ตอนที่ 143 – ข้าซ้าย เจ้าขวา
ตอนที่ 143 – ข้าซ้าย เจ้าขวา
“หื้ม?”
ถังเทียนพลันเงยหน้าขึ้น เขายืนและมองไปยังสุดถนน เพียงชั่วพริบตา หลิงซูก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอีกฝ่าย เขาเกิดอาการตกใจและรีบเร่งหยิบหอกของเขาขึ้นมาขณะที่ลุกขึ้น เขาเหลือบมองไปยังถังเทียนด้วยสีหน้าประหลาดใจ สัญชาตญาณบุรุษผู้นี้ช่างปราดเปรื่องนัก!
เขารับรู้ได้ช้ากว่าถังเทียนเพียงชั่วอึดใจ!
อย่าได้นึกดูแคลนเพียงชั่วอึดใจนี้ ภายในการต่อสู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญแล้ว มันเป็นช่องโหว่ในพริบตาและถือว่าเป็นอันตรายนัก
บุรุษผู้นี้...เขามิใช่ธรรมดาเลย!
สายตาของหลิงซูหันไปมองที่ห่างไกล เขาค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับฝ่ายตรงข้ามที่กำลังเข้ามา เขาจะต้องทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดได้เข้าใจ มีแต่จะต้องตอบโต้อย่างรุนแรงเท่านั้น
แน่นอนว่าเขามิรู้สึกหวาดกลัว ลมโชยปะทะใบหน้าเขา ผมสั้นสีน้ำเงินของเขาปลิวราวกับระลอกคลื่น นัยน์ตาสีส้มที่เหมือนลุกไหม้ดั่งกับเปลวเพลิง
ชีวิตที่ได้เริ่มต้นใหม่และได้เริ่มด้วยการต่อสู้ มิมีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว...
อาจาร์ย...
หลิงซูได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขของการได้เริ่มต้นใหม่ ราวกับลำแสงตะวันที่ส่องผ่านเมฆหมอกลงมา เขามิรู้ว่าเหตุใดเราถึงรู้สึกดีเช่นนี้ แต่ไม่นานเขาก็ผลักความรู้สึกที่ไม่เหมาะนี้ไปด้านหลังและเตรียมตัวกับการต่อสู้ที่กำลังมาถึง
เมื่อเงาร่างปรากฏขึ้นมาบนถนน ดวงตาของหลิงซูพลันหรี่ลงและหัวใจของเขาก็เต้นแรง
“พี่น้องฮวาซื่อ!”
ท่าทางที่ระวังของหลิงซูทำให้ถังเทียนประหลาดใจพลางรีบเร่งกล่าวถาม “พวกเขาน่ากลัวงั้นหรือ?”
ผู้ที่ตอบคำถามถังเทียนกลายเป็นมู่เหลย สีหน้าตอนนี้ของบุรุษเหล็กผู้นี้มีอาการสิ้นหวัง น้ำเสียงของเขาแหบพร่า “น่ากลัวอย่างยิ่ง! พวกเขาเป็นเพียงคู่เดียวที่สามารถก้าวขึ้นไปยังห้าสิบอันดับแรกของดาวเฟยหลินได้!”
ใบหน้ากู่เสวี่ยซีดขาวราวกับกระดาษ แต่นางยังคงนั่งอย่างสงบนิ่งและมิได้ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ
“ห้าสิบอันดับแรก!” สีหน้าถังเทียนกลายเป็นเอาจริงเอาจังเช่นกัน
มิว่าจะเป็นดาวดวงใด แต่สามารถก้าวขึ้นไปยังห้าสิบอันดับแรกได้ มันจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าดาวเฟยหลินจะเป็นเพียงแค่ดาวเล็กๆของวิญญาณนิล แต่ระดับโดยประมาณของนักสู้ที่นี้มันสูงกว่ากลุ่มดาราอมตะยิ่งนัก
แต่ทว่า...
เขาพลันเอียงหัวและถาม “ผู้ใดที่แข็งแกร่งกว่ากัน ฉีหยาหรือพวกเขา?”
“ฉีหยา!” กำลังใจของมู่เหลยในตอนนี้สูงขึ้นเล็กน้อย เขาจดจำได้ว่าถังเทียนเป็นคนที่สามารถหนีรอดมาอย่างมีชีวิตจากเงื้อมมือของฉีหยาได้
“โอ้” สายตาของถังเทียนจับจ้องไปยังพี่น้องฮวาซื่อที่เดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างผ่อนคลาย เขามิมีความรู้สึกหวาดกลัวและมีเพียงความต้องการต่อสู้ที่กับเดือดพล่าน “น่าเสียดาย ข้าเฝ้ารอที่จะได้ประลองกับฉีหยาอีกครา”
มู่เหลยมองอย่างตกตะลึงไปที่ถังเทียน เขาตกใจกับคำกล่าวที่โอหังของถังเทียน
เฝ้ารอที่จะประลองกับฉีหยา...ด้วยคำกล่าวนี้ ต่อให้อีกสิบปี บนดาวเฟยหลินแห่งนี้ มันก็คงมิมีผู้ใดกล้าที่จะกล่าวเช่นนั้น!
บุรุษผู้นี้...ช่างโอหังจริง!
“คิดจะประลองกับฉีหยางั้นหรือ?” หลิงซูหัวร่ออย่างเย็นชา “ขบคิดหาวิธีที่พวกเราจะต้องสู้ในวันนี้เสียดีกว่า! เจ้าหมีสองตัวนี้ มันมิใช่หมีธรรมดา! เพียงแค่ออกแรงเพียงนิดเดียวเจ้าจะต้องกระเด็นหายไปแน่”
ถังเทียนโต้เถียงอย่างเย้ยหยัน “หลบไปด้านข้างซะถ้าหากกลัวแพ้ เอ๊ะ ขาของเจ้าสั่นอยู่งั้นหรือ? ฮิฮิ ถ้าเจ้าหวาดกลัวนัก มาหลบอยู่ข้างหลังข้า หยาหยาจะปกป้องเจ้าเอง”
“ผายลม! ใครที่ขาสั่น?” หลิงซูโมโห “ข้าน่ะหรือหวาดกลัว? เพียงแค่สองตัวนี้ข้าจะหวาดกลัวหรือ? ข้าแม้กระทั่งชนะเอาเขาโดยที่เอามือหนึ่งไขว้หลังยังได้!”
“พูดได้ดี! ดูดุดันนัก!” ถังเทียนปรบมือด้วยสีหน้าพอใจ “ในฐานะลูกพี่ของเจ้า ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าเป็นอย่างยิ่ง เจ้าต้องการคนขวาหรือซ้าย? ให้เจ้าเลือกก่อน เดี๋ยวเจ้าจะกล่าวอ้างได้หากเกิดอะไรขึ้นยามเมื่อข้าไปช่วยเหลือเจ้า”
“ช่วยเหลือข้า?” นัยน์ตาของหลิงซูแดงก่ำ “เจ้ากำลังบอกว่าข้าจะพ่ายแพ้งั้นหรือ? เจ้าน่ะหรือ ด้วยความมาตรฐานอันไม่สมประกอบของเจ้า แต่กลับคิดมาช่วยเหลือข้า? มาเลย มาสู้กันก่อนสักรอบ ต้องประลองสักที! ให้ข้าบอกเจ้า เจ้าน่ารำคานลูกตาข้ามานานแล้ว!”
กู่เสวี่ยจ้องอย่างตกตะลึงไปยังทั้งสองที่มีเรื่องขัดแย้งกันภายใน
“ไม่ล่ะ!” ถังเทียนเหยียดนิ้วพลางสะบัดเล็กน้อย “มันมีการประลองที่ยุติธรรมอยู่ พวกเราจะเลือกคนใดคนหนึ่ง ผู้ใดที่เอาชนะได้ก่อนจะชนะ คิดว่าเช่นไร? ซูซูน้อย เจ้ากล้ารับคำท้าหรือไม่?”
ก่อนที่หลิงซูจะเปิดปาก ถังเทียนก็ชี้ตัวเองด้วยนิ้วหัวแม่มือพร้อมสีหน้าโอหัง “ซูซูน้อย จงกล้าหาญและต่อสู้เหมือนกับบุรุษหนุ่มเทพผู้นี้!”
“ไสหัวไป!” หลิงซูกราดเกรี้ยว
“ความโกรธมิได้ช่วยอะไรเจ้า เด็กน้อย” สายตาถังเทียนจ้องเขม็งไปยังคู่หูทั้งสองที่เดินเข้ามา ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นพลางพึมพำ “ข้าเลือกซ้าย เจ้าเลือกขวา”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ หลิงซูก็พุ่งออกไปแล้ว
“ลุงมู่ ไปคุ้มกันกู่เสวี่ยเถอะ”
ถังเทียนกล่าวโดยมิได้หันมามอง สายตาเขาจับจ้องไปยังพี่น้องฮวาซื่อคนซ้าย ความต้องการสู้ของเขาพลุ่งพล่าน
ถ้าหากเขามิสามารถเอาชนะได้แม้กระทั้งฮวาซา เขาจะประลองกับฉีหยาได้เยี่ยงไร?
เป้าหมายข้าคือฉีหยา!
มาเลยเจ้าหมีใหญ่ เตรียมพร้อมรับมือกับฤทธิ์เดชของบุรุษหนุ่มเทพเสียเถอะ!
ถังเทียนพุ่งออกไปหาฮวาซาราวกับอัสนีบาต!
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
เฝ้ามองหลิงซูและถังเทียนกำลังเข้ามาหาพวกเขา สีหน้าฮวาหรงที่เฉยชาพลันแสยะยิ้ม “ข้าบอกได้เลยว่าสหายตัวน้อยทั้งสองของพวกเราช่างโอหังนัก”
“สังหารพวกมัน” ฮวาซาเอ่ยปาก
“ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ พวกเราจะต้องช่วยให้พวกเขาได้เล่นสนุกเสียหน่อย พวกเรามิได้พบเจอเด็กน้อยที่กล้าหาญเช่นนี้มาสักพักแล้ว” ฮวาหรงหรี่ตามองและปรากฏแววขบขัน “เด็กน้อยเช่นนี้จะต้องช่วยให้พวกเราสนุกอยู่บ้าง”
ฮวาซาส่ายหน้าและเอ่ยเปาก “ข้ามิอยากจะเล่นสนุก”
“ก็ได้ ก็ได้” ฮวาหรงรู้สึกหมดหนทาง “ตามแต่ที่เจ้าว่าเถอะ แต่อย่าได้มาแย่งของข้าแล้วกัน”
น้ำเสียงเขาพลันเปลี่ยนไปอย่างหนักแน่น “เขาชื่ออะไรนะ? หลิงซูใช่หรือไม่? ได้ยินมาว่าเขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์และศักยภาพที่มากมาย มิมีอะไรที่ทำให้ข้าตื่นเต้นมากไปกว่าการทำลายพวกมีพรสวรรค์เช่นนี้แล้ว”
ตึง!
พื้นดินที่สั่นสะเทือนขัดจังหวะคำพูดที่สวยหรูของฮวาหรง เขาหันไปอย่างไม่พอใจ เสียงที่ว่าเกิดจากฮวาซากระแทกกระบองหนักเขี้ยวหมาป่าสองหัวลงบนพื้น
พี่น้องคู่นี้ต่างมีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก ฮวาหรงเจ้าเล่ห์และหัวใส ขณะที่ฮวาซาดูทึ่มจืดชืด แต่ฮวาซามิได้มีเพียงแค่กำลังตั้งแต่กำเนิดที่น่าทึ่ง เขายังมีพรสวรรค์มากในวิชาการต่อสู้ ดังนั้นเขาแทบจะเป็นดั่งอสูรร้ายเวลาต่อสู้
ฮวาซาถือกระบองหนักเขี้ยวหมาป่าสองหัวและออกตัววิ่ง
ตึง ตึง!
ด้วยรูปร่างดั่งภูเขาลูกย่อมๆควบคู่กับกระบองหนัก แต่ละก้าวของฮวาซาทำให้พื้นสั่นสะเทือน
“ช่างไม่มีความอดทน” ฮวาหรงส่ายหัว เขามิรู้ว่าจะทำเช่นไรดีกับน้องชายของเขา เพียงชั่วครู่ต่อมาเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีเช่นกัน
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
“เจ้าคือหลิงซูและบุรุษผู้บ้าคลั่งนั่น? เขา...พวกเขากำลังพุ่งเข้าไป!” กู่อู่มองอย่างงุนงงที่ถนนเบื้องล่าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
สีหน้ากู่อันสงก็ตกตะลึงเช่นกัน
มิใช่เพียงแค่พวกเขา ทุกคนที่ต่างสนใจการต่อสู้ อดมิได้ที่จะเชื่อสายตาพวกเขาเองให้ตอนนี้
“สวรรค์? พวกเขากลับมิยอมหลบหนี!”
“อย่าบอกข้านะว่าพวกเขามิรู้จักพี่น้องฮวาซื่อ?”
“มันอาจจะเป็นไปได้ วันนี้มันเป็นคราแรกที่ข้าเห็นพวกเขาเช่นกัน...”
“ดูนั่นเร็วเข้า! นั่น พวกเขาออกจู่โจมแล้ว!”
“มันคงไม่มีอะไรให้ดูมากนักหรอก สิบกระบวนท่า ข้าพนันว่าพวกเขามิอาจอยู่ได้ถึงสิบกระบวนท่า มิใครกล้ารับพนันข้าหรือไม่?”
“ข้าว่าห้ากระบวนท่า!”
……
หลังจากที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาหดสั้นลงอย่างรวดเร็ว เสียงรบกวนก็พลันสลายหายไป
การต่อสู้ครานี้มันไร้ข้อกังขา ห้าสิบอันดับแรกของผู้เชี่ยวชาญดาวเฟยหลิน ภายในวัฐจักรของดาวเฟยหลิน พวกเขาต่างอยู่ในฐานะที่สูง แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญในเมืองภูเขาทมิฬ ยามเมื่อเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ พวกเขาคงกลายเป็นเพียงแค่ตุ๊กตาผ้า หลิงซูอาจจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า แต่สำหรับตอนนี้ เขาเป็นได้แค่เพียงวิ่งพล่านภายในเมืองภูเขาทมิฬเท่านั้น
แน่นอนว่าทุกคนต่างกลั้นหายใจ สายตาพวกเขามิมีความเห็นแย้งทั้งหมดต่างจ้องไปยังพี่น้องฮวาซื่อ สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยแววตาที่หลงใหล พวกเขามิได้กังขากับผลลัพธ์ที่จะออกมา แต่พวกเขาต้องการที่จะเห็นผลลัพธ์ด้วยตาของพวกเขาเอง สุดยอดผู้เชี่ยวชาญทั้งสองของดาวเฟยหลินนี้ เป็นบุคคลในตำนานและมิค่อยจะมีโอกาสได้พบเห็นนัก มันบรรเจิดเพียงใดที่จะได้พบเห็นพวกเขาได้รับชัยชนะ
หลังจากทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน ผู้คนที่ชมดูไม่แม้แต่กระทั่งหายใจ
ฮวาหรงที่วิ่งอยู่พลันคลายข้อมือของเขาพร้อมกับจับไปบนพลองทองแดงเบาๆ ท่าทางที่มีสมาธิแน่วแน่ค่อนสลายหายไป จากนั้นกลิ่นอายสังหารพลันเพิ่มขึ้น พลองทองแดงภายในมือเขามันเบาราวกับขนนกและสั่นอย่างรุนแรง
ฮวาซาลากกระบองของเขา เขาเหมือนกับอสรที่ดุร้าย กระบองที่อยู่เบื้องหลังก่อเกิดเป็นประกายพร่ามัวยามเมื่อเขาลากไปตามพื้น ตลอดเส้นทางทั้งหมดที่เขาลากมาเกิดประกายขึ้นและเขาก็วิ่งมาอย่างบ้าคลั่ง!
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงผู้ชม กลิ่นอายอันบ้าคลั่งและกลิ่นอายสังหารของพี่น้องฮวาซื่อทำให้พวกเขาทุกคนหวาดกลัว
ท่ามกลางพวกเขามิมีผู้ใดอยู่ได้อย่างสงบต่อหน้าการโจมตีที่ป่าเถื่อนเช่นนี้
นี้สินะคือสุดยอดผู้เชี่ยวชาญ...
สองเงาร่างต่างเผชิญหน้าโดยตรงกับพี่น้องฮวาซื่อ คล้ายจะดูเพียงเล็กกระจ้อยร่อยไร้ความสำคัญและช่างอ่อนแอ
ทั้งสองฝ่ายต่างชั้นกันเกินไป!
พวกเขาสามารถนึกภาพออกได้ทั้งหมด ซึ่งภายในชั่วพริบตาต่อมา หลิงซูและถังเทียนจะต้องกลายเป็นดั่งหุ่นไล่กา ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆโดยพี่น้องฮวาซื่อ
※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※
แม้ยามที่เขาวิ่งเข้ามา ร่างถังเทียนเอียงไปข้างหน้าอย่างมากขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น นัยน์ขยายกว้างอย่างรวดเร็วเมื่อยามเขาพบเห็นฮวาซาน่าประทับใจเช่นกัน กลิ่นอายสังหารอันบ้างคลั่งมันพอเพียงที่จะสั่นสะท้านทุกอย่าง อันตรายรุนแรงที่คลืบคลานเข้ามาที่ตัวเขา และสัญชาตญาณก็ได้เตือนให้เขารับรู้
แต่สายตาของเขามิได้สั่นไหว!
จับจ้องไปยังเงาร่างที่น่ากลัว เสียงลมที่หวีดหวิวอยู่ข้างหูมันราวกับแตรที่ดังเตือนเร่งให้เขามุ่งไปข้างหน้า!
โลหิตพลุ่งพล่านจนเป็นฟองและกำลังใจกำลังเดือดระอุ
ต้องเอาชนะเขา!
ความคิดนี้ภายในหัวของถังเทียนรุนแรงอย่างยิ่ง มากมายจนเขาแทบต้องการกรีดร้องคำรามออกมา
ความเร็วทั้งสองฝ่ายราวกับอัสนีบาต ราวกับอุกกาบาตสองลูกกำลังจะปะทะกัน
สภาพรอบๆเริ่มกลายเป็นเลือนลาง มีเพียงการเคลื่อนไหวของฮวาซาที่ปรากฏอยู่เท่านั้น ทันใดนั้น ถังเทียนพลันหรี่ตา ดวงตาของเขาจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวของข้อมือฮวาซา
ตอนนี้แหละ!
ปราศจากความลังเล ถังเทียนก็ทุ่มสุดแรงและพุ่งตัวเองออกไป!
ใช่แล้ว พุ่งออกไป!
ถังเทียนถีบเท้าก้าวสุดท้ายบนพื้น พุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่และสลายหายไปในทันที
ฮวาซาพลันหรี่ตาลง ย่างก้าวสุดท้ายของถังเทียน มันใช้ออกทันทีที่เขาได้โจมตีออกไป เขามิมีเวลาที่จะรั้งกระบวนท่าโจมตีกลับได้
กระบองพร้อมกับประกายจากด้านล่างขาขวาของเขาพลันถูกเหวี่ยงออกไป
ไม่นะ!
กลิ่นอายสังหารของฮวาซาพลันหยุดชะงัก
เงาร่างสาดส่องด้วยความหลักแหลม ปรากฏภายในสายตาของฮวาซาปราศจากการแจ้งเตือน ราวกับกรรไกรที่โผล่ออกมาจากอากาศธาตุ ปรากฏขึ้นที่ขาซ้ายล่างของเขา
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ