ASTบทที่ 202 - หญิงสาวผู้อยู่เหนือแร้งอัสนีปีกทองคำ
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 202 - หญิงสาวผู้อยู่เหนือแร้งอัสนีปีกทองคำ
จรู้ชิงลังเลใจอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพลิกร่างของเธอที่อิจโรยขึ้นไปอยู่บนตัวของชิงสุ่ย ความงดงามที่แสนเร่าร้อน ผิวสีขาวนวล บั้นท้ายที่เต่งตึงกำลังเคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวที่ชิงสุ่ยต้องการ
………………………………………………………………………………………………..
เมื่อการกระทำที่เหนื่อยล้าเสร็จสิ้น ก่อนจากไปเขาได้มอบผลเสริมปราการแก่จรู้ชิง ซึ่งรวมทั้งเขายังได้มอบผลไม้อื่นๆอีก 6 ผลให้แก่เธอเช่นกัน เขาหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้เพราะเพียงแค่นึกถึงเธอภาพลักษณ์ที่งดงามก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาทันที
หลังจากนั้นเขามุ่งหน้าไปยังที่อยู่อาศัยของอูซวง เพื่อที่จะมอบผลเสริมปราการและผลเสริมปราณให้แก่เธอ ก่อนที่เขาจะกลับสู่หุบเขาหมอกเมฆา แต่ก่อนที่เขาจะจากไปขอได้มอบยาที่เสริมสร้างพลังความแข็งแกร่งซึ่งไม่ใช่ยาอื่นไกลนั่นก็คือยาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็ก แต่ช่างน่าเสียดายที่มันเหลือเพียงนิดเดียวจึงไม่อาจเพียงพอที่จะให้เขาจะมอบให้กับจรู้ชิงอีกคน
"พรุ่งนี้เจ้าจะจากไปแล้วเช่นนั้นหรือ?" อีเย่เจี้ยนเก้อ ดูเหมือนจะมีบางสิ่งบางอย่างในใจของเธอขณะที่เธอกล่าวถามออกมา
"อืมม แน่นอน แต่ก่อนข้าจะจากไปถ้ามีบางสิ่งบางอย่างที่ยอดเยี่ยมจะมอบให้"ชิงสุ่ยตอบกลับ
"ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร สิ่งนี้เป็นของท่านและของเด็กหญิงตัวน้อยของข้า นี่คือเคล็ดรูปลักษณ์หมี และเคล็ดรูปลักษณ์กระเรียน ท่านสามารถนำมันไปฝึกฝน และรบกวนสอนมันเกย์เด็กหญิงตัวน้อยของข้าด้วย ในตอนนี้ ข้าเองก็มีเพียงแค่เคล็ดวิชาเหล่านี้เท่านั้นที่พอเป็นประโยชน์ แต่ถ้าหากถ้าสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาในระดับขั้นต่ำนาน ข้าเองก็จะนำมันมาสอนให้ท่านด้วย เออ แต่ท่านห้ามบอกเด็กหญิงตัวน้อยของข้าว่านางกำลังจะได้เรียนรู้เคล็ดวิชารูปลักษณ์หมี เพราะว่าเธอนั้นเกลียดหมี"
ชิงสุ่ยแนะนำผลไม้บางส่วนและกระดาษหนังสัตว์ที่จดบันทึกขั้นตอนในการฝึกและส่งมอบมันให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อ เขายังคงมองดูภาพลักษณ์ที่งดงามและเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ของเธอ แต่ชิงสุ่ยไม่ต้องการดูหมิ่นภาพลักษณ์ของเธอด้วยการจินตนาการ เพราะมันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าได้ทำบาปต่อเธอ
"ข้าจะจากไปในวันพรุ่งนี้อย่างเงียบๆ ท่านได้โปรดอย่าบอกเด็กหญิงตัวน้อยของข้า"ชิงสุ่ยกล่าวต่อ
อีเย่เจี้ยนเก้อรู้ว่าชิงสุ่ยต้องการที่จะจากไปอย่างลำพัง เธอจึงมิอาจออกไปส่งเขาได้
ชิงสุ่ยยังคงใช้เวลาในยามค่ำคืนเพื่อที่จะฝึกฝน ชิงสุ่ยกลับเข้าไปสู่ดินแดนห้วงมิติของเขา และได้ศึกษา "เคล็ดวิชาเทวบ่มเพาะ"อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เขารับรู้ได้ถึงการผสานบางสิ่งบางอย่างรวมกันระหว่างเขากับจรู้ชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตําแหน่งพิเศษที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล มันทำให้เกิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของจรู้ชิง
พลังที่เกิดจากการบ่มเพาะโดยวิธีเทวบ่มเพาะเต็มเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ ซึ่งมันก็ทำให้ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยอารมณ์ที่สนุกสนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งแรกที่พลังงานบริสุทธิ์ถือกำเนิดขึ้น มันเทียบกับความพยายามในการฝึกฝนกว่าครึ่งปีของเขา นี่จึงเป็นผลประโยชน์ที่แท้จริงจากการฝึกฝนโดยวิธีการเทวบ่มเพาะ ซึ่งชายชาตรีที่จะใช้เคล็ดวิชานี้ในการฝึกฝนมักจะต้องการหญิงจำนวนมากที่แตกต่างกัน
ในวันรุ่งขึ้นก่อนที่เขาจะจากไป ชิงสุ่ยได้ขึ้นไปควบคุมนกวิหคเพลิงและบินจากหุบเขาไปโดยที่ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีหญิงสาวรูปงามที่อยู่ในเงามืดกำลังจ้องมองดูเขาทางออกไปเรื่อย
หลังจากที่เขาจากหุบเขาแห่งนี้ไป ชิงสุ่ยได้สั่งให้วิหคเพลิงมุ่งหน้าไปทางดินแดนสุริยะโลกเพื่อแวะไปหาห่าวหยุนลิ่วลี่ เพราะนี่ก็เป็นเวลากว่า 8 เดือนแล้วที่เขาจากเธอไป
ในช่วงสาย ในที่สุดชิงสุ่ยก็เดินทางไปถึงดินแดงสุริยะโลก เขาได้ลงจากวิหคเพลิงและเดินตรงเข้าสู่ทางเข้าของดินแดนสุริยะโลก
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดเลยว่าคนแรกที่เขาแต่เธอนั้นจะเป็นคนรับใช้คนเดิมในวันแรกที่เข้ามาที่นี่ คนรับใช้คนนั้นค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขเมื่อเห็นชิงสุ่ย ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
"นายท่าน ทำไมท่านถึงยังอยู่ที่นี่? เจ้านายบอกว่าถ้าหากท่านมาที่นี่ ให้พวกเรารีบนำทางท่านไปพบเธอในทันที"คนรับใช้ยิ้มตอบ
"อะไรนะ? มีอะไรเร่งด่วนอย่างนั้นหรือ?"ชิงสุ่ยถูจมูกขณะที่เขาหัวเราะออกมา
"เจ้านายแค่กล่าวสั่งเอาไว้ว่า ทันที"คนรับใช้หัวเราะขณะที่เธอนำทางชิงสุ่ยขึ้นไปด้านบน
นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชิงสุ่ยเดินเข้าไปในระเบียงที่มีพื้นที่กว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ความน่าตกใจก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ในระยะใกล้ๆ มีผู้หญิงคนนึงกำลังควงกระบี่อยู่ท่ามกลางกระบวนท่าร่ายรำที่งดงาม ความเร็วของเธอนั้นเปรียบดั่งนกที่กำลังบินเหาะเหินเหนือนภา แต่ความลื่นไหลของเธอนั้นเปรียบดังการเคลื่อนไหวของมังกร ความเชิดฉายและความเป็นประกายให้ความรู้สึกดุจความแข็งแกร่งของต้นไม้พันปี เธอเปรียบดั่งจันทราที่ครึ่งเสี้ยวหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยเมฆา และเปรียบดั่งหิมะที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
เมื่อชิงสุ่ยมองดูใบหน้าของหญิงสาวคนนั้น เขาก็ต้องตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ หญิงสาวคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เขาเคยพบเห็น เธอคือคนที่ยืนอยู่เหนือแร้งอัสนีปีกทองคำตัวนั้น!!!
คิ้วที่โค้งเว้าแสนปราณีต ดวงตาที่ส่องประกายราวกับดาวตกที่ส่องแสงกล้า รูม่านตาสีดำบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความอย่างลึกที่ไร้ขอบเขต ทุกอย่างผสมผสานกลายเป็นการแสดงออกทางดวงตา ร่างกายที่ดุจหยกเยือกแข็งทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าถูกครอบงำไปด้วยความงดงาม ร่างกายที่เต็มไปด้วยความคล่องแคล่ว ไหล่ที่คมดุจใบมีด เอวคอดเรียวดุจคลื่นน้ำ!!
ชิงสุ่ยจ้องเขม็งไปที่สาวงามที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอาจารย์เทพธิดาของเขา ความงามของเธอนั้นเปรียบดั่งดอกไม้บาน ที่คอยสร้างความปรารถนาที่รุนแรงต่อบรรดาผู้ที่จ้องมองเธอ เขาถูกดึงดูดจากรูปลักษณ์ของเธอราวกับผีเสื้อที่กำลังตรงเข้าหาแสง
ในตอนแรกหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ได้สังเกตเห็นชิงสุ่ย เธอคิดว่าชิงสุ่ยเป็นเพียงข้ารับใช้ที่อยู่ในดินแดนสุริยะโลก แต่หลังจากที่เธอมองในระยะใกล้ๆเธอก็ตระหนักแล้วว่าบุคคลคนนี้เป็นบุรุษเพศ พลังปราณในร่างกายของเธอก็เริ่มพ่วยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
แม้คลื่นแรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาจะแข็งแกร่งมากเพียงใดมันก็ไม่อาจข่มขู่ชิงสุ่ยได้แม้แต่น้อยไม่เพียงแค่นั้นเขายังสามารถสลายกลิ่นอายแรงกดดันที่แข็งแกร่งให้จางหายไปเมื่อมันกระทบตัวเขา ซึ่งมันทำให้หญิงสาวคนนั้นกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดเลยว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็น ชางห่าย หมิงเยวี่ย อาจารย์ของห่าวหยุนลิ่วลี่ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับเซียนเทียนแห่งอาณาจักรชางหลาง อีกทั้งเธอยังออกเดินทางไปทั่วอาณาจักร
แต่แล้วการคาดเดาของเขาก็ถูกยืนยัน อย่างไรข้อผิดพลาด
"ท่านอาจารย์ เอออออ……………...ชิงสุ่ย!!!!!"
ห่าวหยุนมองเห็นอาจารย์ของเธอก่อนที่เธอจะมองเห็นชิงสุ่ย จากนั้นเธอก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความปลื้มปิติยินดี
"ท่านอาจารย์ ชายคนนี้คือชิงสุ่ยที่ข้ามักจะกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ"ห่าวหยุนลิ่วลี่กอดแขนของชางห่ายหมิงเยวี่ยขณะแสดงท่าทางที่ดูน่ารัก
ชิงสุ่ยถูจมูกคลองเขาขณะที่เขายิ้มอย่างข่มขื่น ห่าวหยุนลิ่วลี่แสดงท่าทางราวกับเด็กเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ของเธอ
ในชั่วพริบตา ชิงสุ่ยก็เคลื่อนไหวมาอยู่ที่หน้าของหญิงทั้งสอง
"ผู้น้อยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเจอกับผู้อาวุโส"ชิงสุ่ยแสดงท่าทางเคารพ ราวกับเด็กที่อยู่ต่อหน้าผู้อาวุโส แม้ว่าอาจารย์ของห่าวหยุนจะมองดูเหมือนจะมีอายุเพียงแค่ 30 ต้นๆ แต่แท้จริงแล้วก็ไม่มีผู้ใดที่รู้อายุที่แท้จริงของเธอ
"พวกเรามิได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมต่อข้า"
เสียงที่แข่งดุจเหล็ก ชายตามองชิงสุ่ย จากนั้นเธอก็ไม่ได้มองเขาอีกเลย
"ชิงสุ่ย นี่คืออาจารย์ของข้าท่าทางของนางแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่นางเป็นคนดีจริงๆนะ"ห่าวหยุนยิ้มขณะที่เธอพยายามแก้สถานการณ์
"ว้าววว เด็กน้อยของข้าเดี๋ยวนี้เจ้าเริ่มหัดที่จะปกป้องความรักของเจ้าแล้วสินะ"ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้มขณะที่มองลูกศิษย์ของเธอด้วยความประหลาดใจ แม้ว่าน้ำเสียงของเธอยังคงเหมือนเดิม และรูปลักษณ์ของเธอนั้นทำให้ผู้คนที่มองเห็น หลงเสน่ห์จนไม่อาจคลี่คลายความรู้สึกเหล่านั้นไปได้
เมื่อมองดูรอยยิ้มบนใบหน้าของชางห่าย รอยยิ้มที่มีเสน่ห์และความงามอันสุดยั่วยวน มันยิ่งทำให้ความปรารถนาของชิงสุ่ยพุ่งพล่าน
"ท่านอาจารย์ มันไม่ตลกเลยนะ!!!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่แสดงท่าทางโกรธต่อหน้าอาจารย์ของเธอ แต่มันยังคงเป็นการแสดงออกที่ดูน่ารัก
" ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้เพราะข้าต้องการจะมอบของขวัญบางอย่างให้แก่เจ้า และค่าคงจะจากที่แห่งนี้ไปและคงไม่กลับมาในระยะเวลาอันใกล้นี้"ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
"เจ้าจากไปนานเท่าไรกัน?"ห่าวหยุนถามด้วยความงุนงง
"เออ ข้าต้องการเดินทางไปยังสถานที่อื่นๆที่อยู่ในมหาทวีปเมฆามรกตแห่งนี้ อย่างเช่นเมืองหลวงของทวีปแห่งนี้ ซึ่งหลังจากนั้นอีก 3 ปีค่าจะเดินทางกลับไปยังเมืองร้อยไมล์ที่ข้าจากมา"ชิงสุ่ย มอบสิ่งของให้แก่ห่าวหยุนลิ่วลี่ขณะที่เขากล่าวถ้อยคำไม่กี่ถ้อยคำ ของที่เขาให้เธอไปนั้นคือ ผลสุคนธ์มอมเมากว่า 1000 ผล และใบงานม้วนและโกฐจุฬาลัมพาอย่างละ 90 ใบ
เมื่อได้ยินชิงสุ่ยกล่าวว่าเขาต้องการเดินทางไปยังเมืองหลวงของมหาทวีปเมฆามรกต ดวงตาของชางห่ายหมิงเยวี่ยก็ทอแสงสว่างวาบ
"ไม่ ข้าไม่สนใจ!!! เจ้าต้องอยู่กับข้าอย่างน้อย 2 วันหลังจากนี้ ห้องของเจ้ายังว่างและพร้อมสำหรับเจ้าเสมอ" เสียงที่ดูงอแงแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน มันทำให้ชางห่ายหมิงเยวี่ยเองก็รู้สึกอึ้งเช่นกัน
"อาจารย์ มันไม่ใช่สิ่งที่ท่านกำลังคิดนะ"ห่าวหยุนกลอกกลิ้งดวงตาของเธอยังเขินอายเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของอาจารย์ของเธอ
"เออ จริงๆแล้ว ทำไมเจ้าไม่เดินทางไปกับเขา คิดซะว่าใน 3 ปีนั้น มันเป็นการพักผ่อนและการท่องเที่ยวไปในตัวละ?"ชางห่ายหมิงเยวี่ยยิ้มขณะที่เธอพายมือขาวดุจหิมะของเธอไปหยิกแก้มของห่าวหยุนลิ่วลี่เบาๆ
"ก็ข้ายังคงต้องจัดการบริหารการค้าของดินแดนสุริยะโลกที่ท่านทิ้งไว้ให้ข้ายังไงล่ะ"ห่าวหยุนตอบด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
"มันก็เป็นเพียงแค่สมบัติเล็กๆน้อยๆ แต่ที่เจ้าไม่ทิ้งมันไป ก็เพราะเด็กน้อยของข้ารักเงินทองมากกว่าสินะ?"ชางห่ายหัวเราะ
คำพูดของชางห่ายหมิงเยวี่ยทำให้ชิงสุ่ยเข้าใจถึงบุคลิกของเธออย่างแท้จริง เธอนั้นเต็มไปด้วยความน่าประทับใจ เธอเป็นคนที่เด็ดขาด เด็ดขาดในการตัดสินใจในทุกๆครั้ง ไม่ทำอะไรที่เป็นการหว่านแห และนอกเหนือจากบุคลิกดังกล่าว มันยังคงมีบุคลิกอย่างอื่นที่คอยเสริมเสน่ห์ในตัวเธอให้มากยิ่งขึ้น
"การค้าแห่งนี้ คือเลือดเนื้อของท่าน คือภารกิจที่ท่านมอบให้แก่ข้า"ห่าวหยุนลิ่วลี่แสดงสีหน้าที่ขาดความเข้าใจ
"ฮ่าๆๆๆๆ ในโลก 9 ทวีปแห่งนี้ อำนาจคือทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าหากมีอำนาจมากเพียงพอ เจ้าก็จะสามารถสร้างดินแดงสุริยะโลกนับร้อยนับพันแห่งตามที่เจ้าต้องการได้ ในตอนนั้น เป็นเพราะว่าถ้ารู้ว่าเจ้าไม่ต้องการไปแห่งหนอื่นใด ข้าจึงมอบดินแดนสุริยะโลกแห่งนี้ให้แก่เจ้า และในวันนี้ ฮักเจ้าสนใจที่จะเดินทางร่วมกับบุรุษเพศชายคนนี้ อาจารย์ก็จะสนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่ อีกครั้งในวันพรุ่งนี้อาจารย์จะไปส่งพวกเจ้าทั้งสองที่เมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้เอง การเดินทางไปด้วยสัตว์อสูรของข้าย่อมเร็วกว่าเสมอ"