ตอนที่แล้วAST บทที่ 184 – การฝึกฝนภายใต้แรงกดดัน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 186 – ตระกูลเยียน อาณาจักรเยียนเจี้ยง ผู้ปกครองอาณาจักร

AST บทที่ 185 – การหายตัวไปของผู้ฝึกสัตว์อสูร


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 185 – การหายตัวไปของผู้ฝึกสัตว์อสูร

ชิงสุ่ยมีสีหน้าที่มืดมน เขาถอนหายใจเล็กน้อย

มันจะสร้างความเข้าใจผิดอย่างมาก ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าเขาได้สร้างปัญหาให้กับอาจารย์เทพธิดาของเขา และเขาก็ไม่สามารถชะล้างปัญหานี้ออกไปได้

"ท่านปรมจารย์ป้าอีเย่เคยบอกว่าท่านจะไม่ยอมรับลูกศิษย์ใดๆ อย่างไรก็ตามนางยอมรับผู้อาวุโสชิงสุ่ยเป็นศิษย์ของนาง ชายและหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังบนยอดหุบเขาหมอกเมฆา?"

"อื้อออ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นหรอกนะ ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างอาจารย์และศิษย์?" ศิษย์หญิงคนหนึ่งพูดกับศิษย์หญิงอีกคน"

“เราจะรู้ได้อย่างไร?”

“เจ้าก็ลองขอผู้อาวุโสชิงสุ่ยเป็นอาจารย์ดูสิ แล้วเจ้าก็ทำเรื่องอย่างว่ากับเขา มันน่าจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่ใช่หรือ?” ศิษย์หญิงคนอื่นๆพูดเสริมขึ้นมาอย่างไม่อาย

ศิษย์คนแรกนิ่งเงียบไม่พูดใดๆ

ชิงสุ่ยยืนยิ้มอยู่ที่นั่น แม้ว่าเขาจะไม่กลัวข่าวลือ แต่ชิงสุ่ยก็ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้เพราะมันเกี่ยวข้องกับอาจารย์เทพธิดาของเขา! ผู้หญิงที่นินทาคนนี้ชอบสร้างอะไรบางอย่างจากเรื่องไร้สาระและเริ่มแพร่ข่าวลือ ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากในขณะที่เขามองไปที่พวกเธอ

เมื่อคนเหล่านั้นเหลือบมองไปเห็นท่าทีของชิงสุ่ย พวกเธอก็รีบเดินห่างออกไปทันที!

ไม่มีอะไรแพร่กระจายได้รวดเร็วที่สุดเท่าข่าวลือ ในไม่ช้าเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของคนในนิกายกระบี่นภาก็จะทราบว่า ชิงสุ่ยได้นำเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาบนเทือกเขา ไม่เพียงแค่นั้นพวกเขาอาจจะคิดว่าเทพธิดาอีเย่เจี้ยนเก้อเป็นมารดาของเด็ก

หลังจากการประชุมทั่วๆไปของเหล่าผู้อาวุโส กลุ่มผู้อาวุโสยิ้มขณะเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่และสังเกตเห็นสายตาของชิงสุ่ยที่อยู่เบื้องหน้า อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งที่กำลังแอบมองอย่างอยากรู้อยากเห็นอยู่ข้างๆชิงสุ่ย พวกเขาก็ต้องตกตะลึงจนขากรรไกรแทบค้าง

ทุกคนจ้องมองไปที่อีเย่เจี้ยนเก้อซึ่งกำลังยืนอยู่ข้างๆ

ในขณะนั้นแร้งขาวก็โผล่พรวดพราดเข้ามาบินวนอยู่บนท้องฟ้าและร้องโหยหวน

อีเย่เจี้ยนเก้อเหลือบไปที่แร้งขาวด้วยความตกใจก่อนที่เธอจะเดินไปทางด้านข้างของเด็กหญิงตัวน้อย ขณะที่เธอก้มหน้าลงเพื่อคุยกับเด็กหญิงตัวน้อย ชิงสุ่ยไม่รู้จะพูดอะไร เขาตกตะลึงกับความคล้ายคลึงกันระหว่างใบหน้าและกลิ่นอายที่มีความพิเศษของพวกเธอ

"พ่อของเจ้าสบายดีหรือไม่?"

ชิงสุ่ยเงยหน้าขึ้นมองที่อีเย่ ทำไมเธอถึงถามคำถามนี้? ข่าวลือที่ว่าอาจจะเป็นจริงได้หรือไม่?

หลวนหลวนส่ายหัวเล็กน้อย "ข้าไม่รู้ ในวันนั้นมีคนจำนวนมากชักกระบี่ออกมาและท่านพ่อ...."

แม้หลวนหลวนจะยังอายุน้อยแต่ก็รู้ว่ากระบี่คืออะไรและดูเหมือนเธอจะเชื่อฟังมากเมื่ออยู่ต่อหน้าอีเย่เจี้ยนเก้อ หรือนี่เป็นเพราะพวกเธอมีสายเลือดเดียวกัน?

อีเย่เจี้ยนเก้อนั่งลงไปกอดหลวนหลวนอย่างรวดเร็วด้วยความนุ่มนวลขณะที่ตาของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า

"ข้าชื่อ หลวนหลวน ท่านเป็นใครและทำไมถึงดูคล้ายกับท่านพ่อ? ท่านมีกลิ่นที่ต่างออกไป" หลวนหลวนตาเบิกกว้างขึ้นขณะที่เธอสงสัยในตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อ

"ชิงสุ่ย เราจะกลับไปที่ยอดหุบเขาหมอกเมฆาก่อน"

หลังจากที่ชิงสุ่ยยิ้มให้ไป๋ลี่จิงเว่ยและคนอื่นๆ เขาได้อุ้มหลวนหลวนและขี่นกกระเรียนหิมะไปพร้อมกับอีเย่

"ท่านน้า นกยักษ์ตัวนี้มันแข็งแกร่งเหมือนเจ้าขาวน้อยของข้าหรือไม่?" หลวนหลวนลงมาจากอ้อมกอดของชิงสุ่ยและเริ่มเข้าไปห่อหุ้มตัวด้วยขนของนกกระเรียนหิมะ

"เจ้าขาวน้อย?" อีเย่เจี้ยนเก้อถามด้วยความสับสนบนใบหน้าของเธอ

ชิงสุ่ยยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เขาอธิบายว่า "ภูเขาที่เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้จากมานั้นมีแร้งขนสีขาว มันถูกเรียกว่าเจ้าขาวน้อย"

ใบหน้าของอีเย่เปี่ยมไปด้วยความสุขจากความรัก เธอชำเลืองมองไปที่เด็กหญิงตัวเล็กเป็นเวลานานก่อนที่จะกระซิบเบาๆกับชิงสุ่ยว่า "เจ้าจะคิดเห็นเช่นไร? ถ้าจะให้หลวนหลวนมาอยู่กับข้า"

น้ำตาที่โปร่งใสไหลไปทั่วใบหน้าที่สง่างามของเธอ ขณะที่ชิงสุ่ยจ้องมองเธอโดยไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี ดูเหมือนว่ามันจะเป็นน้ำตาแห่งความสุขแทนความเจ็บปวด

"ท่านอาจารย์สบายดีไหม?" ชิงสุ่ยเอ่ยถามเบาๆหลังจากที่อีเย่สงบลง

"ข้าสบายดี ข้าสบายดี ชิงสุ่ยเจ้าพบกับนางได้อย่างไร?" อีเย่เจี้ยนเก้อจ้องไปที่หลวนหลวนที่กำลังเล่นอย่างมีความสุขในขณะที่เธอถาม

ชิงสุ่ยเล่าถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เขาได้พบกับเด็กหญิงตัวน้อยให้กับอีเย่

"เฮ้ออออ!" อีเย่เจี้ยนเก้อถอนหายใจขณะที่เธอเหลือบมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความคับข้องใจในสายตาของเธอ

ก่อนที่เธอจะพูดอย่างช้าๆ "เจ้าจำได้มั้ยตอนที่ข้าบอกเจ้าว่าข้านั้นเป็นเด็กกำพร้า? อันที่จริงข้าเคยมีครอบครัวมาก่อนจากทวีปวีสเตียเรีย ไม่เพียงแค่นั้นข้ายังมาจากตระกูลผู้ฝึกสัตว์อสูรอีกด้วย ตระกูลอีเย่ถูกบังคับให้ทำงานให้กับตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปวีสเตียเรียแต่พวกเราปฏิเสธมัน หลังจากนั้นก็มีตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดจากเทือกเขาราชันย์ราชสีห์ที่ต้องการจัดการแต่งงานกับตระกูลอีเย่ของเรา แต่พวกเราก็ปฏิเสธอีกครั้ง ใครจะคาดคิดว่าพวกเขาจะใช้เหตุผลที่ถูกปฎิเสธนี้เป็นข้ออ้างในการทำลายตระกูลของเรา?"

ชิงสุ่ยจ้องมองด้วยความไม่เชื่อในเรื่องที่เล่าของอีเย่เจี้ยนเก้อ เขาไม่ได้ขัดขวางเธอเพราะเขารู้ว่าเรื่องเล่านี้ยังไม่จบ

"แม้ว่าตระกูลอีเย่ของข้าจะไม่ใหญ่โต แต่เราก็เป็นตระกูลของผู้ฝึกสัตว์อสูร อย่างไรก็ตามเนื่องจากการจู่โจมที่ไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเราจึงไม่สามารถป้องกันตนเองได้ ท่านพ่อของข้าใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาที่จะช่วยให้ข้าและพี่ชายของข้าสามารถหลบหนีไปได้ ข้าขี่นกกระเรียนหิมะหนีไปในขณะที่พี่ชายของข้าขี่แร้งขนสีขาว หลังจากหนีจากภัยพิบัตินี้ ข้านั้นอยู่ตัวคนเดียวและไม่รู้ว่าพี่ชายของข้าอยู่ที่ไหน ในตอนท้ายนกกระเรียนหิมะพาข้าไปที่อาณาจักรชางหลางในมหาทวีปเมฆามรกต และนั่นคือที่ที่ข้าได้พบกับอาจารย์ของข้า ก่อนหน้านี้เมื่อข้าเห็นเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้และแร้งขนสีขาว ข้าก็รู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นลูกสาวของพี่ชายของข้า เธอคล้ายกับเขามาก แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่พี่ชายของข้าไม่อยู่แล้ว... " อีเย่นิ่งสงบด้วยความขมขื่น

"เด็กคนนี้เหมือนได้รับพรจากพระเจ้าเช่นเดียวกับท่าน" ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

"ข้ายังคงต้องขอบคุณเจ้าสำหรับการดูแลเธอ" อีเย่ยิ้มหลังจากที่เธอฟื้นตัวจากความหดหู่ อย่างไรก็ตามรอยยิ้มนั้นดูเหมือนจะฝืนใจเล็กน้อย

"ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เด็กหญิงตัวน้อยเรียกข้าว่าท่านพ่อ ข้าก็รู้สึกเหมือนกับว่านางเป็นลูกสาวของข้าจริงๆ แต่ข้าไม่รู้ว่าจะทำมันได้นานแค่ไหน" ชิงสุ่ยมองไปที่เด็กสาวตัวน้อยขณะพูด

อีเย่เจี้ยนเก้อหัวเราะหลังจากที่เธอได้ยินว่าชิงสุ่ยกล่าวอะไร เด็กคนนี้ที่โตขึ้นมา กลับกลายเป็นพ่อของเด็กหญิงตัวน้อยในช่วงเวลาเพียงแค่ครึ่งปี?

"ชิงสุ่ย เจ้ามีวิธีจัดการอย่างไรในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ขณะที่เจ้าพาลูกสาวตัวน้อยไปกับเจ้าในทุกๆที่?"

ชิงสุ่ยบอกทุกสิ่งทุกอย่างแก่อีเย่ รวมถึงวิธีที่เขาช่วยให้ลูกสาวแต่งตัวเอง สอนให้เธออ่าน ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ และแม้กระทั่งการเช็ดก้นเล็กๆของเธอ

อีเย่ฟังอย่างเงียบๆขณะที่รอยยิ้มอันงดงามและดึงดูดใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินชิงสุ่ยบอกถึงวิธีการสอนลูกสาวเกี่ยวกับวิธีการอ่าน เขียน และแม้กระทั่งวิธีการที่เขาสอนเช็ดก้น เธอไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเขาเลยแต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในหัวใจของเธอ หลังจากเรื่องทุกอย่างเด็กหญิงตัวน้อยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอีเย่ของเธอ การจ้องมองที่เธอเคยมองไปที่ชิงสุ่ยตอนนี้นั้นมันมีความรู้สึกที่อ่อนโยนมากขึ้น

ในชั่วข้ามคืนนกกระเรียนหิมะก็บินมาถึงยอดหุบเขาหมอกเมฆา

"ท่านอาจารย์ แร้งขนสีขาวนั้นไม่สามารถขึ้นไปบนหุบเขาได้ หลวนหลวนกล่าวว่ามีลมปราณที่ชั่วร้ายเป็นพิเศษอยู่บนยอดหุบเขา" ชิงสุ่ยเล่าถึงคำพูดของหลวนหลวน

หลวนหลวนมีสัตตะดวงใจลี้ลับทำให้สามารถที่จะได้ยินเสียงของสัตว์อสูรและเข้าใจสิ่งที่พวกมันคิด

"หึหึ บนยอดหุบเขามีวานรอสูรทองคำที่อยู่ในระดับขั้นเซียนเทียน มันเป็นสัตว์อสูรของผู้พิทักษ์ในนิกายกระบี่นภาของเรา ข้าจะพาเจ้าไปดูในภายหลังและมันก็ไม่มีอะไรต้องกังวล" อีเย่หัวเราะ

อันที่จริงเธอมาจากตระกูลผู้ฝึกสัตว์อสูรคนหนึ่ง!

"ใช่แล้วท่านอาจารย์ หลวนหลวนยังมีสัตว์อสูรอีกสองตัวที่อยู่ในระดับขั้นเซียนเทียน" ชิงสุ่ยอธิบาย

แร้งขนสีขาวนั้นได้ช่วยชีวิตคนจากตระกูลอีเย่ไว้ถึงสองชั่วอายุคน หนึ่งในนั้นเป็นพ่อของหลวนหลวนและอีกคนเป็นเจี้ยนเก้อ

"สองสัตว์อสูรในระดับขั้นเซียนเทียน? สัตตะดวงใจลี้ลับ?" ดวงตาของอีเย่กระพริบอย่างเป็นประกาย แต่ความเศร้าก็ยังเห็นได้ภายในห้วงลึกของดวงตาเธอ

ชิงสุ่ยพยักหน้า ขณะที่เขาจ้องมองอาจารย์ของเขาด้วยความหลงใหลในความสามารถของเธอ เขาพึมพำบางอย่างออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจและจ้องมองไปที่อีเย่เจี้ยนเก้ออย่างซึมกะทือ

"เจ้าดูพอหรือยัง? ไปกันเถอะ มองหาว่าลูกสาวตัวน้อยวิ่งไปไกลถึงไหนแล้ว" สายตาของอีเย่นั้นเอียงอายขณะที่เธอมองชิงสุ่ย เธอตั้งใจหยุดการกระทำของชิงสุ่ย แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรก็ตาม

"ฮ่าฮ่า ยกโทษให้ข้าด้วยท่านอาจารย์ ข้ารู้สึกถึงความสุขที่ไม่เคยรู้จัก ข้าคิดถึงกอดอันงดงามของท่านที่มีให้แก่หลวนหลวนก่อนหน้านี้” ชิงสุ่ยพ่นเรื่องไร้สาระบางอย่างและอธิบาย

"ไปกันเถอะ!"

ชิงสุ่ยมองไปที่หลวนหลวนซึ่งกำลังสนุกที่ได้วิ่งเล่น

"ท่านอาจารย์ การแข่งขันงานประลองแลกเปลี่ยนระหว่างนิกายที่จัดทุกๆ 3 ปีจะเริ่มขึ้นเมื่อใด?"

0 0 โหวต
Article Rating
11 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด