ตอนที่ 30 -- เงิน
แปลโดย Mikky
Edit โดย check2534
ตอนที่ 30 -- เงิน
“ว่าแต่ว่า โคล้ด เธออาศัยอยู่ที่ไหนกัน?”
”
ช่วงเย็น
หลังจากกลับมายังเมืองนานามิ พวกเราก็ไปดื่มน้ำผลไม้พร้อมกับพูดคุยกันเล็กน้อยในร้านขายสินค้าทั่วไปที่อยู่ในซอย
“ตอนนี้ผมอาศัยอยู่ในโรงแรมที่ใช้สำหรับอำนวยความสะดวกให้นักผจญภัยอยู่ ถึงผมจะเจอมิลลี่ซังที่มีค่าพอจะรับใช้แล้วก็ตาม แต่ตอนนี้ผมตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่โรงแรมนั่นก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะหาที่อื่นเช่าได้”
”
ตอนนี้โคล้ดได้ออกจากบ้านมาหลายเดือนแล้ว และดูเหมือนว่าหล่อนจะเดินทางมาตามลำพังตลอด
เธอออกล่าตามลำพังและขายไอเท็มที่ตัวเองได้มา ยิ่งกว่านั้นเธอยังบอกอีกว่าตัวเองเคยนอนข้างนอก หากเงินไม่พอสำหรับเช่าห้อง
ถึงนี่จะไม่ใช่เรื่องผิดปกติเท่าไหร่สำหรับนักผจญภัยส่ว่นใหญ่ แต่เมื่อมิลลี่ได้ยินเรื่องของโคล้ด หล่อนก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“จริงสิโคล้ด ถ้าเธอสนใจล่ะก็ มาอยู่ที่บ้านของชั้นไหมล่ะ?”
”
“เอ๋?.....แต่นั่นจะไม่เป็นการ….”
”
“เดี๋ยว! ความคิดนั้นไม่ค่อยจะดีซะเท่าไหร่”
”
บ้านของมิลลี่มีม้วนคัมภีร์สเกาท์สโคปนอนกลิ้งอยู่รอบๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าพวกเธอเริ่มอาศัยอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่ว่าหลายๆอย่าง มันจะทำให้การเฝ้าติดตามลำบากขึ้นหรอกหรอ?
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับมิลลี่ มันอาจสายเกินไปก็ได้
“การที่โคล้ดพักอยู่ในโรงแรมน่าจะทำให้เธอมีอิสระมากกว่า ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องดีสำหรับเธอหรอกหรอ? แต่ถ้าเธอยังยืนกรานจะทำแบบนั้นล่ะก็ ผมมีห้องว่างที่บ้าน เดี๋ยวผมให้ยืมห้องนั้นเอง”
”
“ระ-เรื่องนั้นไม่อนุญาต!”
”
มิลลี่ปฏิเสธข้อเสนอของผมสุดกำลัง
“อืม ผมว่าการที่ผมพักอยู่ที่โรงแรมนั่นก็ไม่เป็นไรหรอก…..ขอบคุณมากสำหรับความตั้งใจอันดีของมิลลี่่ซัง”
”
“มิลลี่ แม้แต่โคล้ดเองก็ยังรู้สึกไม่ดีหากต้องอาศัยที่บ้านคนอื่น เห็นไหม?”
”
“อืม เข้าใจแล้ว”
”
ดูเหมือนมิลลี่จะคล้อยตามซะที
โคล้ดเองก็ดูออกจะโล่งใจเหมือนกัน
สุดท้ายแล้วโคล้ดก็ตัดสินใจได้ว่าตัวเองจะยังพักอยู่ที่โรงแรมนั้นอีกระยะหนึ่ง ขณะที่พวกเราก็จะช่วยเธอหาที่เช่าใหม่ให้
“โอ้ นั่นโคล้ดไม่ใช่หรอ?!”
”
บนถนนใจกลางเมือง ชายคนหนึ่งได้ดึงบังเหียนม้าไว้ เขาสวมชุดเกราะราคาแพงกับดาบในฝักหรูหรา ดูเป็นคนร่ำรวย
เขามีผมสั้นตรงมัดไว้ด้านหลัง กำลังใช้นิ้วลูบเคราแพะ
“ท่านพี่เคน! มาทำอะไรที่นี่คะ?”
”
โคล้ดวิ่งตรงไปหาคนที่ชื่อเคน
พวกเขาเป็นพี่น้องกันหรอ?
ดูไม่คล้ายกันเลยแฮะ
“มาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
”
“ฉันกำลังอยู่ระหว่างเดินทางสำรวจ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอโคล้ดที่นี่...หืม? นั่นเพื่อนของเธอรึเปล่า?”
”
เมื่อสังเกตุเห็นพวกเราที่อยู่กับโคล้ด เขาก็จ้องมองมาด้วยสายตาที่แหลมคม
ราวกับกำลังมองดูให้แน่ใจว่าพวกเราเป็นใคร
มันทำให้ผมรู้สึกรำคาญ เพราะงั้นผมจึงจ้องกลับไป
พร้อมกับที่ผมใช้สเกาท์สโคปใส่เคน
เคน เลออนฮาร์ท
เลเวล 45
พลังเวทย์ 39
ค่าพลังเวทย์ 39?
ถ้าต่ำขนาดนี้ ก็ไม่แตกต่างจาก 0 เท่าไหร่
เอาเถอะ ผมยอมรับความจริงที่ว่าเขามีเลเวลสูง
เขาน่าจะมีสกิลเหมือนกับโคล้ดด้วย
อย่างที่คาดไว้ เขามีสกรีนพ้อยต์เหมือนกัน
ผมเกรงว่านี่น่าจะเป็นสกิลติดตัวที่สืบทอดกันมาในตระกูลเลออนฮาร์ท
บ้าจริง นี่ชักจะทำให้ผมเริ่มกังวลขึ้นมาแล้ว
“เธอจะไม่แนะนำพวกเขาให้ฉันรู้จักหน่อยหรอ?”
”
“อ่า ขอโทษค่ะ นั่นคือเซฟคุง ส่วนนั่นคือมิลลี่ ผมได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกิลด์ของพวกเขา”
”
“ฉันชื่อมิลลี่เรย์อาร์ด และกิลด์ของฉันชื่อ ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’”
”
“อืม ช่างเป็นคุณหนูที่สุภาพมากจริงๆ ชื่อของฉันคือ เคน เลออนฮาร์ท ขอบคุณที่ดูแลน้องสาวของฉันอย่างดี”
”
มิลลี่แสดงท่าทีกุลสตรีสุดๆออกมา และเคนเองก็ตอบกลับอย่างมีมารยาทเช่นกัน
“พวก...พวกเธอเป็นนักเวทย์งั้นรึ? และดูเหมือนจะแข็งแกร่งพอสมควร โคล้ด เธอเจอกิลด์ที่ดีแล้วสินะ?”
”
“.....ค่ะ”
”
เขาดูออกว่าเราเป็นนักเวทย์งั้นหรอ?
ดูเหมือนจะไม่ใช่คนโง่สินะ
โคล้ดก้มหน้าลงเล็กน้อย
หรือว่าเธอจะไม่ถูกกับพี่ชายกัน?
“อย่างไรก็ตามฉันจำเป็นต้องกลับไปที่โรงแรมก่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเธอกลับกันไปก่อนเลย”
”
หลังจากพูดแบบนั้น เคนก็เริ่มบังคับม้าให้หันไปทางโรงแรมที่หรูหราแห่งหนึ่งของเมืองนานามิ
เมื่อเห็นอย่างนี้ จู่ๆมิลลี่ก็คิดอะไรขึ้นมาได้พร้อมกับพูดตัดบท
“ใช่แล้วล่ะโคล้ด ถ้าเธอไปอยู่กับพี่ชายในโรงแรมก็คงจะไม่เป็นไรใช่ไหม?!”
”
มิลลี่พูดกับทั้งสองคนราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองคิดได้นั้นเป็นเรื่องที่ “ยอดเยี่ยมมาก”
“ถึงจะน่าอายแต่มันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้”
”
เคนปฏิเสธข้อเสนอเสียงแข็ง
“ตระกูลเลออนฮาร์ทเป็นตระกูลของอัศวินที่มีชื่อเสียงมหาศาล ต่อให้เธอจะเป็นน้องสาวของฉันก็ตาม….แต่ฉันคงไม่อาจลดตัวลงไปอยู่ในโรงแรมเดียวกับ ‘นักผจญภัย’ ใช่ไหม โคล้ด?”
”
“ค่ะ….”
”
ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างจากนักผจญภัยที่เคยเป็นอัศวินมาก่อนว่า ในหมู่อัศวินนั้นมีระบบตำแหน่งและลำดับขั้นที่เข้มงวดมาก
ตอนที่คนๆนั้นมีอายุพอๆกับโคล้ด ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกับคนในตระกูล เขาบอกว่าตัวเองจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลเมื่อมีอายุ 16 ปี
ตอนนี้โคล้ดก็อายุประมาณ 15 แล้วไม่ใช่หรอ? ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนหล่อนจะออกเดินทางตามลำพังมาหลายปีแล้วเหมือนกัน
โคล้ดเคยพูดว่าตระกูลเลออนฮาร์ทนั้นประสบปัญหาด้านการเงินมาก สภาวะการเงินที่มีดูเหมือนจะย่ำแย่ยิ่งกว่าการตกต่ำลงของตระกูลอัศวินซะอีก
แต่ว่าเคนก็ยังตั้งใจจะอาศัยอยู่ในโรงแรมหรูหรานั่นอีกหรอ?
ยังจะอวดรวยแบบนั้นอีก
“ถ้าไม่มีเงินขนาดนั้นทำไมถึงต้องพยายามอวดรวยแบบนี้ด้วย”
”
เคนกับโคล้ดต่างหยุดเดินทั้งคู่ พร้อมกับหันหน้ามามองผม
อา ปากของผมมันเผลอพูดออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต…
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง เคนก็หันไปจ้องโคล้ดพร้อมกับคว้าคอเสื้อของเธอขึ้น
“คะฮ่าา….?!”
”
โคล้ดกัดฟันทนความเจ็บปวดหลังจากได้หายใจ
นัยน์ตาของเคนเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มันมีดุดันมากพอจะเรียกว่าจิตสังหาร
“โคล้ด...เอาเรื่องสถานการณ์ในบ้านไปพูดให้คนอื่นฟังได้ยังไง….?!”
”
“...อึก! ขอโทษค่ะท่านพี่เคน….”
”
“เงียบซะ! ยัยคนทรยศ!”
”
เคนกำหมัดแล้วเหวี่ยงไปที่หล่อน
หมัดของเขามีจุดหมายอยู่ที่ใบหน้าของหล่อนด้วยพลังที่มากพอจะทำให้ฟันหักพร้อมกับส่งร่างเธอกระแทกลงกับพื้น
-ถึงแม้ว่าคนที่จะรับหมัดนั้นจริงๆก็คือผมก็ตาม
“อุ….เจ็บ”
”
ภายในปากของผมเป็นแผลจนรู้สึกได้ถึงรสชาติของเหล็กเต็มไปหมด
รู้สึกว่าฟันกรามของผมจะหักด้วยเหมือนกัน
พลังบ้าอะไรเนี่ย
ไม่ว่าจะยังไง หล่อนก็เป็นน้องสาวของเขาไม่ใช่หรอ?
“เซฟ!”
”
“เซฟคุง!?”
”
เด็กสาวทั้งสองร้องเสียงสูงอย่างกระวนกระวาย ส่วนเคนนั้นมองมาที่พวกเราด้วยสีหน้าบึ้งตึง
ก่อนหน้าที่เคนจะต่อยโคล้ดเล็กน้อย ผมได้เทเลพอร์ตตัวเองเข้าไปอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองไว้
ไม่ว่ายังไง คนที่ทำให้เคนโกรธจริงๆก็คือผม
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เคนโดโนะ ผมไม่ได้ตั้งใจจะกระจายข่าวลือหรือพูดล้อเลียนตระกูลของคุณเช่นกัน ตราบใดที่คุณไม่ได้พยายามสร้างปัญหาให้พวกเรา…..”
”
คนมุงเริ่มทยอยเข้ามาล้อมเรามากขึ้นเรื่อยๆ
อัศวินที่ออกหมัดต่อยเด็กตัวเล็กๆ
จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของคนทั่วไป
“....ชิ”
”
เขาเดาะลิ้นแล้วหายเข้าไปในโรงแรม
ดูเหมือนผู้คนรอบข้างก็สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
พับผ่าสิ! แม้ว่าจะมีประโยชน์ แต่มันก็ชักจะน่ารำคาญถ้าพวกเขายังเอาแต่จ้องมาที่เราแบบนี้
“อืม...ขอบคุณมากนะเซฟคุง”
”
“ไม่ต้องห่วง เป็นความผิดผมเอง ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่เราสู้กัน ผมได้ข้อสรุปที่สร้างปัญหาให้กับเธออย่างมาก”
”
“ฉันลืมมันไปเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะงั้นไม่ต้องห่วง”
”
อะฮ่าฮ่า โคล้ดหัวเราะออกมา
“จริงๆนะ นายนี่มันบ้าจริงๆ….”
”
มิลลี่กำลังฮีลให้ผม
เอาเถอะ แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ผมเงียบลงให้มิลลี่ฮีลต่อ
“ฉันขอโทษจริงๆ ที่จริงแล้วสมัยก่อนพี่เป็นคนอ่อนโยน….แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มกลายเป็นคนแบบนั้น อย่างที่คาด ความยากจนอาจทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็ได้”
”
โคล้ดหัวเราะออกมาอย่างหงอยเหงา
“ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งผมสามารถสร้างชื่อในฐานะนักผจญภัยได้แล้ว นายคิดว่ามันจะสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนี้ให้กลับไปเป็นสิ่งที่เคยเป็นได้ไหม…..?”
”
เงินสินะ…
บางทีเธออาจจะขโมยสเกาท์สโคปของมิลลี่ไปเพื่อหาเงินก็เป็นได้ ผมไม่อาจตัดประเด็นนี้ออกไปได้เช่นกัน
ดังนั้นแล้วสิ่งที่ผมจำเป็นจะต้องทำคือช่วยโคล้ดแก้ปัญหาด้านการเงิน และทำให้เธอสามารถมีรายได้ที่มั่นคงได้
“โคล้ด หนทางที่เร็วที่สุดที่จะสามารถหาเงินได้คือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สามารถล่าบอสได้ เพียงแค่นั้นเธอก็จะสามารถหาเงินได้มากตามที่ต้องการเลย”
”
“สามารถล่าบอสได้ เรื่องแบบนั้นมันดูเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่อัศวินที่เก่งกาจอย่างพี่ ก็ยังบอกว่าการล่าให้ได้เรื่อยๆเป็นเรื่องที่ยากมาก แล้วคนอย่างผมจะ…”
”
“ฮุฮุ♪ แต่พวกเราเคยปราบบอสได้แล้ว รู้มั้ย〜”
”
มิลลี่หันมาหาผมแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เธอพยายามพูดโอ้อวดเรื่องนี้
“จริงหรอ!? มิลลี่ซัง คุณทำยังไงถึงสามารถทำเรื่องนั้นได้!?”
”
“เรื่องนั้น〜….”
”
โคล้ดรีบเข้ามาใกล้มิลลี่พร้อมกับสีหน้าไม่อยากเชื่อ มิลลี่เองก็โอ้อวดว่าตัวเองสามารถปราบบอสลงได้อย่างไร
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด การล่าบอสด้วยวัยแค่นี้ยังไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในยุคนี้
ในตอนนั้น ตอนที่ผมพึ่งเริ่มออกเดินทางในฐานะนักผจญภัย ทันทีที่ผมได้เห็นหน้าบอส ผมก็รีบวิ่งหนีในทันที
นั่นเป็นเพราะตอนที่ผมไปลงทะเบียนนักผจญภัย ทุกๆคนได้พูดเตือนถึงอันตรายเมื่อเผชิญหน้ากับบอส จนหูของผมบวมเหมือนปลาหมึกแค่ได้ยินเรื่องของมัน
แม้แต่ในร้านแผงลอยริมถนนเอง ก็มีไอเท็มหายากที่ตกจากบอสไม่มากนัก
ยิ่งกว่านั้นยังไม่มีการตั้งปาร์ตี้เพื่อล่าราชาแห่งความตาย….
บางทีการล่าบอสในช่วงเวลานี้อาจจะทำกำไรจำนวนมากให้พวกเราได้?
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/