AST บทที่ 174 - อีกเพียงครึ่งก้าวของระดับเทวะเซียนเทียน ชางห่าย หมิงเยวี่ย!!!!
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 174 - อีกเพียงครึ่งก้าวของระดับเทวะเซียนเทียน ชางห่าย หมิงเยวี่ย!!!!
ห่าวหยุนลิ่วลี่รู้สึกเขินอายและยังคงทิ้งรอยยิ้มอันยั่วยวนใจเอาไว้บนใบหน้า
"ข้ามีห้องพักที่พร้อมใช้งานอยู่เล็กน้อย เจ้าสามารถเลือกที่ที่เจ้าต้องการจะอยู่ได้ ส่วนเรื่องเงินเดี๋ยวข้าจะส่งมันให้กับเจ้าในตอนหลัง"ห่าวหยุนลิ่วลี่เอนเอียงใบหน้าคิดถูกย้อมเป็นสีชมพูของเธอเล็กน้อย
"ฮ่าๆๆ เขาจะโชคดีจริงๆที่ได้เจอกับคนที่รู้จัก อีกทั้งมันทำให้ข้ามีอาหารและที่พักเพื่อใช้ในการฝึกฝนและข้าอาจจะได้ใช้เวลาในยามข้ามคืนร่วมกับสตรีที่อาจกลายเป็นครอบครัว!!!"
"ปากของเจ้านี่มันช่าง…… มันยิ่งทำให้เจ้าดูแย่"ห่าวหยุนลิ่วลี่ใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าว
"เออ ใช่ ข้าเองก็ตระหนักได้ว่าเราเองยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับข้า ตอนนี้เจ้าสะดวกที่จะเล่าประสบการณ์ที่รุ่งเรืองในอดีตและประสบการณ์ชีวิตของเจ้าบ้างไหม?"ชิงสุ่ยยังคงรู้สึกประหลาดใจเมื่อคิดว่าห่าวหยุนลิ่วลี่เป็นนายใหญ่แห่งดินแดนสุริยโลก ตอนที่เขาได้เจอกับห่าวหยุนลิ่วลี่ครั้งนั้นเขาอยู่ที่เมืองร้อยไมล์ ตอนนั้นเขาเองก็ยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่แปลกประหลาด
เธอยังคงมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ยั่วยวน " ประสบการณ์ที่รุ่งเรืองในอดีตและประสบการณ์ชีวิตคืออะไร ที่ข้ามาถึงจุดจุดนี้ได้เป็นเพราะอาจารย์ที่ดีเลิศของข้า เธอเพียงแค่หลงไหลในตัวของข้าจริงๆ"
"อาจารย์ของเจ้าของจะเป็นคนที่น่ายำเกรง? เจ้าช่างโชคดีจริงๆ ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเจ้าคงจะไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป และคงจะเป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่ง แล้วทำให้กลายเป็นผู้ปกครองดินแดนสุริยโลกแห่งนี้โดยง่าย"ในตอนแรกชิงสุุ่ยพยายามจะโยงเข้าไปถึงเรื่องที่ห่าวหยุนลิ่วลี่สามารถสังหารกลุ่มคนผู้ที่หยิ่งผยองได้ในที่สาธารณะ แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนความคิด
"แน่นอน เธอเป็นคนที่มีพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์ ฮ่าๆๆๆ…..!"ห่าวหยุนลิ่วลี่ หัวเราะออกมาเสียงดัง
"ทำไม มันตลกนักหรือ?"ชิงสุ่ยถามด้วยความรู้สึกแปลกไป
"เปล่าหรอก ข้าเพียงแค่อยากจะหัวเราะ ถ้าเจ้าได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงหลักของอาณาจักรชางหลาง เจ้าคงไม่คิดจะถามคำถามนี้อีกแน่นอน"ห่าวหยุนลิ่วลี่จ้องมองชิงสุ่ย
"ทำไมกัน?"ชิงสุ่ยพยายามหลีกเลี่ยงการจ้องมองที่ยั่วยวนของห่าวหยุนลิ่วลี่ขณะที่เขาเอ่ยถาม
"เพราะว่าอาจารย์ของข้าคือ ชางห่าย หมิงเยวี่ย!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวออกมาพร้อมท่าทางที่เต็มไปด้วยความสง่างามและภาคภูมิใจบนใบหน้าของเธอ
" ใครคือ ชางห่ายหมิงเยวี่ย? เธอเป็นคนมีชื่อเสียงหรือ? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย"ชิงสุ่ยเหลือบมองห่าวหยุนลิ่วลี่ด้วยอาการงุนงง
"ข้ารู้ว่าเจ้าคงยังไม่ได้ยินชื่อเสียงของเธอมาก่อน เธอคงเป็นผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวในอาณาจักรชางหลางที่ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดเพียงครึ่งก้าวของระดับเทวะเซียนเทียน!! เจ้าคิดว่าอาจารย์ของข้านั้นมีพลังอำนาจมากเพียงพอหรือเปล่าล่ะ?"ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวล้อเลียน
ชิงสุ่ยตกอยู่ในอาการตกใจ แม้แต่นิกายที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรชางหลาง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายอย่างไป๋ลี่จิงเว่ยเอง ก็ยังเป็นเพียงคนที่อยู่ในระดับเทวะเซียนเทียน ขั้นที่ 8 ซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าไป๋ลี่จิงเว่ยคงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรชางหลาง แม้ว่าเขาเองจะไม่รู้ระดับการจัดอันดับของผู้ฝึกตน แปลงน้อยในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ายังมีบางคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าไป๋ลี่จิงเว่ยที่อยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนขั้นที่ 8
คนที่อยู่ในขั้นที่ 10 ของระดับเทวะเซียนเทียนคือบุคคลที่ใกล้จะบรรลุในระดับปราณเทวะกษัตริย์ แต่ละขั้นจะฝึกฝนด้วยระดับความยากที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตั้งแต่ขั้นที่ 1 จนถึงขั้นที่ 10 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นที่ 10 ตัวอย่างเช่น ชิงหลัวที่อยู่ในจุดสูงสุดครึ่งก้าวของระดับโฮ่วเทียน ตัวของเขาเองนั้นก็ติดอยู่ที่จุดๆนั้นเป็นเวลามาไม่ต่ำกว่า 20 ปี ไม่เพียงเท่านั้น ผู้คนมากมายก็ไม่อาจที่จะก้าวเข้าสู่จุดระดับโฮ่วเทียนได้เหมือนกัน แม้ว่าพวกเขาจะอุดมไปด้วยเคล็ดวิชาแม้กระทั่งตัวยาเองก็ตามที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนา แต่ระดับการก้าวหน้านั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเขาอีกด้วย
ไม่เพียงแต่เฉพาะระดับปราณบัญชาสวรรค์ หรือระดับปราณเทวะเซียนเทียน และแม้กระทั่งปราณเทวะกษัตริย์ จนถึงปราณนักบุญพิโรธ จุดสูงสุดของระดับปราณจะเป็นส่วนที่ยากที่สุด อย่างไรก็ตามมันก็คุ้มค่ามากพอที่จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้รับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว
"อาจารย์ของเจ้าเข้าร่วมนิกายใดกัน? และนิกายของเธอนั้นอยู่ในอาณาจักรชางหลางแห่งนี้หรือไม่?"ชิงสุ่ยพยายามรวบรวมความคิดขณะที่เอ่ยถามออกไป
"ฮ่าๆๆ ข้าเองก็ไม่กล้าถามมากเกินไปในเรื่องราวของอาจารย์ของข้า อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ค่อยปรากฏตัวในอาณาจักรชางหลางแห่งนี้ เธอเคยบอกกับข้าว่าเธอมักจะบินไปรอบๆมหาทวีปเมฆามรกต แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าแผนการของเธอนั้นคืออะไร"ห่าวหยุนลิ่วลี่พยายามปาดเส้นผมของเธอขึ้นไปทัดหูของเธอ มันเผยให้เห็นหูที่ขาวใส่ราวกับผนึกขาว
"วิธีการที่จะสามารถเดินทางไปทั่วมหาทวีป ก็คงจะต้องมีสัตว์บินได้ ค่าใช้เวลานับ 2 เดือนกว่าจะเดินทางมาถึงอาณาจักรชางหลาง"ชิงสุ่ยตัดท้อด้วยความเศร้าโศก
"เออใช่ อาจารย์ของข้าเคยบอกว่าเธอจะให้ของขวัญแก่ข้าเป็นสัตว์อสูรมีปีกระดับเทวะเซียนเทียน ใน 3 ปีนี้ข้าคงจะต้องฝึกการใช้งานสัตว์อสูร และเมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะไปส่งเจ้าในทุกๆที่ไม่ว่าเจ้าจะต้องการไปไหน ตกลงไหม?"
"แน่นอนอยู่แล้ว ข้าตกลง ถ้าหากข้าได้เดินทางไปพร้อมกับโฉมงาม ข้าก็คงไม่ขอสิ่งใดเพิ่มแล้ว"
ห่าวหยุนลิ่วลี่ "..........................."
ชิงสุ่ยอยู่ในห้องที่คล้ายคลึงกับห้องของห่าวหยุนลิ่วลี่ แม้ว่าตอนนี้มันยังเป็นเวลาพลบค่ำ ตัวของชิงสุ่ยก็กำลังนอนสบายอยู่บนเตียง
ในใจของเขายังคงคิดถึงท่าทางที่น่าดึงดูดใจของห่าวหยุนลิ่วลี่ ภาพหญิงสาวในชุดคลุมสีม่วง ตัวเขาเองยังคงจินตนาการถึงตอนที่เขาได้ใช้มือของเขาลูบคลำไปทั่วร่างกายของห่าวหยุน
"ความแข็งแกร่ง!!! ข้าต้องการพลังมากกว่านี้!!!"ชิงสุ่ยกลับเข้าไปฝึกฝนในดินแดนหยกยุพราชอมตะ
ด้วยความเพียรพยายามของชิงสุ่ย เหล่าสมุนไพรเติบโตขึ้นเป็นพิเศษในดินแดนห้วงมิติของเขา ปลาาดำและเต่า ต่างกระจัดกระจายไปทั่วทะเลสาบ และพลังงานที่พวกมันปล่อยออกมายิ่งดูแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน ส่วนเต่าสมุนไพรทองคำยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เบื้องล่างของทะเลสาบแห่งนี้ โดยที่ปลาดำและเต่าดำไม่กล้าที่จะเข้าใกล้และก่อกวน
หลังจากที่ชิงสุ่ยถูกขับออกจากดินแดนห้วงมิติของเขา เขาก็นึกถึงผลไม้แห่งศักยภาพที่เขาได้ประมูลมาด้วยเงินทั้งหมด หลังจากที่อยู่มันออกมารูปร่างของมันนั้นคล้ายกับผลของแอปเปิ้ล ทั้งเรียบและเงาวาว ไร้ข้อบกพร่องใดๆ ด้วยความตื่นเต้นชิงสุ่ยก็เริ่มใช้พลังของเขาในการแบ่งผลไม้แห่งศักยภาพออกเป็นครึ่งหนึ่งในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด
"เออ ไม่มีเมล็ด?"ชิงสุ่ยเองค่อนข้างผิดหวังอย่างมาก ถ้ามันมีเมล็ด เงิน 300,000 เหรียญเงินของเขาจะคุ้มค่าอย่างมาก
"เงินทองเป็นของนอกกาย ไม่ตายข้าก็หากลับมาใหม่ได้เสมอ"ชิงสุ่ยกัดฟันปลอบโยนตัวเอง
เงิน 300,000 เหรียญเงินของเขาที่ได้ใช้จ่ายไปในครั้งนี้ มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยไม่ต้องการสูญเสียแม้แต่ชิ้นส่วนเดี่ยวออกไป ถึงแม้ว่ามันจะเป็นยาพิษ เขาก็ยังคงจะกินมันเข้าไป เขาค่อยๆอ่าปากและกินผลไม้ชิ้นนั้นเข้าไป มันมีกลิ่นหอมและค่อนข้างจะกรอบ ความหวานเอ่อล้นเต็มปาก ก่อนที่เขาจะเริ่มกัดมันเข้าไป 3 ใน 5 ส่วน
"ไม่มีปฏิกิริยา?"หลังจากรอจนเกือบครึ่งวัน ชิงสุ่ยเองก็ยังคงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
ไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านพละกำลัง ความว่องไว ความอดทน แม้กระทั่งสายตาหรือการรับรู้ได้ยิน…….ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน หรืออาจเป็นเพราะว่าผลกระทบของผลไม้แห่งศักยภาพไม่มีอำนาจมากเพียงพอ?
ในขณะที่ชิงสุ่ยตกอยู่ในภาวะอารมณ์ซึมเศร้า จู่ๆเขาก็ค้นพบว่าระดับพลังจิตวิญญาณของเขานั้นมีการเปลี่ยนแปลงไป มันเหมือนกับหน้าต่างที่ถูกเปิดออก ประสาทสัมผัสทางพลังปราณของเขา สามารถตรวจพบตำแหน่งที่แท้จริงของห่าวหยุนลิ่วลี่ที่อยู่ในห้องของเธอได้
ราวกับว่าเขากำลังอยู่ในห้องของเธอ แม้ว่าเขาจะเห็นเพียงแค่เงาของห่าวหยุนลิ่วลี่ ทุกอย่างมันดูเหมือนภาพแห่งความฝัน สิ่งที่เขามองเห็นนั้นตั้งปลุกเคลือบด้วยภาพเบลอ แม้ว่าเขาจะมองเห็นร่างของเธอที่กำลังนอนอยู่บนเตียง แต่เขาก็ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนแบบเดียวกับที่ดวงตาใช้มองได้
"ความรู้สึกทางด้านพลังปราณและจิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างรุนแรง?"หัวใจของชิงสุ่ยกำลังเต้นอย่างมีความสุข
ความแข็งแกร่งทางด้านจิตวิญญาณนั่นหมายถึงว่าพลังจิตวิญญาณของเขานั้นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สำหรับผู้ฝึกตนพลังจิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ยากที่สุด หลายคนยังติดอยู่ขั้นปลายของระดับโฮ่วเทียนและเทวะเซียนเทียนเพราะพวกเขามีพลังจิตวิญญาณไม่เพียงพอ ครั้งหนึ่งเมื่อชิงสุ่ยมันรู้ระดับขั้นที่ 4 ของเคล็ดวิชากายาบรรพกาล จิตวิญญาณของเขานั้นก็ส่งเสริมให้พลังปราณของเขาสามารถโคจรได้ถึง 49 รอบ ซึ่งมันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาสามารถรอดพ้นความตายจากหมูป่าทองคำ สิ่งเหล่านั้นทำให้จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นจนทำให้บรรลุระดับเทวะเซียนเทียน