AST บทที่ 191 - เทพธิดาก็ต้องสวมชุดชั้นใน
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 191 - เทพธิดาก็ต้องสวมชุดชั้นใน
“เพียงผ้าห่มของข้าที่ใช้คลุมเธออยู่นี้อาจจะไม่ทำให้รู้สึกสบายสักเท่าไร ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหยิบยืมผ้าห่มของท่านอาจารย์มาอีกสักสองสามผืนแล้วล่ะ”
ชิงสุ่ยหัวเราะขณะเดินตรงไปยังห้องของอีเย่ ถัดจากห้องโถ่งใหญ่จะเป็นลานเล็กๆ ที่มีศาลาอยู่ข้างในซึ่งเป็นศาลาสองชั้น ที่อีเย่พักอยู่ข้างในศาลานั้น
เพราะชิงสุ่ยเคยเห็นเงาอันน่าทึ่งและท่าทางที่สละสลวยของอีเย่มาก่อนแล้ว เขาคุ้นเคยกับภาพนี้ดี เขาจึงเดินขึ้นไปยังศาลา
ขณะที่เขาเดินตรงเข้าไป เขาตระหนักได้ว่าขั้นบันไดนั้นล้วนทำมาจากไม้และผิวสัมผัสมันช่างหยาบไม่ประณีตเสียเลย แต่สีเขียวอ่อนของขั้นบันไดยังพอทำให้งดงามขึ้นบ้าง ชิงสุ่ยทนไม่ไหวได้แต่ส่ายหัวไปมาในความจริงอันแสนเศร้าที่อีเย่พา หลวนหลวนมายังศาลานี้ตลอด ในขณะที่เขาเพิ่งจะได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกเอง
และแล้วก็มีคืนหนึ่งที่สาวน้อยตะโกนขึ้น “ท่านพ่อ! ขึ้นมา! มานอนกับท่านน้าด้วยกันนะ”
ชิงสุ่ยแทบจะเก็บความรู้สึกอัดอั้นตันใจไว้จนทนไม่ไหว ในความตื่นเต้นนี้มีเพียงน้ำตาอุ่นๆ เท่านั้นที่เอ่อล้นไหลรินเปียกปอนดวงตาของเขาในเวลาต่อมา สาวน้อยคนนี้ช่างเป็นเทพธิดาที่ไม่ลืมเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะที่ไหน และเมื่อไรที่มีโอกาส
เมื่อผลักประตูเข้าไป ปรากฏเป็นห้องเล็กๆ สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากห้องของฮัว ซุยหยุน ห้องพักของอีเย่ถูกออกแบบอย่างง่ายๆ ดูสบายใจ ประดับประดาด้วยเก้าอี้สองตัวซึ่งมีสีขาวราวกับหิมะงดงามเข้ากับกำแพงเนื้อสีขาวและพื้นกระดานสีขาว ทั้งห้องแทบปราศจากฝุ่น
คนหนึ่งชื่นชอบสีม่วงในขณะที่อีกคนชอบสีขาว เสมือนรสนิยมการแต่งตัวของพวกเขา อีเย่หลงรักในการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีขาวดั่งหิมะขาวให้กับสาวน้อยและโชคดีที่สาวน้อยผู้นั้นถูกจับแต่งออกมาได้ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากในชุดสีขาวนั้น
นอกจากเก้าอี้แล้วยังมีจุดที่มีสีขาวเล็กน้อยเป็นลวดลายบนตู้เสื้อผ้า ชิงสุ่ยค่อยๆ เดินไปยังห้องนอน ขณะนั้นเสียงหัวใจของเขาเต้นสั่นระรัวทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ชิงสุ่ยแอบตำหนิตัวเองเบาๆ สำหรับการกระทำอันไร้ประโยชน์ที่เขายังคงเดินตรงต่อไปยังห้องนอน เขาแค่จะตรงไปยังห้องนอนของหญิงงามก็แค่นั้น ทำไมเขารู้สึกปั่นป่วนถึงเพียงนี้? ไร้สาระที่สุด! หลังจากผลักประตูห้องนอนเข้าไป เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แสนเงียบสงบมากกว่าห้องใดๆ เท่าที่ชิงสุ่ยเคยเดินสำรวจมา ห้องนอนเล็กๆ ในพื้นที่จำกัดเช่นนี้มีเพียงแค่เตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าเท่านั้น
ขนาดของเตียงนอนเล็กกระทัดรัดมาก ไม่เพียงพอสำหรับคนนอนสองคน ผ้าคลุมเตียงและผ้าห่มของเตียงถูกบรรจงวางไว้อย่างประณีตเรียบร้อยปราศจากรอยหยับแต่อย่างใด
เมื่อเขาถึงเตียงนอน สายลมพัดกลิ่นไอความหอมระเหยล่องลอยพัดผ่านจมูกของเขา ชิงสุ่ยสุขรื่นรมย์ใจและสูดหายใจเข้าลึกๆ
“อื้มม…กลิ่นราวกับนางเทพธิดาบนฟ้า”
“ช่างเถอะ ข้าเพียงจะมาคว้าผ้าห่มไปสักสองผืนเท่านั้น!”
ขณะที่เขาหยิบฉวยผ้าห่มไปสองผืนและเตรียมตัวที่จะออกจากที่แห่งนั้น เขาสะดุดกับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปถึงขั้นหยุดชะงักอย่างกะทันหัน ชุดชั้นในสีขาวมันติดอยู่ข้างในผ้าห่มเหล่านี้...
เทพธิดาก็ต้องสวมชุดชั้นใน..........
ชิงสุ่ยละสายตาจากชุดชั้นในสีขาวชิ้นนี้ไม่ได้เลย ไม่ว่าเขาจะพยายามที่จะไม่มองแต่เขาก็ไม่สามารถทอดสายตาไปที่อื่นได้เลย เนื้อผ้าบางเบาเต็มไปด้วยกลิ่นอายความยั่วยวนใจ ชิงสุ่ยประคองผ้าห่มทั้งสองไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง แล้วค่อยๆ ดึงมืออีกข้างของเขาออกมาอย่างระมัดระวังไปยังชุดชั้นใน
หลังจากที่ได้สัมผัสมัน ชิงสุ่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เนื้อผ้ามันช่างนุ่มและมีกลิ่นหอมละมุนละไม กลิ่นนี้ช่างหอมเสมือนนางเทพธิดาและเตียงนอนของเธอ
แล้วเขาก็หยุดชะงักอีกครั้ง เมื่อชิงสุ่ยเกิดความรู้สึกสังเวชตัวเองอย่างมากที่เขาเสียหลักควบคุมตัวเองไม่อยู่ หลังจากที่คิดได้เขาจึงรีบวางชุดชั้นในนั้นบนเตียงนอนก่อนที่เขาจะรีบวิ่งหนีออกจากศาลาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขากลับมายังห้องของตัวเอง เขาพบว่า สือฉิงจวง กำลังนอนหลับอยู่ ชิงสุ่ยห่มผ้าห่มเพิ่มให้เธอ แล้วไปข้างในเดินแดนของเขาเพื่อนำเต่ามาทำอาหาร
ซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง!
ซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลังเหล่านี้สามารถบำรุงและเพิ่มพละกำลังวังชาในการสู้รบ ในเวลาเดียวกันมันยังบำรุงเลือดลมในร่างกาย ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันยังมีผลที่ดีสำหรับคนที่บาดเจ็บ นั่นแหละคือเหตุผลที่ชิงสุ่ยเตรียมซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลังเป็นยาชูกำลังให้ สือฉิงจวง
ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังเริ่มทำอาหาร สือฉิงจวง ได้ตื่นขึ้น เมื่อนางเห็นชิงสุ่ย และผ้าห่มที่คลุมร่างเธออยู่ เธอค่อยๆ ยืดมือออกมาเพื่อจะยกผ้าห้มออกจากตัว!
ชิงสุ่ยรีบหันทันที “ให้ข้าทำเถิด ให้ข้าทำเถิด!”
หลังจากยกผ้าห่มทั้งหมดออกให้นาง ชิงสุ่ยจ้องมองที่ สือฉิงจวงด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เจ้าประสงค์จะทำ โปรดให้ข้านั้นช่วยเจ้าเถอะนะ”
ใบหน้าของ สือฉิงจวง ค่อยๆ มีสีแดงระเรื่อ
“ข้ารู้ มันไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกอายหรอกนะที่ว่าให้ข้าช่วยเจ้าอ่ะ” ชิงสุ่ยอุ้มสือฉิงจวง แล้วเดินตรงไปยังห้องอื่น
“ข้าช่วยตัวเองได้! เจ้าออกไปข้างนอกเหอะ” สือฉิงจวง ก้มหัวไม่กล้าที่จะมองชิงสุ่ย
“ดูสิ บาดแผลเจ้ามันร้ายแรงแค่ไหน อย่าฝืนสิ แล้วมีส่วนไหนของเจ้าที่ข้ายังไม่เคยเห็นมาก่อนบ้างละ” ขณะที่ชิงสุ่ยถอดกระโปรงของนางออก ตอนนี้ สือฉิงจวง เขินอายมากถึงกับรีบซุกหัวเธอเข้าอ้อมกอดของชิงสุ่ย
มือของชิงสุ่ยดันไปสัมผัสกับบริเวณต้องห้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้ว่า สือฉิงจวง บาดเจ็บอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามไม่สัมผัสนางอย่างไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ผิวอันนุ่มเนียนของเธอ มันทำให้ใจของเขาปรารถนาบางอย่าง เวลาผ่านไปสักพักกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชิงสุ่ยกล่าว“สือฉิงจวง มีอะไรผิดแปลกไปหรือไม่? หรือว่าเจ้าปัสสาวะไม่ได้?” ชิงสุ่ยพยุงเธอขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกระซิบที่หูเธออย่างขบขัน
“เจ้าอยู่ที่นี่ทำให้ ข้าไม่สามารถปัส...” สือ ฉิงจวง กระซิบด้วยน้ำเสียงที่เขินอายแต่เปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์
“ทำตัวให้สบาย”
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มองหรือฟัง...”
หลังจากเวลาล่วงเลยผ่านไป ในที่สุดก็เกิดเสียงดังเปาะแปะเบาๆ สือ ฉิงจวง อายมาก เธอถึงขั้นไม่กล้ามองชิงสุ่ยเลยขณะที่เขาอุ้มนางกลับไปยังเตียง
ชิงสุ่ยใช้ผ้าขนหนูเช็ดที่หน้าของเธอและมือของเธอ ในขณะที่ใบหน้าอันสีขาวซีดของ สือฉิงจวง ได้ถูกเติมเต็มไปด้วยสีแดงเนื่องจากอาการเขินอายของเธอ
ในเวลาต่อมาได้มีกลิ่นหอมฟุ้งลอยออกมา ขณะที่ สือฉิงจวง ดมกลิ่นหอมนั้น หน้าของเธอ คล้ายกับว่าสว่างขึ้นโดยแสงอาทิตย์อันบริสุทธิ์ เริ่มมีสีแดงระเรื่อปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอหวนคิดกลับไปเมื่อครั้งที่เธอกับชิงสุ่ยเพิ่งจะบรรเลงบทเพลงรักกันครั้งแรก ชิงสุ่ยก็ได้ทำน้ำซุปนี้ให้เธอทาน กลิ่นของน้ำซุปนี้ เธอยังคงจำได้ไม่ลืมเลือน
เวลาเลยที่นางนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์นั้น นางจะเกิดอาการร้อนผ่าวที่แก้ม ทำไมนะเวลานางเริ่มคิดย้อนกลับไป นางจะต้องเขินอายทุกครั้ง?
เขาจะคิดว่าเธอง่ายและเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีรึปล่าว?
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” “ทำไมเจ้าท่าทางเจ้าดูแปลกๆเช่นนี้?” ชิงสุ่ยนำถ้วยซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลังใบใหญ่มา เขายิ้มอ่อน
สือฉิงจวง ตื่นจากฝันด้วยคำพูดของชิงสุ่ย หลังจากนั้นนางก็เห็นชิงสุ่ยกำลังถือถ้วยน้ำซุปมาแล้วไว้ที่หัวเตียง เขาบรรจงตักน้ำซุปและเป่าเบาๆ
เมื่อน้ำซุปมาอยู่ตรงหน้าเธอ สือฉิงจวง ถามอย่างอายๆ “เจ้าคิดว่าข้าง่ายนั้นรึ?”
ชิงสุ่ยจ้องมองซื่อๆ ไปที่ สือฉิงจวง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของเธอ “ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนี้? เจ้าพูดเรื่องอะไร”
“เจ้ายังคงปากคอเราะร้ายนักกับสิ่งที่เจ้าทำ...แล้วมากล่าวหาว่าข้า...ทำร้ายจิตใจข้า เจ้าคิดแต่จะดูถูกเหยียดหยามผู้หญิงเช่นนั้นใช่มั้ย? ข้าเสียเวลากับเจ้าจริงๆ” สือฉิงจวง กัดฟันพูดจนสิ้นสุดประโยคพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ความเขินอายปรากฏบนใบหน้าเธอ มันทำให้ชิงสุ่ยคิดว่านางช่างน่ารักเสียจริง (มโนก็มานะฮะ)
“ข้าแค่คิดว่าเจ้าจะกำลังถามอะไร... โอ้ เจ้าหมายความว่างั้นหรอ? เยี่ยม เจ้าโหดร้ายทารุณกับข้าจริงๆ แต่...ข้าก็รักนะ ข้ารักที่เจ้าโหดร้ายแค่กับข้าเช่นนี้” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขากำลังนำช้อนน้ำซุปเข้าใกล้ปากอันน่าเย้ายวนของสือฉิงจวง
“เจ้าไข่เน่า คนบ้า ไอบ้า!” สือ ฉิงจวง บ่นพรึมพรำก่อนจะซดน้ำซุปนั้น
“สือฉิงจวง อ่า ให้สามีของเจ้าสอนเจ้าเกี่ยวกับข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับเพศสักหน่อย” ชิงสุ่ยป้อนไปอธิบายไป
สือฉิงจวง ยังคงเงียบกริบ
“มีชายผู้หนึ่ง ถึงแม้ว่าเขานั้นจน แต่ก็ผู้หญิง เข้าช่วยทำให้ฐานะเขาดีขึ้นได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ชอบหญิงเหล่านั้น และยังไปสนใจกับผู้หญิงที่ไม่ได้สนใจเขาเลย ไม่เพียงแค่นั้นนะเขายังบอกว่า ภารยาของเขาไม่สามารถเทียบกับเธอคนนั้นได้ และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับผู้หญิงที่เขาไปแย่งจากชายอื่น การกระทำเรื่องอย่างว่ากับภารยาของคนอื่นมันช่างยิ่งใหญ่มันทำให้เขาสนุกตื่นเต้นที่ไม่สามารถหาที่เปรียบเทียบได้” ขณะที่ชิงสุ่ยเล่า ดวงตาของ สือฉิงจวง เบิกกว้างเต็มไปด้วยความสงสัยพร้อมกำลังจะกล่าวถาม
“โอ้ ข้ากำลังเล่าเกี่ยวกับจิตใจของผู้ชายผู้อื่น อย่ามาตัดบทข้าก่อน ฟังข้าเล่าต่อแล้วสิ แล้วก็ทานมันไปด้วย” ชิงสุ่ยป้อนน้ำซุปเข้าปากอันน่าชวนหลงใหลของ สือฉิงจวง ต่อ
“ผู้ชายหลายๆ คน คาดหวังว่าผู้หญิงของเขาจะต้องสง่าและงดงาม เปี่ยมล้นด้วยมารยาทและเสน่ห์ครบครัน ที่จริงมันไม่สำคัญ หรอก ที่จริงสำหรับเขาสิ่งที่เยี่ยมยอดที่สุดคือ แสดงให้ผู้ชายทั้งหลายเห็นว่าผู้หญิงของเป็นเสมือนหญิงที่ไม่อาจเอื้อมได้ แต่ที่เขาต้องการสำหรับครอบครัวของเขา เขาต้องการแค่ผู้หญิงธรรมดา เป็นแม่บ้านแม่เรือน รักลูก รักพ่อแม่ เคารพผู้ใหญ่ และไม่เจ้าชู้ ตกกลางคืน ผู้หญิงของเขาแสดงความรักที่มีต่อเขาอย่างลึกซึ้งก็พอ เท่านี้มันก็เยี่ยมมากพอแล้วนะ” ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่จ้องมอง สือฉิงจวง ที่กำลังเขินอยู่
เมื่อความเงียบหายไป ชิงสุ่ยก็ตักน้ำซุปให้ สือ ฉิง จวง เรื่อยๆ เขาจุ่มช้อนลงไปในถ้วยเพื่อป้อนนางครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมด ชิงสุ่ยเติมเพิ่มแล้วป้อนนางเหมือนเดิม
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นหมูหรือไง?!” สือฉิงจวง บุ้ยปาก
“ถ้าหมูทุกตัวบนโลกนี้งดงามแบบเจ้า ทำไมผู้ชายทั้งหลายยังต้องไปมองหาผู้หญิงอีก? พวกเขาต้องมองหาหมูสิ” ชิงสุ่ยรูดช้อนออกจากปาก สือฉิงจวงแล้วใส่เข้าปากของเขาแทน
สือฉิงจวง ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองช้อนที่เธอกินในหลายๆ ครั้งจะที่กำลังอยู่ในปากของชิงสุ่ย นางคิดถึงตรรกะที่บิดเบี้ยวที่ชิงสุ่ยเพิ่งจะอธิบายมากก่อนหน้าและรู้สึกสงสัย “มันมีอะไรที่เขาพูดจริงบ้าง?”
เขาใช้พลังจากเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลในการทำน้ำซุปรักษาบาดแผลของ สือฉิงจวง บาดแผลมีบริเวณใกล้กับสะดือ ด้วยเทคนิคเข็มทองลึกลับของเขา ขี้ผึ้งสีทอง เลือดสองหยดจากเต่าทองคำ และยาฟื้นฟูเม็ดเล็กๆ เพียงเล็กน้อย ด้วยของเหล่านี้ทำให้เขาสามารถรักษานางได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่ สือฉิงจวง รู้สึกว่ามือของชิงสุ่ยได้ ‘เล้าประโลม’ สะดือของเธอ เธอไม่กล้าจ้องมองเขาแต่ทอดสายตาของเธอไปทางอื่นแทน!