Chapter 33 Examinees (1) [40/75]
Chapter 33 Examinees (1)
ผมคิดว่าผมต้องเบื่อหน่ายแน่ๆในอีก15วันที่เหลือ ผมมีรอยแตกที่นั่นที่นี่และรอยแตกก็ดูไม่ดีเท่าไร ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
-ชื่อ: คิมฮยอนโฮ
-คลาส: 5
-คาม่า: 0
-ภารกิจ: พักจนกว่าจะถึงการสอบรอบต่อไป.
-เวลาจำกัด: 10 ชั่วโมง 21 นาที
เมื่อถึงวันสอบ ศูนย์วิจัยก็มารับผม ผมได้บอกกับครอบครัวว่าผมไปเที่ยวกับเพือนๆและออกจากบ้านไป
ผมขึ้นรถและไปที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพและไปศูนย์วิจัย.
ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของศูนย์วิจัยกำลังอยู่ในความสับสนวุ่นวาย.
เนื่องจากมีเฮลิคอปเตอร์ มากกว่า 1.
มีคนที่ออกมาจากเฮลิคอปเตอร์พร้อมกับผม3คน.
มันเป็นชายสองและหญิงหนึ่ง เมื่อมองไปที่เขา เขาน่าจะอายุ 20 กลางๆ ไปจนถึง 30 ปี.
“วู้ว น่ารำคาญ ฉันหวังว่าการสอบนี้จะเสร็จใน1อาทิตย์.”
คนที่บ่นเป็นหญิงสาวผมบลอนด์ซึ่งจากที่มองดูแล้วน่าจะอายุพอๆกับผม.
“การสอบครั้งสุดท้ายคือ สองเดือนใช่มั๊ย? มันเหมือนกับว่ามีอายุ 60 วันในคืนเดียว…”
ขณะที่ชายหนุ่มตัวเล็กๆกำลังถอนหายใจ สาวผมบลอนด์ที่เอาผมปรกหน้าก็ร้องขึ้นมา.
“ไม่ ฉันไม่ต้องการ! ฉันไม่ต้องการที่จะแก่! ฉันไม่อยากอยู่ในวันเลข3!”
หืม แน่นอนว่าเธออายุเท่าผม
ชายที่ตัวค่อนข้างใหญ่ก็หัวเราะ.
‘พวกเขาเป็นผู้เข้าสอบ!’
นอกเหนือจากทีมของผมแล้ว ผู้เข้าสอบคนอื่นๆที่ผมไม่เคยพบในศูนย์วิจัย ทั้งสามเป็นกลุ่มแรกที่ผมได้เจอ.
ทั้งสามสังเกตเห็นผม
“เอ๋? ใคร?”
สาวผมบลอนด์แสดงความอยากรู้อยากเห็น
“เขาคงไม่ใช่หน้าใหม่?”
ชายที่มีร่างกายที่ดีพูด
“ไม่รู้สิ เขาอาจจะเป็นผู้เข้าสอบจากเมืองจีน.”
“งั้นก็ถาม.”
สาวผมบอลด์มาหาผมโดยไม่ลังเล
“หวัดดี?คุณเป็นใคร?”
กับเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้นเสมอหู เธอเป็นคนที่ทำให้รู้สึกดีได้ง่ายๆ มีนิสัยขี้เล่น กับคำพูดที่ไม่มีมารยาทของเธอทำให้ผมคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวม.ปลายที่ชอบทำผิด
การพูดอย่างไม่เป็นทางการ ถ้าผมตอบแบบมีความเครารพมากเกินไปผมอาจจะสูญเสียแต่เริ่ม?
“หนี่ เมิน ดา จา ฮ๋าว.”(Ni men da jia hao)
ผมทักทายเธอโดยใช้ภาษาจีนทั้งหมดที่ผมได้รู้จัก.
สาวผมบอลด์สะดุ้งและหันไปหาพวกเขาแล้วก็พูด.
“มัน จริง! เขาต้องมาจากประเทศจีนจริงๆ.”
“พวกเขาถือว่าผู้เข้าสอบนั่นมันยากและการหาตัวพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย การเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่เข้มงวดมาก ดังนั้นที่เขาออกมาได้นี่แสดงว่าเขาเยี่ยมจริงๆ?”
“อย่าข้ามข้อสรุปเร็วนัก เขาอาจจะมาจากไต้หวัน.”
ทั้งสามคนเข้ามาคุยกับผม.
สาวผมบลอนด์มองผมมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้และคุยกับผม
“อืม ไนท์ทูมิสยู. อาร์, ยูว์, อืม… เทสเตอร์? เมจิค? ออไฟเตอร์?”
(เธอถามเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็เอาตรงๆนี้เหมือนคนไทยพูดอังกฤษนะครับ)
การสื่อสารทางอังกฤษอยู่ในระดับที่เข้าใจง่าย
“Wuh dduh ming deo shao watda pang tsu su.”
(ไม่อยากพิมพ์ ตัวประกอบ(พระเอก)แม่งพูดมั่ว 55+)
ผมพูดน้ำเสียงที่เหมือนกับคนจีน และสาวผมบลอนด์ก็ดูหงุดหงิด.
“อืม, ดู อิด อิงลิช, กาย. ยูว์ด้อนโนวอิงลิช? อิงลิช! ไอ ทังค์ ไชนิส พีเพิล แววร์ กู๊ด อิงลิช?”
เธอพูดเหมือนกับว่าเธอรู้อังกฤษ
“Wang shao ming ni dduh ling…”
เหมือนตอนที่ผมอยู่กับหญิงผมบลอนด์ผมยังแสดงเป็นคนจีน.
“คุณ คิมฮยอนโฮ คุณทำอะไรอยู่ตรงนั้น?”
จากข้างหลังผมได้ยินเสียงผู้หญิงที่เฉียบขาดอย่างเหมือนกับนักธุรกิจ.
มันคือ จี เฮ.
ผมหัวเราะและตอบ.
“ผมกำลังแกล้งเป็นคนจีน.”
หลังจากที่ได้ฟังผมพูดหญิงผมบลอนด์ก็ดูว่างเปล่า ชายอีกสองคนก็ด้วย
“555+!”
ชายที่มีร่างกายที่ดูดีก็หัวเราะ และชาย คนที่ดูอ่อนโยนด้วยหัวเราะด้วย.
“อุค อะไร! คุณพูดภาษาจีนและมันทำให้ฉันประหลาดใจ!”
หญิงผมบลอนด์โกรธผม.
“ผมควรพูดอังกฤษด้วยไหม?”
“อึก ฉันนี่มันบ้าจัง! คุณเป็นใคร? ผู้เข้าสอบ?”
“ใช่.”
“กี่รอบ?”
“…”
ถ้าผมบอกไปตรงๆว่าสอบรอบสองพวกเขาจะคิดว่าผมเป็นน้องใหม่.
ผมกำลังทำท่าคลุมเครือและบอกมันว่าเป็นความลับ.
“นี่คือผู้เข้าสอบรอบสอง คิมฮยอนโฮ ยินดีต้อนรับเขาด้วย.”
ชาจีเฮ! เธอมันไม่ใช่ผู้หญิง!
ตามที่คาดไว้ ตาของสาวผมบลอนด์หยีเต็มที่.
“อุฟฟ รอบสอง?”
“แล้วคุณ?”
“โฮ่โฮ่ นูน่าผ่านมา 19 รอบแล้ว.”
19 รอบ?!
ผมรู้สึกประหลาดใจ
ถ้าเธอผ่านไปได้19รอบแล้วเธอแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่?
“โฮ่โฮ่ ประหลาดใจหล่ะสิ? ตอนนี้คุณต้องมีอะไรที่เรียนรู้เยอะมากจากนูน่าตอนนี้ หืม?”
“จะมีการเรียนรู้มากมาย คนเหล่านี้แม้จะเข้ารอบที่ 19 แล้วก็ตามแต่ผ่านจริงๆแค่ 14 รอบเท่านั้น.”
ด้วยคำอธิบายของจากจีเฮ ผมต้องเหล่มองพวกเขาอีกครั้ง
“งั้นพวกเขาก็ล้มเหลว 5 ครั้ง?”
“แล้ว แลัวไง? คุณคิดว่าจะมีผู้เข้าสอบทั้งหมดโดยไม่ล้มเหลวหรอ?”
คุณไม่สามารถทำสอบได้สำเร็จ?
ผมประหลาดใจด้วยคำเหล่านั้น.
ตอนนี้ผมคิดว่ามันเป็นจริง ทีมของเรา แฮซูก็ล้มเหลวในการสอบครั้งแรก แต่เธอไม่ตายและยังมีชีวิตอยู่ คุณเพียงต้องรับมือกับการที่คาม่าติดลบได้.
“ในกรณีที่ล้มเหลว แล้วการลงโทษ? มันสามารถจัดการได้หรอ?”
สาวผมบลอนด์ยักไหล่
“มันก็เหมือนกับคาม่าที่ได้รับเมื่อประสบความสำเร็จถ้านายล้มเหลวก็ถูกไล่ออก มันขึ้นอยู่กับการประเมิณว่าเราได้พยายามมากแค่ไหน”
“งั้นการล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าต้องตายเสมอไป.”
“ใช่ สิ่งที่น่ากลัวคือความตาย พวกคุณกำลังเข้าสู่รอบที่3?”
“ใช่.”
“ฉันไม่ได้ต้องการที่จะพูดอะไรที่ไร้ประโยชน์ที่จะทำให้สภาพของน่าแย่ แต่ต้องระวัง เราทุกคนต่างเสียเพือนของเราในการสอบรอบที่2-3 รอบที่2-3 นั้นจะมีแต่นำความโชคร้าย.”
นำความโชคร้าย?
คำพูดของเธอทำให้หัวใจของผมหนาวสั่น.
สำหรับเราก็เหมือนกันในการสอบรอบที่สอง ผมฆ่าเขา เขาตายแล้ว
มันคือโชคร้าย?
“ไม่มีโชคร้าย.”
จีเฮขัดจังหวะการสนทนา
“จากมุมมองปกติมีความสมเหตุสมผลที่จะมีคนตายในรอบที่ 2-3 กับผู้เข้าสอบหน้าใหม่ แต่ในกรณีของทีมคินฮยอนโฮเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆแล้วทีมของเขามีคุณภาพที่ดีกว่าและจะไม่มีปัญหา.”
“เฮ้ จริงหรอ? ถ้าอันนิจีเฮพูดแล้วพวกคุณต้องมีโอกาศมากแน่ๆ.”
อันนิ?
“คุณอายุ30แล้ว?”
“แล้วทำไม?”
เมื่อผมถามคำถามแล้วใบหน้าของจีเฮก็หนาวเย็นขึ้น เอ่อ ผมไม่เคยเห็นเธอโกรธอย่างนี้มาก่อน
“คุณ คุณยังดูเด็กมากกว่าวัยของคุณ ผมคิดว่าคุณ มิสจีเฮ มีอายุน้อยมากๆ.”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ใบหน้าของจีเฮก็สว่างขึ้น แต่คราวนี้เป็นหญิงผมบลอนด์กล่าว.
“คุณอยากตาย?”
“เขาเพิ่งบอกความจริง.”
“ถ้าคุณนับเวลาที่ใช้ในอารีน่า คุณเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยสวยตามอายุ?”
ด้วยความของชายทั้งสองคน หญิงผมบลอนด์กำลังเดือด.
จีเฮไกล่เกลี่ยอย่างรวดเร็ว.
“คุณควรจะแนะนำตัวเองกับคนอื่นๆ พวกคุณอาจจะได้พบกันในอารีน่าในตอนหลัง”
“ฮึ่ม ฉันยูจีโซ และฉันอายุ 29.”
หญิงผมบลอนด์ชื่อยูจีโซ
“ชาจินฮยอก, 33.”
ชายที่มีร่างกายที่ดีคือ ชาจินฮยอก.
“ลีจียัง ผมอายุ 33 แล้ว.”
คนที่ตัวเล็กและดูเหมือนเด็กคือ ลีจียัง
สาวผมบลอนด์จีโซได้บอกเพิ่มอีก
“นอกจากนี้ ฉันเป็นหัวหน้าทีม เด็กๆเหล่านี้ก็เหมือนกับอีนู๋ของฉัน 55+”
“หุบปาก.”
“อย่าพูดให้เกิดความเข้าใจผิด.”
ชายสองคนคัดค้านอย่างรวดเร็ว.
มารยาทของหญิงสาวคนนี้คงจะเลวร้ายเป็นอย่างมาก เธอเรียกคนที่แก่กว่าว่าเป็นเด็ก จินฮยอกและชายที่ดูอารมณ์ดี ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยอมแพ้มานานแล้ว.
“ผม คิมฮยอนโฮ และ ผมอายุ 29.”
“ฮึม? คุณอายุเท่าฉัน.”
“ถ้าคุณรวมเวลาที่อยู่ในอารีน่าแล้วผมก็อายุน้อยกว่า”
“หุบปาก.”
ยูจีโซตอบอย่างรวดเร็ว
***
บนชั้นใต้ดินที่1ของศูนย์วิจับ เราเรียกสถานที่นี้ว่าห้องรอผู้เข้าสอบ
มันเป็นห้องโถงกว้างและมีที่พักสำหรับผู้เข้าสอบทั้งหมดเรียงรายในแต่ละด้าน มันเหมือนกับตู้นอน.
“โอปป้า.”
“ฮยอง!”
แฮซูและยูนโฮรอต้องรับผม ทั้งสองดูไม่มีพลังเท่าไร.
“พวกเธอโอเคไหม? พวกเธอดูไม่ค่อยดี.”
“มันการเป็นฝึกซ้อมที่หนักหน่วงมาก และเมื่อผ่านประตูแล้วพลังกายทั้งหมดจะกลับมา ดังนั้นไม่ต้องห่วง.”
จีเฮตอบแทนพวกเขา.
“แขนและขาขอผมขยับไม่ไหวแล้ว เพราะงั้นผมอยากจะรีบขึ้นไปสอบ.”
ยูนโฮกำลังจะร้องไห้ แฮซูที่มีการแสดงออกอย่างน่าสงสารก็พยักหน้าขึ้นลง.
โดยไม่ต้องพูดอะไรอีก กลุ่มของยูจีโซที่มาหาผมก่อนหน้านั้นได้คว้าเสื้อผ้าและเข้าไปในโรงนอนของพวกเขา.
ความเงียบเหล่านี้ดูเหมือนกับว่าเธอคุ้นเคยมาก จากตอนนั้น พวกเขาเข้าร่วมสอบมาแล้ว19ครั้ง
ครู่ต่อมาพวกเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมาพร้อมกับทำตัวปกติ.
“อะไร? อยากจะนอนกับฉัน?”
ยูจีโซถามหยอกล้อผม
“ไม่ รูปลักษณ์พวกนี้คืออะไร?”
“ไม่มีทางเลือก ถ้าคุณสวมเสื้อผ้าในอารีน่า มันจะสังเกตอย่างเห็นได้ชัด คุณต้องมีชุดธรรมดาในอารีน่าและด้านในก็เป็นบัทเทิลสูท.”
ทั้งสามสวมเสื้อผ้าเหมือนกับอยู่ในยุโรปสมัยใหม่ รองเท้าหนังถุงมือเสื้อคลุมแม้กระทั้งฮู๊ด พวกเขาดูเหมือนกับออกมาจากหมู่บ้านยุโรป
“ไม่ต้องจ้องขนาดนั้น พวกคุณต้องแต่งตัวแบบนี้เหมือนกัน?”
แล้วผมก็หันไปดูตู้เหล่านั้น บรรตู้พวกนั้นก็แปะชื่อของพวกเราอยู่ด้วย.
“แล้วต้องเปลี่ยนล่วงหน้าด้วยไหม? ตั้งแต่นี้ต่อไปเราต้องทำความเข้าใจกับบัทเทิลสูทและเสื้อผ้าด้วย.”
“ช่าย ไปกันเถอะ.”
ในที่สุดทีมของเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย ในแต่ละตู้ก็มีป้ายติดเอาไว้เป็นชื่อพวกเราทั้งบัทเทิลสูท เสื้อผ้าสำหรับเข้าไปอารีน่าและรองเท้า ทั้งหมดถูกทำให้พอดีตัว.
ผมเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดและเมื่อเห็นบัทเทิลสูทมันทำให้ผมนึดถึงชุดของซุปเปอร์แมน ความยืดหยุ่นที่น่าแปลกใจและยังทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดและยังมีการควบคุมอุณภูมิของมันเป็นสิ่งที่ดี ผมจะไม่ได้รับความหนาวเย็นเมื่อผมเปิดมัน.
‘นี่คือเสื้อผ้าที่น่าทึ่งมาก ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกว่าแม้แต่มีดก็แทงไม่เข้าหรอ?”
ขณะที่ผมมองไปที่บัทเทิลสูทที่กระชับร่างกาย มียังมีเวลาเล็กน้อยในการชื่นชมร่างกายของผมอีกครั้ง.
ด้านบนผมสวมผ้าคลุมและเสื้อรวมทั้งรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง ด้วยเสื้อคุลมมีฮู๊ดผมมั่นใจว่าผมกำลัแต่งคอสเพลย์.
‘นี่มันน่าอายเล็กน้อย.’
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วเพือนร่วมทีมทุกคนก็ออกมาเหมือนกัน ดูเหมือนกับว่ายูนโฮและแฮซูก็อึดอัดมากกับชุดของพวกเขา กรามของคังชอยก็ดูเหมือนกับว่าจะไม่สามารถเปิดได้.
“ทำไมพวกเขาถึงให้ผ้าคลุม? มันถูกแขวนเหมือนกับแส้และมันก็อึดอัดนิดหน่อย.”
หลังจากที่ยูนโฮถาม ลีจียังจากทีมจีโซก็อธิบาย
“เมื่อคุณออกไป คุณสามารถใช้มันเป็นผ้าห่มได้และในการต่อสู้ยังทำหน้าที่เหมือนกับเกราะ ในโลกอารีน่ามันจะเป็นสำหรับนักเดินทางที่ต้องการเดินทางด้วยความรวดเร็ว.”
“อ่า....ขอบคุณมากๆสำหรับคำอธิบาย.”
“อย่างพูดถึงมันเลย โอ้ และผมคิดว่าผมแก่กว่า ดังนั้นแล้วผมจะพูดเป็นกันเอง มันโอเคไหม?”
“แน่นอน ผมชื่อลียูนโฮและผมอายุ20”
“การต่อสู้เหมาะกับพวกเด็กๆ ผมคือลีจียงและนี่คือยูจีโซและชาจินฮยอก.”
ดังนั้นเราจึงแนะนำตัวกับทัมยูจีโซ
เรายังมีเวลาอีก9ชั่วโมงจนกว่าจะถึงเวลาสอบดังนั้นเราจึงมีเวลาพูดคุยกันได้.
จากนั้นจินฮยอกก็พูด
“งั้นคุณก็คือคังจุนชอย?”
“ผมเอง.”
“ผมรู้สึกได้ถึงออร่า คุณผ่านมาสองรอบจริงๆ?”
“คุณสัมผัสได้?”
“อ่า ยังไม่รู้หรอ? เมื่อคุณมีการเพิ่มเลเวลออร่าเลเวล6คุณจะสามารถรู้สึกได้ถึงออร่าคนอื่น เมื่อเลเวลเพิ่มขึ้นการตรวจพบของคุณก็จะเพิ่มตาม.”
“เป็นอย่างนั้น.”
“แต่คุณเพิ่งจะผ่านสองรอบและเรียนรู้วิธีการคุมออร่าคุณแทบจะไม่เหมือนกับคนที่มีเอนทรีเลเวล1 ออร่าของคุณเลยแปลกไปเล็กน้อย?”
“ผมมีเอนทรีเลเวล 5.”
ด้วยคำเหล่านั้น ผมก็ประหลาดใจเหมือนกัน
ไม่นานมานี้ จุนชอยอยู่ที่เลเวล4 และตอนนี้เขาก็เพิ่มเลเวลได้อีก 1?