AST บทที่ 181 – ความงามของผู้ฝึกสัตว์อสูร เด็กหญิงตัวน้อย?
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTech
บทที่ 181 – ความงามของผู้ฝึกสัตว์อสูร เด็กหญิงตัวน้อย?
ในถ้ำพระพุทธรูปทองคำพันปางไม่มีผู้ฝึกตนจากนิกายใดๆทั้งสิ้น มันถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในอาณาจักรชางหลาง มีผู้กล้าหลายคนที่เข้าไปในถ้ำเพื่อหวังว่าจะพบกับเศษเสี้ยวบางส่วนของลมปราณแห่งพระพุทธองค์ มีข่าวลือว่าลมปราณแห่งพระพุทธองค์สามารถปัดเป่าความชั่วร้ายและความเจ็บป่วย ทั้งยังเสริมสร้างร่างกายและยืดอายุขัยของตัวเองได้!
โดยปกติแล้วชิงสุ่ยเป็นคนที่ไม่เชื่อในข่าวลือ บางทีคนพวกนั้นอาจจะกำลังโดนหลอก
รถม้าเดินทางผ่านเส้นทางสายหลักของอาณาจักรชางหลาง ขณะที่ชิงสุ่ยนั่งเอนกายอย่างเฉื่อยชาอยู่ภายในรถม้า บางครั้งเขาก็ยกผ้าม่านขึ้นและมองออกไปข้างนอก
ถ้ำพระพุทธรูปทองคำพันปางอยู่บนเทือกเขาชางหลาง เทือกเขาชางหลางเป็นเทือกเขาที่ยาวที่สุดในอาณาจักรชางหลางทั้งหมด โชคดีที่มันใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งวันจากแดนสุริยโลก อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องข้ามหุบเขาขนาดใหญ่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงที่นั่น
ในตอนแรกคนขับรถม้าไม่ต้องการผ่านเส้นทางนี้เพราะถ้าพวกเขาพบโจรหรืออสูรดุร้ายก็จะเป็นจุดจบของพวกเขา โดยเฉพาะหลังจากที่ชิงสุ่ยเพิ่มเงินเป็นสองเท่าของจำนวนเงินที่คนขับจะได้รับ หลังจากเรื่องทั้งหมดหากมีความเสี่ยงมาก ผลตอบแทนก็จะยิ่งมากตาม
ณ ตอนเที่ยงถนนเต็มไปด้วยม้าและรถม้า มีสินค้าบางอย่างที่หรูหราถูกนำมาส่ง พวกมันถูกเคลื่อนย้ายอย่างช้าๆ ชิงสุ่ยจ้องมองฝูงชนที่วุ่นวายผ่านหน้าต่างรถม้าของเขา
ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด คนรวยก็เหมือนกับคนยากจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาทำเพื่อการอยู่รอดของตัวเอง แม้ว่าความปรารถนาของทั้งสองจะเหมือนกันแต่เป้าหมายแตกต่างกันไปกับแต่ละชนชั้นทางสังคม
หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง ชิงสุ่ยจ้องมองออกไปภายนอกอีกครั้งหลังจากขยี้ตาตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ เขาตระหนักว่าสภาพแวดล้อมตอนนี้ของเขาห่างไกลจากถนนสายหลักมามากและได้เข้าสู่พื้นที่ที่เป็นภูเขา ชิงสุ่ยรู้ว่าเขาได้เข้าสู่หุบเขาลึกของเทือกเขาชางหลาง!
หุบเขานั้นตัดผ่านสู่เทือกเขาชางหลาง โชคดีที่ระยะทางที่จะไปถึงอีกปลายทางหนึ่งของเทือกเขามีระยะทางแค่ประมาณห้ากิโลเมตรและตราบเท่าที่ม้าวิ่งด้วยความเร็ว แค่สิบห้านาทีก็เพียงพอแล้วสำหรับการเดินทาง น่าเศร้าที่บริเวณนี้เป็นทางลัดแต่เต็มไปด้วยอันตราย ทุกพื้นที่มีอสูรร้ายหลายตัวที่ซ่อนเร้นอยู่
โดยปกติแล้วจะมีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งและพ่อค้าที่กล้าพอจะเดินทางข้ามเส้นทางนี้เช่นกัน
หุบเขาที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้มีความกว้างหลายกิโลเมตรและตรงกลางมีเส้นทางที่ราบเรียบ เมื่อรถม้าก้าวเข้าสู่เส้นทางคนขับเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้น เส้นทางที่นี่ไม่ราบรื่นเหมือนกับถนนสายหลักของอาณาจักรชางหลาง นั่นเป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยตื่นขึ้นจากการนอนหลับของเขา
สิ่งที่พวกเขากลัวเกิดขึ้นจริง เสียงดังจากม้าดังขึ้นและชิงสุ่ยต้องตกตะลึง เมื่อเขาเห็นพยัคฆ์กายสีขาวผสมเงินยืนอยู่ตรงกลางทางเดินและขวางทางไว้
ร่างของพยัคฆ์ตัวนี้มีความยาวห้าเมตรและสูงประมาณสองเมตร แขนขาและกล้ามเนื้อมีความใหญ่โต มีหางยาวสี่เมตรราวกับเหล็กกล้า
ชิงสุ่ยครุ่นคิดเกี่ยวกับสัตว์ขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเขา ขนสีขาวของมันดูสวยงามมาก แต่กลิ่นอายที่ทรงพลังที่ปล่อยออกมาบอกกับชิงสุ่ยว่านี่เป็นสัตว์อสูรร้ายที่น่ากลัว
"พยัคฆ์ขาวหยกหิมะ!" คนขับรถม้าหน้าซีดลงขณะที่เขาตะโกนออกไป
สิ่งนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้ชิงสุ่ยตกใจ สิ่งที่ทำให้เขาสะดุ้งตกใจคือการที่เขามองเห็นภาพเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆสวมใส่เสื้อขนสัตว์สีขาวหิมะอยู่ด้านข้างของพยัคฆ์ขาวหยกหิมะ สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยหงุดหงิดคือลักษณะและกลิ่นอายของเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ ออร่าของนางราวเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์คล้ายกับอาจารย์เทพธิดาของเขา
ชิงสุ่ยงุนงงเล็กน้อยในขณะที่เขารู้สึกว่าเด็กหญิงช่างงดงาม นี่เป็นลูกสาวของอาจารย์เขาหรือไม่? เขาส่ายหัวเพราะความคิดนี้น่ากลัวเกินกว่าที่เขาจะต้องนึกถึง
"เด็กหญิงคนนี้คือใครกัน?"
ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจของชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้มีการบ่มเพาะพลังใดๆและยิ่งเขามองเธอมากเท่าไรก็ยิ่งนึกถึงอาจารย์เทพธิดาของเขา
ชิงสุ่ยลงจากรถม้า ม้าของเขาเป็นอัมพาตด้วยความหวาดกลัวและแม้แต่ขาของคนขับรถม้าก็อ่อนแรงจนไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
ชิงสุ่ยเดินช้าๆไปที่พยัคฆ์ขาวหยกหิมะขนาดมหึมา เขาเผยรอยยิ้มเบ่งบานบนใบหน้าของเขา เมื่อเขามองไปที่เด็กผู้หญิงที่แสนน่ารัก เธอช่างสวยมากจริงๆ ถ้าเขามีลูกสาวที่น่ารักอย่างเช่นนี้ เขาก็คงจะพึงพอใจไม่น้อย
ความแข็งแกร่งของเด็กหญิงตัวเล็กๆคนนี้นั้นมีมากมาย เธอจะสามารถสังหารคนที่เข้ามาทำร้ายได้ด้วยพยัคฆ์ขาวหยกหิมะตัวใหญ่!
เด็กสาวไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อยในตอนที่เธอเห็นเขา ดวงตาที่ใหญ่โตเหมือนผลึกใสของเด็กหญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นขณะที่เธอกระพริบตา ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้ชอบเขามาก
อย่างไรก็ตามพยัคฆ์ขาวหยกหิมะที่เธอขี่มาก็หงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนมันจะไม่สามารถสงบลงได้เนื่องจากมีเสียงคำรามต่ำๆออกมาจากลำคอ ราวกับว่าพยัคฆ์ขาวหยกหิมะเตือนชิงสุ่ยไม่ให้เข้ามาใกล้
เด็กหญิงตัวเล็กยื่นมือเล็กๆของเธอออกไปและลูบลงบนหัวของพยัคฆ์ขาวหยกหิมะ "พยัคฆ์ตัวน้อยอย่ากลัวเลย!"
ชิงสุ่ยรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อได้ยินเสียงของเด็กหญิง พยัคฆ์ขาวหยกหิมะสงบลงเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ อย่างไรก็ตามสายตาของพยัคฆ์ขาวหยกหิมะยังคงมองไปที่ชิงสุ่ยซึ่งเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
หลังจากที่พยัคฆ์ขาวหยกหิมะสงบลงแล้วเด็กหญิงตัวเล็กๆกระโดดลงมาจากหลังของมันและเดินเข้าไปแนบชิดชิงสุ่ย เนื่องจากชิงสุ่ยยืนอยู่ใกล้กับพยัคฆ์ขาวหยกหิมะเพียงแค่ไม่กี่เมตร
ชิงสุ่ยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและไม่ได้คำนึงถึงความระมัดระวังตัวของเธอ
"พ่อ ท่านคือ ท่านพ่อ!" เด็กหญิงตัวน้อยกอดคอของชิงสุ่ยไว้และหัวเราะอย่างมีความสุข
ชิงสุ่ยรู้สึกกระอักกระอ่วนใจในทันที เขารู้ว่าถ้านับจากอายุเมื่อช่วงชีวิตที่แล้วของเขา เขาอาจจะเป็นพ่อของเธอ รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้ดูแก่ชรา อย่างน้อยกับการปรากฏตัวของเขาและรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่น่าจะมีใครทราบอายุที่แท้จริงของเขาในอดีตได้ ถ้าไม่อย่างนั้นเยียนเหมยหยานก็คงจะไม่เรียกเขาว่า 'น้องชิงสุ่ย'
"ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าว่าพ่อ?" ชิงสุ่ยรู้สึกขมขื่นเหมือนช่วงเวลาที่อวี้ช่างน้อยทำอย่างนี้กับเขา
"ท่านมีกลิ่นของท่านพ่อ ดังนั้นท่านเป็นท่านพ่อ!"
ชิงสุ่ยเหงื่อออกไม่หยุด “เด็กทุกคนในยุคนี้เป็นแบบนี้หรือ”
"พยัคฆ์ขาวหยกหิมะตัวใหญ่นี้มาจากที่ใด?" ชิงสุ่ยค้นพบว่าจำเป็นต้องอดทนเมื่อคุยกับเด็กเล็กๆ
"ข้าได้พบกับเพื่อนตัวใหญ่จำนวนมาก พวกมันบางตัวต้องการที่จะปฏิบัติตามข้า พวกมันส่วนใหญ่น่ากลัว! แต่มีบางตัวที่น่ารักและเชื่อฟังข้า ดังนั้นนั่นคือเหตุผลที่ข้าสินใจที่จะเล่นกับมัน" เด็กหญิงตัวน้อยอธิบายอย่างจริงจัง ชิงสุ่ยยังคงเหงื่อออก สาวน้อยคนนี้ดูไม่ค่อยเหมือนกับว่าเธอกำลังโกหก ไม่ว่าในกรณีใดเธอยังเด็กอยู่และยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เธอจะรู้วิธีโกหกได้อย่างไร?
"แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน" ชิงสุ่ยกอดเด็กหญิงตัวเล็กๆขณะที่เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาที่เหมือนคริสตัลของเธอ
"แม่คืออะไร?"
ชิงสุ่ย : "....."
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะพูดอะไร เธอไม่รู้ว่ามารดามีความหมายว่าอะไร เขาจึงอนุมานว่าเธอไม่มีมารดา
"เด็กหญิงตัวน้อยเจ้าชื่ออะไร?"
ชิงสุ่ยอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยๆไว้ในขณะที่เขาถามอย่างอ่อนโยน
"พ่อเรียกข้าว่าหลวนหลวน!"
พ่อของเจ้าทำอะไร? ชิงสุ่ยเปลี่ยนวิธีการอื่นตามที่เขาถาม
"อืม ท่านพ่อจะอยู่ร่วมกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่น่าเกลียดชัง บางครั้งเขาก็จะบินขึ้นไปบนฟากฟ้า แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะนำหลวนหลวนไปด้วยกัน" หลวนหลวนพึมพำอย่างน่าขื่นขม
พ่อของหลวนหลวนมีความเป็นไปได้สูงมากในการเป็นสัตว์อสูรตัวหนึ่งและควรเป็นอสูรที่มีอำนาจอย่างยิ่ง!
"ทำไมเจ้าไม่ได้อยู่กับพ่อของเจ้า?"
"ท่านพ่อไม่ต้องการข้าอีกต่อไป เมื่อวานนี้มีคนมากมายมาที่บ้าน พวกเขาใช้อาวุธแวววับทำร้ายท่านพ่อและตะโกนบอกว่าท่านพ่อของข้าตายแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น" หลวนหลวนเริ่มร้องไห้
“อย่าร้องไห้ หลวนหลวนเชื่อฟังใช่มั้ย? หลวนหลวนไม่กลัวแม้แต่พยัคฆ์ขาวหยกหิมะ ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเด็กที่กล้าหาญจริงๆ เด็กที่กล้าหาญจะไม่ร้องไห้ง่ายๆ” ชิงสุ่ยตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมเด็กอย่างไร
"ข้าไม่กลัวเลย พวกเขาทั้งหมดเชื่อฟังมากและจะเชื่อฟังข้าไม่ว่าข้าจะต้องการให้พวกเขาทำอะไรก็ตาม" หลังจากนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็โห่ร้องขึ้นมาอีกอย่างไม่คาดคิด
ชิงสุ่ยกอดเด็กหญิงตัวน้อยที่น่าสงสารเอาไว้ แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงยืนยันว่าเขามีกลิ่นของพ่อของเธอ พ่อของเธอควรจะเป็นอสูรร้ายที่ทรงพลังมาก และกับลักษณะของเด็กหญิงตัวน้อยแม่ของเธอก็น่าจะเป็นความงดงามที่หาใครเทียบไม่ได้ เมื่อเขาตระหนักว่าเด็กหญิงตัวน้อยนั้นหมายถึงสัตว์อสูรที่อยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนเชื่อฟังเธอ ชิงสุ่ยตกใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาก็ได้เห็นตำนานจากหนังสือและเป็นตำนานที่เกิดขึ้นจริงต่อหน้าดวงตาของเขา
ตำนานกล่าวไว้ว่าเฉพาะผู้ที่มี “สัตตะดวงใจลี้ลับ” จะมีความสามารถเช่นนี้ คนประเภทนี้จะไม่เพียงแต่ไม่มีอุปสรรคใดๆในการฝึกตน แต่เมื่อผ่านเข้าสู่ขั้นเซียนเทียน ความคืบหน้าในการฝึกตนก็จะราบรื่นมาก หลังจากประสบความสำเร็จในขั้นเซียนเทียน และบุกเข้าไปในดินแดนขั้นต่อไปนั้นความยากลำบากในการฝึกฝนก็จะลดลงอย่างน้อยสิบเท่า
สำหรับผู้ฝึกตนที่สามารถผ่านเข้าสู่อาณาจักรพลังปราณเทวะกษัตริย์หรืออาณาจักรพลังปราณนักรบได้ เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นผู้ที่มีสัตตะดวงใจลี้ลับ อย่างไรก็ตามจำนวนผู้มีสัตตะดวงใจลี้ลับนั้นต่ำเกินไป สิ่งหนึ่งสำหรับผู้ที่มีมัน พวกเขาจะสามารถเดินเตร่อยู่ในเก้าทวีปตามแต่พอใจโดยไม่ต้องกังวลใดๆ ชื่อของพวกเขาเป็นตำนานและพวกเขาจะทิ้งร่องรอยไว้สำหรับคนรุ่นต่อๆไป
"หลวนหลวนเจ้าจะติดตามข้าไปได้ไหม?" ชิงสุ่ยไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงในการขอให้เด็กหญิงตัวน้อยไปกับเขา ส่วนใหญ่เขากังวลว่าเธอจะลำบากหรืออาจถูกหลอกลวง แม้จะมีสัตตะดวงใจลี้ลับเธอก็ยังเป็นเด็กอยู่ การรับรู้ของเธอเกี่ยวกับโลกภายนอกนั้นเป็นสิ่งอันตราย เธออาจจะโดนหลอกลวงได้ง่ายจากคนที่มีเจตนาร้าย