LSG บทที่ 88 ชื่อนตอนอยู่ด้านล่างครับ (อ่านฟรีวันที่23กันยา)
LSG บทที่ 88
แปลไทยโดย : SwordGod
ชื่อตอน อยู่ด้านล่างของหน้า
ครึ่งหนึ่งของเหล่าสาวกที่เข้าร่วมการประชุมนุมตายด้วน้ำมือของพวกปีศาจ ผู้อาวุโสและตัวแทนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บสาหัส
และตัวละครหลักของเหตุการณ์นี้คือ มู่เฟิง ซึ่งนักบ่มเพาะปีศาจมาสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ ที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในโลกนี้ ไม่มีผู้รอดชีวิตจากตระกูลมู่ พวกเขาสละชีวิตตัวเองเพื่อ มู่เฟิง
ในขณะนั้นทุกคนที่เข้ามาชุมนุมนี้ พวกเขากำลังถุกล้อมรอบไปด้วยพวกปีศาจ
เมื่อการซุ่มโจมตีเกิดขึ้น่วนใหย่ของผู้ชุมนุมและสำนักนักวิชาหนีไปหรือถูกฆ่าตายโดยปีศาจ คนบนจัสตุรัสไม่มีกำลังเสริม ยิ่งไปกว่านั้น โจวจื่อปู้ ซึ่งได้กลายเป็นสายลับและควบคุมอำนาจของสำนักวิชา ที่สำคัยคือคนของสำนักวิชาถูกบังคับให้จนมุม
ผู้อาวุโส สองสามคนที่ยังค้ำจุนคอยขัดขวาและสนับสนุน นายหญิงดาราม่วงอยู่ด้านหน้า
นางต้องการใช้ปราณวิญญาณของนางเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บใหว้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ขณะที่นางลงมือนางก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดสองสามคำทันที ผิวขาวซีดของนางกลายเป็นเขียวคล้ำราวกับว่านางกำลังสูญเสียจิตวิญญาณกำลังไกล้ตาย
ด้าน เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกันไปเท่าไหร่ ในท่ามกลางพวกปีศาจพวกเขาก็อ้าปากพงาบๆราวกับกำลังจะตายจากการสำลัก
"นายหญิงดาราม่วง เป็นนักวิชาการค้นคว้า ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ และมีการบ่มเพาะที่สูง! เห็นได้ชัดว่า โจวจื่อปู้ ได้วางแผนเรื่องนี้ตลอดเวลาอย่างลับๆ แต่นางก็สามารถต่อสู้ได้จนถึงตอนนี้! นางเป็นคนฉลาดมาก! "
เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต พูด แม้ว่าคำพูดของเขาเต็มไปด้วยความกลัว แต่เสียงของเขาก็หยิ่งผยอง
"ยังไงก็ตามแต่มันจะมีพลังเท่าไหร่ มันก็ไม่ได้ตายในกำมือข้าอยู่ดี?
"การสร้างปราณวิญญาณลึกล้ำที่เข้มข้นและจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มพลังของเราได้! เป้าหมายคือ มุู่เฟิง แต่หากว่าพวกเราสังหารพวกเจ้าทั้งหมดและสูบร่างของพวกเจ้าได้เหล่าอสูรจะสามารถก้าวข้ามความแก่กล้าและแข็งแกร่งขึ้น! ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะสามารถทำลาย เจ้าพวกหนอนนิกายโลหิตปีศาจทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงทำร้ายเจ้า! "
เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิตหัวเราะอย่างน่าเกลียด "ตอนนี้ มีใครบ้างมั้ยที่จะยอมศิโรราบให้แก่ข้า? ข้าสัญญาว่าเมื่อข้าสูบเนื้อและจิตวิญญาณของเจ้าแล้ว ข้าจะปล่อยให้ตายตายอย่างสงบ! "
"เจ้าปีศาจน่าเกลียด แกจะมัวยืนอยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อไหร่ให้ทรมารจิตใจผู้คน?"
นายหญิงดาราม่วงค้ำร่างของนางยืนขึ้น ด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ "หากว่าแกต้องการฆ่าแล้วละก็ ก็เข้ามาเลย หากว่าไม่แล้วก็จงรีบใสหัวออกไปซ่ะ! แกจะมัวมาพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระอะไรอยู่? พวกเราจะไม่ยอมก้มหัวให้กับแกหรอก! "
"ใช่! พวกเราจะไม่มีวันยอมก้มหัวให้กับปีศาจที่น่ารังเกียจเช่นแกหรอก! ไอ้เวรตะไลสารเลวการต่อสู้ครั้งนีจะจบลง! "
ผู้อาวุโสสำนักดาราม่วง ลุกขึ้นยืนและตะโกน ด้วยสายตาที่บ้าคลั่งของเขาคนที่รู้จักเขาตระหนักดีว่าครึ่งหนึ่งของนักเรียนของเขาตายด้วยน้ำมือของปีศาจ
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ใหญ่ของสำนักดาราม่วงประกาศตนอย่างนั้นตัวแทนอื่น ๆ อีกหลายคนก็ตะโกนออกมา
"หากว่าแกต้องการฆ่าแล้ว ก็เข้ามาเลย! ทำยังมัวแต่พูดจ้ออยู่ อย่าบอกนะว่าแกเริ่มกลัวพวกเราใช่มั้ย? "
"เข้ามา! อย่ามากก็แค่ตายมีอะไรที่ต้องกลัว? "
“ไอ้ระยำ!”
สุดท้ายพวกเขาก็ตะโกนอย่างต่อเนื่องโดยไม่กลัว
สามารถยืนหยัดสู้จนถึงช่วงเวลาสุดท้ายมีกี่คนที่จะกลัวความตาย?
เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต ขมวดคิ้วแน่นเขาไม่เคยคิดว่าคนเหล่านี้จะไม่กลัวความตาย!
โฮกกกกก!!!
ในขณะนั้นปีศาจที่ด้านข้าง ก็แผดเสียงคำรามน่าตกใจ
เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต หันไปทางจัสตุรัสอย่างประหลาดใจและเห็นชายคนหนึ่งเปียกโชกไปด้วยเลือดสดๆ เขากำลังแบกกระบี่และฝักกระบี่เลือดแดงฉานในขณะที่วิ่งเข้ามา
"ฮืม?
เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต หัวเราะเย้ย "แกยังไม่หนีไปอีกหรอ? แกกลับมาอีกทำไม? "
ซูหยุนตกใจ แต่มันไม่ได้พูดอะไรสักคำ มันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาทางหลบหนี
เห็นได้ชัดว่าว่านายหญิงดาราม่วงไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป กลุ่มผีปีศาจเหล่านี้มีการเตรียมพร้อมและนอกเหนือจากนั้นพวกมันมี โจวจื่อปู้ ทำงานเป็นสายลับเพื่อช่วยเหลือพวกมัน การโจมตีครั้งเกิขึ้นอย่างกระทันหันนายหญิงดาราม่วงไม่ได้เตรียมตัวไว้ แต่ดูเหมือนว่าการต่อสู้กับนางยังส่งผลให้นักบ่มเพาะปีศาจบางตัวถูกบดขยี้
มันกวาดสายตาไปรอบๆไม่มีเส้นทางหลบหนี แม่ทัพปีศาจจะมาจับกุมตัว หากมันยังคิดแผนไม่ออกมันอาจจะตายที่นี่
พวกมันจ้องซูหยุนทันที
วซอกนั้นอาจจะพาไป อาคมย้อมโลหิต
มันไม่อาจประมาทได้ นายหญิงดาราม่วง จะไม่สามารถยืนหยัดสู้ได้อีกสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการรอดชีวิต
มันตัดสินใจวิ่งเข้า ซอกมา
ซูหยุน ตกตะลึง มันถอยกรูออกมาอย่างไว
พลังของมันเหลือไม่มาก มีดอกาสแค่ไหนที่ เจ้าลัทธิจะไม่สังเกตุเห็นมัน กลิ่นอายของคนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งและการบ่มเพาะของเขาถือว่าต่ำฉะนั้นเขาจะอยู่อีกไม่นาน
"คนที่อยู่ด้านนอกน่าจะเข้ามาดจมตีเร็วๆนี้ แต่พวกเรายังพอมีเวลาเหลือพอที่จะสนุก!"
มันโบกมือยวบๆเจ้าลัทธิวิญญาณโลหิตกรีดร้องด้วยเสียงหัวเราะและตะโกนว่า "เอาล่ะ! ทาสของข้าทั้งหลายมาเริ่มงานเลี้ยงกันเถอะ! "
พร้อมด้วย กลิ่นอายกระหายเลือดของเจ้าลัทธิวิญญาณโลหิตขยายขึ้นและสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความชั่วร้าย
เขามองไปที่นายหญิงดาราม่วง อย่างตะกละตะกลามขณะที่เขาเลียริมฝีปากแห้งๆ ในสายตาของเขามีเพียงความหิวเท่านั้น
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นปีศาจร้ายรอบตัวเขาเริ่มหดหายและจ้องมองกลุ่มผู้คนอย่างหื่นกระหาย
ปีศาจสองตัวที่วิ่งออกมาจากซอยก็จ้องมองเขาอย่างรุนแรง
"ไอ้ตัวแสบ หมดทางหนีแล้วรึไง?"
ซูยองไม่ยอมแพ้ ผู้อาวุโสกระบี่ที่อยู่ข้างในได้แต่ถอนหายใจเท่านั้น
"อสูรสองตัวไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือแม่ทัพที่ไล่ตามเรา จัสตุรัส เต็มไปด้วยนักบ่มเพาะปีศาจและหมอกสีแดงยังไม่ยุบลงไม่มีทางใดที่ข้าจะสามารถหลบหนีได้ "
ซูหยุนกำหมัดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและไม่พอใจ
มันไม่เคยแม้แต่จะคิดว่ามันจะเข้าสู่สถานการณ์เช่นนี้
มันต้องไม่ตาย แผนการของมันเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นมันจะมาตายที่นี่ไม่ได้
ซูหยุน จับจ้องซอยเล็กด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง
ถ้ามันรีบวิ่งเข้าไปในซอยเล็ก ๆ อาจจะมีโอกาสรอด!
"เจ้าหนูในสถานการณ์เช่นนี้เจ้ามีทางเดียวที่จะช่วยตัวเองได้ แต่เจ้าจะต้องใช้ความช่วยเหลือ!"
ผู้อาวุโสกระบี่พูด
"วิธีไหน? โปรดชี้แนะข้าด้วย! "
"บนหลังของเจ้า!" ผู้อาวุโสกระบี่กล่าวเพียงคำพูดสองคำเท่านั้น
หลัง?
ซูหยุนหันควับมองด้วยความสับสนและราวกับว่ามันคิดอะไรบางอย่างใบหน้าของเขาสว่างขึ้น
"ท่านผู้อาวุโสหมายถึง ... กระบี่มรณะ?"
"เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต มีการบ่มเพาะที่สูงส่ง แต่เมื่อมันสู้กับนายหญิงดาราม่วงมันใช้พลังงานไปมหาศาล เจ้าสามารถใช้กระบี่มรณะนี้เพื่อกำจัดมันได้! "
"แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะชักกระบี่มรณะออกมา สิ่งที่ท่านพูดหมายความว่ายังไง? "
ซูหยุน ขบฟัน
"ที่เจ้าไม่สามารถชักมันออกมาได้เพราะว่าเจ้าไม่ได้ทำให้มันพอใจ! เนื่องจากมันไม่พอใจเจ้า แต่เจ้าสามารถลองโน้มน้าวและขอให้ช่วยชั่วคราว! "
ผู้อาวุโสกระบี่พึมพำ
"โน้มน้าวมัน? ง่ายแค่ไหน? "
"มันขึ้นอยู่กับวิธีของแต่ละคน นี่เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยตัวเจ้าเอง หากสวรค์ย้ายได้ทันทีโลกนี้จะมีอะไรที่ยากอีกหรอ? "
ผู้อาวุโสกระบี่ถอนหายใจอีกครั้งว่า "ถึงแม้ว่าข้ายังมีพลังอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะต่อต้าน เจ้าลัทธิวิญญาณโลหิต สิ่งเดียวที่สามารถช่วยเจ้าตอนนี้คือ กระบี่มรณะ และนั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น "
พลันความมุ่งมันฉาบลงบนใบหน้าของมัน
มันมีความคิดอะไรบ้างในขณะนั้น?
ไม่ มันมีวิธีเดียวคือต้องลอง
มันเอื้อมมือของมันไปด้านหลังคว้าด้ามกระบี่มรณะ
แต่…
กระบี่ไม่ขยับออกจาฝักแม้แต่นิ้วเดียวไม่ว่าจะพยายามดึงแค่ไหน
ซูหยุนดึงออกมาด้วยความโมโหแล้วพูดว่า "ข้ารู้ว่าพลังของข้ายังอ่อนแอ แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าตอนนี้! เร็ว ๆ ออกมาจากฝักและช่วยข้า! "
ซูหยุนได้รวบรวมกำลังทั้งหมดของมันและพยายามอีกครั้งหลังจากที่มันทั้งอ้อนวอน แต่กระบี่มรณะยังอยู่ดีในฝักกระบี่
"เย็....เจ้าเถอะ! เจ้าจะออกหรือไม่ออก? "
ช่วยไม่ได้ที่ซูหยุนได้แต่หัวเราะ
"ไอ้ตัวแสบ ... เจ้าอย่าด่ามันสิ! ระวังเจ้าจะทำให้มันโกรธ แล้ว ... มันก็ไม่มีแม่ให้เจ้า.....เย็ "it does not have a mother for you to fuck
.........
.........
วืดดดด! ! ! !
ใช่แล้ว เสียงวืดดดผ่านไป อสุรสองตัวที่โผล่ขึ้นมาจากซอยเล็ก ๆ วิ่งผ่านไป ตะปบมือสี่กรงเล็บของมันไปยังสมองของเขา
ซูหยุนพลิกตัวและหลบการโจมตี
ขณะที่มันลุกขึ้นยืนมันดึงกระบี่พันลึกล้ำเข้าใส่ในฝีกและเอามือจับด้ามกระบี่เอาไว้มันใช้พลังทั้งหมดดึงกระบี่ออกมา
"แกจะเหนือกว่าหรอ ไอ้แม่เย็...ออกมา !! ออกมา! "
ซูหยุน ดึงพลังทั้งหมดออกมา แต่กระบี่มรณะก็ยังไม่ขยับ
เปรี๊ยะ!
ปีศาจกรงเล็บโจมตีอีกครั้ง
สีหน้าของซูหยุนว่างเปล่า แต่มันก็ยังสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีได้
ตูม!!
กรงเล็บมหึมาปะทะเข้ากับพื้น เกิดเสียงดัง ตูม! พื้นดินระเบิดแยกออกจากกัน ลมปราณปีศาจ พุ่งกระฉอกไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ซูหยุน ชักกระบี่พันลึกล้ำออกมาอย่างรวดเร็วตัดปีศาจตัวหนึ่ง แต่เมื่อกระบี่พุ่งตัดผ่าน มันก็ทำให้เกิดบาดแผลบนผิวเล้กๆเท่านั้น
สามกระบี่โจมตีได้ใช้ออกไปแล้วและกระบี่ก็ไม่มีพลังงานอีกต่อไป มันเทียบเท่ากับกระบี่ธรรมดาไม่มีอำนาจเลย
ซูหยุนดีดตัวขึ้นและวิ่ง
"ไอ้สารเลวน้อย !!!!!"
เสียงคำรามดังขึ้นทั่วทั้งลานจัสตุรัส
ซูหยุน เงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าปีศาจที่พุ่ง เป็นพันพันตัวกำลังไล่ตามเขาอีกครั้ง
ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวและนัยน์ตาลุกดชนเป็นไฟ มันไม่อาจรอให้พวกมันเข้ามากัดเนื้อเลาะกระดูกลอกหนัง ...
แม่ทัพของเผ่าปีศาจ
ซูหยุน ใจสั่นระรัว
หากกระบี่มรณะไม่ยอมช่วยเหลือมัน มันจะต้องไปเฝ้ายมบาลแน่!
ซูหยุนกัดฟันกรอดภายในใจจมลึก ภาพที่น่าสยดสยองถูกระบายภายในหัวของมัน
ฝนตกหนักยามวิกาลและหลุมศพที่อ้างว้างบนยอดเขา
มันเป็นดวงตาที่ไร้ความหวังและหมดหวัง
มันเป็นใบหน้าที่พูดถึงความอ่อนเพลียจากความหวัง ...
หากข้าตายไม่มีอะไรจะเปลี่ยนไปทุกอย่างจะกลับคืนมา
พระเจ้าทรงมอบโอกาสให้ข้าหนึ่งครั้ง .. ข้าจะเสียมันไปแบบนี้เหรอ?
"กระบี่มรณะ!"
เขาตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง
"การดำรงอยู่ของเจ้าแค่พียงการสังหารหมู่หรอ?"
คำพูดที่ดุร้ายราวกับว่าก้อนหินกำลังถูกับอีกคนหนึ่งก่อให้เกิดแรงเสียดทานที่เจาะหูของคนอื่น ๆ แต่คำแต่ละคำแูดลากโจมตีของหัวใจคน
"การดำรงอยู่ของกระบี่ไม่ใช่แค่การสังหารเท่านั้น แต่เป็นการป้องกัน"
กระบี่อยู่ระหว่างฟ้าและแผ่นดิน วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการดำรงอยู่ของมันไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในการสร้างเช่นเดียวเป็นเครื่องมือแห่งความตาย "
"ข้าซูหยุน ได้ทำผิดพลาดหลายอย่างและสูญเสียคนที่รัก เมื่อข้าตื่นขึ้นข้าเสียใจทุกอย่าง ข้าสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นปีศาจเพื่อปกป้องคนที่ข้าสูญเสียไปข้าสามารถทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่ข้าห่วงใย ข้ายังสามารถละทิ้งจิตใจของข้าทิ้งจิตวิญญาณของข้าและใช้วิธีที่สกปรกที่สุดในการจัดการกับสถานการณ์นี้ บางทีข้าอาจเป็นคนที่น่ารังเกียจบางทีสิ่งที่ข้าทำไม่ใช่สิ่งที่ประเสริฐ แต่ข้าไม่สนใจเพราะข้ามีมโนธรรมที่ชัดเจนในทุกสิ่งที่ข้าได้ทำ ตราบใดที่คนที่ข้าห่วงใยยังมีชีวิตอยู่ดี นั่นคือสิ่งเดียวที่ข้าต้องการ "
"แล้วแกล่ะ? แกยอมรับแต่คนที่มีพลังเท่านั้นนะหรอ? แกสนใจแค่พลังอำนาจแค่นั้นนะหรอ "
"แกคิดว่าคนที่ตระหนักในศักยภาพของแกมีแต่คนที่มีพลังอำนาจมากๆแค่นั้นนะหรอ? แกคิดว่าคนที่อ่อนแอไม่เหมาะกับแกอย่างนั้นนะหรอ? "
"ถ้าเป็นอย่างนั้นแกก็คิดผิดมหันต์แล้ว!"
"ข้าซูหยุน จะยอมรับว่าข้าอ่อนแอ ข้าแค่เพียงขั้นที่สี่ผลิวิญญาณ แล้วไงล่ะ? ข้าจะอยู่แค่ขั้นที่สี่ผลิวิญญาณ? ข้าจะเป็นคนอ่อนแออยู่อย่างนี้หรือเปล่า? มันไม่แน่ในวันข้างหน้าข้าอาจจะมีพลังที่เหนือกว่ามากมายนัก "
"ตอนนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าไม่ใช่ความเห็นใจ!"
"นี่ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง!"
"ไม่ว่าแกจะออกมาจากฝักหรือไม่ออกมาข้าก็จะสู้ แม้ว่าข้าจะไม่มีทางออกข้าก็ไม่หวั่นเกงแม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งกว่าข้าถึงร้อยเท่า! "
"ข้าก็ไม่กลัว!"
"แต่ว่าแก ... แกกลัวหรอ?"
ซูหยุน พึมพำ แต่มันไม่ได้ดึงดาบในครั้งนี้ มันจ้องมองแม่ทัพของเผ่าปีศาจและอีกสองอสูรที่กำลังวิ่งไปหามัน ...
มันสะสมพลังลมปราณวิญญาณศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ทั้งหมดของมันไว้ในมือของมัน มันตัดสินใจแล้ว
ไม่มีความคิดที่สอง!
แม้ว่ามันปราศจากอาวุธ แต่มันก็จะสู้จนสุดชีวิต
เพราะ…
มันไม่เต็มใจที่จะตาย!
จิตวิญญาณของมันไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้!
ครืดด!...ชิ้ง!
ในขณะนั้นรัศมีของแสงสีดำสาดส่องลงมาจากฝักกระบี่สีดำ ใบมีดสีดำยาวโผล่ออกมาและหมุนวนขึ้นไปในอากาศและแทงลงไปที่พื้นดินตรงหน้าซูหยุน
ฉึก! !
เสียงเกรียดโหยหวนดังขึ้นในทุกทิศทุกทาง! ! ! !
กระบี่มรณะ!
ชื่อ: ปลดปล่อยกระบี่!
แปลไทยโดย : SwordGod