ตอนที่ 20 ด้านนอกของสถาบัน 2
ธีโอนั้นพยักหน้าทันที มันเป็นข้อเสนอที่ไม่อาจต้านทานได้ และจากนั้นก็เขียนข้อมูลลงใบเชิญนั้นทันที
ผู้คนที่จะเข้าร่วมนั้นต้องพิสูจน์ตัวตนอย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้ธีโอจึงใช้เวลานานในการเขียนชื่อของพ่อแม่ไปยันปู่ทวดของเขา อย่างไรก็ตามในที่สุดดธีโอก็กรอกข้อมูลเสร็จทั้งหมด
วินซ์รับใบเชิญคืนจากธีโอก่อนจะพยักหน้าให้
“...โอเคร ถูกต้อง เมื่อปีที่แล้วมีจอมเวทย์คนนึงได้เขียนชื่อสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งของเขาผิดไปหนึ่งตัว เขาถูกลากออกไปในทันที”
“ฟู่ มันละเอียดมาก”
“งานประลองเวทมนต์เป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก การรักษาความปลอดภัยในระดับนี้จึงเป็นเรื่องปกติ”
มีสายสืบจากชนชาติต่างๆที่พยายามเข้าไปสอดแนมภายในราชอาณาจักร ดังนั้นพวกเขาจึงต้องตรวจอย่างละเอียด ธีโอ ตรวจแบบฟอร์มอีกครั้ง มันไม่มีส่วนไหนที่ผิดแล้ว
ใบหน้าของธีโอนั้นดูล้าเนื่องจากต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการกรอกใบสมัครนี้
วินซ์ยิ้มให้เขาและพูดว่า “ธีโอดอร์ เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงพาเธอไปงานประลองเวทมนต์?”
ธีโอพยายามหาคำตอบ แต่เขาก็คาดเดาไม่ได้
“สิ่งที่สำคัญนั้นคือต้องแยกความแตกต่างระหว่างความรู้และความไม่รู้ แต่การทำความเข้าใจในสิ่งที่เธอไม่รู้นั้นสำคัญที่สุด เธอมีพรสวรรค์อย่างมากในการเป็นจอมเวทย์”
“ขอบคุณครับ”
“เอาละฉันจะอธิบายให้ฟัง”
เขาวางหนังสือเล่มหนาลงบนโต๊ะ ธีโอ มองไปที่ปกหนังสือมันมีตราสัญลักษณ์ที่คุ้นเคนเป็นอย่างดี มันคือหนังสือคู่มือกฏระเบียบของสถาบัน เบอร์เก้น เขาเก็บมันไว้ในตู้ เขาไม่คิดจะอ่านมันเลยเนื่องจากมันไม่เกี่ยวกับการทดสอบ
วินซ์นั้นหัวเราะกับท่าทางสับสนของธีโอ
“เธอคงกำลังสงสัยว่าฉันนำหนังสือเล่มนี้ออกมาทำไม”
จากนั้นเขาก็เปิดหนังสือและชี้ไปที่มุมหนึ่งของหน้านั้น ธีโอ มองไปที่นิ้วของเขาและอ่าน
[มาตรา 38:12 นักเรียนของสถาบันนี้จะได้รับใบจบหลังจากเรียนครบสามปีครึ่ง อย่างไรก็ตามมีข้อยกเว้นถ้านักเรียนคนใดได้รับรางวัลระดับ3ขึ้นไป ในงานประลองเวทมนต์ ที่จัดขึ้นโดย Magic Society ผู้ชนะสามารถรับใบจบเมื่อใดก็ได้ตามที่ต้องการ
ธีโออ่านมัน แต่เข้าก็ยังไม่เข้าใจ
“ศาสตราจารย์ นี่....?”
“เธอน่าจะเดาได้แล้ว ฉันไม่คิดว่าเธอจะได้รับอะไรอีกจากสถาบันนี้”
“นั่น....”
ธีโอ นั้นพูดไม่ออกเนื่องจากมันเป็นความจริง เขารู้สึกเบื่อมาก ความรู้ทางทฤษฐีของธีโอนั้นเทียบเท่ากับพวกอาจารย์แล้ว นี่เป็นปีที่สามแล้วที่เขาซ้ำชั้น มันจึงทำให้เขาเบื่อหน่ายมาก
“นอกจากนี้เรื่องของเธอได้กลายเป็นประเด็นพูดคุยในสถาบันแล้ว”
ศาสตราจารย์วินซ์ไม่ได้มองธีโอเป็นนักเรียนแต่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับเขา
“เธอจำอาจารย์ที่พยายามไล่เธอออกได้ไหม? พวกเขาเป็นคนที่บ้าอำนาจและภูมิใจกับฐานะของพวกเขา พวกโง่เหล่านั้นไม่เคยเสียใจในการกระทำของพวกเขา พวกเขาจะตำหนิคนอื่นแทน”
“..อ่า”
ธีโออดไม่ได้ที่จะนึกถึงศาสตราจารย์ เบอร์นาร์ด
“มันจะดีกว่าถ้าเธอทิ้งระยะห่างระหว่างพวกนี้ อย่างไรก็ตามฉันกำลังจะไปเมืองหลวงในเร็วๆนี้ ถ้าเธอจบการศึกษาได้เร็ว เธอก็จะสามารถไปอยู่ในที่ๆดีกว่าสถาบันแห่งนี้ได้”
“ผมเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดครับ”
เมืองหลวงของอาณาจักร เมลเทอร์ Mana-vil…
มันเป็นเมืองที่มี สี่หอคอยเวทมนต์และสถาบันเวทมนต์หลวงอยู่ ไม่มีจอมเวทย์คนใดในทวีปที่ไม่รู้จักชื่อเหล่านี้และไม่มีใครที่ไม่เคารพ Mana-vil เมืองที่ล้นไปด้วยอุปกรณ์เวทย์ทุกประเภท หนังสือเวทมนต์มากมาย และจอมเวทย์ที่มีพรสวรรค์...
ธีโอดอร์ ได้แต่ถามว่า “แต่ผมจะสามารถชนะงานประลองเวทย์ได้งั้นหรอ? ผมอาจจะมี ความตะกละ แต่ผมยังอยู่แค่วงกลมที่3”
“ปกตินั้น เป็นไปไม่ได้หรอก” วินซ์เห็นด้วยกับคำพูดของธีโอ “แต่มันจะแตกต่างกันเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเธอ แม้แต่การ์เซียร์นั้นก็ไม่สามารถเทียบกับพวกนั้นได้ แต่ด้วยทักษะของเธอ เธอสามารถจัดการกับเวทมนต์ขั้น4ได้ การต่อสู้กับนักเรียนคนอื่น เธอจะชนะแน่นอน”
“มันมีการแบ่งส่วนงั้นหรอ”
“ถูกต้อง งานประลองเวทมนต์ที่ฉันพูดถึงนี้มีเพียงแค่ผู้ติดตามที่สามารถเข้าร่วมได้ และพวกเขาก้เป็นนักเรียนเช่นเดียวกันเธอ”
แม้ความแตกต่างระหว่าง วงกลมที่3และ4 นั้นจะแตกต่างกันอย่างมาก แต่สำหรับธีโอนั้นมันผิดปกติไป เขามีความสามารถในการจดจำ และประสาทสัมผัสที่ดี ที่ได้มาจากอัลเฟรด เป็นการรับรู้ที่จอมเวทย์คนอื่นๆสามารถทำได้ ถ้าได้อยู่ในสนามรบมานับสิบปี มันเป็นประโยชน์อย่างมาก เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าถ้าเขาใช้มันในงานประลองจะเป็นเช่นไร
ความจริงนั้น ถ้าธีโอดอร์ สามารถที่จะใช้ เมจิก มิซไซส์ ของอัลเฟรดได้อย่างเต็มที่ละก็แม้จะเป็นผู้ใช้เวทย์ขั้น4 เขาก็ไม่กลัว
“ผมจะพยายาม”
“ดีฉันสามารถเติมเต็มในส่วนที่ขาดของเธอได้”
ราวกับว่าวินซ์กำลังรอคำตอบนี้ เขาเปิดหีบของเขา
“Magic Society นั้นได้คิดค้นเวทย์ทำสำเนาขึ้นมาเมื่อ50ปีก่อน และได้บอกว่ามันไม่มีความแตกต่างกันเลย มันยากที่จะหาความแตกต่างได้ ดังนั้นการแยกระหว่างต้นฉบับและสำเนานั้นไม่สามารถทำได้โดยใช้วิธีธรรมดา แต่คนก็มักจะหาวิธีแยกมันเสมอ เอาละ เธอรู้ไหมนี่คืออะไร?” เขาหัวเราะพร้อมส่งหนังสือให้กับธีโอ
“การทำสำเนานั้นไม่สามารถใช้กับหนังสือที่เป็นฉบับสำเนาด้วยกันได้ ดังนั้นคุณจะรู้ได้โดยการใช้เวทย์ทำสำเนา เป็นเคล็ดลับที่เรียบง่าย หนังสือต้นฉบับนั้นมีมูลค่าขั้นต่ำถึง50เหรียญทอง”
ราคาของหนังสือเวทมนต์ปกตินั้นอยู่ที่ประมาณ 1 เหรียญเงิน ดังนั้นมันจึงเป็นราคาที่สูงมาก มันมีแค่คนที่เป็นนักสะสมเท่านั้นแหละที่จะซื้อมัน อย่างไรก็ตาม วินซ์ ไม่สนใจในเรื่องนี้ เขาจะไม่มีวันซื้อหนังสือเล่มนี้ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ ธีโอดอร์ ต้องการ
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของธีโอ นั้นรุนแรงกว่าที่ วินซ์ ได้คาดไว้
“ผะ-ผมสามารถประเมินมันได้ไหม?”
“แน่นอน”
ธีโอจับมันอย่างระมัดระวัง ถ้ามันเป็นแบบเดิม มันจะมีความสามารถพิเศษเหมือนกับ อัลเฟรด[Balistic Magic] เขาสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะสัมผัสกับหนังสือด้วยมือซ้าย
“ประเมิน”
ลิ้นยื่นออกมาและเลียไปที่หน้าปกของหนังสือ
[เวทมนต์ธรรมชาติเบื้องต้น]
[หนังสือเล่มนี้อธิบายเกี่ยวกับธาตุทั้ง4อย่างละเอียด เป็นหนังสือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความเข้ากันได้ ระหว่างจอมเวทย์กับธาตุต่างๆ วิธีการอัญเชิญและทำสัญญากับ ธาตุ และแนวคิดเกี่ยวกับเวทย์ธรรมชาติ ผู้เขียน ไมล์ดัล ได้รับการขนานนามว่าเป็นจอมเวทย์สายธรรมชาติ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเป็นคนที่สามารถเรียกราชาแห่งธาตุออกมาได้
*ความเข้าใจของคุณสูงมาก (95.4%)
*ระดับของหนังสือเล่มนี้คือ ‘หายาก’
*เมื่อกินแล้ว ความเชี่ยวชาญ เวทย์ธรรมชาติ จะเพิ่มขึ้น
*นี่คือต้นฉบับที่เขียนโดยผู้เขียนโดยตรง เมื่อกินแล้ว ความสัมพันธ์ของธาตุที่เข้ากันได้กับคุณจะเปิดขึ้น มีโอกาสเล็กน้อยที่คุณจะทำสัญญากับธาตุได้]
‘ความสัมพันธ์กับธาตุ!’
ปากของธีโอเปิดขึ้นทันที เขานั้นอ่านหนังสือเล่มนี้มาหลายครั้งแล้วในห้องสมุด
อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่หนังสือต้นฉบับ เขาเคยกินมันแต่ก็ไม่ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์กับธาตุให้เขา และ ศาสตราจารย์วินซ์ได้ให้ของขวัญเช่นนี้กับเขา?
“นี่เป็นหนังสือที่มีเพียงเล่มเดียว มันอยู่ในระดับใด?” วินซ์พูดด้วยเสียงต่ำ
ในที่สุด ธีโอก็ตระหนักถึงจุดประสงค์ของของขวัญชิ้นนี้
เมื่อสัปดาห์ก่อนธีโอได้สารภาพความลับของเขาให้วินซ์ได้ฟังและเซ็นสัญญากัน เพื่อที่เขาจะได้รับความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากเจ้าของ ความตะกละ
-วินซ์ ไฮเดล จะให้ หนังสือเวทมนต์หรืออุปกรณ์เวทย์ต่างๆแก่ ธีโอดอร์ มิลเลอร์
-ธีโอดอร์ มิลเลอร์ จะให้สิทธิ์ในการถามคำถามแก่ วินซ์ ไฮเดล
“มันอยู่ในระดับหายาก”
“ฉันยังมีอีกสองเล่ม ฉันจะให้มันในภายหลัง”
มันอาจะเป็นไปได้ว่าจะเป็นระดับหายากทั้งสามเล่ม หรือจะมีระดับ ล้ำค่า โผล่มา
“นั่นคือเรื่องทั้งหมดในวันนี้”
ดูเหมือนจะจบแล้ว
วินซ์ หยิบกระดาษที่เขาวางไว้บนโต๊ะพร้อมพูดว่า “เราจะออกเดินทางไปเมืองหลวงภายในสามวัน ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม”