ตอนที่ 128 ร่วมประมูล
ทั้งสามเดินเข้ามาภายในโรงประมูลหยิน ที่ชั้นสองถูกวางไปด้วยอาวุธและชุดเกราะต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเม็ดยาจะถูกบรรจุลงในขวดแก้วเรียงบนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ตรงมุมหนึ่งของชั้นสองมีชายชราดูมีเคร่งเครียดกับบางอย่างอยู่
แต่เมื่อเห็นบ่าวรับใช้ นำบุคคลลึกลับขึ้นมาชั้นสอง ซึ่งได้รับอนุญาตเฉพาะผู้มีบัตรพิเศษของทางโรงประมูล ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจสักเท่าไหร่ ด้วยที่ว่าผู้นั้นกลับกายเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบห้าสิบหกปี แล้วข้างหลังคงจะเป็นหญิงสาวแน่นอน เพราะเขาไม่แน่ใจทำไมนางถึงสวมใส่ชุดบุรุษเช่นนี้
“เฉียงเวย!...นี่มันอะไร”
ชายชราแค้นเสียงถามพร้อมกับมองไปยังบ่าวรับใช้ เขาไม่เคยบอกให้พาผู้ใดขึ้นมาบนชั้นสองเลย นอกเสียจากจะได้รับอนุญาตจากเขาเท่านั้น
เฉียงเวยยังไม่กล่าวอะไร ทว่าเขารีบเดินไปหาชายชราพร้อมกับกระซิบบางอย่าง สีหน้าที่เคยเฉื่อยชาของชายชราแปรเปลี่ยนเป็นไม่อยากเชื่อว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะเป็นผู้ฝึกวรยุทธคุณสมบัติปราณธาตุอันหายาก แถมยังสามารถเก็บหยดนิรันดร์ออกมาจากดินแดนเยือกแข็งได้อีก
ดวงตาของชายชรามองขวดน้ำแข็งสลับกับเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่หนึ่ง ก่อนเขาจะเอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม
“ไม่ทราบว่าคุณชายต้องการขายหยดนิรันดร์ทั้งหมดในขวดนี่เลยรึ”
ชายชราถามออกไปเพื่อความแน่ใจ หยดนิรันดร์ที่นำมาขายมันมากพอสมควร แต่ว่าคำกล่าวของเด็กหนุ่มตรงหน้าต่อไปนี้แทบจะทำให้เขาทรุดลงกับพื้นเลยทีเดียว
“ใช่แล้ว... แต่ว่าข้าต้องการขายทั้งหมดในงานประมูลที่จะจัดขึ้นนี้” ฉางหยางโบกมือเล็กน้อย ขวดน้ำแข็งเกือบห้าสิบขวดลอยออกมาจากแหวนมิติ แล้วตั้งลงบนโต๊ะของชายชราอย่างแผ่วเบา ทุกขวดเต็มไปด้วยไอเย็นและพลังปราณอันบริสุทธิ์อันแน่น
ทั้งสองกลืนอย่างยากลำบาก หยดนิรันดร์ที่นับว่าหายากแล้ว ทว่ามันกลับมาอยู่ตรงหน้าของพวกด้วยปริมาณมากมายมหาศาล และผู้ที่นำมันเก็บมันมาได้ มันไม่ใช่ผู้ฝึกวรยุทธระดับปราณก่อเกิด แต่เป็นผู้ฝึกวรยุทธระดับปราณบรรจบเท่านั้นเอง
“แค่กๆ ทะ...ทั้งหมดนี่เลยรึ เช่นนั้นได้โปรดคุณชายรอสักครู่” ชายชราไอแห้งๆ ออกมากลบเกลื่อนท่าทางตื่นตระหนกของตนก่อนจะหันไปกระซิบเฉียงเวย
“ผู้อาวุโสอย่าได้กล่าวเช่นนั้นกับข้าเลย ถึงอย่างไรข้าก็เป็นเพียงผู้เยาว์เท่านั้นเอง” ฉางหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แต่ภายในใจของเขาลอบที่จะดีใจอยู่เล็กน้อย
ราคาของหยดนิรันดร์ต่อขวดหากเขาคาดเดาไว้ไม่ผิดมันต้องตกอยู่ที่สี่ถึงห้าแสนหินจิตมารอย่างแน่นอน ถึงมันจะเป็นแค่หนึ่งส่วนผสมของเม็ดยาเบิกสวรรค์ก็ตาม แต่ปริมาณของมันในแต่ละขวดก็มากพอดู
และตอนนี้ขวดของหยดนิรันดร์ที่เหลืออยู่กับเขาก็มีเกือบถึงสองร้อยขวดเลยทีเดียว ซึ่งมันก็ทำให้เขาร่ำรวยอย่างแท้จริง
“คุณชาย...เชิญตามชายชราผู้นี้มาได้เลย” ชายชราเดินนำฉางหยางและหย่าจิ้งไปอย่างรวดเร็ว
สักพักพวกเขาทั้งสามก็เดินมาถึงห้องรับรองห้องหนึ่ง ซึ่งภายในประดับไปด้วยเครื่องใช้หรูหรา แต่ว่าจะมีหน้าต่างที่สามารถมองเห็นเวทีประมูลสมบัติล้ำค่าได้
หลังจากนั้น ชายชราล่วงเข้าไปอกเสื้อ หยิบบัตรสีแดงสดออกมาใบหนึ่ง แล้วยื่นให้ฉางหยาง “นี่คือบัตรหินจิตมาร ถ้าหากคุณชายต้องการประมูลสมบัติล้ำค่าในวันนี้ ก็สามารถใช้บัตรสีแดงได้”
“ขอบคุณท่านมาก”
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ชายชราผู้นี้ขอตัว” ชายชราเจ้าของโรงประมูลหยินเดินออกมาจากห้องรับรองทันที จึงเหลือเพียงฉางหยางและหย่าจิ้งที่กำลังลอบตรวจสอบผู้ฝึกวรยทุธในงานประมูลครั้งนี้
“นายท่านต้องการเลือกซื้อสมบัติรึ” หย่าจิ้งเอ่ยขึ้น นางรู้สึกสนใจงานประมูลสมบัติของมนุษย์พอดู เนื่องจากมันเป็นครั้งแรกสำหรับนางที่จะเห็นการประชันความร่ำรวยของเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ
“ข้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีสมบัติถูกใจข้ารึไม่”
สิ้นเสียงกล่าวของฉางหยางไม่นาน ที่เวทีประมูลก็เริ่มเงียบลง บนเวทีมีหญิงสาวรูปร่างอวบอั๋นสวมชุดสีแดงเพลิงเดินขึ้นมา สายตาของนางกวาดไปทั่ว ทั้งที่นั่งธรรมดาและห้องรับรองพิเศษสำหรับแขกผู้ทรงเกียรติ
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของนางก่อนเอ่ยอย่างเสียงดัง “ข้าขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานประมูลในครั้งนี้”
“ดังที่พวกท่านทุกคนได้ยินมาว่าการประมูลในวันนี้จะมีสมบัติปริศนามากมายร่วมประมูลในวันนี้ด้วย จึงทำให้ทางโรงประมูลหยินของพวกเราต้องจัดงานขึ้นอย่างเร่งด่วน ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ข้าน้อยจะขอเริ่มงานประมูล ณ บัดนี้”
บ่าวรับใช้เดินถือบางอย่างเข้ามา เนื่องจากสิ่งที่เขาถือมามันถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมสีดำ มืออันเรียวยาวของหญิงสาวหยิบผ้าคลุมออกพร้อมกล่าวว่า
“สมบัติชิ้นแรกของเราคือ กระบี่มังกรคลั่งระดับชั้นปราณบรรจบ ตัวคมกระบี่ถูกสร้างขึ้นจากแร่เหล็กโลกีย์ ซึ่งนับเป็นรองเพียงแร่เหล็กทมิฬ ด้ามจับถูกสร้างขึ้นผสานกับหินจิตมารสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการออกเคล็ดวิชาได้ถึงสองส่วนด้วยกัน ราคาของมันจะอยู่ที่หกแสนหินจิตมาร เชิญทุกท่านเสนอราคามาได้”
“เจ็ดแสนหินจิตมาร”
“แปดแสน”
“แปดแสนห้าหมื่น”
ทางด้านฉางหยางเมื่อเห็นราคาที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขาแทบจะลอบปาดเหงื่ออยู่ภายในอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่นึกเลยว่าอาวุธมันแพงขนาดนี้ และมันก็เป็นเพียงอาวุธระดับชั้นปราณบรรจบเท่านั้น
“แบบนี้เอง” เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีผู้ฝึกวรยุทธติดมือกันเลย ด้วยราคาที่แพงขนาดขายสมุนไพรล้ำค่าทั้งปีก็ยังหามาซื้อไม่ได้เลย แต่เขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่ากระบองวายุนี้ มันเป็นอาวุธระดับปราณชั้นใดเช่นกัน
“หนึ่งล้านสองแสนหินจิตมาร มีท่านใดต้องการเสนอราคาสูงกว่านี้หรือไม่” หญิงสาวส่วมชุดสีแดงเพลิงเห็นว่าไม่ผู้ใดเสนอราคาต่อ นางพยักหน้าบ่าวรับใช้ก่อนจะประกาศสมบัติชิ้นต่อไป
“ชิ้นต่อไปคือสิ่งที่หลายท่านต่างพาออกค้นหา เพราะการจะสร้างอาวุธหรือชุดเกราะอันยอดเยี่ยม ย่อมต้องมีแร่เหล็กระดับสูงและมีปริมาณเพียงพอ ใช่แล้วชิ้นต่อไปคือแร่เหล็กทมิฬ ราคาของมันจะประมูลที่ห้าแสนหินจิตมารเท่านั้น เชิญทุกท่านเสนอราคามาได้”
“ห้าล้าน” พริบตาเดียวความเงียบปกคลุมทั่วโรงประมูล ทุกสายตาหันหลังกลับไปมองผู้เสนอราคาอันสูงลิ่ว
แต่พอสายตาทุกคนมองไปก็เข้าใจได้ทันที ว่าผู้ประมูลแร่เหล็กทมิฬไปนั้นเป็นตระกูลหวงที่เป็นปรมาจารย์ด้านการสร้างสรรค์อาวุธและชุดเกราะมากมาย แถมความร่ำรวยของพวกเขานับว่าเทียมฟ้าเลยก็ว่าได้ จึงทำให้เหล่าตระกูลชั้นผู้น้อยต้องตัดใจไปดูสมบัติชิ้นต่อไป
จนสุดท้ายแร่เหล็กทมิฬก็ตกอยู่ในมือของตระกูลหวง หญิงสาวชุดสีแดงเพลิงยิ้มออกเล็กน้อย “ชิ้นต่อไปเป็นกะโหลกมรกตแก้วปริศนา ซึ่งทางโรงประมูลหยินมิอาจทราบได้ว่าสมบัติชิ้นนี้มันคืออะไร ทว่ามันได้มีตำนานกล่าวขานมาอย่างเนิ่นนานว่า เมื่อกะโหลกแก้วมารวมกันครบสามสีได้แก่ สีเขียวมรกต สีแดงทับทิม สีดำทมิฬ ประตูแห่งความจริงจะถูกเปิดออก ดินแดนแห่งมายาจะสลายหายไป เส้นทางสู่การบ่มเพาะที่แท้จริงจะประจักษ์แก่สายตา
อย่างไรก็ตามเรื่องที่ข้าน้อยกล่าวมาก็มิอาจพิสูจน์ได้ ดังนั้นทางโรงประมูลหยินจึงขอตั้งราคาของมันหนึ่งแสนหินจิตมาร เชิญทุกท่านเสนอราคาได้”
ฉางหยางได้ยินเช่นนั้น ได้แต่ลอบหัวเราะอยู่ในใจ สัมผัสของเขามันบอกว่าเรื่องกะโหลกแก้วนั่น เป็นแค่เรื่องเหลวไหลแน่นอน ประตูแห่งจริงรึ เปิดเส้นทางสู่การบ่มเพาะที่แท้จริงรึ มันจะมีได้อย่างไรเรื่องพรรณ์นั้น
“จะมีผู้ใดเขลาพอจะซื้อกะโหลกธรรมดากัน”
“น...นายท่าน น...นั่นมัน...ไม่ได้การท่านต้องเอามันมาให้นะเจ้าค่ะ” หย่าจิ้งกล่าวติดๆ ขัดๆ นางไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมาอยู่สถานที่แห่งนี้ได้ ทั้งที่เหล่าสัตว์มีสติปัญญาในยุคบรรพกาลพากันออกตามหาแทบพลิกผืนปฐพีเพื่อรวมรวบให้ครบ จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างมนุษย์และสัตว์อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งเกิดสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ขึ้นสืบต่อยาวนานมาถึง ณ ตอนปัจจุบัน ก็เพื่อไขความลับนี้
“ทำไมเจ้าถึงต้องการให้ซื้อข้ากะโหลกแก้วธรรมดาแบบนั้นด้วย หรือว่ามันเป็นเรื่องจริงดั่งเช่นหญิงสาวผู้นั้นได้กล่าว” ฉางหยางถึงกับหันหน้ามามองหย่าจิ้ง เพราะดูเหมือนนางจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับกะโหลกมรกตแก้ว แถมนางยังอยู่มาหลายแสนปี น่าจะมีความรู้เรื่องราวต่างๆ มากกว่าเขาแน่นอน
“หย่าจิ้งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเรื่องกล่าวมาเหลวไหลหรือไม่ แต่ก็ไม่เสียหายอะไรหากนายท่านจะซื้อมันเก็บไว้” นางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ตราบที่ไม่รวบรวมให้ครบดั่งในบันทึกโบราณ ก็ไม่มีทางรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น....