ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 กระท่อมน้อย

ตอนที่ 1 กำไลสีดำ


สวัสดีค่ะฉันนั้นชื่อว่ามะลิ เป็นหนึ่งในทายาทที่มีตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยนั่นเอง ส่วนครอบครัวของฉันก็จะมีอยู่ด้วยกันสี่คนมีคุณพ่อคุณเเม่เเละพี่ชายของฉัน ซึ่งพี่ชายของฉันนั้นเขามีชื่อว่าพี่เชิด ( พรมเทียนจันทร์ สุริสันทวงค์ )  เเต่ว่าพี่ชายของฉันเขาไม่อยู่น่ะสิ คุณพ่อกับคุณเเม่ของฉันพาพี่ชายไม่ฝึกงานอยู่ที่ต่างประเทศ ฉันก็อยากจะไปด้วยนะเเต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะไปได้เพราะว่าต้องอยู่เฝ้าที่นี่ อีกไม่กี่วันคุณพ่อกับคุณเเม่ก็จะกลับมาเยี่ยมฉันเเล้ว เเต่ว่าพี่ชายอาจจะอยู่ต่อเพราะต้องฝึกงานอยู่ที่นั่นเป็นเดือนๆเลย พูดถึงคุณพ่อกับคุณเเม่ไม่อยู่ ฉันจะทำอะไรดีวันนี้ ออกไปข้างนอกดีไหม ?? เเล้วฉันจะไปที่ไหนดีนะที่ร้านอาหารห้าดาวดีไหมนะ เเต่ว่าฉันไม่อยากไปเลยมันดูเงียบเกินไป หรือว่าฉันควรไปจิบชาที่ร้านเบเกอร์รี่ดี . . . ไม่เอาอะฉันไม่อยากไปตอนนี้ งั้นไปที่ตลาดดีไหมได้ข่าวว่าวันนี้เป็นวันดีมีงานมงคลอยู่ที่นั่นด้วยหนิ งั้นฉันเลือกที่จะไปที่ตลาดสดเเถวบ้านฉันดีกว่า อยู่ไม่ไกลเดินไปได้เเถมยังชิวๆอีก เมื่อคิดเสร็จเเล้วว่าจะไปที่ไหนฉันก็เดินออกมาจากบ้านเพื่อจะเดินไปหาดูของใช้ที่ตลาดเสียหน่อย เเล้วก็จะไปดูด้วยว่างานมงคลที่นั่นเป็นงานอย่างไร เเต่อย่างที่ว่ากันถึงตระกูลของฉันจะร่ำรวยล้นฟ้าขนาดไหนใช่ว่าฉันจะไม่ชอบไปเที่ยวตลาดหรือไปเที่ยวในที่ๆคนฐานะธรรมดาเขาไปกันไม่ได้ ถึงอย่างนั้นฉันจะให้คุณพ่อกับคุณเเม่รู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะว่าฉันออกไปเที่ยวที่ตลาดไม่อย่างนั้นคงโดนต่อว่าเเน่นอนเลย ถ้าให้พูดตรงๆส่วนมากเวลาที่พ่อกับแม่ของฉันไม่อยู่ฉันก็จะเเอบไปทุกครั้ง ฉันอยากจะไปในที่ๆฉันไม่เคยไปดูบ้างเเละมันก็ไม่ใช่ที่เปลี่ยวหรือที่อโคจรเลยนี่นา ฉันก็เลยอยากจะไปเป็นธรรมดาอยู่เเล้ว ฉันเดินออกมาจากบ้านเเบบเงียบๆเเล้วเดินไปที่หน้าประตูใหญ่ จู่ๆคุณจ๋อย (หัวหน้าพ่อบ้าน)  ก็ได้เดินเข้ามาหาฉันแล้วเดินมาข้างหน้าของฉันเพื่อบังประตูเอาไว้

 

“คุณหนูมะลิครับคุณหนูจะไปไหนเอ่ยทำไมถึงไปไม่บอกผมก่อนล่ะครับ ???”

 

ซวยเเล้วโดนจับได้จนได้สินะ คุณจ๋อย ( สีอายา มนตร์ชัย ) เป็นพ่อบ้านที่นี่มานานมาก ตั้งเเต่ช่วยคุณพ่อกับคุณเเม่ยังหนุ่มยังสาวกันอยู่ จนกระทั่งมีพี่เเละมีฉันขึ้นมาก็ยังคงทำงานอยู่ที่นี่อยู่ อาจจะเป็นเพราะว่าตระกูลของคุณจ๋อยเป็นพ่อบ้านที่นี่สืบต่อกันมาตั้งเเต่รุ่นของทวดเเล้วล่ะมั้ง คุณจ๋อยเลยอยู่ที่นี่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านจนบัดนี้

 

“คือว่า. . . มะลิอยากจะออกไปเดินเล่นหน่อยน่ะค่ะ เเฮะๆ ก็เลยไม่ได้บอกคุณจ๋อยเอาไว้ก่อนว่าจะไปที่ไหน เเต่มะลิจเดินเเถวๆนี้เองนะคะคุณจ๋อย”

 

ดูเหมือนว่าคุณจ๋อยจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด ก็คุณจ๋อยเห็นฉันมาตั้งเเต่เด็กก็คงจะจับไต๋ของฉันออกได้ว่าฉันพูดโกหกเขาอยู่ โอเคบอกความจริงก็ได้โถ่ T^T . . .

 

“หนูบอกก็ได้ค่ะมะลิอยากจะไปที่ตลาดสดหน่อย ได้ข่าวว่ามีงานมงคลอยู่เเถวตลาดสด มะลิก็เลยอยากจะไปดูเเถวนั้นบ้าง . . .”

 

คุณจ๋อยมองหน้าของฉันค้างไว้นานมาก ก่อนจะถอนหายใจเบาๆเเล้วยิ้มให้กับฉัน มันทำให้ฉันรู้เลยว่าคุณจ๋อยต้องให้ฉันไปเเน่ๆเลย

“ไม่ให้ไปครับห้ามไปเด็ดขาดเลยนี่มันจะเย็นเเล้วนะครับ ถ้าเกิดว่าไปเเล้วมันเกิดอันตรายกับคุณหนูขึ้นมามันจะเป็นเรื่องใหญ่เอานะครับ”

 

นึกว่าจะให้ฉะนไปเเล้วเเท่ๆเลย ก็อยากจะไปนี่นาฉันอยู่ที่บ้านธรรมดาๆทุกๆวันมันก็เบื่อเป็นเหมือนกันนะ ฉันคงต้องหาวิธีการที่จะทำให้คุณจ๋อยใจอ่อนลง ฉันจะได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวที่ตลาดได้ คิดออกเเล้วว่าฉันจะทำอย่างไรดีวิธีนี้ได้เเน่นอน

“ฮือออ //ร้องไห้// คุณจ๋อยใจร้ายมากๆเลยนะคะเเค่จะไปข้างนอกเเป๊บเดียว คุณจ๋อยก็ไม่ยอมให้มะลิออกไปจากที่บ้านเลย ทำเหมือนมะลิเป็นนักโทษไม่ให้ออกไปไหนมาไหนเหมือนกับคนอื่นๆเขา มะลิเสียใจมากเลยที่คุณจ๋อยเป็นเเบบนี้ เดี๋ยวนี้คุณจ๋อยเป็นเหมือนคนคุมนักโทษยังไงก็ไม่รู้ มะลิเสียใจมากๆเลย T^T ฮืออออ”

มารยาเด็กอย่างฉันทำเป็นร้องไห้เพื่อให้คุณจ๋อยสงสารเเละใจอ่อนลงจะได้รับอนุญาตให้ไปเที่ยวที่ตลาดได้ ฉันยนี่ฉลาดจริงๆเลยนะเนี่ย

"อะๆก็ได้ครับๆคุณหนูหยุดร้องไห้ได้เเล้วครับมันทำให้ผมรู้สึกผิดนะ"

บอกเเล้วว่ามันได้ผลความฉลาดของฉันสามารถที่จะทำให้คุณจ๋อยใจอ่อนลงได้อย่างง่ายดาย

"ขอบคุณนะคะที่คุณจ๋อยให้หนุออกไปข้างนอกเเล้วได้พบสิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิตบ้าง หนูสัญญาค่ะว่าหนูจะกลับบ้านอย่างปลอดภัยครบสามสิบสอง"

ฉันรู้สึกดีใจมากเลยที่ได้ออกไปข้างนอกอีกครั้ง ในตอนที่ฉันกำลังจะเดินออกจากประตูรั้วของบ้าน คุณจ๋อยก็ดันเรียกฉันเสียก่อน

"อย่าพึ่งไปครับก่อนจะไปผมมีอะไรจะบอก ห้าม...กลับ...เกิน...หก...โมง...นะ...ครับ"

ฉันพยักหน้าในทันทีที่คุณจ๋อยพูดมาห้ามกลับเกินหกโมงจำไว้นะยัยมะลิ เมื่อฉันรับปากคุณจ๋อยเสร็จคุณจ๋อยก็เปิดทางให้กับฉันเพื่อที่จะให้ออกไปข้างนอกได้ เเละเเน่นอนเมื่อฉันได้ออกไปจากที่นี่มันทำให้ฉันร่าเริงเเละรู้สึกตื่นเต้นมากจริงๆเลย ตอนนี้ฉันควรจะเดินออกไปที่ตลาดสินะ ตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉันเท่าไหร่ใช้เวลาเดินไปไม่ถึงสามสิบนาทีก็น่าจะถึงเเล้วล่ะ ฉันเดินข้ามถนนเเละเดินต่อไปจนกระทั่งเดินไปถึงที่ตลาด คนค่อนข้างเยอะมากเบียดเสียดกันเข้าออก ไม่เหมือนกับห้างใหญ่ๆที่เคยไปมาก่อนเลย เเต่ช่างมันเถอะเราเดินไปกันต่อดีกว่า มีร้านขายของมากมายทั้งของใช้เเละอาหารด้วยซึ่งราคามันถูกมากเลย เเต่ว่าฉันก็ยังอดใจที่จะไม่ซื้อของพวกนี้ เอาเป็นพวกของกินจะดีกว่าจะได้ไม่ถูกคุณเเม่จับได้ว่าออกไปข้างนอก ฉันเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งพบกับซุ้มขนาดใหญ่ที่มีตู้บริจาควางไว้ข้างหน้าของซุ้ม ฉันจึงเดินเข้าไปดูตรงข้างหน้าตู้กระจกก็มีรูปของเด็กตาดำๆ เถมยังเขียนเรื่องราวที่น่าเศร้าเอาไว้ให้อ่านอีก งั้นก็ควรบริจาคให้เสียหน่อยนะจะได้เอาไว้ให้เด็กๆด้วย ฉันหยิบเงินในกระเป๋าตังค์ของฉันขึ้นมาก่อนจะหยอดลงไปในตู้ รู้สึกเหมือนมีบุญที่ช่วยพวกกเด็กๆขึ้นมาในทันที

"ขอให้เด็กๆมีความสุขด้วยมือของพวกเรานะ ขอให้เงินพวกนี้ทำให้พวกเด็กๆมีความสุขด้วยล่ะ สาธุ^-^"

พอฉันพูดจบฉันก็กำลังจะหันหลังเพื่อเดินออกจากซุ้ม เเต่เมื่อหันหลังก็ต้องสะดุ้งออกมาเพราะเห็นคุณตานั่งรถเข็นท่านหนึ่งมองมาที่ฉัน

"คุณพระตกใจหมดเลยค่ะคุณตามีอะไรหรือเปล่าคะ ?? มาคนเดียวหรอคะทำไมถึงไม่มีใครมาด้วย"

ฉันนั่งยองๆที่ข้างๆรถเข็นของคุณตาเพื่อจะถามคุณตา ส่วนคุณตานั้นก็หันมาหาฉันเเล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น

"ตาหลงทางน่ะ. . . หลงทางกับลูกสาวของตาช่วยตาตามหาลูกสาวของตาหน่อยได้ไหม ??"

คุณตาหลงทางกับลูกสาวของคุณตาหรอเนี่ย เเล้วฉันควรจะทำอย่างไรดีล่ะ. . . จริงๆมันก็มีวิธีอยู่นี่นาตรงซุ้มนี้น่าจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้นะ

"งั้นรอหนูเเป๊บหนึ่งนะคะเดี๋ยวหนูจะขอให้พนักงานในซุ้มช่วยเหลือเด็กประกาศหาลูกสาวของคุณตาให้ค่ะ อยู่ตรงนี้นะคะเดี๋ยวหนูจะกลับมา"

เมื่อฉันบอกคุณตาเสร็จฉันก็เดินไปหาพนักงานที่นั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะ ฉันเดินไปเรียกพวกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกเขา

"ขอโทษนะคะพอดีว่าอยากกจะขอความช่วยเหลือหน่อยค่ะ พอดีว่ามีคุณตานั่งรถเข็นคนหนึ่งเขาหลงกับลูกสาวของเขาน่ะค่ะ วอนประกาศให้หาให้ทีได้ไหมคะ ??"

พนักงานพยักหน้าเพื่อรับรู้ข้อมูลก่อนจะเปิดไมค์เเละลำโพงเพื่อประกาศในทันที

[ขออณุญาตินะครับ ใครที่เป็นญาติของคุณลุงที่นั่งรถเข็นหรือครอบครัวของคุณลุง กรุณามาที่ซุ้มเจ้าหน้าที่ด้วยครับ คุณลุงกำลังรอคนมารับอยู่นะครับ]

 

ประกาศอยู่เเบบนี้สองครั้งได้ เมื่อเสร็จงานของฉันๆก็คิดว่าจะพาคุณตามาอยู่ที่นี่ดีกว่าจะได้สบายใจคุณตาจะได้ไม่หลงหายไปอีก เเต่เมื่อเดินไปหาคุณตาก็ไม่พบกับคุณตา หรือว่าฉันมาผิดที่ . . . เเต่มันก็ไม่น่าใช่นี่นาตรงจุดนี้มันจุดที่ฉันยืนคุยกับคุณตาฉันจำได้ //กริ้ง กริ้ง// เสียงโทรศัพท์ของฉันได้ดังขึ้นมาทำให้ฉันต้องหยิบโทรศัพท์มาดู คุณเเม่โทรมาหาฉัน ฉันจะให้คุณเเม่รู้ไม่ได้ว่าฉันมาเที่ยวที่ตลาด ฉันจะต้องหาที่เงียบสงบเพื่อรับสายคุณเเม่เเล้วล่ะ ฉันรีบเดินหาที่ๆเงียบที่สุดเเล้วพบกับสวนกว้างๆพร้อมกับห้องน้ำ ที่นี่ไม่มีคนอยู่เเถวนี้เลยถือจังหวะนี้รับสายคุณเเม่ดีกว่า ฉันรีบเดินออกมาจากตรงที่คนเยอะเเล้วเดินเข้าห้องน้ำตรงสวนในทันที ก่อนจะกดรับสายของคุณเเม่

“สวัสดีค่ะคุณแม่ เป็นยังไงบ้างทำไมถึงโทรมาได้ล่ะคะ เเล้วพ่อกับเเม่ทำงานที่นั่นสบายหรือป่าวคะ หนูคิดถึงแม่กับพ่อมากเลย พี่ชายคงกำลังฝึกงานอยู่สินะคะ”

 

[ก็สบายดีจ้ะลูก มะลิล่ะอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม สบายดีไหมลูกพ่อกับแม่ขอโทษนะที่ไม่ได้กลับบ้านไปเจอลูกตั้งสามวันสี่วัน แม่ติดงานจริงๆ พ่อของลูกก็มัวแต่ทำงานจนวุ่นเหมือนกัน ส่วนพี่ขายของลูกก็กำลังขยันฝึกงานอยู่เหมือนกันจ้ะ เอ๋อะไรนะ โอเคๆเเค่นี้ก่อนนะจ้ะลูกรัก แม่ต้องไปทำงานต่อ รักลูกเสมอนะ ]  //ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด//

 

งานแม่กับพ่อคงยุ่งมากฉันเข้าใจเเละก็ชินเเล้วด้วย ฉันเดินออกมาจากที่ห้องน้ำนั่น แล้วมองไปไกลๆตรงต้นไม้ต้นใหญ่สุดตรงที่มีศาลาอยู่ด้วย ฉันเห็นคุณตาที่นั่งรถเข็นนั่งอยู่ตรงศาลาใต้ต้นไม้ ในที่สุดฉันก็หาเจอสักที ฉันเลยรีบเดินไปหาคุณตา

 

"คุณตาคะหนูบอกเเล้วไงว่าให้คุณตารอหนูอยู่ตรงที่เดิม นึกว่าหลงหายไปไหนเสียเเล้วทำเอาซะหนูตกใจหมดเลย”

 

คุณตามองมาทางฉันก่อนจะยิ้มให้กับฉัน

 

“ตาขอโทษจริงๆพอดีว่าตาหูไม่ดีนึกว่าให้มารออยู่ที่สวนเเถวนี้ . . . ยังไงก็ขอบใจมากนะที่ช่วยตาถึงขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่ตามีให้เป็นของตอบเเทนนะรับเอาไว้เถอะ”

 

คุณตาได้ยื่นของบางอย่างกับฉันเป็นเหมือนกำไลสีดำ ฉันรับมาเพราะไม่เห็นว่ามันจะมีพิษมีไพอะไร

 

“ขอบคุณมากๆนะคะหนูจะเก็บมันไว้อย่างดีเลยค่ะ เเต่ตอนนี้คุณตาต้องไปหาเจ้าหน้าที่ก่อนนะคะ หนูว่าคงมีคนเป็นห่วงคุณตามากๆเเล้วล่ะค่ะ”

 

ฉันจับรถเข็นของคุณตาเเล้วพาคุณตากลับไปที่ซุ้ม เมื่อเดินไปถึงก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมองมาที่ฉันก่อนที่จะเดินมาหาคุณตา มานั่งข้างหน้าของคุณตาแล้วเริ่มร้องไห้

 

“คุณพ่อคะ บอกเเล้วไงว่าให้รอหนูอยู่ที่เดิม หนูไปซื้อของเเป๊ปเดียวเอง โถ่ดีเเล้วที่ไม่เป็นอะไรนะคะ ขอบคุณหนูมากนะพ่อป้าก็เเก่เเล้วคงจะจำอะไรไม่ค่อยได้อะจ้ะ เขาเลยไปมั่วแบบนี้ ฉันน่าจะพาคุณพ่อไปด้วยตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ขอบคุณมากจริงๆนะจ้ะที่หนูช่วยหาพ่อของป้า”

 

ฉันยิ้มให้เเล้วคุณป้าคนนั้นก็พาคุณตาเข็นกลับบ้านของคุณป้า ฉันมองที่นาฬิกาของฉันเฮ้ยซวยแล้วนี่มันก็หกโมงกว่าเเล้วนี่ ฉันจึงรีบวิ่งกลับบ้านของตัวเองทันที เมื่อเดินไปจะถึงหน้าบ้านก็พบว่า คุณจ๋อยหน้าบูดมาเเต่ไกลโดนด่าเเน่เลยอะต้องโดนดุแน่ๆเลยเรา

 

“ทำไมถึงเลยเวลาครับคุณหนู ทำเเบบนี้ไม่ได้นะครับ หากเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงโทรไปก็ไม่รับสายอีก ทีหลังผมจะไม่ให้คุณหนูไปไหนเเล้วนะครับถ้ายังเป็นเเบบนี้ ถ้าเกิดเป็นอันตรายขึ้นมา มีคนจับคุณหนูไป หรือมีคนฉุดเข้าป่าไปจะทำยังไงล่ะครับ”

โดนดุจนได้สิเรา เศร้านักเอยฉันก้มหน้าลงเเล้วตีหน้าเศร้า เผื่อคุณจ๋อยจะหายโกรธฉันบ้าง จนสุดท้ายคุณลุงก็ถอนหายใจยาวๆ เเล้วยิ้มให้กับฉัน

 

“เอาเถอะครับ ไปรับประทานอาหารอาบน้ำนอนได้เเล้วนะครับ เดี๋ยวก็เลยเวลานอนหรอกนะครับ”

 

ฉันยิ้มออกเเล้ว เพราะคุณจ๋อยเขาไม่โกรธฉันแล้ว ฉันจึงเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร คุณจ๋อยก็ได้เดินตามฉันมา ฉันนั่งที่โต๊ะทานอาหารก่อนที่อาหารจะเริ่มทยอยมาวางไว้บนโต๊ะทานอาหาร มีทั้งครีมซอสสปาเกตตี้และอะไรอีกมายมายจนล้นโต๊ะไปหมด เมื่อรับประทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาอาบน้ำฉันทำกิจกรรมส่วนตัวของฉันให้เสร็จ เเล้วเตรียมตัวที่จะเข้านอน ฉันจึงนึกขึ้นได้ว่ามีกำไลสีดำที่คุณตาได้ให้กับฉันเอาไว้ ฉันจึงเดินไปหยิบกำไลนั้นมา เมื่ออ่านข้างหน้าขอกำไลนี้ มันได้ถูกสลักไว้ว่า [ถึงเวลาที่ควรเป็นของคุณ] ฉันเลยหันกำไลไปข้างหลังดูมีสลักอีก [เมื่อหันออกกาลเวลาจะเเปรผันทุกอย่างจะเปลี่ยนไปคุณถูกลิขิตไว้จงเข้าใจมัน] เเล้วฉันก็รู้สึกปวดหัวมากจนทุกอย่างได้มืดลงไปนี่ ..มัน..อะไร..กันนะ ฉันเหมือนกำลังจะหน้ามืด เสียงอะไรเต็มไปหมดในหัวของฉัน แล้วฉันก็รู้สึกได้เลยว่าฉันกำลังจะล้มลง โอย... //ตุ๊บ//

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด