ตอนที่ 135 – ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง!
ตอนที่ 135 – ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง!
รู้สึกได้ถึงอันตรายอย่างมากภายในอากาศทำให้ขนทั้งร่างถังเทียนลุกตั้งชัน เขาจดจ่ออยู่เบื้องหน้าและสัญชาตญาณของเขาก็ราวกับสายน้ำที่แพร่กระจายออกไป
ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดของถังเทียนที่ได้จากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ มิว่าสถานการณ์มันจะยุ่งยากซับซ้อนเพียงใด มิว่ามันจะมีอันตรายเพียงใด เขาจะต้องสามารถสุขุมสงบนิ่งเอาไว้
นี่คือผลลัพธ์จากการต่อสู้ในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ 293 รอบ
รังสีอันตรายทิ่มแทงจิตใจถังเทียนอย่างต่อเนื่อง แต่สายตาของเขาก็ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอันใด
ในใจเขารู้สึกสงบนิ่งอย่างยิ่ง ด้วยขอบเขตสั่นสะเทือนที่ละเอียดยิ่ง เขากางนิ้วออกซึ่งมันมีการผันแปรอยู่ต่อเนื่อง
เหยียดแขนทั้งสอง
วังวนโปรยปราย
วังวนเล็กๆอันแล้วอันเล่าหมุนกระจายออกไป ความสนใจของถังเทียนจดจ่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตั้งแต่ที่เขาเอาชนะตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ได้แล้ว มันราวกับเขาก้าวข้ามไปอีกขอบเขตหนึ่ง ปราณแท้จริงของเขาและวิชาของเขามิได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่วิถีจิตใจของเขามีการพัฒนาอย่างมหาศาล
หลังจากที่ต่อสู้ภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ 293 รอบด้วยวังวนโปรยปราย มันก็เป็นวิชาที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับเขา มันปลดปล่อยได้อย่างรวดเร็วและมีผลต่อการกระทำของฝ่ายตรงข้ามสร้างโอกาสให้กับตัวเขาเอง
ภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ จำนวนรูปปั้นทองแดงคือสิบแปด เขาได้หยิบยืบพลังของวังวนโปรยปรายเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนของฝ่ายตรงข้าม
เผชิญหน้ากับแสงสีน้ำเงินอันอันตราย เขามิรู้ว่าเหตุใดแต่ใจถังเทียนพลันเต็มไปภาพแสงพันลี้จากกรงเล็บของกรงเล็บปีศาจ ฉากที่เสียดสีระหว่างนิ้วของกรงเล็บปีศาจในอากาศ ทำให้ถังเทียนคิดถึงโยนหินลงแม่น้ำ การโยนหินลงแม่น้ำมันจะต้องเกิดวังวนขึ้นเหนือผิวน้ำ และมันจะต้องเกิดการพุ่งน้ำออกมา
ใจถังเทียนเต้นแรงคลายมือของเขาอย่างเงียบๆทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทุกนิ้วของเขามีชั้นการหมุนวนของปรารแท้จริงอย่างรวดเร็ว
ทุกคราที่เขาเสียดสีนิ้ว ความเร็วของการหมุนของชั้นปราณแท้จริงก็จะสูงขึ้น มันราวกับการล่อนหินไปบนผิวน้ำ เหินอยู่ในอากาศอยู่เหนือผิดน้ำ รวดเร็วและลื่นไหล
จำนวนของวังวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางเงาแขนพลันปรากฏวังวนขนาดใหญ่ขึ้น
วังวนขนาดเล็กอันแล้วอันเล่าทำให้เกิดเสียงหวีดหวิว มันราวกับเสียงร้องเพลงของนกผสมผสานเป็นชั้นๆจนของแสงสีน้ำเงิน
วังวนปักษา!
กระบวนท่าสังหาร!
ถังเทียนพลันเข้าใจกระบวนท่าสังหารวังวนโปรยปรายโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกพอใจนัก
ภาพเบื้องหน้าของต้าเหว่ยถูกบดบังโดยแสงสีขาววาววับ มันราวกับนกพิราบมากมายเหินบินมาทางเขา
นั่นมันคืออะไรกัน...
ด้วยความตกใจ ต้าเหว่ยเพียงใช้กรีชภายในมือปะทะด้วยแรงหมุนที่รวดเร็ว เขาฝืนบังคับจนมันไถลออกไป
ฝูงนกปะทะเข้ากับรังสีแสงน้ำเงิน
ลำแสงสีน้ำเงินอันคมกริบหยุดชะงักในทันที วังวนสีขาวราวกับเป็นฝูงนกคลั่ง แต่ละวังวนมันหมุนด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง ยามเมื่อพวกมันปะทะเข้ากับลำแสงน้ำเงิน พวกมันก็กระเด้งขึ้นในทันทีระหว่างวังวน พวกมันปะทะและกระเด้งออกรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ชั้นของลำแสงน้ำเงินเหมือนแนวป้องกันที่แข็งแกร่ง ราวกับว่ากลุ่มของอสูรจิตวิญญาณดาราที่เข้ามาปะทะและกำแพงการป้องกันก็ยุบลง
เสียงวังวนดังหวีดหวิวจนต้าเหว่ยไร้คำพูด พวกมันอาจจะดูน่ากลัวแต่พวกมันต่างถูกกักขังเอาไว้ มิว่าพวกมันจะพยายามเพียงใดพวกมันก็มิอาจบินออกไปได้
ส่วนสิ่งที่เลวร้ายคือเขาก็ถูกกักขังในกรงนี้
บุรุษผู้นี้มันเป็นผู้ใดกันแน่...
ในตอนนี้ต้าเหว่ยไม่ได้ดูแคลนบุรุษผู้นี้อีกต่อไป ด้วยวิชาอันลึกลับนี้ทำให้เขาตกใจ
บัดซบ!
เพียงแค่ต้าเหว่ยตื่นตระกหนกและวอกแวก ร่างหนึ่งก็พลันปรากฏมาเบื้องหน้าเขา ใบหน้าที่มีความตื่นเต้นที่เปรียบมิได้ปรากฏขึ้นภายในสายตาของเขา และน้ำลายที่สาดกระเด็นแต่จะรดใบหน้าของเขา
“เจ้าคนชั่วช้า! เจ้าคนต่ำช้า! เจ้าคนบัดซบ!”
ถังเทียนโพล่งด่าออกมา แต่ฝ่ามือขวาของเขาก็ผสานอย่างเงียบๆด้วยวังวนปักษา
ฝ่ามืออนุสรณ์!
ต้าเหว่ยเพียงรู้สึกถึงพลังอันน่าทึ่งมากมายที่บดขยี้มาบนซี่โครงของเขาอย่างรุนแรง
“สารเลว…”
ต้าเหว่ยด่ากราดด้วยความโกรธ โลหิตพุ่งขึ้นมาจากลำคอและกระอักออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ขอบคุณสำหรับคำชมเชย!”
เสียงโอหังของถังเทียนโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังอย่างกะทะหัน ต้าเหว่ยตกใจด้วยไม่สนใจอะไรก็ล้มลงไปบนพื้น
ปึก!
เขารู้สึกเพียงหนาวถึงกระดูก เขามาจากที่ใดกัน? มันคือรังสีดาบงั้นหรือ?
รังสีดาบอันแหลมคมปะทะเข้ากับร่างเขา ด้วยถานถุ่ยของถังเทียนที่สร้างมุมโค้งได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แม้ว่าเขาจะหลบหลีกมันได้ ต้าเหว่ยก็มิได้รู้สึกพอใจนัก ก่อนหน้านี้เขาพุ่งไปข้างหน้าและมิได้สนใจอันใด ยามเมื่อวังวนได้กระแทกหน้าอกเขา เขาก็มิได้มองดูเลย เขารู้ว่าหน้าอกของเขาบอบช้ำ แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือรอยประทับฝ่ามืออนุสรณ์มันฝังลงที่ซี่โครงซ้ายเขาซึ่งน่าจะหักจนบิดเบี้ยวแล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาไม่กล้าหยุดฝีเท้าคือเสียงตะโกนที่ดังจากเบื้องหลังเขา
“เตะ! เตะ! เตะ! เตะ!”
ชัวะ ชัวะ ชัวะ!
มุมโค้งที่ก่อเกิดจากรูปแบบไขว่ของถานถุ่ย โจมตีราวกับหนอนไช่กระดูกอย่างต่อเนื่อง โดยกัดกินบนร่างของเขา ถ้ามิใช่เพราะความกลัวเขาคงจะต้องถูกบดขยี้และบิดเบี้ยวโดยท่าเท้าคมดาบไขว่แล้ว
ถานถุ่ยมันราวกับคมดาบ ต้าเหว่ยรู้ดีอยู่แล้ว แต่เขามิเคยพบเจอถานถุ่ยที่บ้าคลั่งรุนแรงเช่นนี้มาก่อน!
ถานถุ่ยมันปล่อยออกมาต่อเนื่องได้เช่นนี้เลยหรือ?
ต้าเหว่ยแทบจะร่ำไห้ ตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นดูมีสภาพที่เลวร้ายนัก
ถังเทียนรู้สึกมีความสุข
ร่าเริ่งมาก!
นี่เป็นคราแรกที่เขาประลองกับใครบางคนหลังจากที่ออกมาจากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ ความรู้สึกนี้มันช่างแตกต่างไปจากในอดีต เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาแข็งแกร่งกว่าเขามาก แต่เขายังคงไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามที่เขาได้โต้กลับ มันมีความรู้สึกอันตรายรุนแรงอย่างยิ่ง เขารู้สึกได้ว่าเขาการโต้ตอบของเขามันกลายเป็นระเบียบ ในท้ายที่สุดเขาก็ได้เปรียบ
ถังเทียนรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อโจมตี การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเมื่อใดกันที่เขารู้สึกแบบนี้? เขาถูกกดดันอยู่ภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์เสมอมา จนกระทั่งสำเร็จผ่านมันไปได้ เขามิเคยได้เปรียบเช่นนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้ ยามเมื่อเขามองไปยังสภาพต้าเหว่ยที่น่าสงสาร เลือดในกายถังเทียนก็พลุ่งพล่าน วังวนปักษารอบล้อมเขา มันราวกับเขากำลังถูกรุมจิก ก่อนหน้านี้วิธีการทั้งหมดที่เขามิกล้าใช้และวิธีการที่แปลกประหลาด เขาเริ่มที่จะใช้พวกมันและโหมกระหน่ำราวกับห่าฝนลงไป
ต้าเหว่ยรู้สึกราวกับเขากำลังจะบ้าคลั่ง!
เหนือเกินสามัญสำนึกเกินไปแล้ว… เหนือเกินไปแล้ว… เหนือเกินสามัญสำนึกเกินไปแล้ว!
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้อะไร เขาก็รู้สึกอึดอัดและไม่สามารถปัดป้องมันได้เสมอ! ต้าเหล่ยผ่านการต่อสู้ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมาทั้งหมดและมีประสบการณ์การต่อสู้เป็นร้อยๆ แต่เขามิเคยพบเจอบุคคลเช่นนี้มาก่อน เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แปลกประหลาด และสุดแสนจะเหลือทน
กู่อู่ผู้ที่ถูกถังเทียนทุบตีจนสลบไปก็ถูกปลุกจากลูกน้องของเขาเมื่อเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้เขารู้สึกประหลาดใจและโมโห
“พวกแกทั้งหมดมันขยะ ทำไมยังยืนอยู่อีก รีบไปรุมมันสิ!”
กู่อู่ด่ากราดทำให้เหล่าผู้คุ้มกันรู้ตัวขึ้น พวกเขาทั้งหมดต่างตัดสินใจและราวกับฝูงผึ้งเหินออกไปพร้อมด้วยกัน ในที่สุดต้าเหว่ยก็มีเวลาหายใจ ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ เขาแทบจะหลั่งน้ำตามาบนแก้มแล้ว
เขาขบฟันแน่นขณะที่สายตาอันเย็นเยียบปรากฏจากนัยน์ตาเขา ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะรุกบ้างแล้ว
ถังเทียนต่อสู้จนถึงจุดที่บ้าคลั่งแล้ว
มิว่ามันจะเป็นความศรัทธาหรือเจตนาของการต่อสู้ เขาก็อยู่จุดสุดยอดหลังจากที่พบเจอฝ่ายตรงข้ามหลายคนที่เขามาต่อสู้กับเขา ในตอนนี้ถ้าฉีหยาโผล่ออกมา เขาคงจะกระโจนเข้าหาอย่างแน่นอน
นี่มันอะไรกัน พวกที่กำลังเข้ามาหาเขามันเป็นเพียงขยะหรอกหรือ?
ถังเทียนคำรามดังยาวเหยียดแขนทั้งสองและกระโจนออกไปราวกับนกยักษ์ จากนั้นเขาก็แล่นลงกลางผู้คุ้มกัน
อะไรกัน เจ้าหนุ่มผู้นี้มันบ้าไปแล้วหรือ?
กู่อู่จ้องมองไปยังถังเทียนด้วยความงุนงง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมามันทำให้ท่าทางเขาเปลี่ยนไป
ถังเทียนมันราวกับพยัคฆ์ที่กระโจนเข้าสู่ฝูงแกะ มิมีผู้ใดสกัดกั้นเขาได้ เสียงคำรามยาวพาดผ่านพวกเขาทำให้ทุกคนต่างถูกบดขยี้ เขาเพียงรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมของปราณแท้จริง จากนั้นเจตนาการต่อสู้ของเขาก็ลุกโชติ เขาคึกคักอย่างยิ่ง
วังวนปักษากระจายอยู่ท่ามกลางผู้คนกับฝ่ามืออนุสรณ์อันรุนแรงและพลังของถานถุ่ย!
แรงระเบิดของปราณมังกรสวรรค์ ความคมกริบของปราณกายากระเรียน หยิบยืมพลังทั้งสองขณะที่ใช้ออกด้วยอาภรณ์ไร้มลทิน
ในระหว่างนั้น มันมีการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาดและวิธีการที่เขามิอาจจดจำได้ หลากหลายวิธีการที่สำเร็จที่มิอาจปัดป้องได้ มิมีผู้ใดสามารถสกัดกั้นมันได้
เขามีกันหลายคนแต่เมื่อเทียบกับสิบแปดมงกุฎจากตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์แล้วในแง่ของความเจ้าเล่ห์และล่อหลอกพวกเขาต่างเทียบกันไม่ได้เลย
มู่เหลยอยู่ไม่หวาดหวั่นกำลังสั่นสะท้านด้วยความตกใจจนเขาลืมอาการบาดเจ็บของเขา และพึมพำกับตัวเอง “ในโลกนี้มันยังมีบุคคลที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง...”
กู่เสวี่ยผู้ที่สงบนิ่ง อ้าปากแลกว้างมีสีหน้าซีดเผือดบนใบหน้าขาวของนาง มองไปยังถังเทียนผู้เก่งกาจอยู่เบื้องหน้านางมิมีผู้ใดสามารถสกัดกั้นเขาได้ และบุรุษผู้นี้ได้ซ่อนเร้นความน่ากลัวเอาไว้ เขาช่างเป็นคนที่...
ต้าเหว่ยในที่สุดก็เตรียมพร้อมจะโจมตีมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปขณะที่เขามองดู เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ การตัดสินใจก็พลันพลิกกลับ ด้วยไฟที่บ้าคลั่งกับหดลงเป็นแค่ตบเพลิงและหดลงอีกจนเป็นเปลวเทียน...
เมื่อเขาเห็นถังเทียนคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวและด้วยหมัดเดียวกับส่งผู้คุ้มกันสามคนกระเด็นออกไป การตัดสินใจที่จะโต้กลับกลายเป็นเทียนที่เหือดแห้งมอดดับในทันที
เขาตื่นตระหนกและปรากฏกายที่ข้างกู่อู่และคว้าตัวเขาพลางวิ่งหนี ก้นและต้นขาของเขาหนาวเย็นหลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับถานถุ่ยของถังเทียน ทำให้กางเกงของเขาฉีกออกเป็นรูใหญ่ แต่ต้าเหว่ยมิได้สนใจความอายอะไรอีก
“เหตุใดเจ้าถึงวิ่งหนี?” กู่อู่รวบรวมพลังทั้งหมดก่อนจะตะโกน “ข้าไม่เชื่อว่าเขาเพียงลำพังจะเอาชนะพวกเราทั้งหมดได้”
กู่อู่ต่อว่าแต่ท้ายที่สุดเขาก็เหนื่อยล้าจากนั้นก็กล่าวถาม “มันกลายเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไรกัน?”
ประโยคนี้ดังก้องอยู่ภายในใจของต้าเหว่ย “ได้เยี่ยงไร...”
เขาเห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจ เขารู้ว่าเขาเอาชนะได้ จุดจบมันถูกกำหนดไว้แน่ชัดแล้ว มันเห็นได้ชัดว่าบางอย่างอยู่ภายในกำมือของเขาแต่มันกลับหลุดมือไปได้...
บุรุษแปลกประหลาดผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่?
กู่อู่พลันตบหัวตัวเองอย่างแรงด้วยความเศร้า “ข้าควรจะรู้ตั้งนานแล้ว! ฉีหยา! ใช่แล้ว เขาจะต้องเป็นบุรุษผู้ที่ช่วยเหลือกู่เสวี่ยจากน้ำมือฉีหยาเป็นแน่! จะต้องเป็นเขาแน่ๆ!”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ต้าเหว่ยก็ตะลึง ความรู้สึกทั้งหมดที่เขาอดกลั้นไว้ภายในใจหายไปอย่างฉับพลัน
มันมิได้เลวร้ายเลยสักนิดที่พ่ายแพ้ให้กับบุรุษผู้ที่สามารถหนีรอดจากน้ำมือฉีหยาได้
“หยุดนะ!” กู่อู่พลันตะโกน
ทันใดนั้นหลังจากที่วิ่งผ่านมาสองสามตรอกแล้วต้าเหว่ยก็หยุดลง
“กระโดดขึ้นไปบนหลังคาเร็วเข้า ขึ้นไปที่สูงๆ” กู่อู่กล่าว
ต้าเหว่ยรู้สึกสับสนแต่เขายังคงกระโดดขึ้นไปอาคารที่สูงปราศจากคำถาม พวกเขามองเห็นฉากการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน พวกผู้คุ้มกันต่างนอนเรียงรายอยู่บนพื้นทั้งหมด
ถังเทียนมองไปซ้ายทีขวาทีราวกับว่าเขาตัดสินใจเลือกไม่ถูก
“ซ่อนตัวเร็วเข้า อย่าให้เขาเห็นเจ้า!” กู่อู่พูดอย่างรีบเร่ง
ใจต้าเหว่ยพลันยินดี ถ้าเจ้าหนุ่มเห็นพวกเขา เขาคงจะไล่ตามพวกเขาตลอดทาง เขาแบกนายน้อยเอาไว้บนหลังและมองหาที่หลบภายในความมืด
กู่อู่เพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการตกใจ เขาหน้าซีดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาขบฟันพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำเจือปนไปด้วยความสุข
“สมาชิกคนอื่นจะต้องรู้ข่าวนี้แน่ กู่เสวี่ยไม่สามารถเก็บความลับเรื่องเส้นชีพจรโลหิตของนางอีกต่อไปได้แล้ว พวกเขาจะต้องไล่ล่านาง!”
“พวกเราแค่เฝ้ารอที่นี้ ให้พวกเขาจัดการคนบ้าเช่นนี้”
“อืม..เหตุใดตระกูลของเราถึงโชคร้ายถึงเพียงนี้กัน?”
ต้าเหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย
ใช่แล้ว เหตุใดพวกเรามันถึงต้องโชคร้ายเช่นนี้!
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ