด้านหลังของตู้หนังสือขนาดใหญ่ เธอมีดวงตาสีฟ้าและเส้นผมสีเงินยาวสลวย เธอคือซิลเวียผู้ที่แบกคฑาสีขาวซึ่งแตกต่างจากที่เธอใช้ตอนแข่งกับเขา
“….ซิลเวีย” ธีโอพูดเบาๆ
ซิลเวียพูดเบาๆตอบเขาขณะที่ก้มหัวของเธอลง “อ่า สวัสดี”
“อ่อ สวัสดี….?”
มันเป็นการทักทายกันที่น่าอึดอัด ทั้งสองคนนั้นได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำในระหว่างแข่งขันของพวกเขา ดังนั้นพวกขาจึงรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูก จนกระทั่งบลันเดลล์ได้ผลักซิลเวียไปข้างหน้า
“เธอไม่ใช่คนเดียวที่กำลังเป็นจุดสนใจตั้งแต่เมื่อวาน ซิลเวียก็เช่นกัน”
“อย่าบอกนะว่าเพื่อนร่วมเดินทางของผมคือ....”
“ใช่แล้ว ซิลเวียนั่นเอง!”
ธีโอดอร์วางซองจดหมายลงอย่างรวดเร็วเมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งนี้“ผมขอโทษ แต่ผมจะ......”
“ไม่ เดี๋ยวก่อน”บลันเดลล์ขัดจังวะก่อนที่ธีโอจะพูดปฏิเสธและจับไหล่ของธีโอไว้และกระซิบที่ข้างหูของธีโอ
“มันอาจจะเป็นภาระเล็กๆน้อยๆแต่ซิลเวียนั้นไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน ทักษะเวทย์ของเธอนั้นยอดเยี่ยมแต่เธอยังเด็กนัก ดังนั้นฉันอยากจะให้เธอสร้างประสบการณ์ในการเข้าสังคมระหว่างการเดินทางครั้งนี้”
“โอ้มันจะดีงั้นหรอครับที่ให้ผู้หญิงกับผู้ชายเดินทางร่วมกัน?”
“เธอนั้นไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามมากนัก เพราะฉะนั้นไม่เป็นอะไรหรอก”
ธีโอนั้นยังคงรู้สึกเป็นทุกข์ ธีโอไม่สามารถที่จะตอบตกลงได้ง่ายๆ ดังนั้นบลันเดลล์จึงหยิบสิ่งที่คล้ายแผ่นโลหะและแสดงให้ธีโอดู มันมีสัญลักษณ์ของMagic Society และลายเซ็นของบลันเดลล์อยู่
“นี่...?”
“นี่คือป้ายชื่อของผู้ทำภารกิจจากMagic Society และมันจะจัดระดับคะแนนไว้บนป้ายชื่อนี้ ถ้าเธอทำภารกิจสำเร็จและได้ระดับที่ต่ำที่สุดคือ 9 เธอจะได้รับเงิน 3 เหรียญทอง แต่...”
บลันเดลล์ชูนิ้วขึ้นและหมายเลขบนแผ่นชื่อจาก9กลายเป็น5 “ฉันสามารถเปลี่ยนมันได้ตามดุลพินิจของฉัน”
“แล้ว...”
“แน่นอนเงินรางวัลมันจะเพิ่มขึ้น ตามที่ฉันจำได้ ฉันสามารถจ่ายได้มากสุดถึง 100 เหรียญทอง”
ตาของธีโอเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำว่า 100 เหรียญทอง
‘ถ้าฉันได้รับ100เหรียญทองในตอนนี้...’
มันเป็นเงินจำนวนมาก มันเป็นงบประมาณหลายปีสำหรับ มิลเลอร์ บารอนี่เลยทีเดียว! เหนือสิ่งอื่นใด ที่บ้านของเขามีเกษตกรมากมายที่หิวโหยเพราะไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้
ถ้าเขาเพิ่มมันไปจาก 200 เหรียญทองที่เขาได้รับเป็นรางวัลจากการแข่งขัน พวกเขาจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวไปเป็นเวลาถึง 10 ปี เขาสามารถซื่อเสื้อผ้าที่ดีสำหรับพ่อและแม่ของที่ใส่แต่เสื้อผ้าเก่าๆ รวมทั้งลดภาระของคนยากจนและหิวโหยที่บ้านของเขา
แน่นอนเขาถูกบังคับให้ยอมรับ “...ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปกับซิลเวียเอง”
“โอ้!เธอคิดได้ดี! โอกาสที่จะเดินทางกลับจอมเวทย์ขั้น5นั้นไม่ใช่เรื่องที่จะหาได้ง่าย ฮ่าๆๆๆ!”
ในขณะที่บลันเดลล์หัวเราะลั่น ธีโอก็หันไปเผชิญหน้ากับซิลเวียที่กำลังจ้องมาที่เขา
เมื่อพวกเขาสบตากัน เธอก็โบกมือให้เขาด้วยท่าทางเขินอาย ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของซิลเวียนั้นทำให้ดูสวยมา
เขาจะได้ยินอะไรเมื่อเขาพาเธอกลับบ้าน?
ธีโอกลายเป็นจอมเวทย์ขั้น4และกลับบ้านด้วยเงิน 300 เหรียญทอง และสาวสวย นี่เป็นสิ่งที่จะปรากฏในช่วงแรกของเส้นทางของวีรบุรุษ
ชายหนุ่มทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้จะต้องอิจฉากันถ้วนหน้า แต่ธีโอกลับถอนหายใจด้วยความแรง