AST บทที่ 173 - ผิวที่แสนนุ่ม ยาเม็ดระดับราชันย์
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 173 - ผิวที่แสนนุ่ม ยาเม็ดระดับราชันย์
ห่าวหยุนลิ่วลี่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาที่งดงาม โดยเฉพาะเมื่อชิงสุ่ยเริ่มพูดออกมามันยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัด "เมื่อเร็วๆนี้ ข้ารู้สึกปวดเอวและเริ่มเจ็บบริเวณขา ดังนั้นข้าจึงขอลงโทษเจ้าด้วยการให้เจ้านวดให้ข้า"
ในขณะที่เหงื่อหยดลงบนใบหน้าของชิงสุ่ย มันก็ทำให้ห่าวหยุนลิ่วลี่รู้สึกหดหู่ใจไม่เห็นภาพเหล่านั้น "ไอ้คนพาล ข้าแค่เพียงขอให้เจ้านวดให้ข้า มันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?"
"เจ้าต้องการให้ข้านวดจริงๆ หรือ?"ชิงสุ่ยเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและเขาก็เริ่มตระหนักว่าเขานั้นไม่สามารถตามความคิดของหญิงสาวคนนี้ได้ทัน เธอเป็นหญิงสาววัยเจริญพันธ์ที่มีเสน่ห์ราวปีศาจ ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะชอบผู้ชายเช่นเขา ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอนั้นคล้ายกับอาจารย์เทพธิดา และหญิงสาวผู้ที่อยู่บน แร้งอัสนีปีกทองคำ ซึ่งทั้งสองคนนั้นเปรียบดั่งเทพธิดาแต่เธอนั้นเปรียบดังราชินีปีศาจ
"อืม แน่นอน"ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวด้วยความรู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่ทุกคำพูดของเธอนั้นต่างส่งเสริมความมีเสน่ของเธอ
"เข้าใจละ ถ้าอย่างนั้นข้ามีเคล็ดการนวดที่ดีกว่าการนวดทุกแบบ แต่นี้จะเป็นการนวดครั้งแรกของข้าที่นวดให้กับผู้หญิงของข้า"ชิงสุ่ยระลึกได้ว่าหลังจากเข้าใจในเคล็ดวิชาการปรุงยา นอกเหนือจากเว็บวิชาฝังเข็มและการปรับแต่งร่างกาย มันยังมีเคล็ดวิชาเกี่ยวกับด้านกระดูกอีก และมันก็ควรจะใช้ในการนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระดูก ซึ่งมันจะช่วยปรับแต่งและพัฒนาศักยภาพของแต่ละบุคคลโดยการเลือกใช้รูปแบบในการนวด
ห่าวหยุนลิ่วลี่ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดที่เห็นด้วยของชิงสุ่ย คำพูดที่เต็มไปด้วยความเกี่ยวพาราสียิ่งทำให้แก้มของเธอแปรเปลี่ยนสีแดง และสุดท้ายเธอก็ลุกขึ้นยืนและมองมาทางชิงสุ่ย "มานี้เลย!!!"
ชิงสุ่ยไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่แสดงออกของห่าวหยุนลิ่วลี่ และเขาก็เดินตามเธอไปห้องที่อยู่ในสุดตามคำขอร้องของเธอ
เมื่อเขามองไปทางสรีระร่างกายและสภาพบรรยากาศบริเวณโดยรอบ มันทำให้ชิงสุ่ยโดนครอบงำโดยรูปร่าง เส้นโค้งของสะโพก ขาที่เรียบเนียนและเรียวยาว บั้นท้ายและเอวที่ดูเต่งตึงและกระปรี้กระเปร่า
ชิงสุ่ยเองก็ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่กัน ที่เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเขานั้นชอบมุมมองด้านหลังของสุภาพสตรีโฉมงดงาม มันช่างเหมือนกับความน่าเสียดายในตัวของอวี้เหอที่เขาได้สร้างสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนออกไป
เมื่อเข้าไปภายในห้อง ชิงสุ่ยก็เริ่มมองเห็นเป็นห้องนั่งเล่นขนาดเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศที่ดูอบอุ่นราวกับอยู่ในความฝัน ความรู้สึกแรกเริ่มที่เข้ามาในที่แห่งนี้ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกได้ว่ามีผู้ชายเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้เข้ามาในอยู่ตรงนี้
แม้ว่าห้องนั่งเล่นแห่งนี้จะไม่มีขนาดใหญ่ แต่มันกับประดับประดาไปด้วยเครื่องใช้จำนวนมาก เบาะนั่งสำหรับเดี่ยว เบาะนั่งสำหรับคู่ เบาะนั่งสำหรับ 3 คน และเบาะนั่งขนาดใหญ่คล้ายเตียงนอนขนาดเล็ก ทุกอย่างล้วนเป็นสีม่วงแม้แต่ผนังและพื้นก็ยังเป็นสีม่วงเช่นกัน ซึ่งมันทำให้ห้องนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ชั้นบน
"จะให้ข้านั่งหรือว่าให้ข้านอนดีล่ะ?"ห่าวหยุนลิ่วลี่ก้มหน้าลงก่อนที่จะกล่าวมา
"มันจะดีกว่าถ้าหากเจ้านอนคว่ำหน้าลง"ชิงสุ่ยเรายังงุ่มง่าม ในตอนนี้เขาอยู่ในห้องที่มิดชิด ในขณะที่สุภาพสตรีโฉมงามกำลังนอนคว่ำหน้าลงบนท้องของเธอ
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ยใบหน้าของห่าวหยุนลิ่วลี่ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสดอีกครั้ง มันยิ่งทำให้เธอดูงดงามยิ่งขึ้นภายในห้องสีม่วงแห่งนี้ และมันทำให้ชิงสุ่ยตกอยู่ในอาการอึ้งตะลึงอีกครั้ง
ห่าวหยุนลิ่วลี่ค่อยๆล้มตัวลงบนเก้าอี้เบาะที่ใหญ่ที่สุด ชุดสวมใส่สีม่วงเมื่อรวมกับบรรยากาศลบรอบผนังและเพดาน ในตอนนี้มันเราก็เป็นภาพวาดที่สวยงามที่สุดของความงาม!!!
ชิงสุ่ยหายใจเข้าลึกลึกแล้วพยายามยับยั้งการเต้นของหัวใจที่รุนแรง เขาค่อยๆนั่งลงที่ด้านข้างของเก้าอี้และยื่นมือออกมา วางมือบนบ่าที่งดงามของห่าวหยุนลิ่วลี่
แม้ว่าจะมีชั้นของผ้าฝ้ายสีม่วงจากชุดของเธอ แต่ชิงสุ่ยเองจะรับรู้ถึงผิวที่เรียบเนียนจนถึงกระดูกของเธอ จากนั้นชิงสุ่ยก็เริ่มโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชาเสริมกายาบรรพกาลเข้าสู่เคล็ดวิชาการนวดผู้ปลดปล่อยตามจุดลมปราณและข้อต่อ ตามที่ชิงสุ่ยจำได้
"อร๊ายยย!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่ร้องครวญครางออกมาก่อนที่เธอจะพยายามกัดฟันและกดใบหน้าที่งดงามของเธอลงบนเบาะนุ่ม
ชิงสุ่ยค่อยๆนวด เมื่อเขามาถึงจุดจุดนี้ ชิงสุ่ยเองก็แทบจะลืมเลือนบรรยากาศรอบตัว ก่อนที่มือเขาจะขยับลงมาจากไหล่ และค่อยๆเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
รูปลักษณ์ของห่าวหยุนลิ่วลี่แม้ว่าเธอจะนอนราบแต่มันก็ไม่ได้ลดความงดงามลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นโค้งบริเวณเอวเล็กๆของเธอที่เชื่อมต่อกับบั้นท้ายที่เต่งตึง มันยิ่งทำให้มือของชิงสุ่ยสั่นไม่เป็นจังหวะ
ห่าวหยุนลิ่วลี่กำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองลืมเลือนไปจากสถานที่แห่งนี้ เธอค่อนข้างอ่อนเพลียแล้วมึนงงเหมือนกับว่ากระดูกทั้งหมดของเธอหายไป เธอรู้สึกสบายใจอย่างมากจนบางครั้งเธอก็ปล่อยเสียงครวญครางออกมาและปล่อยให้ตัวเองจินตนาการรากับสัตว์ป่า แต่อย่างไรก็ตามเสียงร้องของเธอก็ถูกยับยั้งลงอย่างรวดเร็ว
มือของชิงสุ่ยกำลังเริ่มสัมผัสบั้นท้ายที่กลมมนและเต่งตึง ความรู้สึกที่สัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความเรียบเนียนและความตื่นเต้นอันน่าอัศจรรย์ใจมันทำให้มือเขาหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง และเพียงช่วงเวลาสั้นๆเขาก็ฟื้นคืนจิตใจและเริ่มนวดต่ออีกครั้ง
เมื่อมือของชิงสุ่ยเริ่มกดลงบนยอดบั้นท้ายของห่าวหยุนลิ่วลี่ มันก็เริ่มตึงและเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันจึงทำให้ชิงสุ่ยเริ่มสงสัยแล้วว่ามันเกิดจากผลของการนวด หรือเกิดจากเหตุผลอื่น
และสุดท้ายมันผ่านบั้นท้ายที่งดงามของเธอไป และเริ่มต้นที่ต้นขาที่มีจุดรับรู้ความรู้สึกที่อ่อนไหวมาก ห่าวหยุนลิ่วลี่ไม่เหลือแรงพอที่จะต่อต้าน ตอนนี้เธอนั้นไม่สามารถหยุดยั้งความรู้สึกที่แสนสบายดีดาย ซึ่งก่อนหน้านี้เธอต้องการให้ชิงสุ่ยหยุดการนวดนี้ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนที่เขากำลังนวดบริเวณบั้นท้ายของเธอ และในตอนนี้ความรู้สึกสบายทำให้เธอสูญเสียตัวเองและกำลังตกอยู่ในอารมณ์มันน่าพิสมัย จะเริ่มทำให้เธอเกิดความลังเลขึ้นในใจ
ตั้งแต่การนวดบริเวณบั้นท้ายจบลง ห่าวหยุนลิ่วลี่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เรียกร้องให้หยุดอีกต่อไป อย่างไรก็ตามเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นนวดบริเวณต้นขาของเธอ ตอนนี้เธอเองรู้สึกเกลียดความรู้สึกนี้ มากกว่าในตอนที่เธอถูกนวดบริเวณบั้นท้าย ทำให้ร่างกายของเธอนั้นสูญเสียตัวตนและทำให้เธอต้องปลดปล่อยเสียงร้องที่น่าอับอายออกมา
เสียงร้องควรญครางยังคงออกมาอย่างเป็นจังหวะ จะหยดเหงือกบนหน้าผากของชิงสุ่ยก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ถ้าหากเขาสามารถยับยั้งชั่งใจและไม่ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ เขาเองคงจะออกจากที่แห่งนี้ไปนานแล้ว
เมื่อชิงสุ่ยเริ่มคว้าลงบริเวณข้อเท้าที่ถูกปิดโดยถุงน่องยาวของเธอ ห่าวหยุนลิ่วลีเนยใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอขึ้นและมองไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ย "เจ้าทำให้ข้าเกิดอารมณ์ แต่ตอนนี้ข้านั้นไม่เหลือแรงอีกแล้ว"
ชิงสุ่ย ยิ้มและเธอก็พยายามเงยตัวของเธอขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นห่าวหยุนลิ่วลี่ก็ยังคงไม่กล้ามองสบตากับชิงสุ่ยเพราะเธอเองยังคงจำได้ถึงความรู้สึกที่เสียวซ่าน ความรู้สึกสบาย และเสียงร้องควรญครางที่น่าเกลียด ซึ่งเธอเองก็พยายามเอาชนะความอัปยศนี้
"เป็นอย่างไรบ้าง? ตอนนี้เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง? โดยเฉพาะตอนที่ข้านวดผ่อนคลายความเจ็บปวดบริเวณเอวและต้นขาของเจ้า"ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและกล่าวออกมา ในตอนที่เขาเอามือขึ้นมาถูจมูก เขาเองก็ได้กลิ่นหอมของดอกบัวสีแดง
เมื่อห่าวหยุนลิ่วลี่มองเห็นชิงสุ่ยกำลังดมกลิ่นที่มือของเขา เธอก็ลดใบหน้าลง เมื่อครั้งนั้นพึ่งสัมผัส บั้นท้ายของเธอ คนเจ้าชู้คนนี้ช่างแย่จริงๆ
" ข้าขอขอบคุณ ในตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน อีกทั้งข้ายังรู้สึกสบายอย่างมาก"ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ในตอนนี้เธอได้รู้สึกว่าชายเจ้าชู้คนนี้ได้พยายามใช้ประโยชน์จากร่างของเธอ ในตอนที่เธอให้เขานวด เขาได้ใช้โอกาสตรงนี้สัมผัสทั้งแผ่นหลังและบั้นท้ายของเธอในทันที
ห่าวหยุนลิ่วลี่ฟื้นคืนภาพเหตุการณ์ตอนที่เธอได้พบกับเขาที่เมืองร้อยไมล์ ในตอนนี้เขาได้ทำตัวหยาบคายต่อหน้าเธอ!!!
"ดูเหมือนว่าเจ้าไม่สามารถเก็บความคิดอันน่ารังเกียจของเจ้าที่มีต่อข้าได้ ใช่หรือไม่?"
"จุ๊ๆ!!! เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง"
"นี่มันไม่เล็กน้อยเลย ไม่เล็กน้อยแม้แต่นิดเดียว!!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่ยังคงนึกถึงภาพที่ชิงสุ่ยได้กระทำต่อเธอ
"ไม่ต้องเขินอายหรอก ฮ่าๆๆๆ"
เมื่อห่าวหยุนลิ่วลี่นึกถึงภาพที่เธอมอบหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิง จู่ๆชิงสุ่ยก็เริ่มกล่าวคำพูดออกมา
"พี่สาว เจ้ายังจำเวลาที่เจ้ามอบหม้อกลั่นยาเหล็กทองคำประกายเพลิงให้ข้าเป็นของขวัญได้หรือไม่?"
หัวใจของห่าวหยุนลิ่วลี่เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เมื่อเธอได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย เพราะสิ่งที่หนุ่มน้อยคนนี้คิดเป็นสิ่งเดียวกับที่เธอกำลังคิด หรือว่าตอนนี้พวกเขากำลังมีหัวใจที่เชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว?
"ครั้งหนึ่งเจ้าเคยบอกว่า ข้าต้องห้ามลืมเจ้า ถ้าหากวันใดวันนึงข้าได้กลายเป็นนักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่"
ห่าวหยุนลิ่วลี่พยายามสรุปและกล่าวออกมาหลังจากที่เธอได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย
"ทำไมล่ะ หรือว่าเจ้าได้กลายเป็นนักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่ที่ประสบความสำเร็จแล้ว?"ตอนนี้ห่าวหยุนลิ่วลี่เริ่มรู้สึกถึงความลึกลับในตัวของชิงสุ่ยซึ่งมันเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยาก
"ข้ายังคงห่างไกลจากคำว่านักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่ เพียงเพราะข้านั้นไม่ได้มีสมุนไพรหรือใบส่วนประกอบที่ข้าต้องการ ซึ่งหนทางที่ไปสู่จุดนั้นมันยังคงอีกยาวไกล แต่อย่างไรซะข้าเองก็สามารถกลั่นยาชนิดพิเศษและสามารถแบ่งปันให้กับพี่สาวได้เสมอ"
เป็นเพราะว่าเขาได้รับของขวัญอันล้ำค่า เขาจึงตอบแทนด้วยการส่งมอบบางสิ่งบางอย่างให้กับเธอ ชิงสุ่ยส่งผลเสริมปราณและผลเสริมความว่องไวรยาเม็ดโฟมขนาดเล็กจำนวน 2 เม็ดสู่มือของห่าวหยุนลิ่วลี่
ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าคนที่ได้รับผลไม้เหล่านี้ไปต่างรู้จักผลของมันดี ซึ่งเธอเองก็รู้จักในชื่อผลอัคคีเสริมปราณและผลวายุกระจ่าง
เมื่อห่าวหยุนลิ่วลี่รับสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการจะมอบให้กับเธอ มันยิ่งทำให้เธอมีความสุข และเมื่อเธอตระหนักถึงผลลัพธ์ของยาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็ก มันยิ่งทำให้เธอจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความประหลาดใจ
"ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะเพิ่งปรับแต่งยาเม็ดระดับราชันขั้นแรกออกมา มันช่างไม่น่าเชื่อจริงๆ ข้าควรเรียกเจ้าว่าอัจฉริยะ หรือว่าปีศาจดีล่ะ?"ดวงตาที่งดงามของห่าวหยุนลิ่วลี่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและสอดแทรกไปด้วยความประหลาดใจ
ชิงสุ่ยเองก็ไม่คาดคิดว่ายาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็กที่เขาสร้างขึ้นนั้นจะถูกพิจารณาอยู่ในระดับยาเม็ดราชันย์ขั้นแรก แล้วถ้าหากเขาสามารถกั้นยาเม็ดฟื้นฟูมหัศจรรย์ออกมาได้มันควรจะอยู่ในขั้นไหนกันแน่?
"เจ้าแยกหมวดหมู่ของยาเม็ดได้อย่างไร" ชิงสุ่ยจึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่าห่าวหยุนลิ่วลี่จะต้องรู้จักยาเม็ดที่แตกต่าง เนื่องจากเธอสามารถบอกได้ว่ายาเม็ดนี้จะต้องเป็นยาเม็ดระดับราชันย์ขั้นแรก
"ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ได้ยาเม็ดที่มีคุณสมบัติที่ถือว่าเป็นยาเม็ดระดับราชันย์ขั้นที่หนึ่งนั้น ส่วนมากจะมีลักษณะเป็นการเพิ่มเปอร์เซ็นความสามารถโดยรวม เช่นระดับที่ 1 ความสามารถขึ้น 10% ระดับที่ 2 เพิ่มความสามารถขึ้น 20% จนไปถึงระดับที่ 10 ที่เพิ่มความสามารถขึ้นเป็น 100 %"ห่าวหยุนลิ่วลี่หัวเราะพร้อมกับกล่าวออกมา
"แล้วถ้าเป็นยาเม็ดละดับจักรพรรดิล่ะ"ชิงสุ่ยเองก็รู้สึกสงสัย
"ใครก็ไม่รู้ เพราะในอาณาจักรชางหลางแห่งนี้ยังไม่มีนักปรุงยาที่สามารถกลั่นยาเม็ดระดับจักรพรรดิออกมาได้"
เมื่อห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวถึงจบประโยค เธอก็มองเห็นชิงสุ่ยที่กำลังประหลาดใจ เธอเองก็รู้สึกตกตะลึงเป็นเวลาสั้นๆก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาว่า "เจ้าบรรลุระดับเทวะเซียนเทียนเมื่อไหร่กัน?"
"ข้าเองก็ยังคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีพรสวรรค์พิเศษ เจ้าสามารถเป็นนักปรุงยาที่อยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนตั้งแต่วัยหนุ่ม"ห่าวหยุนลิ่วลี่ยิ้มก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืน
"พวกเรายังไม่ได้เริ่มพูดคุยเรื่องหลักเลย และนี่ก็เป็นเวลาใกล้มืดแล้วด้วย"ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะกล่าวถึงประเด็นหลักที่ได้ตกลงกัน
"เจ้าดูเหมือนจะหิว ว่าแต่ปกติเจ้าปรุงอาหารรับประทานเองหรือเปล่า?"ชิงสุ่ยยิ้มให้กับโฉมงามที่อยู่ด้านข้างของเขา
ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวยังไม่สุภาพว่า "พี่สาวของเจ้าไม่ปรุงอาหารเองหรอก อีกทั้งข้าเองก็ไม่รู้วิธีการทำ"
ชิงสุ่ยมองไปยังการแสดงออกที่น่าอับอายของเธอและพบว่ามันดูตลกมาก มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วสำหรับเหล่าสตรีที่มีความสามารถอยู่ในระดับเทวะเซียนเทียนที่จะไม่ได้ปรุงอาหารเพื่อรับประทานเอง
"ให้ข้าสอนเจ้าเถิด ค่ารับรองได้เลยว่าเจ้าจะสามารถปรุงอาหารที่อร่อยกว่าอาหารที่ดีที่สุดของที่แห่งนี้"
"ข้าไม่คิดเช่นนั้นหรอก เพราะข้าเองก็ไม่เคยทำอาหารมาก่อน"
"ฟังข้านะ มันจะต้องออกมาดี!!!"
ห่าวหยุนลิ่วลี่ "..... ………."
เมื่อห่าวหยุนลิ่วลี่และมองเห็นอาหารอันโอชะ หลังจากเธอได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารเหล่านั้น มันก็ทำให้เธอมองดูพวกมันด้วยความตกตะลึง
อาหารทั้งหมดปรุงแต่งโดยตัวของเธอเอง ปัญหาของมันก็คือ อาหารที่ปรุงสุกเหล่านั้นอร่อยขึ้นได้อย่างไร? มันรสชาติดีเสียยิ่งกว่าอาหารที่หัวหน้าแม่ครัวเหมย เหยี่ยนเสวียที่อยู่ในดินแดนสุริยโลกปรุงขึ้น ซึ่งสิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากที่สุดคืออาหารนี้ถูกปรุงแต่งโดยเครื่องปรุงไม่มาก มันใส่แค่เพียงผลไม้สีม่วง
ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจด้านรูปลักษณ์ ในขณะที่อาหารที่ทําขึ้นนั้นแม้หน้าตาของมันจะไม่ได้ดูน่ารับประทาน แต่เรื่องรสชาติของมันนั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นเขาจึงชอบการทำอาหารที่ดูง่ายๆ และเขาก็สังเกตเห็นว่าขณะที่ห่าวหยุนลิ่วลี่กำลังรับประทานอาหารเหล่านั้น เธอมักจะขมวดคิ้วตลอดเวลา
"เอาล่ะ ก็ไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมันหรอก มันเป็นเพียงแค่ผลไม้เท่านั้น แต่มันก็เหลืออีกไม่มากนัก ซึ่งเจ้าจะต้องพิจารณามันให้ดีเกี่ยวกับผลกระทบในอนาคตถ้าหากมันหมดไป"ชิงสุ่ยคิดถึงจุดจบที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับโรงเตรียมอวี้เหอเขาจึงตัดสินใจบอกล่วงหน้าเกี่ยวกับความกังวลของเขา
ห่าวหยุนลิ่วลี่ยังคงขมวดคิ้วและมองไปที่ชิงสุ่ย "ผลไม้เหล่านี้ที่เจ้าได้รับมานั้นมีมากเท่าไหร่กัน? และเจ้าต้องการเงินเท่าไหร่กัน? แล้ว 1 ผลสามารถปรุงอาหารได้กี่จาน?"
ชิงสุ่ยยิ้มแล้วพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นสำหรับความเด็ดขาดของหญิงสาวคนนี้ เธอสามารถมองเห็นรากฐานของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
"ข้าสามารถส่งมอบผลไม้ชนิดนี้แก่เจ้าได้ 1000 ผล ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากเจ้ายังพบหน้าข้าอยู่ ข้าก็จะสามารถให้เจ้าได้อีก 800 ผลในทุกๆปี ซึ่งในแต่ละผลนั้นจะสามารถปรุงอาหารได้มากมายหลายรสชาติถึง 100 จาน แต่ในตอนนี้ถ้ามีเพียง 500 ผลเท่านั้น"ชิงสุ่ยคิดวิเคราะห์ เนื่องจากเขาสามารถเก็บเกี่ยวผลสุคนธ์มอมเมาได้ถึง 1000 ผลในทุกๆปี เขาจึงตัดสินใจยื่นข้อเสนอนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ห่าวหยุนลิ่วลี่ก็เริ่มกระพริบตาก่อนที่เธอจะพยักหน้า "เอาหละ ยอดเยี่ยม และผลไม้ชนิดนี้มีราคาเท่าไหร่กัน? แล้วราคาที่เหมาะสมที่จะเจ้าขายคือเท่าไหร่?"
ชิงสุ่ยส่ายหน้า "เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับผลไม้เหล่านี้ สิ่งที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดนั้นก็คือพวกมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเจ้าจะต้องควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายมัน"
ห่าวหยุนลิ่วลี่พยักหน้าและเริ่มรับประทานอาหารต่อก่อนที่จะยิ้มให้กับชิงสุ่ย "ข้าจะใช้มันเพียงวันละผล และขายพวกมันให้กับผู้อาวุโสที่ร่ำรวย หนึ่งจานต่อหนึ่งคนในหนึ่งวัน โดยแต่ละจานราคาประมาณ 8,000 เหรียญเงิน เจ้าเอาไป 6,000 เหรียญเงิน ส่วนที่เหลือของข้า 2,000 เหรียญเงิน เจ้าว่าอย่างไร"
ชิงสุ่ยยิ้มแล้วค่อยๆส่ายหน้า! เขารู้ดีว่ามีผู้คนไม่น้อยกว่า 90 ล้านคนที่มีความร่ำรวยและเจริญรุ่งเรืองภายในอาณาจักรชางหลาง
"งั้นเจ้าเอาไป 7,000 เหรียญเงิน ส่วนที่เหลือของข้า 1,000 เหรียญเงิน"
ชิงสุ่ยเองก็ยังคงส่ายหน้าเบาๆ ซึ่งห่าวหยุนลิ่วลี่ก็ไม่เข้าใจในรอยยิ้มของเขา ทั้งทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้เอาเปรียบชิงสุ่ย ทั้งทั้งที่เธอแบ่งประโยชน์ให้กับเขา 6:2 ก็แล้ว 7:1 ก็แล้ว แต่ทำไมหนุ่มน้อยคนนี้ของเธอถึงได้ปฏิเสธทั้ง 2 ข้อเสนอ
"ถ้าหากเจ้าสามารถขายได้ที่ราคา 8,000 เหรียญเงินต่อหนึ่งจาน พวกเราจะแบ่งออกเป็น 6:2 ข้าเอาไป 2 ส่วนเจ้าเอาไป 6 "ชิงสุ่ย มองดูหญิงโฉมงามที่ชาญฉลาด
"ไม่ ไม่ได้อย่างแน่นอน!!"ห่าวหยุนลิ่วลี่กล่าวยังหนักแน่น
"ก็ได้ ถ้าข้าจะต้องขีดเส้นกันที่ชัดเจน อย่างนั้นข้าขอแบ่งเป็น 50:50 แต่ถ้าเจ้ายังไม่ตกลง ข้าคงจะไม่จัดหาสินค้าเหล่านั้นให้เจ้า" ชิงสุ่ยคาดคิดถึงผลที่เกิดขึ้นในครั้งสุดท้าย
หลังจากคิดดเพียงสั้นๆ ห่าวหยุนลิ่วลี่ก็เปิดเผยรอยยิ้มอันแสนยั่วยวนราวกับราชินีปีศาจและกล่าวว่า "เจ้าพูดถูก ถ้าอย่างนั้นเราคงไม่จำเป็นจะต้องขีดเส้นกั้นที่ชัดเจนมากนัก และข้าจะทำตามที่เจ้าพูด"
" แต่ตอนนี้ข้าไม่มีแม้กระทั่งเงินหรือที่อยู่กับ ถ้าข้าจะขอยืมที่ของเจ้าเพื่ออยู่อาศัยและนอนพักผ่อนในคืนนี้ได้หรือไม่?"ชิงสุ่ยกล่าวตัดท้อออกมา
ห่าวหยุนลิ่วลี่รู้สึกเขินอายและยังคงทิ้งรอยยิ้มอันยั่วยวนใจเอาไว้บนใบหน้า
*****ยาวเหลือเกิน 5555 *****