ตอนที่ 33 หลี่เชี๋ยว
หากว่าเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง หลี่ฉิงชาน มั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะหยางจูนได้ภายในสิบกระบวนท่าหรือแม้กระทั่งฆ่าเขาได้
“ฮึ่มมมม ในเมื่อเจ้าไม่อยากดื่มอวยพรดีๆเช่นนั้นจงดื่มเหล้าขมๆไปแล้วกัน”หยางจูนกำลังออกคำสั่งให้จับหลี่ฉิงชาน แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องดีที่จะไปยุแหย่หมู่บ้านม้า ทว่าเพียงพวกเขาทำลายซากศพและลบหลักฐานทุกอย่างภายในภูเขาลึกเช่นนี้ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะหลุดออกไป
ร่างของหลี่ฉิงชานแข็งเกร็งทันที เขาวางแผนที่จะเข้าไปจับผู้นำของพวกเขาก่อน แม้ว่าเขาเสี่ยงที่จะโดนดาบเขาก็จะจับหยางจูนให้ได้ก่อนแล้วเขาคิดถึงส่วนที่เหลือในภายหลัง
ทันใดนั้นก็มีบางคนพูดขึ้นมา“นายน้อย ธนูที่หลังเขาดูเหมือนว่าจะเป็นธนูผ่าศิลา”
“อะไรนะ ธนูผ่าศิลา!!”หยางจูนหยุดกระทำทุกอย่างทันทีและเริ่มประเมินธนูคันใหญ่ที่หลี่ฉิงชานสะพายไว้ เขาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของอาวุธที่ดีของคนที่มี่ชื่อเสียงรอบๆเมืองอาทิตย์อัสดง“เจ้าไปเอาธนูนี่มาจากไหน”
“แน่นอนว่ามันเป็นของรางวัลจากหัวหน้านักล่า”หลี่ฉิงชานกล่าว
ใบหน้าของหยางจูนพลันแปรเปลี่ยนเป็นไม่แน่ใจ เขาเคยได้ยินและได้เห็นสิ่งต่างๆในสำนัก เขารู้ทุกอย่างที่เขาต้องรู้ คนที่จะได้รับอาวุธนี้น่าจะเป็นผู้สืบทอดของเสือป่วยสีเหลืองซึ่งเป็นหัวหน้ารุ่นต่อไปของหมู่บ้านม้า
หากคนดั่งกล่าวตาย หมู่บ้านม้าคงไม่อยู่นิ่งแน่ หากเขาต้องการจะเสี่ยงใช้พลังทั้งหมดเพื่อการแก้แค้น กับดักและลูกธนูที่ซ่อนอยู่ไม่ว่าอย่างใดก็รับมือยาก เขาไม่สามารถกระตุ้นให้ปัญหาเช่นนี้ได้เพียงเพราะความโกรธชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น เขาสลัดมือ“เจ้าเด็กน้อย อย่าปล่อยให้ข้าพุ่งเข้าไปหาเจ้าอีกครั้ง”
ในชั่วพริบตา พวกเขาทั้งหมดหายไปอย่างไร้ร่องรอยและมีเพียงหลี่ฉิงชานเหลืออยู่บนเขาคนเดียว แม้ว่าเขาจะไม่สามารถอ่านใจได้ เขายังคงคาดเดาได้ว่าอีกคงฝ่ายกลัวพลังอำนาจของหมู่บ้านม้า
เมื่อคนแปลกหน้าเห็นเจ้า สิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช้รูปร่างท่าทางของเจ้า แต่เป็น อำนาจ ความแข็งแกร่ง และความมั่งคั่งของเจ้า แม้ว่าหลี่ฉิงชานบรรลุถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับสาม แต่สิ่งที่เขาพึ่งพาเพื่อหนีออกจากอันตรายตรงหน้าคือธนูบนหลังเขา เขากล่าวเบาๆและเต็มไปด้วยความโกรธ“ข้าจะไม่ใช้บุรุษอีกต่อไปหากข้าไม่สามารถแก้แค้นความเกลียดชังครั้งนี้ได้ ข้าหลี่ฉิงชานจะไม่อยู่ใต้เท้าใครและก็ไม่มีทางจะใช้ชีวิตอยู่ใต้ชื่อเสียงของผู้อื่น”
แต่เดิมเขาไม่ได้เห็นด้วยกับคำพูดของวัวสีเขียว“แม้จะมีความเกลียดชังเพียงเล็กน้อยแต่มันจะต้องได้รับการแก้แค้น”เขารู้สึกว่าบรุษตัวจริงควรจะใจกว้าง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าความแค้นในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างเกิดมาเพราะเรื่องเล็กน้อยๆกลายเป็นศัตรูที่ไม่มีวันหยุดจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง
หลี่ฉิงชานกลับมาที่หมู่บ้านวัวหมอบหลังจากเขาจากไปนานกว่าหนึ่งเดือน เขาได้ยินเสียงเอะอะบ้างอย่างในบ้านเขาก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไปในประตู“หรือว่าเป็นขโมย? ข้าอยากจะเห็นจริงๆโจรแบบไหนที่กล้ามาขโมยของบ้านข้า”ความโกรธที่ระอุอยู่ในอกของเขายังไม่หายไป เขาพุ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วและจับชายคนนั้นทันที ชายคนนั้นเจ็บปวดแล้วหันหน้าไปหาเขา
ดวงตาทั้งสี่จ้องมองกัน
“ลุงหลี่ผู้มั่งคั่ง”
“หลี่เอ๋อร์”
“มาทำอะไรในบ้านข้า”
“หลี่เอ๋อร์ เจ้ายังไม่ตาย”
หลี่ฉิงชานมองไปรอบๆห้องถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยู่มากกว่าหนึ่งเดือนในห้องไม่มีฝุ่นเกาะเลยแม้แต่นิด เขารู้ว่าหลี่ผู้มั่งคั่งไม่ได้มาเพื่อขโมยของ แต่มาช่วยทำให้บ้านสะอาดเรียบร้อย
“แน่นอนว่าข้ายังไม่ตาย ทำไมถึงพูดเช่นนั้น”
เขาก็รู้บางอย่างหลังจากพูดคุย ตอนแรก ไม่มีข่าวเกี่ยวกับหลี่ฉิงชานเลยหลังจากเขากลับมาจากเมืองซีดาร์ คนในหมู่บ้านบางคนเห็นเขามีการต่อสู้กับหมู่บ้านม้าในตลาดดังนั้นพวกเขาทั้งหมดที่ได้เห็นเรื่องนั้นต่างกล่าวว่าเป็นความโชคร้าย
หลี่ผู้มั่งคั่งเลยเผากระดาษเงินให้เขาและร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง
หลี่ฉิงชานไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี“ข้ายังไม่ตายและเตะกลับไปด้วย หัวหน้านักล่าของหมู่บ้านได้เชิญข้าไปในฐานะแขกของหมู่บ้าน ข้าก็เลยที่นั้นอยู่สองสามวัน”
หลี่ผู้มั่งคั่งไม่คิดว่าเขาจะสามารถรอดได้แม้กระทั่งหลังจากเข้าไปในหมู่บ้านม้าที่เป็นดั่งสระน้ำของมังกระและถ้ำเสือ เกี่ยวกับคำพูดที่หัวหน้านักล่าเชิญเขาไปเป็นแขก เขาไม่ได้ใส่ใจ ในสายตาเขา หลี่ฉิงชานดูดุร้ายมาก แต่ก็ยังคงอีกห่างไกลหากเทียบบุคลิกของเสือป่วยสีเหลืองเขาไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรเพียงแต่ถามซ้ำไปซ้ำมา“ดีแล้ว! ดีแล้ว!” ทำให้หลี่ขยับเล็กน้อย ณ ตอนนั้นเขาไม่ได้ช่วยคนผิดจริงๆ
แต่สีหน้าของหลี่ผู้มั่งคั่งจู่ๆกลายเป็นกระวนกระวาย“เจ้ารีบออกไปก่อนจะดีกว่า อย่าให้คนในหมู่บ้านรู้”
“อะไรอีกคราวนี้?”
“ลูกคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านได้กลับมา เขากล่าวว่าเขากำลังจะสร้างปัญหาให้กับเจ้า!”
“หลี่ เชี๋ยว!”
ลูกชายคนโตของหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ยังเป็นพี่ของหลี่เป๋าและหลี่หู่ หลี่ฉิงชาน พูดไม่ได้ว่าไม่คุ้นเคยกับชื่อของเขา ในทางตรงกันข้าม ชาวบ้านได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของเขามากมายจนหูแทบชาเลยทีเดียว
หลี่เชี๋ยวไม่ได้แก่กว่าเขามากนัก แต่มีข่าวลือกันว่าพวกคนชั้นสูงชื่นชอบเขา เมื่อตอนเด็กขณะที่เขากำลังเล่นอยู่นอกบ้าน ได้มีคนมาพาไปที่เมืองอาทิตย์อัสดงเพื่อฝึกฝนวิชา เขาเพิ่งกลับมาถึงในช่วงปีใหม่หรือช่วงเทศกาล เขาเจอหน้าหลี่ฉิงชานสองสามครั้งแต่ไม่เคยแม้แต่จะพูดกันสักคำ
ในสายตาของชาวบ้านนี่เป็นคนที่เยี่ยมยอดที่สุดที่ออกจากหมู่บ้านวัวหมอบไปยังเมืองอาทิตย์อัสดงและทำบางสิ่งบางอย่างให้ตนเอง ถ้ามีหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานในครอบครัวใด ๆเธอหวังว่าจะได้เป็นคู่หมั้นของเขา เมื่อรวมกับลูกชายของพ่อบ้านหลิวทั้งคู่ได้รับการตั้งชื่อว่า“คู่วีรบุรุษแห่งหมู่บ้านวัวหมอบ”(เดียวโดนตบแน่!)
แน่นอนว่าตอนนี้หลี่ฉิงชานปรากฏตัวออกมาแล้วบางทีพวกเขาควรจะเรียกว่า“สามวีรบุรุษแห่งหมู่บ้านวัวหมอบ”แต่หลี่ฉิงชานยังไม่ได้ไปเห็นสิ่งต่างๆในโลกและยังไม่เคยไปเมืองอาทิตย์อัสดง ดังนั้นคำว่า“สามวีรบุรุษ”คงต้องยืดออกไปอีกสักหน่อย
หลี่ฉิงชานกล่าว“ข้าเกรงกลัวเขารึ!”ไม่เพียง แต่ไม่กลัวเขายังองการไปหาประสบการณ์กับคนคนนั้นด้วยตนเอง เขาไม่สนใจคำพูดของหลี่ผู้มั่งคั่งและลากขาตนเองไปบ้านหัวหน้าหมู่บ้านหลี่
ภายในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน มีชายหนุ่มผมสั้นยาวเพียงหนึ่งนิ้วกำลังตำหนิหัวหน้าหมู่บ้านหลี่“คนๆหนึ่งกล้าที่จะมาระรานข้ามหัวเรา ท่านยังอ่อนแอเช่นนี้อยู่อีกหลังจากใช้ชีวิตมานานถึงเพียงนี้แล้ว”จากนั้นเขาก็ชี้ไปทางหลี่หู่และหลี่เป๋า“เจ้าทั้งสองเยี่ยมจริงๆปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เข้ามาข่มขู่ถึงในบ้านเรา”
เขาเติบโตมาในเมืองอาทิตย์อัสดงและเขามีประสบการณ์มากมาย เขายังเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนของเมืองอาทิตย์อัสดงและในขณะนี้เขาใช้วิสัยทัศน์ของ ‘คนเมือง’เพื่อดูเรื่องราวของหมู่บ้าน เขามีการดูถูกโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่กำเนิด ไม่เพียงแต่เฉพาะหลี่ฉิงชานแต่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับหมู่บ้านวัวหมอบ
เขาไม่ได้เป็นชายหนุ่มอีกต่อไปแล้วแต่กลับไม่เคยหาภรรยา ครอบครัวของเขาก็เคยกังวลและพยายายามหาคู่ให้เขา แต่มีเพียงคำว่าปฏิเสธที่ติดอยู่บนปากของเขา ปัจจุบันเขาไม่ใช่คนที่สาวในหมู่บ้านคู่ควรแล้ว
หัวหน้าหมู่บ้านหลี่ที่เต็มไปด้วยอำนาจในหมู่บ้านเป็นผู้ยอมในเวลานี้“อย่าได้โมโหไปเลยลูกชายของข้า ยังไงตอนนี้เจ้าเด็กนั้นก็ตายไปแล้ว”
“เขาไปตอแหย่หมู่บ้านม้า นั้นเป็นเหมือนการแกว่งเท้าหาความตาย นั้นก็เกินพอสำหรับบทเรียนของเขาแล้ว”
หลี่หู่หดคอกลายเป็นคนไม่เถียงใครแต่หลี่เป๋ากล่าว“พี่ใหญ่ พี่ไม่ให้เราเรียนวิชา หมัดประตูเหล็ก เราจึงถูกรังแกในหมู่บ้าน”
หลี่ เซี๋ยวถลึงตามองไปที่เขา“นั้นเป็นเพราะคุณสมบัติของเจ้ายังมีไม่พอ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงคนตะโกนจากข้างนอก“หลี่ฉิงชานยังไม่ตาย หลี่ฉิงชากลับมาแล้ว”
หลี่เซี๋ยวยืนขึ้น
คนที่พูดข่าวนี้ได้ก่อให้เกิดลูกคลื่นใหญ่ในหมู่บ้านที่เงียบสงบแล้ว“หลี่ฉิงชานไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน” จากนั้นทุกคนในหมู่บ้านก็กำลังออกไปดูการประลองที่สุดยอดครั้งนี้ระหว่างวีรบุรุษคนแรกและคนที่สาม
ภายใต้แสงแดดสดใส หลี่ฉิงชานและหลี่เชี๋ยวต่างมองหน้ากันและกัน ขณะที่ชาวบ้านทุกคนกลั้นลมหายใจราวกับว่ากลัวที่จะรบกวนพวกเขา
หลี่หู่และหลี่เป๋ายืนอยู่ข้างหลี่เชี๋ยวเพื่อจะสนับสนุนเขา จากนั้นหลี่เชี๋ยวได้โบกมือให้ทั้งสองถอยออกไป“หลี่เอ๋อร์ มันนานมากแล้วที่เราไม่เจอกันเจ้าโตขึ้นมา”
นี่คือน้ำเสียงที่ใช้โดยหัวหน้าคนต่อไป ชาวบ้านทุกคนคิดว่าเขามีคุณสมบัตินี้
พวกเขากระซิบกันไปมา“ตอนนี้หลี่เอ๋อร์มีปัญหาใหญ่แล้ว”
“ใช้ หลี่เชี๋ยวไม่ใช่อันธพาลเช่นหัวล้านหลิวจะเอามาเปรียบเทียบได้”
หลี่ฉิงชาน ไม่ได้ตอบน้ำเสียงนี้ เขาสังเกตเห็นว่าหลี่เชี๋ยวตัวสูงใหญ่ แขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามใหญ่โตและดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ เพียงแค่ยืนเขาก็เปล่งประกายไปด้วยพลังมากมาย แต่สัญชาตญาณของเขาบอกกับเขาว่าชายคนนี้ไม่แข็งแกร่งเท่าเสือป่วยสีเหลือง
มีกลุ่มลับแล้วนะ