LSG-บทที่ 91 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนจบ) (อ่านฟรีวันที่ 30กันยา)
LSG บทที่ 91
แปลไทยโดย : SwordGod
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนจบ)
วูดด!วูดด!วูดด!วูดด!......
กระบี่รูปแบบโบราณ กระบี่จิตศิลา, กระบี่ไร้ขอบเขต, กระบี่วิญญาณสวรรค์, กระบี่ใบไม้วิญญาณ, กระบี่ไร้ลักษณ์ ... กระบี่มากมายที่ถอดออกจากร่างไร้วิญญาณของ เจ้าลัทธิ์วิญญาณโลหิต บินกลับเข้าสู่ฝักกระบี่ไร้สรรพสิ่ง
ฟิ้ว ซึบ ซึบ ซึบ ซึบ ...
ร้อยกระบี่กลับเข้าไปในฝัก
ทุกอย่างเงียบ
นี่มันเวทมนตร์อะไรกัน?
นายหญิงดาราม่วง ฟื้นตัวอย่างช้าๆนางเปิดตาด้วยความระมัดระวังเฝ้าดูฉากทั้งหมดด้วยนัยน์ตาอันเก่าแก่ของนาง
นางศึกษาสุดยอดวิชาการบ่มเพาะจิตวิญญาณเป็นเวลาหลายปีแล้วและได้ศึกษาเกี่ยวกับสมบัติล้ำยุค แต่นางไม่เคยเห็นฉากประหลาดเช่นนี้มาก่อน
วิชาลึกลับนี่มันอะไรกัน?
หรือว่ามันจะเป็นสมบัติล้ำค่า?
เขาเป็นใคร?
อะไรอยู่ในฝักกระบี่?
เขา... เขาทำได้ยังไงเพียงแค่พึ่งระดับการบ่มเพาะขั้นกลางเขตแดนผลิวิญญาณและสามารถฆ่าผู้บ่มเพาะดวงจิตวิญญาณได้?
แล้วนี่เป็นอำนาจที่สูงที่สุดเท่าที่จะบรรลุได้ เขาควบคุมทักษะแบบนี้ได้อย่างไร?
คความอยากรู้ของนางเพิ่มพูลขึ้นอย่างบ้าคลั่ง...แต่นางก็ไม่อาจเข้าใจ ...
"นายหญิงดาราม่วง ... นี่ ... นี่มันอะไร ...วิชานี้มันอะไรกัน?"
อาจารย์ข้างๆนางกลืนน้ำลายของเขาถามด้วยความตกตะลึง
"ขะ ... ข้าไม่รู้ .. "
นายหญิงดาราม่วงส่ายหน้าอย่างขมขื่นตอบไปว่า "แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร...แต่ดูเหมือนว่า...ความรู้ของข้ายังตื้นเขินนัก!"
"เขาถูกเรียกว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง!"
เสียงที่อ่อนแอดังมาจากด้านหลัง
ทุกคนหันกลับไปเห็นคนที่เปียกโชกด้วยเลือดไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก นายน้อยมู่เฟิง ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างมาก
มู่เฟิง ยืนขึ้นด้วยความยากลำบากมาก มือของเขากดลงบนแผลสดบนช่องท้องของเขา เขาจ้องมองคนที่คลานไปคนนั้น
"เขาถูกเรียกว่า เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ... .ก่อนหน้านี้เขาได้ช่วยข้าไว้ "
"แต่ ... ร่างของเขามีลมปราณปีศาจเข้มข้นนัก! เขาเป็นคนที่มาจาก สายพันธ์ปีศาจ !! เขาเป็นคนที่มาจาก ทวีปปัศาจ! "
อู๋กง ที่ยืนอยู่ข้างๆตะโกน
"ไม่!
มู่เฟิง แผดร้องออกมาใบหน้าเหยเก เขามอง อู๋กง "ข้าไม่สนว่าเขาจะเป็นปีศาจหรือไม่ เขาช่วยชีวิตข้าไว้ครั้งหนึ่งและฆ่า เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต เพื่อล้างแค้นให้กับ สกุลมู่ของข้าที่ตายไป เขาได้ปกป้องข้า เขาได้ป้องป้องทุกๆคน! เขาจะเป็นปีศาจได้ยังไง? เขาคือผู้มีพระคุณของสกุลมู่! "
ริมฝีปากของ อู๋กง สั่นระรัวไร้คำพูด
นายหญิงดาราม่วงไม่ได้พูด เขาไม่ใช่คนที่พวกเขายินดีที่จะขอบคุณและมันเป็นความจริงที่เขาเกี่ยวข้องกับปีศาจ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปล่อยมือไปได้แม้กระทั่งหลังจากผ่านไปหนึ่งร้อยปี
ชายผู้สูญเสียการทรงตัวสวมชุดจอมดาบและสะพายฝักกระบี่ไว้บนหลังของมันลุกขึ้นยืนช้าๆ
มันพาร่างของมันเดินโซเซไปราวกับว่ามันเป็นคนขี้เหล้า
ชายผู้นี้ร่างกายบอบช้ำผิวซีดมาก
มันมุ่งไปที่ เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต ที่นอนหมดลมหายใจและเดินไปทางกระบี่สีดำ ก้าวแต่ละก้าวเหมือนจะหนักอึ้งราวกับแต่ละก้าวจะใช้ชีวตของมันทั้งชีวิตในการก้าวเดิน
ในที่สุดมันก็มาถึงหน้าศพของ เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต แต่ละก้าวนี้ดูเหมือนจะใช้เวลาสักศตวรรษ
มันเอื้อมมือจับด้ามกระบี่และคว้ากระบี่มรณะ
นิ้วทั้งห้าสั่นระริกขณะที่มันขยับ ในที่สุดมันก็จับด้ามกระบี่ เพียงแค่หนึ่งลมหายใจ กลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลุดออกจากด้ามของกระบี่สีดำและขยายไปทั่วทุกส่วนของร่างกายของมัน....
กระบี่มรณะ ได้ดูดซับพลังชีวิต มาจากกระบี่โลหิต ในขณะนี้มันให้พลังแก่เขาอีกครั้ง
ผู้อาวุโสกระบี่สัมผัสมันได้และก็ตระหนักถึงมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าสารเลวน้อยนี้กล้า เปิดสัมผัสวิญญาณ กับ ช่องว่างลมปราณ จนถึงขีดสุด เพราะว่า กระบี่มรณะ จะใช้ลมปราณมรณะเพื่อดูดพลังงานชีวิตและเปลี่ยนมันเป็น ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายของมันอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้มันจึงกล้าทำ
“เจ้าสารเลวน้อย นี่มีหัวคิดที่ดีจนทำให้ข้าประทับใจมาก เขามีความกล้าหาญและมีกลยุทธย์”
ผู้อาวุโสกระบี่รู้สึกต่ำต้อย
การยึดกระบี่มรณะทำให้มันได้รับลมปราณลึกล้ำ ร่างของซหยุนถูกเติมเต็มและใบหน้าของมันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
มันไม่ได้ปริปากแม้แต่คำเดียว แล้วเก็บกกระบี่มรณะเข้าไปในฝักด้านหลัง จากนั้นมันก็มองไปที่ นายหญิงดารม่วง มู่เฟิง และคนอื่น ๆ ก่อนที่มันจะจากไป
เคร้ง !!! เคร้ง!!! เคร้ง !!!
ขระนี้มีเสียงสู้กันดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ในท่ามกลางหมอกโลหิตเศษเนื้อและเลือดฟุ้งกระจายขึ้นมาทุกหนแห่ง อสูรและปีศาจนับไม่ถ้วนถูกไฟครอกเผาผลาญ มีการสู้รบอย่างรุนแรงและเสียงกรีดร้อง
"ทุกคนไปที่จัสตุรัส! ช่วยนายหญิงดาราม่วง! "เร็วเข้า!
"ฆ่าเจ้าพวกปีศาจชั้นต่ำพวกนี้ให้หมด!"
"ฆ่าพวกมันทั้งหมด
เสียงตะโกนดังไม่มีที่สิ้นสุดลมปราณวิญญาณลึกล้ำบินว่อนไปหาพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของซูหยุนเปลี่ยนไป แต่มันก็ยืนอยู่ที่นั่นเงียบ ๆ มองดูฉากนี้
หมอกโลหิตเริ่มกระจายตัว ภาพเงาของผู้คนเริ่มหายไปทีละคนๆ
มีเงามาจากทุกทิศทุกทาง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง
นี่คือความเกลียดชังต่อปีศาจ
"เจ้าเด็กแสบระวัง!"
ผู้อาวุโสกระบี่พึมพำ
ซูยองพยักหน้าและเอื้อมมือออกไปด้านหลัง
ไม่มีเส้นทางหลบหนี
แต่เมื่อเวลามาถึง ซูหยุน ก็ไม่อยากจะใช้ลมหายใจครั้งสุดท้ายเพื่อต่อสู้กับทางออก
เขาไม่สนใจว่าบุคคลนั้นเป็นคนดีหรือชั่วร้ายตราบเท่าที่มันเป็นภัยคุกคามต่อเขาแล้วพวกมันก็ร้ายกับเขาทั้งหมด
"อะไรกัน ลมปราณปีศาจหนาแน่นเหลือเกิน !! มีนักบ่มเพาะปีศาจอีกตนหนึ่ง !! "
ในขณะที่มีชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง พบกับ ซูหยุน และตะโกนดังขึ้น
"ฆ่า! !“ฆ่านักบ่มเพาะปีศาจฆ่าพวกมันให้หมด!”
"อย่าปล่อยให้ไอ้พวกเวรนี่ กลับไปทวีปปีศาจของพวกมัน !!"
พวกเขาตะโกนพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาขยับจับดาบของพวกเขา ซูหยุนเองก็เตรียมพร้อมที่จะถูกโจมตี
แต่เสียงที่อ่อนแรงแต่มุ่งมั่นดังขึ้น
"หยุดนะ!" อย่าทำร้าย เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง !! "
แม้ว่าเสียงจะอ่อนแอ แต่ผู้คนก็รับรู้ได้ว่าเขาใช้กำลังทั้งหมดของเขาตะเบงเสียง
ทุกคนหันมองไป ก็ต้องตะใจเพราะนางคือ นายหญิงดาราม่วง
แม่ทัพของเมืองธาตุไฟ ลุกขึ้นยืนและรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อแสดงความเคารพต่อ นายหญิงดาราม่วง "นายหญิง คนผู้นี้เป็นนักบ่มเพาะปราณปีศาจ แน่นอนว่าต้องเป็นปีศาจ เหตุใดพวกเราจึงไม่กำจัดเขา? "
"เขาฆ่า เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต และช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้! เขาไม่ใช่ผู้บ่มเพาะปราณปีศาจธรรมดา! "
นายหยิงดาราม่วง กดลงบนแผลที่หน้าอกและพูดเบา ๆ
"อะไรกัน?"
ไม่มีใครเข้าใจและใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"ชายคนนี้นะหรอ ที่ช่วยนายหญิงดาราม่วงและคนอื่นๆ?"
"เขาฆ่านักบ่มเพาะปราณปีศาจ?"
"ใครคือ เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต?"
เสียงดังขึ้นแซงแซ่
ซูหยุนไม่อยากจะอยู่นานกว่านี้อีกต่อไป
มันถอยหลังไปสองสามก้าวและดึง พันลึกล้ำ ออกจากฝักกระบี่และโยนมันลงไปในอากาศ แล้วเขาก็กระโดดลงบนกระบี่และบินหนีไป
"มันหนีไปแล้ว!"
"พวกเราจะปล่อยมันหนีไปไม่ได้ !!"
"พวกท่านจะทำอะไร หากมีใครทำร้ายเขา มันผู้นั้นจะเป็นศัตรูกับ สกุลมู่! "
เห็นว่าไม่มีใครใส่ใจกับคำพูดของเขา มู่เฟิงจึงตะโกนด้วยความโกรธ
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ได้ช่วยเขาไว้หลายต่อหลายครั้งแล้ว หากว่าเขาปล่อยให้มีคนทำร้ายเขา แล้วตัวเขาเองจะกลายเป็นคนเช่นไร? ไม่ว่าเขาจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจก็ไม่สำคัญหรอก ภายในหัวใจของ มู่เฟิง เขาเป็นคนหนึ่งที่มอบชีวิตให้กับเขาสองชีวิต เขาเป็นผู้มีพระคุณของ มู่เฟิง
มู่เฟิงเป็นใครกันหรอ? แล้วสกุลมู่คือใครนะหรอ? ตราบเท่าที่ผู้คนและยอดฝีมือนักบ่มเพาะจิตวิญญาณในเทือกเขาอาถรรพ์พวกเขาทุกคนต่างรู้จักเกี่ยวกับเขาและสกุลมู่ เมื่อ มู่เฟิง ตะโกนขึ้นมันทำให้พวกเขาทุกคนตกใจในเวลาเดียวกันนั้นผู้คนที่กำลังสังหารเหล่าปีศาจก็หยุด ไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาใด ๆ พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ ซูหยุน ในขณะที่เขาหลบหนี
แม่ทัพกองกำลังป้องกันเมืองมองและสับสน มีหลายคนแสดงออกมาด้วยความแปลกประหลาด เป้าหมายของพวกเขามีแค่ปีศาจ ซึ่งทุกคนกำลังจ้องมองปีศาจที่กำลังหนีไป
ไม่นานร่างเขาก็เลือนหายไปลับตา
"ข้าขอถามหน่อย นายหญิง ท่านรู้จักชายคนนี้หรือไม่"
ทันใดนั้นมีหญิงสาวสวมชุด จอมกระบี่ เดินออกจากฝูงชน
หยิงสาวมีใบหน้าขาวซีด ในมือถือกระบี่และสวมชุดเกระ ไหล่ของนางยังถุกย้อมไปด้วยเลือดปีศาจ
ด้านหลังของนาง คือคนของตระกูลซู ที่ได้รับบาดเจ็บ
"ชิงเอ๋อ ... ."
นายหญิงดาราม่วง มีความประทับใจบางอย่างเกี่ยวกับหญิงสาวนางนี้
"นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกับเขาได้ไม่นาน!"
นายหญิงดาราม่วง กลืนลูกปัดฟื้นฟูเดินมาข้างๆแล้วพุด
"ท่านเพิ่งเรียกเขาว่า ... เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ?"
"ใช่!
โดยไม่ต้องรอให้นายหญิงถามอะไร มู่เฟิงจึงเริ่มเล่าเรื่อง "เมื่อครั้งที่ข้าเดินทางมาที่ สำนักวิชาดาราม่วง ข้านั้นได้พบกับโจรร้าย ชายคนนี้ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน แล้วได้ช่วยข้าไว้ หากไม่ได้เขาเข้ามาช่วยข้าละก็ ข้า มู่เฟิง คงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ ผู้ชายคนนี้คือ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง แม้ว่าเขาจะมีกลิ่นอายปีศาจ แต่หัวใจของเขานั้นเยี่ยง วีรชน! "
"เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ?"
ชิงเอ๋อ พูดคำเหล่านี้ แต่หัวใจของนางนั้นว่างเปล่า
ทำไมเขาถึงช่วยข้า? เว้นแต่ ... หัวใจของเขามีคุณธรรม?
สิ่งที่เกิดขึ้นใน สำนักวิชาดาราม่วง ได้แพร่กระจายไปทั่วเทือกเขาอาถรรพ์
ชื่อเสียงของ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ได้ขจรแพร่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
ในขณะที่เขาบาดเจ็บและมีกลิ่นอายของลมปราณปีศาจและตัวตนของเขาไม่ได้ถูกเปิดเผย
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน ใครคืออาจารย์ของเขา ไม่มีใครรู้ชื่อเสียงเรียงนามของเขาหรือแม้แต่ที่อยู่ในปัจจุบันของเขา
ผู้คนจดจำได้เพียงคู่ดวงตาสีแดงโลหิต ชายที่ได้รับบาดเจ็บและสะพายกระบี่สีดำแปลกๆ... กระบี่ที่สะเทือนฟ้าก้องปฐพี
เขาเป็นคนดี? หรือว่าเขาเป็นคนชั่ว? เขาเป็นมนุษย์หรือไม่? หรือว่าเขาเป็นปีศาจ? ไม่มีใครสามารถให้คำอธิบายที่ชัดเจนได้
แต่หลังมีคำล่ำลือ ยอดฝีมือวีรชน คนไหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ยอดยุทธ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง ชื่อนี้เป็นที่รู้จักในหลายภูมิภาค
ความวุ่นวายที่ สำนักดาราม่วง ดึงดูดเหล่าอำนาจต่างๆมากมาย นิกาย และตระกูล ผู้คนเริ่มสำรวจสถานที่ที่มีความเป็นไปได้ที่ นักบ่มเพาะปีศาจ โผล่ออกมาและมีคนอื่น ๆ ที่เริ่มสืบว่า เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต อยู่ที่ไหนและทำอย่างไรจึงจะสามารถเข้าสู่ ทวีปจอมยุทธฟ้า ได้
แม้ว่ามีบางครั้งที่ปีศาจจะก่อกวน ทวีปจอมยุทธฟ้า แต่การโจมตีเช่น เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต ซึ่งนำมาทั้งกองทัพนั้นเป็นเรื่องยากมาก
เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมีตัวแทนแต่ละภุมิภาคถุกส่งมาเพื่อตรวจสอบ เพราะซูฮัวหยูถูกสังหารในการมาครั้งนี้ ชิงเอ๋อ จึงไม่กล้าลังเลอีกต่อไป นางกลืนลุกปัดที่ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง มอบให้กับนาง
ลูกปัดเข้าไปในช่องท้องของนางและราวกับว่านางถูกยาพิษจากพิษปีศาจ ฤทธิ์โจมตีที่ปอดและอวัยวะภายในของนาง จากนั้นนางก็ถูกส่งตัวไปตระกูลซูเพื่อพักฟื้น
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้นำตระกูลซูลี่หยง ไม่ได้ตำหนิ ชิงเอ๋อ นอกจากนี้ทุกคนไม่สามารถหยุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ตัวแทนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่ ชิงเอ๋อ เท่านั้น
และในขณะนี้ภายใน สำนักกระบี่เซียน
ในวิหารสวรรค์ ที่ลอยด้วยลมปราณวิเศษ
หญิงสาว ที่ผิวขาวราวกับหิมะยืนอยู่ด้านหน้า คันฉ่อง
คันฉ่องกระพริบแสงด้วยภาพที่ต่างกัน แต่ภาพเหล่านี้หายไปอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวดูเหมือนสงบ แต่มีบางอย่างที่แปลกในสายตาของนาง
ฟิ้ว !!!
ภาพเงาบินออกไปจากวิหาร
หญิงสาวเดินไปหางคนที่นางคาราวะอย่างแช่มช้อย
"เชี่ยนหลี่ คาราวะแม่เฒ่าใหญ่!"
เสียงของนางอ่อนโยนและสง่างามราวกับลมในฤดูร้อน
"ลุกขึ้น เชี่ยนหลี่i!"
นางเป็นหญิงชราวัยกลางคน นางมอง เชี่ยนหลี่แล้วพยักหน้า "ตอนนี้รู้ที่อยู่ เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่งแล้ว เขายังใช้ผลึกสวรรค์สังหาร เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต! เขากลายเป็นวีรบุรุษในหัวใจของทุกคน! ข้ากลัวว่าทุกคนจะเอนเอียงไปกับเขาตอนนี้! "
"แต่ถึงยังไงคนชั่วมันก็คือคนชั่ว ชายผู้นี้เจ้าเลห์เพทุบายและน่ารังเกียจ วิธีการของเขานั้นโหดร้าย เขาสังหารหมู่ สำนักวิชากู๋เจี้ยวซิน ทั้งหมดขโมยผลึกสวรรค์และศิลานิรันดร์ของข้า เขาต้องตอบแทนในสิ่งที่เขาได้ทำ! ต้องนำพวกมันกลับมาที่ สำนักกระบี่เซียน !! " หลงเชี่ยนหลี่ พึมพำ "ตอนนี้ข้าจะเดินมางไปเมืองธาตุไฟเพื่อตามหา เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง และจับกุมเขา!"
แปลไทยโดย : SwordGod