ตอนที่แล้วตอนที่ 124 สายเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 126 ร่างมนุษย์

ตอนที่ 125 สุสานอสูรราชันย์เยือกเเข็ง


ผ่านไปแล้วครึ่งวันหลังจากที่บินมาอย่างยาวนาน ฉางหยางคอยหันมองรอบๆอยู่เป็นพักๆ เพราะตั้งแต่พวกเขาเข้ามาในอาณาเขตสุสานอสูรราชันย์เยือกแข็ง อุณหภูมิมันก็ยิ่งลดต่ำลงทุกครั้งเมื่อบินเข้าไปใกล้

“เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม พวกเราจะถึงแล้ว” เฉินเซียงกล่าวเตือนฉางหยาง

ขนาดนางโคจรพลังลมปราณเพื่อป้องกันความหนาวเย็นยังไม่สามารถกันได้ แต่หนุ่มน้อยฉางหยางผู้นี้กลับไม่มีแม้ให้เห็นว่าหวาดกลัวต่อความหนาวเย็นของสถานที่แห่งนี้เลย

เพียงแค่พริบตาเท่านั้นบรรยากาศอันแสนอบเล็กน้อยเมื่อครู่หายไปทันใด มันถูกแทนที่ด้วยความหนาวเย็นสุดขั้ว ทั้งป่าและหุบเขาต่างๆ มากมายกลายเป็นน้ำแข็งไปทั้งหมด

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ฉางหยางถามออกด้วยความตื่นตะลึง เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะมีพลังที่น่าหวาดหวั่นดังเช่นเปลวเพลิงสีทองอยู่ในโลกแห่งนี้ด้วย

ถึงขนาดแช่แข็งทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นผลึกน้ำแข็งกินพื้นที่เกือบสามตารางกิโลเมตรเลยก็ว่าได้

ส่วนเฉินเซียงและคุณหนูของนางต่างก็สั่นสะท้านไปทั่วร่าง พวกนางไม่มีปราณธาตุเหมือนฉางหยางจึงทำให้ค่อนข้างแบกรับความหนาวเย็นที่ถาโถมเข้ามาใส่ไม่ได้

เฉินเซียงหันไปมองฉางหยางและรีบกล่าวอธิบายออกไป “ตามคำกล่าวที่เล่าขานมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ โดยว่ากันว่า ในสามแสนปีก่อนได้มีสัตว์อสูรตนหนึ่ง สามารถวิวัฒนาการเข้าสู่ร่างต้นกำเนิดสมบูรณ์ได้ ทว่าเท่านั้นมันยังไม่พอในเมื่อสัตว์อสูรตัวนั้นยังครอบครองสายเลือดต้องห้าม เยือกแข็งนิรันดร์”

“ด้วยความหวาดกลัวต่อสัตว์อสูรตนนี้ เหล่าผู้ฝึกวรยุทธที่สามารถเข้าสู่ปราณธรรมชาติต่างก็รวมมือกันเพื่อจะสังหารมันให้ได้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตายทั้งหมด เพราะไม่สามารถทนต่อความหนาวเย็นจากสายเลือดเยือกแข็งนิรันดร์ได้”

“ต่อมาสัตว์อสูรตัวนี้มันได้ออกกวาดล้างเหล่าผู้ฝึกวรยุทธทั่วทุกแห่ง จนกระทั่งมีบุรุษนิรนามสามคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขาทั้งหมดได้ร่วมมือกันต่อกรกับมันอยู่สี่วันสี่คืนเต็ม แต่ก็ไม่สามารถสังหารมันได้ เลยทำให้บุรุษนิรนามทั้งสามตัดสินใจใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามปิดผนึกมันไว้ในสถานที่แห่งนี้”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันคำขอของเจ้าสำนักรึผู้อาวุโสเซียง”

ฉางหยางมองเฉินเซียงสลับกับหญิงสาวลึกลับ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเล่าเรื่องตั้งแต่ยุคบรรพกาลให้ฟังด้วย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสัตว์อสูรตัวนั้นกัน

“มันต้องเกี่ยวอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่เจ้าต้องออกตามหามันอยู่ในสุสานอสูรราชันย์เยือกแข็ง”

ว่าแล้วเฉินเซียงหยิบตำราโบราณขึ้นมาให้ฉางหยางดู นางเปิดไปหน้าๆหนึ่ง ซึ่งมันเขียนเกี่ยวกับหยดน้ำสีฟ้าสวยงามเป็นประกาย นามนั้นคือหยดนิรันดร์

และส่วนมากจะเกิดในที่หนาวเย็นจัด ด้วยความเย็นอันมากล้นประกอบกับพลังลมปราณในธรรมชาติ และมันจะถูกกลั่นตัวจนกลายเป็นหยดนิรันดร์

“ท่านต้องการให้ข้าไปเก็บหยดนิรันดร์นี่นะ” ฉางหยางถามออกไปพร้อมมองเฉินเซียง เขาคิดว่าเจ้าสำนักต้องการซากศพของสัตว์อสูรตัวนั้นเสียอีก แต่ดันกลายเป็นแค่หาหยดน้ำเท่านั้น

“ใช่แล้ว... เจ้าต้องเก็บหยดนิรันดร์มาใส่ขวดแก้วอันนี้” เฉินเซียงพยักหน้าพร้อมยื่นขวดแก้วขนาดยักษ์ให้ฉางหยาง

รอยยิ้มเจื่อนๆ เผยออกมาทางใบหน้าของฉางหยางทันที สิ่งที่เขาเห็นมันไม่ใช่ขวดแก้วแล้ว เพราะขนาดมันใหญ่ถึงครึ่งเมตร แถมจะให้เขาไปหาหยดนิรันดร์มากมายขนาดนี้มาได้อย่างไร และถ้าหากฟังจากชื่อของมันแล้วน่ามีเป็นหยดๆ ไม่ใช่รึ

“เอ่อ....ท่านคงไม่ใช่ให้ข้าหามาใส่เต็มขวดนี่หรอกนะ” ฉางหยางถามเพื่อให้แน่ใจ

“แน่นอนต้องเต็มขวดสิ” เฉินเซียงตอบด้วยรอยยิ้ม

ฉางหยางสะท้านไปทั้งตัว ภายในใจลอบก้นด่าหนูน้อยตัวแสบอยู่หลายครั้ง บางทีคงจะเป็นนางคงจะอยากแก้แค้นเขาเมื่อตอนนั้นก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามเขาจะทำอะไรในเมื่อสมบัติล้ำค่าอย่างผลึกนภา ย่อมต้องแลกกับของที่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว ถึงปริมาณจะมากไปหน่อย ก็ใช่ว่าจะหามาไม่ได้เลยซะทีเดียว

หลังจากรับเอาขวดแก้วเก็บไว้ในแหวนมิติแล้ว ฉางหยางมองลงไปข้างล่างก็พบเข้ากับผู้อาวุโสรั่วซียืนมองมาทางพวกเขาอยู่ เฉินเซียงรีบบอกให้สัตว์อสูรของนางบินตรงไปยังประตูน้ำแข็งใหญ่ยักษ์

ประตูน้ำแข็งบานนี้มันก็ไม่ต่างจากประตูผลึกที่อยู่เขตแดนโบราณบึงมรณะสักเท่าไหร่นัก มันถูกสร้างขึ้นอย่างโดดเดี่ยวทามกลางทุ่งน้ำแข็งอันกว้างไกล

แต่ไอเย็นที่แผ่ออกมาจากประตูมันช่างรุนแรงกว่าถ้ำมารเยือกแข็งเสียอีก ทั้งสามกระโดดลงสัมผัสพื้นอย่างนุ่มนวล เฉินเซียงรีบเดินไปหารั่วซี และถามบางอย่างออกไป

“เป็นอย่างไรบ้าง”

“อืม..เจ้าไม่ต้องห่วง” รั่วซีตอบก่อนจะหันไปถามฉางหยางต่อ

“หนุ่มน้อยเจ้าเตรียมพร้อมรึยัง”

ฉางหยางพยักหน้าเล็กน้อย “ผู้อาวุโสข้าพร้อมแล้วเริ่มได้เลย”

เขาเดินตรงไปที่ประตูน้ำแข็งยักษ์ พลังลมปราณในร่างเริ่มโคจรเร็วขึ้นๆ ออร่าสีทองแผ่กระจายปกคลุมทั่วทั้งตัว รั่วซี เฉินเซียงและคุณของนางยืนดูด้วยความงุนงง พวกนางไม่เข้าใจว่าเขากำลังจะทำอะไรกันแน่

“หนุ่มน้อยเจ้ากำลังจะทำอะไรกันแน่” รั่วซีถามออกไป นางไม่เข้าใจว่าหนุ่มน้อยผู้นี้กำลังจะทำอะไร เพราะที่นางมารออยู่ก่อน ก็เพื่อเตรียมการจะเปิดประตูน้ำแข็งอันนี้ ซึ่งมันต้องใช้ทรัพยากรมากพอสมควร สำหรับการสร้างช่องว่างเล็กๆขึ้นมา

“พวกท่านไม่ต้องห่วงข้าแค่จะเปิดช่องว่างที่ประตูขึ้นมาเอง”

เพียงแค่สิ้นคำกล่าวของฉางหยาง สีหน้าของทั้งสามยิ่งไม่อยากเชื่อแม้แต่น้อย ว่าหนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้าของพวกนางจะสามารถทำลายประตูน้ำแข็งยักษ์นับแสนๆปีได้

ดวงตาสามคู่จ้องมองอย่างไม่คาดสายตา โดยเฉพาะหนึ่งในสามที่เคยเห็นเปลวเพลิงสีทองมาแล้ว ถึงตอนนั้นสัมผัสของนางจะถูกกลืนกินโดยผลึกทมิฬ แต่เปลวเพลิงสีทองสว่างสวยสดใสยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจของนางไม่จางหาย

ออร่าสีทองปกคลุมทั่วร่างของฉางหยางเริ่มควบแน่นกลายเป็นเปลวเพลิงสีทองลุกโหมกระหน่ำ ความร้อนอันมหาศาลเริ่มหลอมละลายน้ำแข็งโดยรอบ

หญิงสาวทั้งสามรีบกระโดดถอยห่างออกมา เนื่องจากความร้อนของเปลวเพลิงสีทอง มันได้แผดเผาผิวกายพวกนางจนแสบร้อนไปหมด

“ผู้อาวุโสแล้วข้าจะกลับมาพร้อมหยดนิรันดร์”

ฉางหยางยื่นมือไปสัมผัสประตูน้ำแข็งยักษ์อย่างแผ่วเบา ความร้อนจากเปลวเพลิงสีทองค่อยๆหลอมละลายน้ำแข็งลงช้าๆ ช่องว่างขนาดพอเหมาะเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินหายเข้าไปทันที ทิ้งให้เหลือแต่เพียงความว่างเปล่าภายในจิตใจพวกนางสามคน

“มันง่ายดายขนาดนั้นเลยรึ ทำเจ้าถึงไม่บอกว่าข้าว่าเขาสามารถเข้าไปได้ด้วยวิธีแบบนี้” รั่วซีเอ่ยถามสหายของนาง

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเปลวเพลิงสีอันนั้นมันจะน่ากลัวขนาดหลอมละลายประตูน้ำแข็งได้” เฉินเซียงตอบ

“เอาเถอะ...ถึงอย่างไรเขาก็สามารถเข้าไปได้แล้ว” ความหวังของนางอยู่กับเขาแล้ว หากสามารถหาหยดนิรันดร์มาได้ ปราณต้องสาบที่ติดตัวมาแต่เกิดของนางคงจะหาย และเมื่อนั้นนางคงจะใช้มันได้ดั่งใจปรารถนา

หลังจากเข้ามาในสุสานอสูรราชันย์เยือกแข็งแล้ว ฉางหยางกวาดสายตาไปรอบๆ พลังลมปราณลมปราณภายในร่างของเขายังโคจรอยู่ตลอดเวลา

ข้างหน้าของเขาทุกอย่างถูกแช่แข็งไปทั้งหมด เหมือนกับที่เขาบินผ่านมาเลย แต่ข้างในนี้กลับหนาวเย็นยิ่งกว่าข้างนอกประตูหลายเท่านัก

“แล้วข้าจะหาหยดนิรันดร์ได้อย่างไร” เพราะพื้นที่ข้างในประตูน้ำแข็งยักษ์ มันกว้างยิ่งกว่าเขตแดนโบราณมาก และยังมีภูเขา ป่าไม้อีกมากมายรายล้อมรอบๆ จึงทำให้ยากต่อการค้นหา

“ลองบินดูจากบนแล้วกัน” ฉางหยางเรียกเฉินตี้ออกมา และบอกให้กลับร่างเดิมก่อนจะบินขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา

พวกเขาทั้งสองได้บินวนอยู่นานอยู่นาน แต่ก็ไม่หยดนิรันดร์หรือแม้กระทั่งสัตว์อสูรที่ผู้อาวุโสเซียงกล่าวถึงเลย มีเพียงความว่างเปล่ากับผลึกน้ำแข็ง

ระหว่างที่บินอยู่นั้นเองเฉินตี้สัมผัสได้ถึงบางอย่างเข้า มันรีบบินมุ่งหน้าไปทางภูเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งฉางหยางได้บินหาแล้ว

“เฉินตี้เจ้าจะไปไหนกัน ทางนั้นพวกเราบินหามันหมดแล้ว”

ฉางหยางกล่าวจบเพียงไม่นาน เสียงเก่าแก่โบราณก็ดังตามติดขึ้นมา

“ผู้สืบทอดแห่งราชันย์... ข้ารอคอยเจ้ามาเนิ่นนานยิ่งนัก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด