AST บทที่ 198 - คำพูด ความรัก และผลไม้มหัศจรรย์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 198 - คำพูด ความรัก และผลไม้มหัศจรรย์
ตอนนี้ชิงสุ่ย อยากจะเข้าไปดู ว่าให้กับดินแดนหยกยุพราชอมตะได้เลื่อนไประดับที่ 4 หรือไม่
จรู้ชิงมีความรู้สึกพึงพอใจอย่างมากแสดงผ่านใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอวางศีรษะอยู่ตรงหน้าอกชิงสุ่ย ภูเขาสองลูกของเธอได้กดลงไปที่ตัวของชิงสุ่ย ทำให้อาวุธของเขายังคงอยู่ในตัวเธอยังคงแข็งตัวอยู่ คราวนี้เขาจะขยับตัวเล็กน้อยทำให้เกิดเสียงครางเล็กน้อยหลุดรอดมาจากจรู้ชิง
ความหลงใหลได้แสดงออกมาจากสีหน้าจรู้ชิงใบหน้าของเธอเปลี่ยนสีแดงราวกับพระอาทิตย์ที่กำลังรับขอบฟ้า มันดูหน้ามองเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาที่ใหญ่และสวยงามของนาง ได้มองไปที่ผ้าไหมที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างเธอกับชิงสุ่ยซึ่งวางอยู่บนเตียง
"น้าสามท่านพอใจหรือยัง" ชิงสุ่ย ปรับตัวขึ้นและเขาพูดออกมาอย่างไม่เป็นทางการ เขาเกลียดความจริงที่ จรู้ชิงใช้เทียนหอมราคะกับเขา อย่างไรก็ตามเขายังคงอยู่บนเตียงกับนางเป็นเวลาครึ่งวัน
"เจ้าเกลียดที่ข้าใช้ฉันใช้ยาเสน่ห์ครอบงำเจ้า?
"ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าเกลียดก็คือท่าน" หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็แต่งตัว
จรู้ชิงไม่มีคำพูดที่จะพูดออกไป ทัศนคติของชิงสุ่ยเปลี่ยนไปด้วยความเร็วเหมือนพลิกหน้าหนังสือ ก่อนหน้านี้เขายังคงล้อเล่นอยู่กับเธอแต่ตอนนี้เขาก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไปในทันที แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจจะใช้ชีวิตนิรันดร์กับเขา แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยได้ แต่รู้สึกถึงความผิดหวังจากท่าทีของชิงสุ่ยที่แปลกไป
จรู้ชิง มองไปที่ชิงสุ่ย ที่สวมใส่เสื้อผ้าของเขาด้วยท่าทีที่หดหู่ บางที ... เธอได้ทำอะไรผิดพลาดไป?
เธอหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนที่จะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา เธอรู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าหลังจากที่เธอได้กระทำกับชิงสุ่ยระดับความหน้าหลงใหลของเธอจะลดลงอย่างมาก นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้รับความเจ็บปวดจากความเย็นชาของ ชิงสุ่ย
หลังจากที่เขาสวมชุดแล้ว เขาก็จ้องมองจรู้ชิงที่มีทางทีเปราะบาง เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีพลังมาก เมื่อเทียบกับอีเย่และแม้กระทั่งเขาอาจจะไม่ใช่ต่อสู้ของเธอ อย่างไรก็ตามผู้หญิงที่มีอำนาจมากแค่ไหนธอก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี!
"ไม่ว่าความตั้งใจของท่านจะเป็นยังไง เราก็จะเป็นแค่คนแปลกหน้าหลังจากเรื่องนี้" หลังจากพูดแล้วชิงสุ่ยก็หันกลับออกจากถ้ำ
จรู้ชิงยืนอยู่เงียบ ๆ ที่นั่นรู้สึกกระวนกระวายใจมาก เธอไม่เคยหวังอะไร แค่เพียงปรารถนาที่จะได้เริ่มต้นใหม่เท่านั้น เธอไม่รู้ว่าชิงสุ่ยเกลียดชังผู้หญิงที่โกหกเขามากที่สุดเท่า ๆ รวมถึงการใช้ยาเสน่ห์
แม้ว่าหลาย ๆ คนจะชอบวิธีจรู้ชิงที่ใช้อยู่ในครั้งนี้ แต่ไม่ใช้ชิงสุ่ย เขาก็รู้สึกรังเกียจอย่างมากกับเรื่องนี้
ขณะที่ชิงสุ่ยทิ้งเธอให้รู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่ใช่คนที่ไม่ดี ผู้คนจำนวนมากในโลกนี้อาจเป็นคนใจร้ายได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลังจากทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิง? ถ้าไม่เช่นนั้นชิงสุ่ยคงจะไม่ตั้งใจที่จะแต่งงานกับฉิงจวงถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองคนนั้นมีอะไรกัน เขาคงจะไม่มีเจตนาที่จะทำลายงานหมั้นของซือตู ปู้ฝาน
ส่วนจรู้ชิง ชิงสุ่ย รู้สึกขัดแย้งกันมาก ตั้งแต่เริ่มแรกเขาไม่เคยต้องการผู้หญิงคนนี้เลย แม้ว่าเธอจะงดงามมากพอที่จะทำให้หัวใจเขาสั่นไหว แต่ชิงสุ่ยคิดถึงเพียงผู้หญิงของเขาๆจึงไม่สามารถรักผู้หญิงคนอื่นได้
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าจรู้ชิง เกิดแย่งชิงหญิงสาวทั้งหมดของเขา? ถ้าเขากลายเป็น 'เหยื่อ'? ในขณะนั้นคงจะสายเกินไปที่จะเสียใจกับการตัดสินใจของเขา
ดังนั้นหลังจากมีอะไรกับเธอ ชิงสุ่ยได้ตัดสินใจที่จะสร้างระยะ ที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าเขารู้สึกว่าไร้เหตุผล แต่เขาก็ยังยินดีที่จะทำมัน
หลังจากเดินเข้าไปในพื้นที่ห่างไกลแล้วเขาก็เข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะทันที เขาสงสัยว่าพื่นที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ดินแดนหยกยุพราชอมตะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเลย มันเหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อน ชิงสุ่ยผิดกวังมาก; เขาหวังไว้มากว่ามันจะมีการพัฒนา ...
"บางทีความเข้าใจของข้าก่อนหน้านี้มีคงจะผิดไป?"
"แล้วทำไมดินแดนหยกยุพราชอมตะถึงประสบความสำเร็จได้รับการพัฒนาที่ได้ถึงสองครั้งละ? ถ้าระดับสูงขึ้นข้าจำเป็นต้องมีอะไรกับผู้หญิงมากขึ้นหรือไม่ "ชิงสุ่ย ขมวดคิ้วขณะที่เขาละทิ้งความคิดที่น่าสะพรึงกลัวไปด้วย
เนื่องจากพื้นที่เชิงพื้นที่ของเขาไม่ได้ยกระดับขึ้นไปถึงระดับที่ 4 ชิงสุ่ย จึงออกมาด้วยหัวใจที่หนักหน่วง ตอนแรกเขาคิดว่าเขาได้ค้นพบความลับของที่นั้นแล้ว แต่คิดว่านั้นมันไม่มีประโยชน์อะไร
"เห้อ ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติละกัน. นี้ไม่ใช้เรื่องที่สามารถบังคับได้.”
หลังจากนึกถึงภาพที่อ่อนแอของ จร็ชิง เขาเกือบที่จะปลอบโยนเธอ หลังจากมีเพศสัมพันธ์เป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงมักจะเป็นอารมณ์อ่อนไหวมากที่สุด
หลังจากเหตุการณ์นั้นชิงสุ่ยไม่เคยก้าวออกจากหุบเขาเมฆหมอก เขากำลังได้ฝึกฝนรูปแบบหมี รูปแบบพยัคฆ์และทักษะกวางย่างก้างอย่างหนักในทุกวัน จนถึงตอนนี้เขาได้ไขปริศนาของรูปแบบหมีได้และบันทึกมันไว้แล้ว หลังจากนั้นเขาจะส่งผ่านรูปแบบหมีและรูปแบบพยัคฆ์ให้ อีเย่ อย่างไรก็ตามเทคนิคเหล่านี้เป็นเทคนิคสนับสนุนทั้งและยากที่จะบ่มเพาะมันได้
ในพริบตาเวลาผ่านไปสิบกว่าวัน พวกสาวกที่ได้ไปออกจากภูเขาทั้งหมดได้กลับมา อย่างไรก็ตาม หุบเขาหมอกเมฆยังคงปกคลุมอยู่ในความสันโดษเหมือนเดิม ชิงสุ่ย ใช้เวลาตลอดทั้งวันเล่นกับเด็กสาวน้อยตัวน้อยและทำการบ่มเพาะอย่างเคร่งครัด
ภายในสิบวันชิงสุ่ยไม่ได้รีบที่จะฝึกฝนรูปแบบหมีให้ประสบความสำเร็จในขั้นตอนแรก แต่เขาเน้นไปที่การฝึกพื้นฐานของทักษะมากกว่า เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคง
วันนี้ อีเย่ ชิงสุ่ย และเด็กหญิงตัวน้อยๆได้ไปเดินเล่นด้วยกัน จู่ ๆ อีเย่ก็พูดขึ้นและทำให้ชิงสุ่ยตกตะลึง
"พี่สามนางป็นบ้าไปแล้ว อาการขอนางมันร้ายแรงมาก!"
ชิงสุ่ย ตระหง่านมองไปที่ อีเย่ ขณะที่หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้น เป็นไปได้ไหมที่เรื่องนี้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา? อีเย่ รู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่ควรกล่าวเช่นนี้ เพราะบุคลิกนิสัยของจรู้ชิงที่ค่อนข้างประหลาด
"ข้ารู้ว่าเจ้ามีทักษะการแพทย์ที่ล้ำเลิศ ตอนนี้น้ำหนักของนางได้ลดไปอย่างมากในเวลาเพียงแค่สิบวันเท่านั้น นางดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เจ้าสามารถไปเยี่ยมนางได้มั้ย เผื่อว่ามีวิธีที่เจ้าสามารถช่วยเหลือนางได้? "อีเย่พูดช้าๆขณะที่จ้องไปที่ ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ย ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เขาไม่ได้กลัวว่าเรื่องของเขาจะเป็นที่รู้ ของคนอื่น เพียงแต่เขาไม่ต้องการที่จะหาปัญหาให้กับตัวเอง!
อย่างไรก็ตามผู้ที่บ่มเพาะที่อยู่ในขั้นปราณเทวะเทียนเซียน ไม่สามารถเจ็บป่วยจากโรคทุกชนิด เว้นเสียแต่ว่าเกิดการบาดเจ็บจากอวัยวะที่สำคัญ เช่นความเสียหายต่อจุดตันถียนเป็นต้น
ชิงสุ่ย รู้บ้างแล้วว่า จรู้ชิง กำลังทุกข์ทรมานจากโรคอะไรบ้าง มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ อย่างไรก็ตาม สาเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นมาเนื่องจากเขาไม่ว่าในกรณีใด ๆ เมื่อเทพธิดาของเขาได้ขอความช่วยเหลือจากเขา มีหรือที่เขาจะไม่สนใจเขาได้ขยับคิ้วของเขาและกล่าวไปดูกัน
"งั้นเราไปตอนนี้เลย เราจะบินกันไปที่ หุบเขาจรู้ชิง "อีเย่กล่าว
"ไปกันเถอะ!" ชิงสุ่ยตอบอย่างเย็นชา
"เกิดอะไรขึ้น เจ้ามีเรื่องบาดหมางกับพี่สาม หรือไม่? "อีเย่สังเกตเห็นความไม่เต็มใจของชิงสุ่ย ขณะที่เธอกำลังสงสัย
"จะมีได้ยังไง? ไปกันเลย "ชิงสุ่ย ทำตัวเองให้เขารู้สึกผ่อนคลายขณะที่เขาอยู่บนกระเรียนหิมะอมตะ กับ อีเย่
หลังจากนั้นไม่นาน กระเรียนหิมะก็มาถึงน่านฟ้าเหนือหุบเขาจรู้ชิงแล้ว ที่นี้ดูคล้ายกับ หุบเขาหมอกเมฆมากแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือมันมีชีวิตชีวามาก ต่างจากความเงียบสงบของหุบเขาหมอกเมฆ
หลังจากที่กระเรียนหิมะได้ล่อนลงชิงสุ่ยสังเกตเห็นสาวกหญิงหลายคนที่จ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาจ้องมองดูชิงสุ่ยที่มีเสน่ห์และดูน่าหลงใหลอย่างไม่ละสายตา
"ว้าวนี่มันท่านป้าอีเย่และผู้อาวุโสชิงสุ่ย!" สาวกหญิงคนหนึ่งร้องเรียกออกมาอย่างตกตะลึง
"ผู้อาวุโสชิงสุ่ยยังเด็กอยู่เลย! เขากลายเป็นผู้อาวุโสที่อายุยังน้อยที่สุด! "
"ทั้งสองคนดูดีมากเลย ๆ !" สาวกหญิงอีกคนหนึ่งถอนหายใจ
ชิงสุ่ย และ อีเย่ มีการแสดงออกแปลก ๆ บนใบหน้าของพวกเขา ขณะที่ อีเย่เหลือบมองเขาด้วยความขมขื่นที่ซ่อนอยู่ ชิงสุ่ยรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายจากการจ้องมองของอีเย่
พวกเขาเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่และเดินผ่านมันออกไปที่ลานเล็ก ๆ ด้านหลัง นอกจากนี้ยังมีอาคารขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ด้านหลัง
มีผู้หญิงสองคน ยืนอยู่ที่ประตู เมื่อได้เห็น อีเย่ และ ชิงสุ่ย พวกเขาก็คำนับลงไปอย่างน้อมน้อม อีเย่ และ ชิงสุ่ย ได้เดินต่อโดยไม่หยุด พวกเขาเดินเข้าไปในห้อง
หลังจากเข้ามาแล้วชิสุ่ยรู้สึกว่าพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวาง เขาอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่และเขาก็ได้เดินตรงไปยังห้องที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตก
"ท่านควรทานอะไรสักหน่อย ถ้าท่านไม่ทาน มันจะทำไม่ได้ร่างกายของท่านออนแอ่ลง "ชายคนหนึ่งกำลังพยายามโน้มน้าวจรู้ชิง
ช่วงเวลาที่ชิงสุ่ยได้ยินเสียงเขารู้ว่ามันมาจากคนที่มีอายุมากกว่าอีเย่ ซึ่งเป็นพี่คนที่เก้า
"น้องเก้าไม่ต้องใส่ใจ ข้าสบายดี ... ข้าแค่ยังไม่หิวก็เท่านั้น "
ชิงสุ่ย หลังจากได้ยินเสียงเสียงแหบแห้งนั้นแล้วก็รู้สึกตกใจ เขาสามารถตรวจสอบได้ว่าเสียงนั้นเป็นของจรู้ชิงทำไมมันถึงเปลี่ยนไปมาก ตอนแรกเสียงของนางนั้นช่างไพเราะเต็มไปด้วยเสน่ห์และมีความรู้สึกนุ่มนวลอย่างมากมาก
หลังจากเข้าในห้องชิงสุ่ยได้เห็นภาพที่ไม่เชื่อ ขณะที่เขาได้เห็น จรุ้ชิงที่อ่อนแอและเปราะบางนอนอยู่บนเตียง เธอมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในเวลาแค่สิบวัน
ใบหน้าที่สวยงามดังหยกกลายเป็นสีขาวซีดตายด้านในขณะนี้ แม้ดวงตาที่สวยงามของนางก็ดูขุ่นมัวและร่างกายของนางก็ซูบผอมจนเหลือแต่กระดูก
ชายคนนั้นถืออยู่ในชามมีน้ำแกงใบบัวบกที่ยังร้อนๆอยู่ แม้ว่าจรู้ชิงจะอยากทาน แต่อย่างไรก็ตามเธอส่ายหัวและปฏิเสธที่จะทานมัน
เช่นเดียวกับชายที่ต้องการโน้มน้าวจรู้ชิงอีกครั้ง ครั้งนี้เขาถือชามของโจ๊กๆร้อนอยู่แต่มันได้หายไปในชั่วพริบตา มันกลับมาอยู่ในมือของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยนั่งลงอย่างช้า ๆ ที่ข้างเตียงของจรู้ชิง"ท่านทำให้หัวใจข้าแตกสลาย เมื่อเห็นว่าท่านซูบผอมลงไปอย่างมาก ท่านทานอะไรสักหน่อยได้ไหม? "
จรู้ชิง ได้หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะได้เห็น ใบหน้าของชิงสุ่ยยิ้มที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงของเธอที่กำลังพยายามป้อนโจ๊กให้เธอ เธอกระพริบตาของเธอปรากฏแววตาที่เป็นประกายอยู่ข้างในนั้น
ภายใต้การจ้องมองอย่างตะลึงของ ลุงเก้าและอีเย่, จรู้ชิงได้ทานโจ๊กจนหมด
สองคนที่เหลือในห้องนั้นตะลึงด้วยความงวยงง เกิดอะไรขึ้น? “ทำไมจรู้ชิงที่ซึ่งมักจะปฏิเสธที่จะทานอยู่เสมอจึงทานโจ๊กเมื่อป้อนด้วยชิงสุ่ยจนหมด?” อีเย่กล่าว
เธอเดินออกจากห้องไปกับพี่เก้าของเธอ ที่กำลังปิดประตูด้านหลัง
"ทำไมท่านถึงทำอย่างนี้กับตัวเอง?ท่านไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อีกหรือ? "ชิงสุ่ยวางชามและมองไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาไม่คุ้นเคยที่แตกต่างกับคนที่เขาเห็นเมื่อไม่กี่วันก่อน
"ข้าไม่รู้ ข้ารู้สึกเหมือนตัวข้าไม่เหลือความแข็งแกร่งอยู่ ข้ารู้สึกไม่อยากไปไหนหรืออยากทำอะไร คำพูดที่เจ้าได้ผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในใจของข้าและข้ารู้สึกไม่ดีเลย ข้าไม่เคยต้องการให้เจ้าอยู่กับข้าและพยายามที่จะหลีกเลี่ยงที่จะพบเจ้าตั้งแต่วันนั้น อย่างไรก็ตามคำพูดที่เจ้าพูดก่อนที่เจ้าจะไป ทำให้ข้ารู้สึกราวกับว่าโลกของข้าเปลี่ยนไปเป็นสีเทา "
เมื่อชิงสุ่ยฟังเสียงหยาบกระด้างของจรู้ชิงและเห็นแก้มที่ถูกย้อมไปด้วยสีชมพูปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าอ่อนแอของเธอ เขารู้สึกสับสนและหมดหนทาง เขาไม่ทราบว่าจะมีความสุขหรือหดหู่ดี
"ขอบเจ้าที่มาเยี่ยมข้าในวันนี้ ข้ามีความสุขเหลือเกินๆ."
เมื่อชิงสุ่ยได้ยิน เขาก็อุ้มนางขึ้นพร้อมกับผ้าห่ม เธอนั้นเบามากในตอนนี้ แม้แต่ผ้าห่มของเธอยังหนักกว่าเธอด้วยซ้ำ "ดีขึ้น ท่านต้องดีขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง ที่จริงแล้วข้าก็คิดเกี่ยวกับเรื่องของท่าน มาโดยตลอด ข้าแค่พยายามที่จะโกรธท่านเมื่อวันก่อน"
"ข้ารู้ข้าจะไม่คาดหวังอะไรจากเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ารู้เกี่ยวกับเรื่องที่ข้าความสัมพันธ์กับผู้หญิง และเจ้าก็คงจะเกลียดข้า ข้าพอใจที่เจ้ามาหาข้าในวันนี้ "
นางที่กำลังยิ้มแย้มแต่ก็เหมือนจะน่าสงสาร แต่ก็สวยงามในเวลาเดียวกัน เธอกอดที่คอของชิงสุ่ยเบาๆและจูบลงไปบนใบหน้าของเขา
"ข้าไม่เกลียดท่าน ไม่มีใครสามารถเกลียดท่านได้หรอก ท่านได้เข้ามาหัวใจของข้า นับตั้งแต่วันนั้นร่างของท่านได้ปรากฏตัวขึ้นในหัวใจของข้า แต่ข้าบังคับตัวเองไม่ให้คิดถึงท่าน ถ้าข้ารู้ว่าท่านป่วยดังนี้ ข้าคงจะมาก่อนหน้านี้แล้ว.” ชิงสุ่ยไม่สามารถรับได้กับตัวเองในอดีต ทำไมเขาจะต้องการที่จะเอาชนะผู้หญิงที่เขาชอบและคนที่รักเขา!
"ข้าจะรับผิดชอบท่าน ในอนาคตท่านไม่ได้รับอนุญาตให้ระบายมันออกไปด้วยตัวท่านเอง"ชิงสุ่ยตีไปที่ก้นของนางเบาๆ
จรู้ชิงได้ร้องไห้ออกมาด้วยความไม่เห็นด้วย รูปลักษณ์ที่อ่อนแอของเธอทำให้นางดูรู้สึกหน้าปกป้อง
หลังจากใช้การฝังเข็มเพื่อเสริมสร้างรากฐานของเธอมันช่วยให้เธอพัฒนาขึ้นและเพิ่มศักยภาพของเธอ ชิงสุ่ยได้สร้างแหล่งพลังของเธอขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว นี่เป็นความจริงที่ว่าแหล่งสะสมพลังในหัวใจของเธอได้พัฒนาขึ้น หลังจากที่สามารถแก้ปัญหาในหัวใจของนางได้
"จำคำพูดของข้าไว้ ในอนาคตจงรักษาตัวให้ดี อีกสิ่งหนึ่งอย่าทำแบบนั้นกับผู้หญิงในอนาคตอีก ถ้าท่านไม่สามารถทนได้ ท่านสามารถมองหาข้า ... "
จรู้ชิงหันปากของ สีแดงเธอไปทางชิงสุ่ย เขาได้มองกลับไปดวงตาของเธอ ตอนนี้เธอนั้นกลับมีเสน่ห์มากกว่าตอนที่เธอแข็งแกร่ง "ถ้าเจ้าไม่อนุญาต ข้าจะไม่ยุ่งกับหญิงสาวอีกในอนาคต "
"ข้าจะไปละ ข้าจะมาเยี่ยมท่านในอีก 2-3 วัน แม้ว่าท่านจะโตแล้วแต่ท่านก็ยังเหมือนเด็ก ไม่สามารถดูแลตัวเองได้เลย "ชิงสุ่ยเก็บเข็มทองและแกล้งเธอ
"กอดข้าไว้!" เธอก้มหัวลงและพูดด้วยน้ำเสียงเบา ๆ
ชิงสุ่ย ยิ้มและยกคางของเธอขึ้น เขามองไปที่ผู้หญิงที่สวยงาม มือของเขาอยู่ใต้แขนของเธอ เขาได้กอดเธอไว้อย่างใกล้ชิดและแน่นราวกับพยายามให้หัวใจชิดด้วยกัน
"ชิงสุ่ย, ขอบคุณนะ!" จรู้ชิงคล้องแขนของเธอไว้ที่คอของชิงสุ่ยและพูดอย่างจู๋จี๋
ชิงสุ่ย และ อีเย่ ได้ออกไปจากที่นั้น ขณะจรู้ชิงมองไปที่พวกเขาจนกว่าพวกเขาจะขึ้น กระเรียนหิมะขากไป ในขณะที่อยู่ในอากาศ อีเย่มองไปที่ ชิงสุ่ย โดยไม่กระพริบ ดวงตาของนางซึ่งสามารถมองทะลุทุกอย่างในโลกได้ เหมือนราวกับว่าพวกมันสามารถมองทะลุเขาได้
“ถามสิ่งที่ท่านต้องการมาเถอะไม่ต้องมองข้าอย่างนั้น ถ้าท่านไม่ได้คำตอบไปมันคงทำลายความงดงามของท่านได้ไปแน่ ความงามที่สามารถทำให้เกิดการล่มสลายของอาณาจักรๆหนึ่งได้เลย.” ชิงสุ่ยลูบที่จมูกของเขาอย่างเชื่องช้าและกล่าวว่า.
"เจ้ามีข้อตกลงกับพี่สาม หรือไม่?" อิเย่ยับยั้งตัวเองมาเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะถามคำถามขึ้น ในต่อนนี้ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“อืมมม.”
"เจ้าชอบพี่สามของข้าหรือไหม?" หลังจากนั้นไม่นาน อิเย่ก็ถามอีกครั้ง
"ข้า คิดว่าท่านจะถามข้าว่า ข้ามีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอมากกว่า?" ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว
อีเย่ เจี้ยนเก้อเงียบ!
ชิงสุ่ยยิ้มแล้วก็เงียบไป เขาไม่ต้องการที่จะพูดต่อ ในขณะที่ อีเย่ เจี้ยนเก้อตำหนิตัวเองว่าทำไมเธอถึงได้ออกไปหาพี่สามในวันนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเธออย่างไร?
หลังกลับไปใน หุบเขาหมอกเมฆ ชิงสุ่ยกลับมายังโลกปกติของเขาอีกครั้ง ซึ่งเขาไม่สนใจอะไรนอกจากการฝึกของเขา บางครั้งเขาก็จะพาเด็กหญิงตัวน้อยๆ ไปเดินเล่นบนภูเขากระบี่นภา โดยที่พวกเขานั่งอยู่บนนกอินทรีย์สีขาว บางครั้ง ชิงสุ่ยก็สอนทักษะกวางย่างก้าวให้เธอ
ในพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร ชิงสุ่ยคิดว่าเขาจะสามารถเจอผลไม้ที่แปลก ๆ หรือไม่เหมือนใครเคยพบเห็น อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ผิดหวังในวันนี้ เนื่องจากวันนี้เขานำเด็กหญิงตัวน้อยๆไปที่ด้านหลังของภูเขากระบี่นภาที่นั้นมีทิวทัศน์เหมือนหลุมลึกและเป็นอันตราย พวกเขาบินอยู่เหนือจุดที่ลึกที่สุดและอยู่ใกล้กับส่วนโค้งงอของ ภูเขากระบี่นภา ที่มีลักษณะคล้ายกับดาบ
"ท่านพ่อมองไปที่นั่นสิ!" หลวนหลวนมองตรงไปที่จุดๆหนึ่งและตะโกนขึ้น
ชิงสุ่ย เดินตาม หลวนหลวน และพบว่าบนผนังหน้าผาบนภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวมีจุดมืดมิดแม้แต่แสงยังส่องลงไปไม่ถึง ที่ด้านบนมีที่ผลที่แปลกประหลาดมีขนาดที่ใหญ่สีแดงสด ผลไม้นี้ดูคล้ายมะพร้าวที่มีขนาดเท่ากับศีรษะของเด็ก
"ผลไม้มหัศจรรย์!"
นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยคิด มันเหมือนกับผลไม้ที่คิดออกมาจากจิตใจเขาแน่นอน
"หลวนหลวน เจ้าสามารถพาเจ้าขาวน้อยไปใกล้ๆจุดนั้นได้หรือไม่?" ชิงสุ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อยๆ เธอสามารถมองเห็นและรับรู้ได้ถึงความพิเศษ
ชิงสุ่ย ตื่นเต้นมาก นี่เป็นสิ่งที่ดีสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่าผลกระทบของมันที่เกิดในโลกของเก้าทวีปจะเป็นอย่างไร เขาต้องการที่จะถอนมันออกและแม้กระทั่งนำมันไปปลูก
นกอินทรีย์สีขาวหยุดนิ่ง ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังสังเกต เมื่อเห็นว่ามีสีสันที่สดใสและมีกลิ่นที่หอม ชิงสุ่ยรู้ว่ามันต้องมีอายุหลายปีมาแล้ว แต่มันกลับอยู่ที่นี่มาตลอด
ชิงสุ่ยดึงมันขึ้นมาในทันที "ผลไม้มหัศจรรย์" และส่งไปให้ยัง หลวนหลสน!
อย่ากินมันนะ เราจะกลับไปถามท่านแม่ของเจ้าว่ามันกินได้ไหม มันอาจจะเป็นผลไม้ที่ไม่ดี "ชิงสุ่ยส่งไปให้ยัง หลวนหลวน และกล่าวว่า
ชิงสุ่ย ได้กะเทาะไปที่ผิวของหน้าผาและค่อยๆถอนรากออกมาอย่างช้าๆ เขากลัวว่าถ้าเขาทำรุนแรง พวกมันทั้งหมดจะตายลง!
ชิงสุ่ยได้ค้นหาบริเวณรอบๆกับเด็กหญิงตัวน้อยๆต่อ และเขาได้ปลูกมันลงในดินแดนหยกยุพราชอมตะ
ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขกับการค้นพบ "ผลไม้มหัศจรรย์" ในบริเวณใกล้เคียง ชิงสุ่ยสงสัยว่าทำไมไม่มีปีศาจที่ค่อยปกป้องผลไม้ไว้ ถ้าไม่มีอะไรค่อยปกป้องผลไม้คงจะถูกดึงออกมานานแล้ว หรืออาจเป็นเพราะ "ผลไม้มหัศจรรย์" ไม่ได้มีคุณภาพสูงตามที่คิด?
หลังจากนั้น เขาไม่ได้ค้นพบสิ่งอื่นๆเลย เด็กหญิงตัวน้อยๆได้เบื่อและนอนหลับในอ้อมแขนของเขา เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ได้บอกให้เด็กหญิงตัวน้อยๆบอกกับนกอินทรีย์สีขาวให้มันมุ่งหน้าไปหุบเขาหมอเมฆ
ชิงสุ่ย มองไปที่ผลไม้มหัศจรรย์ที่กำลังเปล่งแสงสีแดงจาง ทำให้รู้สึกว่ามันไม่หน้ามีพิษสงอะไร ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาสำรวจจุดที่เป็นอันตรายในพื้นที่ต่าง แต่เขาไม่พบของที่มีประโยชน์อะไรเลย แม้ว่าเขาจะพบของได้มากมายที่เขาคิดว่าดี แต่หลังจากที่เขาได้ไปตรวจสอบกับอีเย่ เธอหัวเราะและบอกว่ามันเป็นเพียงขยะ
เมื่อพวกเขากลับมาถึง หุบเขาหมอกเมฆ อีเย่ก็อยู่หน้าห้องโถงราวกับรอเขากับพวกเด็กหญิงตัวน้อยๆอยู่! เขารู้สึกมีความสุขมากและแปลกใจอย่างมาก
อีเย่ ได้ใส่เสื้อคลุมให้เด็กหญิงตัวน้อยๆในแขนของชิงสุ่ย มือที่เรียวเล็กทำให้หัวใจของเขาหดตัวเมื่อมันได้สัมผัสกับหน้าอกของเขา
อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวเบา ๆ กับ ชิงสุ่ย ว่า "เจ้ากลับมาแล้ว!"
เมื่อเธอเห็นผลไม้มหัศจรรย์ในมือของชิงสุ่ย เธอกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า เพราะ "ผลไม้มหัศจรรย์"
"อืม เจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับมันหรือไม่?" ชิงสุ่ยถามอย่างมีความสุขและรู้สึกดีใจ เมื่อได้ยินเธอกล่าวว่า ผลไม้มหัศจรรย์ เมื่อเขามองใบหน้าที่ตกตะลึงของอีเย่ เจี้ยนเก้อแสดงมันจะต้องเป็นเรื่องที่ดี
"ผลไม้มหัศจรรย์เป็นผลไม้อันมหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งในดินแดนเก้าทวีปและเป็นสิ่งล้ำค่ามาก" อีเย่ เจี้ยนเก้อได้สัมผัสผลไม้มหัศจรรย์อย่างมีความสุขและกล่าว
"มันมีผลอะไรบ้าง? มันมีค่ามากแค่ไหน? "
"ผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีเพื่อเพิ่มศักยภาพของพวกเขา มันสามารถเพิ่มศักยภาพโดยรวมขึ้นอีก10% ของพวกเขา ในระหว่างการบ่มเพาะ ในอนาคตความเร็วของความคืบหน้าของพวกเขาจะเร็วขึ้นอีก 10% อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้มและกล่าวว่า
"มีผลข้างเคียงหรือไม่" ชิงสุ่ยถาม ผลไม้มหัศจรรย์ที่เขาเคยรู้มานั้นมีผลข้างเคียงเสมอ
“แล้วที่เจ้าได้ยินมามันมีหรือไม่?”อีเย่ เจี้ยนเก้อ ถามความรู้สึกแปลก ๆ
"จริงๆแล้วสิ่งนี้สามารถเพิ่มศักยภาพโดยรวมได้และเพิ่มอายุไขได้อีก 3ปีสำหรับเด็กทีอายุต่ำกว่า 12ปี ผลไม้มหัศจรรย์เป็นที่น่าอัศจรรย์ในการเพิ่มความสามารถสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จะทำให้ความคืบหน้าในการบ่มเพาะเพิ่มขึ้น 10%ต่อไปในอนาคต "อีเย่ เจี้ยนเก้อ อธิบายอย่างช้าๆ
"เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปีสามารถเพิ่มความเร็วในการเพาะปลูกได้เพียง 10%"
"อืม แต่เมื่อระดับเทวะเทียนเซียนทานมันก็สามารถเพิ่มความสามารถทั้งหมดของเขาได้ใน 10% ในครั้งเดียว และอายุไขของพวกเขาถึงห้าสิบปี" อีเย่ เจี้ยนเก้อจับ"ผลไม้มหัศจรรย์”และกล่าวขณะที่นางมองไปที่ชิงสุ่ย
"แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากข้าได้รับชีวิตอีกห้าสิบปีและต้องเสียนางไป แม้ว่าจะสามารถเพิ่มอายุไขของเด็กหญิงตัวน้อยๆได้แค่สามวัน ข้าก็ยังต้องมอบให้กับเธออยู่ดี เวลาในแต่ละวันของเธอ มันทำให้ข้ามีความหวังมากขึ้นที่จะสามารถช่วยเธอ "ชิงสุ่ย ถอนหายใจและพูดอย่างจริงจัง