ตอนที่แล้วAST บทที่ 165 - ราชันย์สงครามแห่งนิกายกระบี่นภา กงซุน ซานเชียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 167 - ถูกท้าประลองโดยผู้ฝึกตนโฮ่วเทียน

AST บทที่ 166 - ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้พิทักษ์


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 166 - ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้พิทักษ์

"เจ้าเด็กเสเพล เจ้าคิดจะพูดเรื่องไร้สาระอย่างนั้นรึ? เดี๋ยวข้าก็ตีเจ้าหรอก?"อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยประทับใจ

"อาจารย์ ในตอนนั้นท่านด้วยช่วยเหลือข้าเป็นอย่างดี ดังนั้นในวันนี้ข้าจึงมีของขวัญมาให้ท่านอาจารย์"ชิงสุ่ยหยิบผลเสริมปราณ ผลเสริมความว่องไว และยาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็ก 2 เม็ด ที่เขาได้เตรียมไว้ออกมา

"เอ๊ะ……? นี่มันผลอัคคีผลาญศตวรรษกับผลวายุกระจ่าง เจ้าเอาสิ่งของมีค่าเหล่านี้มาได้อย่างไร?"อีเย่เจี้ยนเก้อถามด้วยความประหลาดใจ

"ข้าไปหามันมาเอง …... หวังว่าอาจารย์จะไม่รังเกียจ….."

อีเย่เจี้ยนเก้อฟังคำพูดของชิงสุ่ยและหัวเราะออกมาอย่างชัดเจน ชิงสุ่ยรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างไม่อาจอธิบายได้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเธอ

"เจ้าช่างกล้าเล่นลิ้น เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าเพียงบังเอิญเจอผลไม้เหล่านั้นที่ใช้เวลาบ่มกว่า 100 ปี?"แล้วสิ่งนี้ล่ะคืออะไร?"อีเย่เจี้ยนเก้อชี้ไปยังขวดกระเบื้องที่บรรจุยาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็ก 2 เม็ดอยู่ภายใน

"ข้าได้ฝึกฝนวิธีแห่งการเป็นนักปรุงยาและข้าก็ได้ฝึกฝนการใช้งานหม้อกลั่นยาเพื่อกลั่นยาเม็ดนี้ออกมา และนี่คือยาเม็ดทั้ง 2 เม็ดที่ข้ากลั่นขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อท่าน และเพื่อแสดงความเคารพ"ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาตอบอย่างจริงจัง

อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มและมองไปทางชิงสุ่ยโดยไม่พูดใดๆออกมา

ชิงสุ่ยไม่สามารถอดทนต่อกันเงียบไม่พูดอะไรของเธอได้ เขาจึงบอกต่อไปว่า "ยาเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็กนี้ จะสามารถช่วยให้ผู้ที่กินมันเข้าไปเพิ่มพลังการบ่มเพาะได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์"

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอีเย่เจี้ยนเก้อ มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจและสับสน

"มันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าคิดว่าเจ้าควรจะเก็บสิ่งนี้ไว้แก่ตัวเจ้าเอง สิ่งนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทักษะที่ต้องมี"

ชิงสุ่ยอึ้งตะลึงกับคำตอบก่อนที่เขาจะตอบกลับ "ทุกคนสามารถกินยาเม็ดนี้ได้สูงสุดเพียงแค่ 2 เม็ดเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าข้าเก็บไว้กินเองมันก็คงเสียเปล่า เพราะว่าข้าได้กินมันไปแล้ว และผลที่ได้ก็ค่อนข้างดีอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงเก็บมันเอาไว้เป็นของขวัญพิเศษแก่ท่าน แต่ตอนนี้มันก็เหลือไม่มาก ข้าก็ได้ส่งมันส่วนหนึ่งไว้ให้กับท่านผู้อาวุโสเมื่อตอนเย็นแล้ว ข้าก็ไม่ได้มีพอให้สำหรับผู้อาวุโสคนอื่นๆ"

อีเย่เจี้ยนเก้อไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่ชิงสุ่ยแต่มีความสามารถในการปรุงยาด้วย เธอรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นเป็นศิษย์ที่พิเศษอย่างมาก และทุกอย่างรอบตัวเขาล้วนเป็นปริศนา

อีเย่เจี้ยนเก้อพาชิงสุ่ยออกเดินเล่นสบายๆไปรอบรอบหุบเขาหมอกเมฆา ในระหว่างการเดินเล่น ชิงสุ่ยมองดูเทพธิดาอีเย้เจี้ยนเก้อและสูดรับกลิ่นอากาศที่แสนบริสุทธิ์ของหุบเขาหมอกเมฆา มันจึงทำให้ชิงสุ่ยอดตั้งคำถามไม่ได้ "ท่านอาจารย์ ทุกวันนี้ท่านยังจำเป็นต้องกินอาหารอีกหรือไม่?"

อีเย่เจี้ยนเก้อมองไปที่ชิงสุ่ยพูดถึงตั้งคำถามด้วยความงุนงง และสุดท้ายอาจารย์ของเขาก็หัวเราะออกมา "ข้ายังเป็นมนุษย์อยู่ ดังนั้นข้าก็ยอมต้องกินอาหารในทุกๆวัน หรือว่าข้าทำผิดพลาดอะไรไป?"

"ข้าคิดว่าท่านอาจารย์ของข้าสามารถละทางโลกได้แล้ว เพราะทุกคนต่างเห็นว่าท่านอาจารย์ของข้านั้นเปรียบดั่งเทพธิดา ซึ่งเหล่าเทพธิดามักจะได้รับผลไม้อมตะที่อยู่ในหุบเขาลึกมันจึงทำให้เทพธิดาเหล่านั้นไม่ต้องกินอาหารใดๆ"ชิงสุ่ยลูบจมูกของเขาพร้อมแสดงอาการเขินอายเล็กน้อย

"เทพธิดา? มันฟังดูเหมือนคนเถื่อนเลยนะ นี้ข้าควรจะขอบคุณในคำชมเชยของเจ้าที่เปรียบข้าเหมือนไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นหรือ?  เพื่อเป็นการลงโทษ ข้าจะให้เจ้าไปเตรียมอาหารสำหรับค่ำคืนนี้ และมันจะต้องรสชาติดีกว่าตอนที่ข้า ไปเยือนตระกูลชิงของเจ้าก่อนหน้านี้" อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มอย่างมีความสุข

"ไม่มีปัญหา!!!"

ในคืนนั้น ชิงสุ่ยใช้ประโยชน์จากผลสุคนธ์มอมเมา เพื่อเสริมรสชาติอาหารบนโต๊ะให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น สิ่งนี้ทำให้อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกประทับใจอย่างมาก เนื่องจากเธอไม่ได้คิดว่าชิงสุ่ยจะมีทักษะในการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มาก่อน ตอนงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ตระกูลชิงมันถูกเตรียมโดยแม่ของเขา เธอเองก็ไม่คิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะสามารถทำแบบเดียวกันได้ อีกทั้งยังมีกลิ่นที่หอมและมีรสชาติมาตรฐานที่สูงกว่าเสียอีก

ในยามราตรี ชิงสุ่ยกลับเข้าสู่ห้องพักโดยเลือกห้องพักตามใจชอบ

ในวันที่ 2  หลังจากที่ชิงสุ่ยเสร็จสิ้นการฝึกฝนในช่วงเช้า ระฆังในห้องโถงกลางก็ดังขึ้น  สิ่งที่ไพเราะและดังกังวานกึกก้องไปไกลนับ 10 ลี้ หากอยู่ใกล้หรืออยู่ภายใต้ระฆังเสียงที่ดังสนั่นคนผู้นั้นจะต้องหูหนวกในทันที

"ชิงสุ่ย เราไปกันเถอะ ผู้นำนิกายได้เตรียมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการให้เจ้ากับอูซวง และมีพิธีเสนอชื่อเจ้าเข้าสู่ฐานะผู้พิทักษ์!!!"อีเย่เจี้ยนเก้ออธิบายขณะที่ชิงสุ่ยอยู่ข้างๆเธอ

"ทุกครั้งที่ข้าจะต้องไปที่นั่น ข้าจะต้องพึ่งพาอาจารย์ในทุกครั้งเลยใช่หรือไม่?"ชิงสุ่ยถามขณะที่พวกเขากำลังขึ้นไปบนหลังของนกกระเรียนหิมะขาว

"ใช่ ดังนั้นหลังจากนี้เจ้าจงเชื่อฟังข้า มิฉะนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวภายในหุบเขาหมอกเมฆา"

ชิงสุ่ยกำลังฟังเสียงที่แสนจะศักดิ์สิทธิ์ของอาจารย์เทพธิดาซึ่งกำลังบรรยายหัวข้อวิธีการ มันยิ่งทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและอิสระ เขารู้ดีว่าผู้คนมากมายย่อมอิจฉาเขาที่ได้เป็นศิษย์ของอีเย่เจี้ยนเก้อ ผู้คนมากมายจะต้องพูดคุยเกี่ยวกับการปรากฏตัวของเทพธิดาคนนี้ ซึ่งแน่นอนพวกเขาย่อมอยากได้ยินเสียงสวรรค์ของเธอในทุกๆวัน

เมื่อมาถึง มีกลุ่มคนกำลังจัดระเบียบแถวอยู่ด้านหน้าห้องโถงใหญ่ ดูเหมือนว่ามันจะไม่แออัดเท่าไหร่เมื่อมองจากเบื้องหน้าของห้องโถงใหญ่ ผู้คนยืนเรียงแถวกันเป็นจำนวนหลายแถว จากการมองดูและคาดคะเนของชิงสุ่ย ในแต่ละแถวมีผู้คนยืนอยู่ประมาณ 90 คน ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดแล้วจะมีอยู่ประมาณ 8100 คนในตอนนี้

จากจำนวนผู้คนมากมายมันทำให้ชิงสุ่ยเกี่ยวกับตกตะลึง ในขณะที่เขาลงไปพร้อมกับอีเย่เจี้ยนเก้อ ก็ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียง ซึ่งตัวของชิงสุ่ยเองก็ปิดปากเงียบเช่นเดียวกันเนื่องจากกฏระเบียบวินัยที่เข้มงวดของนิกายกระบี่นภา

ชิงสุ่ยจ้องมองไปยังผู้คนที่ล้นหลาม เขาก็สังเกตเห็นว่าคนที่สวมเสื้อสีเหลืองจะยืนอยู่รั้งท้ายสุด และตามมาด้วยกลุ่มคนที่สวมเสื้อสีแดงอยู่ด้านหน้า ซึ่งเขาเองก็เห็นไป๋ลี่อูเฟิงยืนอยู่ท่ามกลางหมู่คนที่สวมเสื้อสีแดง ซึ่งเขาก็ได้ยิ้มทักทายกับผู้เยาว์คนนั้นและชายคนนั้นก็ตอบสนองกลับมาด้วยรอยยิ้ม

ส่วนผู้พิทักษ์จะสวมเสื้อสีม่วงและยืนเรียงรายกันอยู่เบื้องหน้า ทุกคนต่างมีกระบี่สีเงินครามขนาดยาวกว่า 3 ฟุต เป็นของตัวเอง

ซึ่งพวกเขาทั้งหมดปรากฏตัวหลังจากที่ไป๋ลี่จิงเว่ยปรากฏตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย

"จรู้ชิงและเจี้ยนเก้อ บอกให้พวกเขาทั้งสองไปแสดงความเคารพแก่ผู้นำสูงสุดนิกายก่อนที่เราจะประกาศให้พวกเขาขึ้นสู่ตำแหน่งผู้พิทักษ์!!"กงซุน ซานเซียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

พวกเขาทั้งสองจึงทำการแสดงความเคารพต่อผู้นำที่จ่ายสูงสุดและให้คำมั่นสัญญาท่ามกลางห้องโถงใหญ่ ซึ่งลงนามยอมรับให้ชิงสุ่ยและอูซวงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนิกายกระบี่นภา

จรู้ชิงยิ้มอย่างมีเสน่ห์ "พวกเจ้าทั้งสองคนจงเตรียมตัวสำหรับการท้าทายให้พร้อมเสียเถิด สถานะการเป็นผู้พิทักษ์ของพระเจ้าจะยังคงอยู่ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าไม่แพ้ผู้ใดที่ระดับต่ำของพวกเจ้า"

"ข้าไม่กลัวหรอก ฮ่าๆๆๆ!!!"ชิงสุ่ยยิ้มให้กับจรู้ชิงที่แสดงท่าทางอันแสนงดงาม

หลังจากสิ้นเสียงประกาศยกตำแหน่งผู้พิทักษ์ลำดับที่ 99 และ 100  ให้กลับชิงสุ่ยและอูซวง ฝูงชนที่อยู่เบื้องล่างถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ตามประกาศพวกของทั้งสองจะได้รับเสื้อคลุมสีม่วง กระบี่เงินคราม และขวดยาพลังพยัคฆ์ และกุญแจสำหรับเข้าสู่หอสมุดนิกายกระบี่นภาชั้นที่ 4  ซึ่งสิทธิพิเศษเหล่านี้จะมีเฉพาะผู้ที่อยู่ในระดับผู้พิทักษ์ขึ้นไปเท่านั้นที่จะได้รับการเข้าถึงห้องสมุดในส่วนที่พิเศษ

………………………………………………………

ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความงุนงง ชิงสุ่ยก็ทำตามคำสั่งที่เขาได้รับ จนกระทั่งเขามารู้สึกตัวอีกทีนึงก็ต่อเมื่อพิธีการจบสิ้นลงแล้ว และเห็นกลุ่มคนเริ่มกระจายตัวกลับไป

"ท่านอาจารย์ เหมือนท่านจะสัญญาไว้ว่าถ้าหากวันใดข้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของนิกายกระบี่นภา ท่านจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้ข้า? ทำไมข้าถึงยังไม่ได้รับมันเสียที หรือว่าที่ท่านบอกจะเป็นสิ่งเหล่านี้"ชิงสุ่ยมองดูเสื้อคลุมสีม่วง กระบี่เงินคราม และขวดยาพลังพยัคฆ์

 

0 0 โหวต
Article Rating
7 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด