LSG-บทที่ 93 รู้เท่าทัน (อ่านฟรีวันที่5ตุลา)
LSG บทที่ 93
แปลไทยโดย : SwordGod
รู้เท่าทัน
ฮู้ ฮู้! ! !
มีเสียงหายใจเข้าออกอย่างหนัก
ในทุ่งหญ้าร้าง ซูหยุน นั่งท่าดอกบัวและเริ่มปรับแต่ง ลมปราณ ของมัน
"นึกไม่ถึงจริงๆ! นึกไม่ถึงจริงๆ เจ้าเด็กแสบเจ้านี่มันโชคดีจริงๆ! กระบี่มรระดูดพลังชีวิตขอล เจ้าล้ทธิวิญญาณโลหิต และกลั่นเป็น ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ แล้วหล่อเลี้ยงร่างกายที่เหี่ยวเฉาของเจ้า แต่ข้าไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ชีวิตวิญญาณโลหิต จะอัดแน่นไปด้วยแก่นแท้ลมปราณมรณะเช่นนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการดูดซับพวกมันร่างกายของเจ้าจะฟื้นตัวด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ นอกจากนี้เจ้ายังจะได้รับอำนาจพลังของเจ้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก! "
ผู้อาวุโสกระบี่ กีะซิบอย่างร่าเริง
"ข้าไม่ได้คาดหวังอย่างใดอย่างหนึ่ง!" ซูหยุน ค่อยไเปิดตาของมันและหัวเราะออกมาว่า "ฮ่าๆๆ ข้าเป็นหนี้ กระบี่มรณะ แม้ว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บจากการเปิด แก่นแท้วิญญาณ แต่กระบี่มรณะก็ได้กลั่นพลังลมปราณมรณะช่วยให้ข้าฟื้นพลังได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่วันร่างกายของข้าจะได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์ นี่ถือเป็นคุณประโยชน์แฝง! "
"ฮ่า ๆ ไอ้ตัวแสบ เจ้าได้กลายเป็น วีรบุรุษ ที่ได้ช่วยผู้คนแถมยังได้รับประโยชน์จากมันอีก! จุ๊ๆๆๆ นี่มันเหมือนกับสุนัขได้ทองจริงๆ! "
ซูหยุน อ้าปากสูดหายใจในอากาศและถอดชุดของมันออกไปซึ่งเปียกโชกไปด้วยเลือดจาง ๆ และเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีขาวซึ่งมันเตรียมไว้ก่อนหน้านี้และเก็บไว้ในที่แหวนพื้นที่ มันถอดหน้ากากโลหะและห้อยกระบี่มรณะของมันไว้เดินทางต่อไป
"เจ้าเด็กโง่ เจ้าต้องให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะของเจ้าด้วย ศิลานิรันดร์ จะช่วยทำให้เจ้ามีร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยสมบัติมากมาย ภายในสิบปีเจ้าจะต้องสร้างชื่อให้กับตัวเองแน่ๆ! "
"ข้าเข้าใจแล้ว!" ซูหยุน ก้าวไปข้างหน้าแววตาของมันเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น: "อผู้อาวุโสข้านั้นกระหายพลังมากกว่าคนอื่น หากข้าไม่ได้ กระบี่มรณะ ช่วยข้าต้องตายภายใต้น้ำมือของ นายหญิงดาราม่วง! "
"เจ้ายังดึงมันออกมาได้อีกหรือเปล่า?" ผู้อาวุโสกระบี่ถาม
ซูหยุน โน้มตัวไปทางขวามือมองด้ามกระบี่สีดำทมิฬที่ปกคลุมไปด้วยลวดลายแห่งความชั่วร้าย มันถอนหายใจยาวๆและส่ายหน้า
ผู้อาวุโสกระบี่ ไร้คำพูดใด
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว นับตั้งแต่ที่นางกลับไปตระกูลซู ชิงเอ๋อกลับมาถึงตระกูลซูเร็วกว่าซูหยุน ชิงเอ๋อนางถูกส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บของนาง โชคดีที่ว่าพิษของปีศาจไม่ได้ร้ายแรงอะไร หลังจากนั้นไม่กี่วัน ชิงเอ๋อ ก็ฟื้นตัว
ผู้นำสูงสุดตระกูลซูไม่มองเรื่องของซูฮัวหยูอีก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและแต่ละนิกายก็สูญเสียไปมาก การสูญเสียของ ตระกูลซู ถือว่าน้อยที่สุด
ได้ข่าวว่า ชิงเอ๋อ ปลอดภัย ซูหยุน ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเดินกลับไปยังสำนักภายนอกเพื่อส่งมอบภารกิจของมัน
เนื่องจากภารกิจนี้ยังไม่เสร็จสิ้นมันถูกปรับเป็นเหรียญวิญญาณพันเหรียญ โชคดีที่ซูหยุนได้รับเหรียญวิญญาณหกแสนเหรียญจากซูฮัวหยูซึ่งเงินจำนวนน้อยนี้ไม่ได้มีผลอะไรกับมันมากนัก
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างจบลง ซูหยุน ก็เข้าไปในกระท่อมไม้ ปิดประตูเริ่มบ่มเพาะไม่สนใจสิ่งใดในโลกนี้
เมื่อมันเข้าฌาน มันใช้ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ ด้วยความช่วยเหลือของ ศิลานิรันดร์ ซูหยุน จึงสามารถฉกฉวยและเข้าใจ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ ได้ดีขึ้นทุกวัน
เสริมด้วยการบ่มเพาะ เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง และ [วิชากระบี่ตัดสวรรค์] เมื่อก่อนซูหยุนบ่มเพาะ [เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง] แต่หลังจากที่มันต่อสู้กับ เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต มันพบว่า [เคล็ดวิชากระบี่ตัดสวรรค์] แสดงให้เห็นถึงผลที่ไม่คาดคิดและทำให้มันมองลึกลงไปในเรื่องนี้เช่นกัน
หากปราศจาก วิชากระบี่ตัดสววรรค์] คนที่ตายอาจจะเป็นมันเองก็ได้
ด้านหลังภูเขาและป่า
ซูหยุน จับยึด กระบี่พันลึกล้ำ และฟื้นความหลังการต่อสู้ของมันกับ เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต และติดตามร่องรอยการใช้ ลมปราณปีศาจ
ในระหว่างการต่อสู้จอมยุทธลึกล้ำ ครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องวิชาลึกล้ำและลมปราณต่างๆ ทักษะที่เรียกกันว่าทักษะแขนขาเป็นของหายากมาก แน่นอนมีหลายคนใน ทวีปจอมยุทธฟ้า ที่ใช้ร่างกายของพวกเขาเพื่อฆ่า เป็นวิธีการเพื่อให้บรรลุอำนาจที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกมันก็เป็นของหายาก
การเก็บรักษาของศิลานิรันดร์ทำให้หัวใจเหมือนกระจกเงาและล้างความคิดเพื่อให้เขาจดจำช่วงเวลาแรกได้อย่างเต็มตา
ซูหยุน มีความเพลิดเพลินกับการสังหารหมู่ครั้งแรกและได้รับประสบการณ์จากการต่อสู้
ประหนึ่งว่า ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ จะได้รับการจัดเรียงคำสั่งบางอย่างและความทรงจำเริ่มหมุนเวียนอยู่ภายในใจของซูหยุน ลมปราณเริ่มไหลซึมออกมมาจาก แก่นแท้วิญญาณและตลอดจนช่องว่างลมปราณ ไปยังส่วนต่างๆของร่างกายของมันและสุดท้ายก็ออกมาจากผิวหนังของมัน พวกมันหมุนวนรอบ ๆ ซูหยุนอย่างต่อเนื่อง
นี่คือ 'ลมปราณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์' ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ ก่อนอื่นพวกมันก็จะหมุนวนไปรอบ ๆ แล้วพวกมันก็จะผสมผสานกันเหมือนฟันเล็ก ๆ ก่อนที่จะทับซ้อนกับอีกกลุ่มหนึ่ง สุดท้ายพวกมันจะบิดและกลายเป็นรศมีของแสงสีขาวหิมะวิ่งเข้าไปในกลีบเมฆ
แสงเริ่มสลัวหลังจากที่มันอยู่ห่างออกไปไกล มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงมัน แต่ ... นี่คือเขตแดนผลิวิญญาณอย่างน้อยหนึ่งในสี่หรือห้า
ซูหยุน ค่อยๆเปิดดวงตาของมันขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจ
แก่นแท้จิตวิญญาณเพิ่มขึ้นและมีโลกแก่นแท้วิญญาณอย่างน้อยๆยี่สิบใบ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ เข้มข้นขึ้น
"การเรียนรู้หลักการและร่องรอยของลมปราณวิญญาณลึกล้ำ จาก เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต นั้นเป็นความก้าวหน้า! ข้าต้องบอกว่า เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ! "
ซูหยุน คร่ำครวญและลุกขึ้นยืนรู้สึกสดชื่น
มันเอื้อมมือออกไป คว้าพันลึกล้ำและปลดปล่อยลมปราณวิญญาณลึกล้ำก่อนที่จะใส่มันลงในกระเป๋าของมัน จากนั้นมันก็ถอดออก
หลังจากกระบี่แรกของ [เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง] ซูหยุน สามารถควบคุมกระบี่ได้แล้วหลังจากฝึกฝน หากให้จะพูด เคล็ดวิชากระบี่สำนักกระบี่เซียน กับ เคลดวิชากระบี่นิกายกระบี่ไร้สรรพสิ่ง จะอ่อนลงเล้กน้อยหากจะเทียบกัน การบินด้วยกระบี่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ยากนัก
ได้เลื่อนเข้าสู่ระดับเขตแดนผลิวิญญาณขั้นที่5 ช่วยไม่ได้ที่ ซูหยุน จะนึกตอนที่มันมี ผลึกสวรรค์ และ พรายเงา
หากว่ามันไม่ได้ กระบี่มรณะ ช่วยไว้ ในระหว่างการต่อสู้ที่ สำนักวิชาดาราม่วง แล้วด้วยความช่วยเหลือของ พรายเงา เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต จะถูกฆ่าตายในขณะที่มันจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
แต่การได้รับ พรายเงา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
การเตรียมการเป็นเรื่องลำบาก จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อเตรียมพร้อม
เมื่อกลับไปที่กระท่อมหลังเล็ก "เตาผลึกเขียว" เกือบเสร็จสิ้นการต้มยาแล้ว ซูหยุน นั่งอยู่ข้างเตาและรอให้ เม็ดยาบ่มเพาะเสริมสร้างวกล้ามเนื้อ' พร้อม
ตอนเที่ยงดวงอาทิตย์ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ นอกเหนือจากผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณไม่มีใครเห็นภายนอก
ทันใดนั้นเสียงกลองและฆ้องก็ได้ยินมาจากที่ไกล ๆ ควบคู่ไปกับการที่ การก้าวเท้าหนักๆของกลุ่มกระทิงเขาเดียว
ที่น่าสงสัย ซูหยุน มองตรวจสอบอย่างละเอียดในกลุ่มของผู้คนที่แต่งชุดหรูหรากำลังข้ามถนนสีทองแดง
รถลากสัตว์อสูรเขาม่วง ที่ยืนอยู่ตรงกลางผู้คน คนของสำนักภายนอกวิ่งออกจากบ้านเพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามนี้
คนกลุ่มนี้สวมเสื้อผ้า จอมดาบ หรูหราด้วยเครื่องหมายดาบแขวนเหนือเอวของพวกเขา ในมือของพวกเขาถือดาบยาวและขี่ม้าสีขาวแข็งแรง กระทิงเขาเดียว เดินเต๊ะทางไปตามถนน
ด้านหน้ามีม้าวิญญาณ10ตัวนำทาง พวกเขาขี่ม้าโดยเหล่าสาวกของตระกูลซูและข้างๆพวกเขาคือสาวกชั้นยอดของสำนักภายนอกแห่งตระกูลซูที่ถือร่มและคอยปกป้องพวกเขาจากดวงอาทิตย์ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มเหล่านี้เป็นกลุ่มต้อนรับของ ตระกูลซู
ซูหยุน จ้องที่ธงตรงกลาง
บนธงแกะสลักกระบี่ทองคำปลิวสยายลู่ไปตามสายลม
"สำนักกระบี่เซียน?"
สำนักกระบี่เซียน มาที่ ตระกูลซู ทำไม?
กลิ่นอายพลังนี้จัดว่าทรงพลัง มันสงสัยว่ายอดฝีมือคนใดของสำนักกระบี่เซียนที่มา
ลึกลงไปในความคิดของดวงตาของมันโดยไม่รู้ตัวตกลงไปรถลากสีม่วงที่อยู่ตรงกลาง
"อ้า นี่ดูเหมือน ... ไป๋เอี้ยนซาน?"
อาจเป็นไปได้ว่า ไป๋เอี้ยนซาน กำลังเข้ามาใน ตระกูลซู ในฐาณะเป็นส่วนหนึ่งของ สำนักกระบี่เซียน?
แต่นางกำลังมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ... ช่างมันเถอะ จะคิดมากไปทำไม? มันกับนางต่างก็เป็นมนุษย์นางจะมาทำอะไรก็เรื่องของนาง มันจะไม่ยอมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของนาง
ซูหยุน ส่ายหัวและหันกลับไปที่กระท่อมโทรมๆของมัน
ฟึบ!
ในขณะนี้ เตาผลึกเขียว ก็ส่งเสียงดังคมชัด
ซูหยุน มีความสุข มันรีบวิ่งไปแล้วหยุดอาคมเม็ดยาบ่มเพาะใต้เตา เมื่อมันเปิดฝาขึ้น กลิ่นหอมฟุ่งกระจายตลบอบอวนเต็มห้อง
มันมองเข้าไปในเตาเพื่อดูเม็ดยาสีมรกตที่อยู่นิ่งๆภายในเตา
"กลิ่นหอมแบบนี้! เม็ดยาดูชุ่มชื่น ข้าคิดว่านี่น่าจะมากพอ! 90 ส่วน! "
ซูหยุน ยิ้มหูฉีกมันหยิบเม็ดยาออกจากเตา
"นี่มันเม็ดยาอะไร?"
ในขณะนั้นมีเสียงดังชัดเจนดังออกมาจากด้านข้าง
ซูหยุน หันไปมองผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดสีขาวกับใบหน้าอันงดงามยืนเคียงข้างมัน
หญิงสาวไม่มีการแต่งหน้า แต่นางก็ยังแลดูสวยอยู่ นางสูงโปร่งและสง่างามมีผิวสีขาวเหมือนหิมะ มันยากมากที่จะประเมินความนุ่มนวลหรือความประณีตของมัน แต่เพียงแค่รูปลักษณ์ของมันก็อาจขโมยหัวใจของใครบางคนออกไปได้ นางยังมีนิสัยบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ราวกับว่าถ้าท่านต้องการนาง นางก็กลัวที่จะทำลายนาง นางสวยเท่านางฟ้าที่ตั้งใจจะมองจากที่ไกล ๆ และไม่ต้องสัมผัสนาง
หลงเชี่ยนหลี่?
ทำไมนางถึงมาที่นี่? ?
มันเห็นคนๆนี้ซูหยุน ก้รู้สึกประหลาดใจ นอกจากนี้มันยังเริ่มตื่นตระหนก
ซูหยุนราวกับสังหรห์ใจชอบกล หลงเชี่ยนหลี่ กลายเป็นเย็นยะเยือก
"เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ครั้งสุดท้ายที่เราพบกันมันนานแค่ไหนแล้วน่ะ!"
น้ำเสียงที่นางพูดเย็นชาเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
นางจำข้าได้ด้วยหรอ?
"ไม่! นางจะรู้จัก เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ได้ยังไง? ข้าได้อำพรางตัวเองอย่างดี เว้นเสียแต่นางจะคาดเดาส่งๆ
หัวใจของซูหยุนเต้นระรัว แต่มันต้องสะกดมันเอาไว้
เขาไม่กล้ายอมรับมัน หลังจากนั้นมันจะไม่ทิ้งร่องรอยของ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง มันจะไม่ยอมรับ หากไม่ใช่คราวเคราะห์จริงๆ
นอกจากนี้นางไม่ได้เหมือน หูเชี่ยนหลี่ จิ้งจอกวิญญาณที่มีวิธีการที่แหลมคม นางเป็นคนที่ซื่อตรง หากนางไม่มีหลักฐานนางจะไม่ฆ่าข้า
ตรรกะของซูหยุนก็เล่นละครได้อย่างรวดเร็ว "ท่านคือ แม่เฒ่าหลง? ท่านเพิ่งบอกว่าอะไรนะ? "เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ?" เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่งนี่เขาเป็นใครกัน? ท่านกำลังลังพูดกับข้าหรอ?"
"เจ้าอย่ามาแกล้งทำเป็นไขสือ! เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง! " หลงเชี่ยนหลี่ ขยับนิ้วของนางรัศมีของแสงสีขาวปรากฏขึ้น เมื่อถึงเวลา มีแสงกระจัดกระจายกระบี่ถูกจ่อไว้ที่คอของมัน
"ก่อนหน้านี้ข้าได้ใช้ วิชาติดตามหมื่นลี้ ไว้บนหน้ากากโลหะของเจ้าและตามเจ้าจากหุบเขาฮวาซินไปยังตระกูลซู บังเอิญเจ้าปรากฏตัวในที่ทั้งสองแห่งหากเจ้าไม่ใช่ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง แล้วใครจะเป็น? ?”
มันจะเป็นไปได้ยัง?
เพียงเพราะว่านางคิดว่าคือเป็น เจ้าแห่งกระบี่ไร้สรรพสิ่ง? ข้าควรจะบอกว่าสัมผัสที่หกของนางดีเลิสหรือตรรกะของนางดีเยี่ยมดี
"ท่านแม่เฒ่าหลง ท่านลองคิดให้ดีๆก่อน คำพูดนี้มันใหญ่มาก อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ท่านไม่สามารถทำได้เพียงแค่อาสัยสิ่งนั้น ... วิชาใดก้ตามที่ท่านใช้ มันอาจจะทำให้ท่านสังหารคนผิด! " ซูหยุน ร้องอุทาน
"โอ้! ถ้างั้นเจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญ? "
"ใช่แล้ว!
"เจ้ากล้าทำแบบนี้ได้ยังไง!" หลงเชี่ยนหลี่ แสดงถึงความเย็นชาของนาง "เมื่อข้ามาที่ตระกูลซูเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเจ้า ตระกูลซู อ้างว่าเจ้าตายใน หุบเขาเปียงกู๋ แต่ตอนนี้ เจ้ายังยืนต่อหน้าข้าและปรุงยา !! ตระกูลซูของเจ้าซ่องสุมโกหกข้าและเจ้าก็ด้วย! เจ้าจะต้องมีความสัมพันธ์กับตระกูลซูและจะต้องเป็น เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ด้วย! หากว่าเจ้าไม่ส่ง ผลึกสวรค์ กับ ศิลานิรันดร์ มาให้ข้าเจ้าก็อย่าได้โทษข้า! "
"ท่านต้องการฆ่า ข้าหรอ?"
"เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้ารึไง!"
ด้วยเหตุนี้ หลงเชี่ยนหลี่ จึงโกรธปลดปล่อยจิตสังหารออกมาและโบกกระบี่ยาวของนางและเล็งไปที่ไหล่ของซูหยุน
นางลังเลที่จะฆ่า
แปลไทยโดย : SwordGod