LSG-บทที่ 83 เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 3) (อ่านฟรีวันที่15กันยา)
LSG บทที่ 83
แปลไทยโดย : SwordGod
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง (ตอนที่ 3)
สถานการณ์ในตอนนั้สับสนอลม่าน พวกเขาจำเป็นต้องตัดสินใจ
ชิงเอ่อ ก้มหน้าพูดกับ ซูฮัวหยู อย่างไม่แยแสว่า"นายน้อยค่ะ โจวจื่อปู้นั้น ได้ร่วมมือกับนักบ่มเพาะปราณปีศาจ ลอบโจมตีและได้ปิดตายสำนักวิชาดาราม่วงทั้งหมด คนนอกไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ แต่ว่าที่นี่เป็นใจกลางเมืองไม่นานข่าวน่าจะแพร่กระจาย อาจจะมีคนมาช่วยเราเร็วๆนี้ ตอนนี้ที่เราต้องทำคืออย่างได้แตกแยกกันและร่วมมือกับนายหญิงดาราม่วง ต้านรับนักบ่มเพาะปราณปีศาจ หากเราแยกกันตอนนี้ข้าเกรงว่าตระกูลซูจะเสียหายอย่างหนัก หากว่าเราแยกกันออกไปตัวแทนอื่นๆอาจจะฉวยโอกาสนี้กลั่นแกล้งเราได้! นี่จะนำชื่อของตระกูลซูพังลง! "
"เจ้ามันคิดสั้น!"
ซูฮัวหยู ตะโกน "หากว่าเราไม่ออกไปตอนนี้แล้วเมื่อไหร่โอกาสอย่างนี้จะมีอีก? เป้าหมายของศัตรูคือ มู่เฟิง ไม่ใช่พวกเราซ่ะหน่อย? "
"แต่ว่า นายน้อยฮัวหยู ท่านมองไปรอบๆสิ เราถูกล้อมไปด้วยหมอกเลือดมันทำให้การมองเห็นของเราเสียเปรียบ แล้วหมอกนี่มันก็ไม่ธรรมดามันมีวิญญาณแห่งความชั่วร้ายอยู่ด้วย ข้าเกรงว่าหมอกนี่น่าจะเป็นอาวุธสังหารของนักบ่มเพาะปราณปีศาจอย่าได้ดูเบามันเป็นเรื่องยากที่จะหลบออกไปจากมัน! "
เมื่อซูฮัวหยูได้ฟังชิงเอ๋อพูด ด้วยความดื้อรั้นของมัน มันคิดว่านางพูดได้ถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตามในฐานะบุตรชายของผู้นำสูงสุด ซึ่งวันข้างหน้ามันต้องสืบทอดเป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูลซู ไม่ว่าความคิดของ ชิงเอ๋อ จะดีแค่ไหนมันก็จะปฏิเสธนาง มันไม่ได้ต้องการก้าวผ่านพรรสวรรค์ของชิงเอ๋อ มันแค่ต้องการรบเร้าชิงเอ๋อให้เป็นของมันและกลายเป็นเจ้าของนางอย่างแท้จริง
"ถึงแม้ มู๋เฟิง จะเป็นเป้าหมายของ นักบ่มเพาะปราณปีศาจ แต่ว่าสกุลมู่เองก็เป็นสกุลชั้นสูงแห่งศิลาวิญญาณ ด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ มู่เฟิงอาจจะได้รับการเสนอชื่อผู้ถุกเลือกคนต่อไป แห่งสกุลมู่ และยังมีผู้คุ้มกันที่มีพลังพิเศษ ตัวของมู่เฟิงเองยังเสริมด้วย ศิลาวิญญาณ จิตวิญญาณที่พิเศษมากมายด้วย ไม่ต้องห่วง! "
ชิงเอ่อ ได้ศึกษาข้อดีและข้อเสียอย่างรอบคอบแลบอกให้กับ ซูฮัวหยู
ซูฮัวหยูได้ยินอย่างนี้มันยิ่งโมโหมากขึ้นและผิดหวังมากขึ้น
"ชิงเอ๋อ แม้ว่าเจ้าจะเป็นตัวแทนตระกูลซู แต่เจ้าก็อย่าได้ลืมตัวว่าเจ้าเป็นอะไร ข้าคือบุตรชายของผู้นำสูงสุดแห่งตระกูลซูเพราะฉะนั้นข้าจึงเป็นผู้นำที่นี่! อย่าคิดว่าเจ้ามีอำนาจเหนือข้า! หากข้าบอกว่ากลับ ก็ต้องกลับเจ้าเข้าใจใช่มั้ย? "
เสียงของซูฮัวหยูเย็นชาราวกับน้ำแข็งและมันก็ดังขึ้นด้วยความตั้งใจ
ชิงเอ๋อกัดฟันกรอดนางไม่ได้ตอกกลับ
"หากเจ้าต้องอยู่งั้นเชิญเจ้าอยู่ไปคนเดียวเถอะ ข้าอยากจะรู้นักว่าใครจะตาย! ไปกันเถอะ! ไป! แยกกัน! "
ซูฮัวหยูโบกมือให้ขณะที่เขาร้องตะโกน
"ครับ นายน้อย!"
คนในตระกูลซูร้องตะโกนขึ้น
"ซูชิงเอ๋อ ข้าจะทำให้เจ้าคิดต่างไปจากข้า!"
ซูฮัวหยู แวะไปหา ชิงเอ๋อ พร้อมกับชักดาบใหญ่ออกมาแล้ววิ่งออกไป
ชิงเอ่อ ลังเลใจ สุดท้ายนางก็ต้องกัดฟันตามเขา
"หากข้าอยู่ข้างหลัง แล้ว ซูฮัวหยุ ตายที่นี่ท่านผู้นำต้องโมโหแน่ๆ แล้วข้าต้องโดนตำหนิแน่นอนเผลอๆนายน้อยต้องโดนไปด้วย(มันเกี่ยวอะไรกับซูหยุนกันหว่า)! " เฮ้อ... "ช่างมันเถอะ...หวังว่านายน้อยฮัวหยู จะคิดถูกนะ!"
คนของตระกูลซูเป็นกลุ่มแรกที่แยกออกมา จากสำนักวิชา คนอื่นๆ มองดูพวหเขาแล้วพูดจามุบมิบต่างๆนาๆ
"ตระกูลซู?" ในช่วงน่าสิ่วน่าขวานแบบนี้ ยังจะแยกตัวหนีออกไปอีก? "
"พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าแยกตัวออกจากวงล้อมนี่ได้ด้วยพลังของพวกเจ้าหรอ? โจวจื่อปู้ เป็นทาส นักบ่มเพาะปีศาจ เขาอาจจะวางกับดักไว้รอบๆสำนักวิชาดาราม่วง นี้แล้วก็ได้ พวกเจ้ามันรนหาที่ตาย!
"คนของตระกูลซู นี่กลัวความตาย หึ ช่างน่าขายหน้านัก ทุกๆคนตั้งแต่นี้ไป อยู่ให้ห่างจากตระกูลซู! "
ผู้แทนดังกึกก้องดังมากจึงเจาะผ่านหูของทุกคน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตระกูลซู ได้กลายเป็นเรื่องพูดคุยของชุมนุมในช่วงเวลา น่าสิ่วหน้าขวานนี้ แม้แต่ความสัมพันธ์แต่ครั้งกับก่อนทั้งหมดก็ไม่มีความหมาย เพียงเพราะการตัดสินใจครั้งเดียวของ ซูฮัวหยู
ชิงเอ๋อ ขมวดคิ้ว นางแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงและได้ติดตามทั้งยี่สิบคนของตระกูลซูวิ่งออกจากลานจัสตุรัส
ยิ่งเข้าไปไกล้รั้ว หมอกโลหิตก็ยิ่งหนาขึ้นๆจนมองเห็นภาพได้ลางๆ นอกเหนือจากหมอกสีแดงพวกเขาไม่สามารถมองเห็นอะไรได้แม้ว่าพวกเขาจะก้าวไปบนแผ่นหยกขาวทุกอย่างก็ดูมืดมัวไปหมด
ตูม! ! ! !
เสียงแปลก ๆ ดังออกมาจากสีครามและมีเลือดสีแดงเข้มไหลผ่านจากด้านหน้า
"อึก?
บุคลคนแรกของตระกูลซูที่แช่ไปในเลือด พวกเขากรีดร้องออกมาเมื่อขาของพวกเขาสัมผัสกับเลือดสดๆ ขาของพวกเขาหายไปอย่างรวดเร็วและแต่ละข้างของพวกเขาจมลึกลงเข้าไปในเลือด หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาไม่กี่คนก็ละลายกลายเป็นเลือดโดยสมบูรณ์
ดูเหมือนว่ามันไม่ใช่เลือด แต่เกิดจากลาวาเช่นกรดกำมะถัน
ซูฮัวหยู หวาดกลัวสุดๆ เหงื่อเม็ดโตผุดออกมาจากกลางหน้าผากของมันหยดซิกๆ ทำให้มันต้องร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก
"ถอยกลับไป! เร็วเข้า! ระวังเลือดนั่น! "หนีเร็ว!
ชิงเอ๋อ รีบตะโกน
คนของตระกูลซูรีบถอยออกไปทีละคนๆ
กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..กึก!..
พื้นเริ่มสั่นสะเทือนเช่นเดียวกับการระเบิดมุ่งหน้าไปในทิศทางของพวกเขา
ใบหน้าของ ชิงเอ๋อ ซีดเป็นไก่ต้ม ขณะที่นางมองไปที่มันนางเห็นพื้นผิวเงายักษ์จากหมอกเลือด
"โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก!”
เงาที่ก่อขึ้นจากหมอกเลือด อย่างรวดเร็ว มันสูงสามเมตร หัวเป็นหมูป่าลำตัวเป็นมนุษย์ มันคือ ผู้ปกป้องอมนุษย์หมู! ผู้ปกป้องอมนุษย์หมู ไม่มีขนบนร่างกายมีดวงตาสีเขียวและถูกห่อด้วยโซ่โลหะหนัก ในมือขนาดใหญ่ของมันมีรูปดาวตก อาวุธของมันรูปร่างเหมือนค้อน ขณะที่หมอกเลือดได้สลายไป ก็ได้มีค้อนอันเขี่องฟาดลงไปที่ด้ายตระกูลซู ส่วนใหญ่
สมาชิกของตระกูลซูคนหนึ่งหลบไม่ทัน ได้ยกดาบพยัคฆ์ ขึ้นมากันการโจมตีนี้
ฟิ้ว!
ค้อนขนาดยักษ์ทุบลงบนใบมีดพยัคฆ์
ตูม!
ดาบพยัคฆ์แตกออกเป็ฯเสี่ยงๆแต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นค้อนยักษ์ยังพุ่งตรงไปฟาดเข้ากับสมองของสมาชิกตระกูลซู สมองระเบิดกระจายออกเหมือนแตกโมง รัศมีอันหนักหน่วงของวิญญาณชั่วร้ายกัดกร่อนร่างกายของเขาและลุกลามอย่างรวดเร็วเป็นชิ้น ๆ มันเป็นฉากอันน่าสยดสยอง!
ฟ่อ! ! ! !
อุณหภูมิร่างกายของ ซูฮัวหยู ลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่น ๆ กลัวจนตัวแข็งทื่อหนางเข้ากระดูกดำ เมื่อเห็นฉากที่ประจักษ์ต่อธารสายตา
พวกเขาไม่ใช่คู่มือมัน!
"นักบ่มเพาะปราณปีศาจชั่วช้า และอสูรอย่างน้อยระดับห้าและน่าจะระดับเหนือกว่า ระดับแก่นแท้วิญญาณ พวกเราส่วนใหญ่อยู่ในระดับสองหรือสาม แก่นแท้วิญญาณ ความแตกต่างมันมากเกินไปพวกเราไม่สามารถต้านทานมันได้เลย!
ชิงเอ่อกัดฟันพูด "นายน้อยฮัวหยู ตอนนี้เราต้องถอยก่อน แล้วจัดกลุ่มไหม่รอการช่วยเหลือ!"
“จัดกลุ่มไหม่? เราหมดหนทางแล้ว ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ยินหรอ? หากพวกเรากลับไปตอนนี้แล้วพวกเราจะเอาหน้ไปไว้ที่ไหน?” ซูฮํหยูกัดฟันพูด "ไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็ต้องตายแล้วจะกลับไปตายที่นั่นทำไมกัน?"
"แต่ ... นายน้อย!"
ฟิ้ว!
ช่วงขณะนั้นค้อนปีศาจก็ได้ฟาดลงมาด้านขวาทำให้สมสชิกตระกูลซูสองเละทันที
เมื่อเห็นสาวกของตระกูลซูตายลงไปทีละคนๆหัวใจของชิงเอ๋อก็บีบรัดหดหู่หัวใจ
ความรู้สึกที่แท้จริงของ ชิงเอ๋อ นั้นรักตระกูลซูจากก้นบึ้งของหัวใจของนาง พวกเขาส่งเสริมดูแล คุณผู้ชาย และ คุณผู้หญิง และเลี้ยงดู นายน้อย ไม่ว่าในอนาคตตระกูลซูจะเลี้ยงดูนางหรือไม่นั้น ก็ไม่มีทางที่จะลบภาพและความรู้สึกดีๆที่นางมีต่อตระกูลซูไปได้
"ฮ่า ๆ ๆ เนื้อมนุษย์สดๆ! เนื้อมนุษย์สดๆ! "
และในเวลาเดียวกันนั้นเองได้มีเสียงกรีดร้องแหลมเล็กเจาะทะลุผ่านหมอกเลือดหลายเงาที่แข็งแรง แต่ผอมกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางของพวกเขา
มองไปไกลๆพวกมันผอมเหมือนไม้เสียบผีและเขี้ยวของพวกมันที่งอกออกมาเหมือนผีดูดเลือด
พวกมันวิ่งกวดมาเหมือนสุนัขบ้าขาของพวกมันวิ่งเร็วไม่พอพวกมันต้องวางมือบนพื้นและวิ่งมายังทิศทางนี้ นับรวมๆแล้วพวกมันมีไม่ต่ำกว่าสามสิบตัว!
ซูฮัวหยู ตกตลึงขาสั่นพับๆ
"ถอนตัว! เร็วเข้า หนี! "
ชิงเอ๋อ ตะโกน!
มีสาวกคนไหนที่จะโต้แย้งนาง? พวกเขารีบถอยกลับโดยไม่ต้องคิด
"คุณชายฮัวหยู เอาสมบัติที่ท่านผู้นำมอบให้ท่านออกมา! ใช้มันด่วนเลย! "
ชิงเอ๋อ ตะโกนอีกครั้ง
แต่ซูฮัวหยู ไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย
"นายน้อย ฮัวหยู!
"เกี่ยวกับเรื่องนี้ ... " ใบหน้าของซูฮัวหยูดูไม่ได้เลยกล่าวว่า "ไม่มีสมบัติอีกแล้ว"
ชิงเอ่อ ตะลึงงันไปชั่วขณะและนึกอะไรบางอย่างออก "อย่าบอกข้านะว่า ... เมื่อวานนี้ท่าน"
"ข้าไปพนันกับตระกูลเสี่ยวและตัวแทนนายน้อยบางคน ... " ขณะที่เขาถอยหลังไปเรื่อยๆและพูดกับชิงเอ๋อว่า "ชิงเอ๋อเนื่องจากเจ้ามีพลังและความรู้มากกว่า ถึงเวลาที่เจ้าต้องปกป้องข้าแล้ว! ข้าไม่อาจตายได้หาดข้าตายไปเจ้าก็จะสิ้นไร้หนทางหลบหนีความรับผิดชอบ! "
แต่…
"ช้าก่อน!"
ซูฮัวหยู ตะโกน เขาอาจจะดูไม่ได้สนใจสมาชิกตระกูลซู และหนีกลับไปที่จัสตุรัสสำนักวิชา อีกครั้ง
"นายน้อย…."
"นายน้อย ฮัวหยู!" ชิงเอ่อกัดฟันและกำกระบี่ถักลายของนางแน่น "หากชีวิตข้าหาไม่แล้ว ข้าขอร้องนายน้อย ช่วยดูแลนายน้อยซูหยุนด้วย ถึงข้าต้องตายข้าก้ไม่เสียใจ"
"นายน้อยไร้ค่าของเจ้านั้น ข้าจะให้คนเอาเหรียญวิญญาณไปมอบให้กับมันแสนเหรียญ แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการปัดเป่าความชั่วร้ายเหล่านี้!"
ซูฮัวหยู กระโผลกกระแผลกในขณะที่วิ่งและตะโกนโดยไม่ได้มอง ชิงเอ๋อ ไม่แน่ใจว่าเขาะทำตามคำพูดหรือไม่
แต่หลังจากคิดสิ่งที่ ซูฮัวหยู พูดมา ชิงเอ๋อ ก็โล่งใจ
นางกระชับกระบี่ถักลาย ใบหน้าจริงจังขึ้นมา
นักบ่มเพาะปราณปีศาจ ได้เดินเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ตระกูลซู ชิงเอ่อ อกสั่นขวัญหาย ขณะที่มองเข้าไปที่ใบหน้าของความหวาดผวาของพวกเขา
"ไม่ต้องกลัว ตามข้ามา ไปบดขยี้มัน!"
ชิงเอ๋อกัดฟัน ยกกระบี่ลายถักเปล่งกินอายลมปราณลึกล้ำออกมาซึ่งมีลักษณะเฉพาะของ 'ลมปราณวายุเชี่ยว' การโจมตีของนางเมือนดั่งงูพิษฉกนางกระโจนเข้าหาอสุรกินศพที่ใกล้ที่สุด
อสูรกินศพถือว่าการบ่มเพาะต่ำที่สุดของนักบ่มเพาะปราณปีศาจ โดยเฉพาะคนที่มีตาสีแดง พวกมันหิวโหย ไม่ได้คำนึงถึงการป้องกันใด และไม่สามรถหลบการโจมตีของ ชิงเอ่อได้ 'ฉั๊วะ' มันถูกสับออกเป็นชิ้น ปราณวายุเชี่ยว ได้ทำหน้าที่เสมือนใบมีดโกน ผ่าร่างอสูรกินศพออกเป็นล้านๆชิ้น
ชื่อเสียงและพรสวรรค์ของตระกูลซูไม่ใช่ของปลอม ขณะที่ ชิงเอ๋อ โบกสบัดกระบี่นางสามารถตัดหัวหัวอศูรกินศพได้สามสี่หัว สาวกอื่น ๆ ของตระกูลเห็นฉากนี้ขวัญกำลังใจของพวกเขาได้พุ่งขึ้นมามายเหลือคณานับ พวกเขาเข้าโรมรันสัปยุธไปข้ากุดหัวอสูรกินศพเหมือนเป็นผักปลาภายใต้คมกระบี่ของพวกเขา
“อ้าว ชิบหายแล้ว!”
ผู้ปกป้องอมนุษย์หมู มันกำลังคลุ้มคลั่ง มันสบัดเลือดออกจากเขาของมันแล้วเป่าอย่างโง่งม
หวูดดดดดด! ! ! !
เสียงอันดังของเสียงแตรดังขึ้น
ชิงเอ๋อ ยืนอยู่ไกล้แตรของมันที่สุด ไม่อาจต้านทานเสียงแตรของมันได้ กระแสเลือดของทุกคนเริ่มเดือดอย่างรวดเร็วเหมือนอยุ่ในช่วงพายุทะเลทรายพัดโหมกระหน่ำ มันเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวาย
สาวกของตระกูลซู ที่มีการบ่มเพาะน้อยๆ มันดูเหมือนว่าร่างกายของพวกเขาจะระเบิด ไม่ต้องพูดถึงคนอื่ๆขนาดชิงเอ่อขระนี้ยังหน้าแดงก่ำกัดฟันแน่นกรอดๆ ความแข็งแกร่งของนางลดลงฮวบฮาบ
"โชคดีจริงๆ!"
อมนุษย์หมูคว้าโอกาส มันโยนแตรในมือของมันและตะโกนออกมา ค้อนขนาดใหญ่ขอมันเล็งตรงไปยัง ชิงเอ่อ ...
แปลไทยโดย : SwordGod