WOC บทที่ 13 - สัมฤทธิ์ผล
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/WorldofCultivation/
บทที่ 13 - สัมฤทธิ์ผล
หลังจากที่เขาออกจากสถานะว่างเปล่า จั้วโมยังคงยืนเงียบเป็นเวลานาน ในตอนนี้เวลาที่เขารู้แจ้งแล้วจริงๆหรือ? เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกปลื้มปิติยินดีและมีความเสียใจในบางอย่าง
เป็นไปตามคาด เมื่อเขาใช้ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] สถานะว่างเปล่าที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ไม่ได้ปรากฏขึ้นเหมือนครั้งแรก ลักษณะการเคลื่อนไหวนิ้วมือของเขาเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานหลิงและการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ มันเหมือนกับว่าเขากำลังค้นพบเคล็ดลับของมัน เมื่อนิ้วมือขยับ พลังงานหลิงก็จะเคลื่อนไหวตามและเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งสองจะเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยยะ
การเคลื่อนไหวนิ้วมือสร้างผลลัพธ์ที่น่ากลัวมาก มันทำให้สาวกนิกายหญิงทั้งหมดต้องอ้าปากค้างด้วยความวิตกกังวล
จั้วโมเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าผลกระทบมันจะรุนแรงเช่นนี้
การทำลายล้างของ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] เหนือกว่าความคาดการณ์ของเขามากนัก ทำให้เขาต้องครุ่นคิดอย่างช่วยไม่ได้ หากในภายภาคหน้าเขาจำเป็นต้องใช้ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] เขาจะต้องระวังให้มากกว่านี้
หลังจากนั้นจะเหลือเพียงเรื่องง่ายๆ พวกเธอเพียงแค่ทำลายพืชที่ตายแล้วและไถหน้าทุ่งหญ้าอีกครั้งก่อนที่จะวางแผนปลูกหญ้าหลิง
วิธีที่สาวกนิกายหญิงใช้มันทำให้วิสัยทัศน์ของเขาขยายกว้างขึ้น เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนำภาชนะไม้ไผ่ออกจากข้างเอวของเธอ เธอดึงจุกเปลือกไม้ออกและปล่อยให้ไส้เดือนทองคำออกมา เธอร่ายคาถาและปล่อยให้ไส้เดือนทองคำลงไปช่วยขุดพื้นดินภายในทุ่งหญ้าหลิงของเธอ
ในระยะเวลาสั้นๆ พื้นดินก็ค่อยๆร่วนซุย หลังจากนั้นอีก 20 นาทีพวกมันก็หยุดลง ทุ่งหญ้าหลิงแห่งนี้ก็พร้อมที่จะปลูกพืชใหม่อีกครั้ง สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือไม่มีแม้แต่เศษดินที่กระเด็นออกมาจากทุ่งหญ้าหลิงแห่งนี้
จั้วโมเองก็เกิดความสนใจอย่างช่วยไม่ได้ "นี่มันอะไรกัน? เหตุใดมันช่างสะดวกยิ่งนัก!!"
ลี่อิงเฟิงมองดูและรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด ก่อนที่เธอจะเริ่มกล่าวออกมาว่า "พวกเราเรียกมันว่าไส้เดือนทองคำผันโคลน มันหาใช่สิ่งที่มีคุณภาพสูงที่ใช้ในการพรวนดิน แต่มันได้ผลดีอย่างมาก พวกเราขอมอบมันส่วนหนึ่งให้แก่ ศิษย์น้อง ข้าหวังว่ามันจะสามารถเป็นผู้ช่วยในการเพาะปลูกเหล่าธัญพืชหลิงได้ตามที่ศิษย์น้องต้องการ"
จั้วโมเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข "ข้าขอของคุณศิษย์พี่หญิงมาก!!!"
ในอาณาเขตทุ่งหญ้าหลิงที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้น สาวกนิกายหญิงกำลังช่วยกันหว่านเมล็ดพืชหลิง การปลูกหญ้าหลิงไม่น่ากังวลใจเทียบเท่ากับการปลูกธัญพืชหลิง เพียงแต่พวกเธอจะต้องแพร่กระจายเมล็ดพวกนั้นในอัตราส่วนที่หนาแน่นเพียงพอ
หลังจากเสร็จสิ้นการหว่านเมล็ด จั้วโมยังคงยืนดูสาวกนิกายหญิงเตรียมตัวที่จะร่ายคาถา [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] ก่อนที่เขาจะกล่าวอาสาว่า "ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังต้องการเมฆฝน เดี๋ยวข้าจะทำให้"
เมื่อมันทำให้เกิดความสะดวก ใครกันล่ะที่จะไม่ชอบ
ลี่อิงเฟิงยิ้มอย่างมีความสุข "ข้าได้ยินมาว่า [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] ของศิษย์น้อง ก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 3 ในวันนี้ข้าขอชมให้เป็นขวัญตาหน่อยเถิด"
[เคล็ดเมฆาฝนโปรย] เป็นคาถาที่จั้วโมคุ้นเคยกับมันมากที่สุด เขาแทบไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวใดๆเลย เพียงแค่เริ่มร่ายมนต์สะกดเมฆฝนก็เริ่มสร้างตัว และปรากฏขึ้นอยู่เหนือขอบเขตทุ่งหญ้าหลิงแห่งนี้
เส้นด้ายสีเงินค่อยๆถ่ายเทลงสู่พื้นทุ่งหญ้าหลิง บรรยากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ทุกคนรับรู้ได้ทันทีว่า จิตใจของพวกเธอกำลังเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่สดชื่น
เมื่อฝนหยุดตก สายรุ้งก็ปรากฏขึ้นเหนือทุ่งหญ้าหลิง
ในขณะที่ทุกคนกำลังเชยชม สาวกนิกาหญิงคนหนึ่งก็ร้องตะโกนขณะที่เธอชี้ไปยังทุ่งหญ้าหลิง "พระเจ้า!! ดูนั่นสิ!!! มันกำลังงอก!!"
ในเวลานั้น ต้นอ่อนเล็กสีเขียวขจี ค่อยๆปรากฏขึ้นภายในทุ่งหญ้าหลิง
จั้วโมหยิบลูกแก้วแก่นแท้พลังพฤกษาและเริ่มร่ายคาถา [เคล็ดพฤกษาพรรณา] อีกครั้ง พวกมันเริ่มละลายออกไปทันทีและกระจายกลายเป็นเส้นด้ายสีเขียวนับไม่ถ้วนภาษานเข้ากับทุ่งหญ้าหหลิงแห่งนี้
แสงสีเขียวที่กระจายออกไปในทุ่งหญ้า เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มที่คอยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทุ่งหญ้าเหล่านี้อย่างน่าอัศจรรย์
"ศิษย์น้องมีพลังดั่งเช่นข่าวลือที่ข้าได้ยินจริงๆ!!"ลี่อิงเฟิงกล่าวชื่นชมด้วยความจริงใจ ทุกกระบวนการดูเหมือนเป็นวิธีการที่ไร้สิ้นสุด มันยิ่งทำให้เธอประหลาดใจ และเธอก็ไม่คิดว่าเคล็ดวิชาที่จั้วโมใช้จะไร้ซึ่งความแตกต่างจากสิ่งที่เธอได้ยิน
เขายังปกปิดอะไรอีกหรือไม่? ลี่อิงเฟิงคิดถึงคำถามนี้อีกครั้ง
[เคล็ดพฤกษาพรรณา] เมื่อรวมกับ [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] ผลที่ได้รับของมันจะคอยส่งเสริมประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลี่อิงเฟิงไม่ค่อยสนใจในวิธีการที่จั้วโมใช้ เธอหวังเพียงว่าผลผลิตของเธอนั้นจะเติบโตไวยิ่งขึ้น
เพื่อให้เขาสามารถกลับไปอัญเชิญฝนที่หุบเขาหมอกสะท้านได้ทันตาม นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทดลองดูดซับพลังงานภายในเหรียญจิ้งซือเพื่อชดเชยพลังปราณหลิงในตัวของเขา
ร่างกายของผู้คนเปรียบเสมือนเรือ เพื่อให้สามารถใช้พลังปราณหลิงได้มากยิ่งขึ้น ภาชนะย่อมต้องมีขนาดใหญ่เช่นกัน วิธีง่ายที่สุดในการเพิ่มขนาดของภาชนะเพื่อให้ใช้งานได้ต่อเนื่อง เขาจึงอาศัยช่องทางในการฟื้นฟูพลังเพื่อให้สามารถใช้พลังปราณหลิงได้มากยิ่งขึ้น
ความบริสุทธิ์และความหนาแน่นของพลังปราณหลิงที่อยู่ภายในเหรียญจิ้นซือมีจำนวนมากจนถึงขั้นแพร่กระจายอยู่ภายในบรรยากาศเหล่านั้น มันง่ายที่จะดูดซับและเสริมสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน
ในอีกไม่กี่วัน จั้วโมก็ยังคงร่ายคาถา [เคล็ดพฤกษาพรรณา] และ [เคล็ดเมฆาฝนโปรย]ซ้ำๆ โดยทุ่งหญ้าหลิงที่เขาได้ทำไปนั้นมีจำนวนมากถึง 400 มู ซึ่งทำโดยเขาเพียงคนเดียว
สาวกนิกายหญิงมองดูภาพความพยายามอันบ้าคลั่งในพื้นที่ที่เขาลงมือทำ
มือข้างหนึ่งร่ายคาถา ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งถือเหรียญจิ้นซือพร้อมทั้งทำสมาธิ เขายังคงยืนร่ายคาถาที่เกิดจากพลังปราณหลิงในร่างกาย ไปพร้อมพร้อมกับการฟื้นฟู……..
แม้ในขณะที่พวกเธามองจากด้านข้าง พบเธอก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้า แต่จั้วโมก็ยังคงทำซ้ำๆอย่างเดิมโดยไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งใดๆ
ซึ่งแน่นอนว่าจั้วโมย่อมไม่รู้สึกน่าเบื่อเลย!!
การฟื้นฟูที่ทรงพลังนี้ เขาเองก็คาดไม่ถึง มันจึงเป็นโอกาสดีที่เขาได้เริ่มลงมือทดลอง
เขาไม่ได้กักเก็บพลังปราณหลิงใดๆไว้ในร่างกายเขาเลย ทุกครั้งที่เขาเริ่มเล่นเข็มพลังปราณหลิงเขาก็จะเริ่มดูดซึมพลังปราณหลิงจากเหรียญจิ้งซืออย่างบ้าคลั่ง
ภายในสองสามวันมานี้ เขาได้รับประโยชน์อย่างมาก แม้ว่าเขาจะปราศจากเหรียญจิ้งซือระดับสองทั้ง 10 เหรียญ เขาก็คงคิดที่จะทดลองใช้พวกมันอยู่ดี ภายในเส้นลมปราณ เขาไม่เคยทดลองใช้พลังปราณหลิงด้วยวิธีดังกล่าวเลย มันเปรียบเหมือนพื้นดินแห้งที่ถูกฉโลมไปด้วยสายน้ำจากเมฆฝน เพียงระยะเวลาสั้นๆไม่กี่วัน ภาชนะรองรับพลังปราณหลิงในร่างกายของเขาก็เพิ่มขึ้นสูงถึง 10 เปอร์เซ็นต์ มันจึงทำให้เส้นลมปราณของเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
แน่นอกเหนือจากนั้น การที่เขาใช้คาถา [เคล็ดพฤกษาพรรณา] ซ้ำๆ มันยิ่งทำให้ระดับความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรง จนมีสัญญาณว่าเขากำลังใกล้เข้าสู่ระดับที่ 2
เมื่อมองดูไปยังทุ่งหญ้าที่เขียวขจีทั้งหมดที่เราต้องการปลูกต้นกล้าใหม่ นั่นก็หมายความว่างานของเขาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ในหัวใจของเขานั้นก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"ทำไมเวลาที่ข้าพบสิ่งดีๆมันจะเป็นเช่นนี้!!"
แต่เขาก็ทำได้เพียงถอนหายใจ
ใน 5 วันที่ผ่านมา เขาได้ใช้เหรียญจิ้งซือระดับสองเพียง 5 ชิ้น มันจึงทำให้จั้วโมอยากที่จะทำต่อ
แต่โชคดี เหรียญจิ้งซือระดับที่สองอีก 10 เหรียญก็มากเพียงพอที่จะตอบสนองความปรารถนาในหัวใจของเขาได้
หินที่เกาะกินหัวใจของลี่อิงเฟิงก็พังทลายลง แม้ว่าจะต้องใช้จ่ายในราคาที่สูง แต่เธอก็สามารถแก้ปัญหาที่ยากลำบากให้ผ่านพ้นไปได้ อีกทั้งเธอยังได้พบศิษย์น้องที่แข็งแกร่ง มันยิ่งทำให้เธอค่อนข้างพึงพอใจ
การทำงานและได้ผ่อนคลายคือหนทางที่ดีที่สุด
เมื่อกลับมายังลานกว้าง จั้วโมมองดูกระเป๋าเงินที่พองโต มันยิ่งทำให้เขารู้สึกสบายใจ
แต่การเรียนรู้ของเขาในแต่ละวันก็ไม่เคยหยุด ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพในการทำสมาธิของเขานั้นจะอยู่ห่างไกลจนเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับพลังงานในเหรียญจิ้นซือ แต่จั้วโมก็ยังคงยืนกรานว่า พลังงานหลิงที่อยู่ในเหรียญจิ้นซืออาจจะดูบริสุทธิ์และง่ายต่อการซึมซับ แต่ก็เพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเพียง และมันยังคงช้ากว่ากันฝึกสมาธิและดูดซับพลังงานหลิงด้วยตัวของเขาเอง
ในระยะยาว มันอาจจะมีสิ่งอันตรายซุกซ่อนอยู่ภายในถ้าหากพึ่งพาเหรียญจิ้นซือมากเกินไป แต่นิกายเหล่านั้นมีรากฐานที่แข็งแรงและมีกระบวนการวิธีมากมายในการแก้ปัญหาเหล่านั้น ซึ่งหากเทียบกับจั้วโมแล้ว คนเหล่านั้นอยู่ห่างไกลอย่างยิ่ง
และแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจั้วโม ไม่ได้มีเหรียญจิ้งซือมากมายพอที่จะให้ผลาญเพื่อใช้มันในการฝึกฝน
นอกเหนือจากนั้นตอนนี้เขาเองก็ยังคงจดจ่ออยู่กับการฝึกฝน [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] และ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] ซึ่ง [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ก็บรรลุอยู่ในระดับขั้นที่ 2 ที่อยู่ไม่ห่างไกลกับ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] มากนักก่อนที่ [เคล็ดพฤกษาพรรณา] จะเริ่มทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ ซึ่งถ้าหากทั้งสองขึ้นวิชานี้สามารถบรรลุในระดับขั้นที่ 3 ได้ และหากรวมกับ [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] ที่บรรลุใน ระดับที่ 4 มันก็จะกลายเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเขามีคุณสมบัติมากเพียงพอที่จะเป็น นักเพาะปลูกพืชหลิง
ฮ่าๆๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง เหรียญจิ้งซือจะต้องไหลมากองอยู่ตรงหน้าเขา……..
ในไม่กี่วันถัดมา เขาก็ยังคงอารมณ์ดี
ในแต่ละวัน เขายังคงต้องเดินทางไปยังหุบเขาหมอกสะท้านเพื่อทำการเรียกฝน สมุนไพรหลิงที่อยู่ในทุ่งยามีการเจริญเติบโตที่ดีเยี่ยมเพราะผลกระทบที่ได้มาจาก [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] ขั้นที่ 4 สมุนไพรหลิงในตอนนี้ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมากกว่าแต่ก่อน ทุกครั้งที่เขาเริ่มทำการเรียกเมฆฝน สมุนไพรหลิงในทุ่งยาจะค่อยๆโบกพริ้วไปมาอย่างนุ่มนวลราวกับว่าพวกมันกำลังปลื้มปิติเปรมปรีดิ์ อารมณ์ของจั้วโมยิ้งเริงร่ามายิ่งขึ้นเมื่อเห็น"การร่ายรำ" เหล่านั้น และมันทำให้งานที่เขาถูกบังคับให้ทำด้วยความไม่เต็มใจค่อยๆแปรเปลี่ยนไปในความรู้สึกที่ดีขึ้น
ทุ่งยาหลิงที่อยู่ในหุบเขาหมอกสะท้านเต็มไปด้วยทุ่งหลิงระดับที่ 3 สติปัญญาที่อยู่ในสมุนไพรหลิงยิ่งช่วยเสริมสร้างให้พวกมันเติบโตได้ดีกว่าปกติ
ความโชคร้ายในอดีตผ่านพ้นไป ชีวิตที่เริ่มสดใสกลับมาอีกครั้ง
เช่นเดียวกับปกติ เขามักจะทำการตรวจสอบทุกอย่างอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะจากไป เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่เขาเดินทางออกมาจากหุบเขาหมอกสะท้าน
และเวลาไม่นานนักหลังจากที่เขาเดินทางออกมาจากหุบเขาหมอกสะท้าน เขาก็ได้ยินเสียงของผู้คนที่พูดอยู่เบื้องหน้า
"เฒ่าดำช่างโชคร้ายเสียจริงๆ ธัญพืชหลิงของเขากลับต้องเผชิญกับโรคแปลกๆ เขาอาจจะไม่ได้รับเมล็ดพืชหลิงแม้แต่เมล็ดเดียวในปีนี้ และหากให้รอปีหน้า เขาอาจจะไม่ได้ปลูกพืชเลี้ยงอีกต่อไป ตัวเขาช่างน่าสงสารมาก เขายังมีครอบครัวที่เต็มไปด้วยคนแก่และเด็กหนุ่ม สงสัยวันนี้จะทำให้ต้องเขาลำบากเสร็จแล้ว"
"โอ้ สงสัยจะเป็นโชคชะตาของเขา ตอนนี้ข้ากังวลว่าโรคที่แปลกนี้จะแพร่กระจายได้หรือไม่? ถ้าหากพวกเราติดเชื้อ มันคงไม่ดีนัก!!"
"จริงด้วย!! ขอบคุณที่สวรรค์ปกป้อง!! ถ้าหากข้ายังคงได้เก็บเกี่ยวผลผลิตในปีนี้ ก็จะสามารถใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นคัมภีร์กระบี่ได้!!"
"ข้าเองก็ด้วย!!"
……………………………………………….
โรคแปลกประหลาด? จั้วโมพลันรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาทันที
การปลูกพืชหลิง สิ่งที่ผู้คนกังวลและหวาดกลัวมากที่สุดนั่นก็คือการที่จะต้องเผชิญหน้ากับโรคที่แปลกประหลาด เพราะมันจะทำให้การเพาะปลูกทั้งปีต้องสูญสลายหายไปในพริบตา สองปีที่ผ่านมาจั้วโมได้เห็นศิษย์พี่มากมายต้องโชคร้ายและไม่สามารถจ่ายค่าเช่าสำหรับการเช่าทุ่งหญ้าหลิง มันจึงส่งผลให้พวกเขาเหล่านั้นถูกขับไล่ออกจากนิกาย
เมื่อไม่นานมานี้เขาเพิ่งร่ายคาถาเรียกฝนให้กับเฒ่าดำ ซึ่งธัญพืชหลิงของเขาก็ดูจะเจริญเติบโตได้ดี แต่ทำไมพวกมันกลับติดเชื้อแปลกประหลาดได้? จั้วโมรู้สึกแปลกใจ
ถ้าหากจะให้กล่าวว่าใครกันที่เป็นคนที่ลำบากที่สุดภายในนิกาย ก็คงหนีไม่พ้นเฒ่าดำ เขาทั้งมีครอบครัว อีกทั้งลูกชายของเขาก็เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ และยังได้รับการยอมรับจากนิกายกระบี่เล็กๆ การที่เขาจะต้องส่งส่วยในแต่ละปีให้แก่นิกายจึงไม่ใช่จำนวนเพียงน้อยนิด ทั้งค่าวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายเหรียญจิ้งซือที่จำเป็นในการฝึกตน จึงรวมกันเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
เฒ่าดำมีการฝึกตนอยู่ในระดับเหลียงฉีขั้นที่ 5 เขาได้เช่าพื้นที่มากถึง 200 มู และตลอดเวลาเขาใช้เวลาไปทั้งหมดในการปลูกธัญพืชหลิง ซึ่งมันทำให้ 10 ปีที่ผ่านมานี้การฝึกฝนของเขาเลยไม่ก้าวหน้าขึ้นแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นจำนวนเหรียญจิ้งซือที่เขาหาได้ก็แทบไม่พอใช้
ยิ่งในปีนี้ เฒ่าดำต้องทำงานหนักยิ่งขึ้น เพราะจากข่าวลือที่ว่าลูกชายของเขาเหลืออีกเพียงครึ่งก้าวก็จะสามารถเข้าสู่ระดับเหลียงฉีขั้นที่ 7 และถ้าหากต้องการจะผลักดันให้ลูกชายของเขาบรรลุ ก้าวอันยิ่งใหญ่ในขั้นที่ 7 เขายิ่งต้องการเหรียญจิ้งซือจำนวนมากมาย
ทั้งมอบมันให้แก่นิกายเพื่อเป็นเงินใต้โต๊ะ สำหรับเพื่อให้ผู้อาวุโสในนิกายให้ความสนใจ ซึ่งมันเป็นกฎที่ไม่ได้เขียนเอาไว้
นอกจากนี้ เฒ่าดำยังเคยฝากความหวังไว้อีกวิธีหนึ่ง
แต่มันเป็นเพราะสถานที่ที่เขาอยู่ไม่มีเส้นหล่อเลี้ยงพลังงานหลิง และปริมาณพลังงานหลิงที่อยู่ในอากาศนั้นต่ำมาก ถ้าหากเขาอาศัยเพียงพลังงานหลิงเหล่านั้น เพื่อช่วยพัฒนาความสามารถในร่างกายของเขา มันจึงเป็นเรื่องที่ช้าอย่างยิ่ง
ผู้ฝึกตนที่มีทรัพย์สมบัติมักจะเลือกใช้อยู่ 2 วิธีการ วิธีการแรกคือการใช้เหล่าธัญพืชหลิงสำหรับการดูดซับระยะยาว แม้ว่าพลังงานหลิงที่อยู่ภายในจะไม่อยู่ในระดับสูงแต่ผลกระทบของมันนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและทำให้ดูดซึมพลังงานได้ง่าย ส่วนอีกวิธีการหนึ่งคือการดูดซับพลังงานหลิงที่อยู่ภายในเหรียญจิ้งซือ ซึ่งนี่เป็นวิธีการที่เร็วที่สุด นอกจากนี้ การใช้เหรียญจิ้งซือ จะยิ่งมีประสิทธิภาพถ้าหากใช้มันเพื่อการทะลวงผ่านจุดคอขวดที่ยากลำบาก
เฒ่าดำจึงคิดที่จะใช้วิธีการนี้ในการช่วยให้ลูกชายของเขานั้นสามารถทำลายอุปสรรคที่ขวางทางบันไดก้าวขึ้นสู่ขั้นที่ 7
จั้วโมจึงตัดสินใจที่จะไปดู ซึ่งถ้าหากมันสามารถแพร่กระจาย ทุ่งหญ้าหลิง 50 มูของเขาก็อาจจะได้รับผลกระทบ
ในตอนนี้มีผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันอยู่ที่ทุ่งหญ้าหลิงที่อยู่ตีนเขา ซึ่งจั้วโมก็พบว่าเฒ่าดำคุณอยู่ในฝูงชนเหล่านั้น ในตอนนี้ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีดำอีกทั้งยังซีดลาวกับเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความว่างเปล่าและสิ้นหวัง
ในเมื่อมองดูไปยังทุ่งหญ้าหลิงที่เขาเคยสร้างฝนเอาไว้ มันยิ่งทำให้เขาตกใจ
ธัญพืชหลิงที่เคยเขียวขจีในตอนนี้มันกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแห่งความแห้งเหี่ยวจนเกือบหมด ลำต้นและใบแปรเปลี่ยนไปเป็นพนักงานสีดำ ใครก็ตามที่เห็นสถานการณ์นี้เรามั่นใจได้ทันทีว่าธัญพืชเหล่านี้จะต้องตายอย่างแน่นอน ศิษย์พี่หลายคนต่างมารวมตัวกัน และในกลุ่มคนเหล่านั้นต่างกำลังพูดคุยด้วยเสียงโทนต่ำ แต่ทุกคำพูดของพวกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล
"ศิษย์พี่กั่วอยู่ที่นี้แล้ว!!!"
"ศิษย์พี่กั่วอยู่ที่นี้แล้ว!!!"
เสียงที่โหร้องจากฝูงชน เปรียบดังแสงที่กระทบในตาของเฒ่าดำและค่อยๆปลุกให้เขาคืบคลานขึ้นจากพื้นดิน
ศิษย์พี่กั่วหลู่ เป็นคนที่มีความรู้ลึกซึ้งในด้านคาถา [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] หลายปีที่ผ่านมาเขาด้วยบรรลุในระดับที่ 2 และข่าวลือล่าสุดที่ทุกคนกล่าวถึงคือเขากำลังจะเข้าสู่ระดับที่ 3 ในเร็วๆนี้ โดยปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกี่ยวกับเมล็ดธัญพืชทุกคนก็จะขอคำแนะนำจากศิษย์พี่กั่วหลู่ และพวกเขาย่อมไม่เคยผิดหวัง ในขณะที่ทุกคนคิดว่าพวกมันตายแล้วแต่เขากลับสามารถช่วยธัญพืชหลิงเหล่านั้นได้
ศิษย์พี่กั่วหลู่ เดินทางมาด้วยเท้าเปล่าและสวมใส่กางเกงขาสั้น ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยราวกับคนชรา ในเมื่อเขามองเห็นทุ่งหญ้าโล่งอันแห้งแล้ง ใบหน้าของเขาก็แสดงอาการวิตกก่อนที่จะแปรเปลี่ยนกลับเป็นใบหน้าดังเดิม
การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกพบโดยจั้วโม ในตอนที่เขาเห็นทุ่งหญ้าที่แห้งเหี่ยวแห่งนี้ เขาเองก็รู้สึกแย่อย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แสดงออกทางสีหน้าของศิษย์พี่กั่วหลู่ ความรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ก็ยิ่งเด่นชัดขึ้น เพราะเขาเองก็เป็นผู้ที่พยายามเรียนรู้ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ดังนั้นเขาจึงเข้าใจเช่นเดียวกัน
ถ้าเป็นศัตรูพืชตามปกติ ใบที่ร่วงโรยจะไม่เป็นสีดำขนาดนี้ สีดำที่ปรากฏเปรียบเหมือนขี้เถ้าที่ตายแล้ว มันทำให้จิตใจของจั่วโมเริ่มคิดที่อยากจะเอาชนะมัน
เฒ่าดำวิ่งหน้าตั้งตรงไปหาศิษย์พี่กั่วหลู่ยืนอยู่ พร้อมทั้งร้องตะโกนอย่างน่าอนาถ เมื่อตอนนี้หัวใจของเขานั้นถูกบิดจนแทบขาดจากกัน "ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วยเถิด!!!"
เมื่อเห็นการแสดงออกอย่างหมดหวังของเฒ่าดำ กั่วหลู่จึงแสดงสีหน้าอันหนักแน่น ก่อนที่เขาจะกล่าวมาว่า "ข้าจะพยายามสุดความสามารถ!!!!"
กั่วหลู่ที่ค่อยๆเดินตรงไปยังทุ่งหญ้าหลิง
ทุกสายตาจับจ้องไปที่ตัวของศิษย์พี่กั่วหลู่ โดยปราศจากเสียงพูดคุย
การแสดงออกของศิษย์พี่กั่วหลูนั่นร้ายแรงมาก เขาเดินตรงไปด้วยใบหน้าเหี่ยวเฉา ขณะที่ก้มลงมองทุกส่วนของลำต้น นอกจากนี้เขายังฉีกใบที่แห้งเหี่ยวและมีสีดำขึ้นมาดมเพื่อรับกลิ่น เขาพยายามตรวจสอบอย่างเต็มที่ ในตอนนี้เขาได้เดินเกือบจะครบทุกทุ่งหญ้า และมันใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง
การแสดงออกที่น่าสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าราวกับว่าเขากำลังเผชิญสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เขาส่ายหน้าในขณะที่การแสดงของเขานั้นยังเต็มไปด้วยความสงสัย มือของเขาวางอยู่บนธัญพืชหลิงที่แห้งเหี่ยว
จั้วโม ผู้ซึ่งรู้จักคาถา [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ก็เริ่มตื่นตัว เขารู้แล้วว่าเวลาสำคัญที่สุดก็มาถึง