AST บทที่ 162 - ความงดงามของอาณาจักรชางหลาง
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 162 - ความงดงามของอาณาจักรชางหลาง
หลังจากที่อูซวงออกมารบกวนสมาธิ ชิงสุ่ยก็ไม่ได้สนใจที่จะอ่านมันอีกต่อไป เขาปิดหนังสือและเก็บพวกมันทั้ง 3 อย่างไม่ว่าจะเป็น สูตรส่วนผสมยาเม็ดสวรรค์หยางและ ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านและหนังสือจิตรกรรมราชวังใบไม้ผลิ เอาไว้ภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขา!!
หลังจากเดินทางผ่านถิ่นทุรกันดาร ที่รกร้าง และหุบเขาในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงอาณาจักรชางหลางโดยสวัสดิภาพ หลังจากเดินทางมายาวนานกว่า 1 เดือน
"ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงที่หมายของเราแล้ว!! มันช่างเป็นเวลาที่น่าเบื่อจริงๆ!"เหวินเหรินอูซวงเรามาอย่างมีความสุข ขณะที่เธอก้าวเท้าลงจากกระทิงเหล็ก น้ำเสียงของเธอราวกับคนที่เพิ่งถูกปลดสิ่งที่ต้องแบกรับอยู่บนหลัง
ส่วนทางด้านสารถีทั้งสองคนก็คงไม่กล้าทำร้ายผู้อื่นอีกแล้ว ดังนั้นชิงสุ่ยเองก็ไม่ค่อยกังวล และหลังจากชายทั้งสองส่งพวกเขาลงจากกระทิงเหล็ก พวกเขาก็รีบเดินทางออกไปอย่างรวดเร็ว
"ข้าสงสัยจริงๆเลย ว่าถ้าหากพวกเขารู้ว่าส่วนที่สำคัญที่สุดของพวกเขาไม่อาจใช้งานได้อีก พวกเขาจะยังคงมีความสุขอีกหรือไม่?"ชิงสุ่ยพูดกับตัวเองขณะที่มองรถกระทิงเหล็กเคลื่อนที่ห่างออกไป
กำแพงอาณาจักรชางหลางตั้งสูงตระหง่าน และมีบางส่วนยื่นออกราวกับเป็นมังกรขนาดยักษ์ ประตูเมืองสีดำทมิฬเปิดกว้างออก และมีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา สมแล้วที่ถูกเรียกว่าอาณาจักร ความประทับใจแรกเริ่มช่างแตกต่างจากเมืองอื่น อาณาจักรแห่งนี้ดูเหมือนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของสัตว์อสูรออกมาตลอดเวลา และยังปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับเกินคาดเดาออกมาตลอดเวลา
ชิงสุ่ยตัดสินใจลงจากรถมาพร้อมกับอูซวงและเดินเท้าเข้าสู่เมือง
ในโลกใบก่อนของเขา ชิงสุ่ยรู้สึกคล้ายคลึงกันกับที่แห่งนี้ ในเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายอัดแน่นบนท้องถนน ชีวิตของทุกคนเต็มไปด้วยความเร่งรีบวุ่นวายและเอกชน แต่มันก็ยังคงไม่อาจเปลี่ยนได้กับที่แห่งนี้ จำนวนผู้คนมากมายที่เข้าออกจากประตูเมือง ทุกครั้งที่พวกเขาจำเป็นต้องเดินผ่าน พวกเขาจะต้องจ่ายด้วยเงินเหรียญทองแดง ซึ่งเงินเหล่านั้นเปรียบดังช่องทางรายได้ของอาณาจักรชางหลาง และด้วยประโยชน์ จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ขยายใหญ่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว และถ้าหากไร้ซึ่งการขยายอาณาเขต ความแออัดในที่แห่งนี้จะทำให้ทุกคนไม่อาจอยู่ได้
"อูซวงมากันเถอะ พวกเราจำเป็นต้องหาที่พักและอาหารสำหรับวันนี้"ชิงสุ่ยมองดูการจราจรของมนุษย์ที่ไร้ที่สิ้นสุด ขณะที่เขาคว้ามือของอูซวงและมุ่งหน้าตรงไปยังประตูเมือง
อูซวงรู้ดีว่าชิงสุ่ยกลัวว่าเธอจะถูกชนและหายเข้าไปในฝูงชนอันมหาศาล ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องจับมือเธอและฝ่าฝูงชนตรงไปข้างหน้า อูซวงเองก็ยอมให้ชิงสุ่ยพาเธอไปซึ่งตลอดทางเดินใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพวกเขาเดินผ่านประตูเมืองเข้ามา เส้นทางตรงขนาดใหญ่และแยกมากมายปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา ฝูงชนขนาดมือมากระจายตัวไปทั่วและเดินเต็มท้องถนนอย่างวุ่นวาย มีร้านค้าตลอดทั้งเส้นทาง และมีศาลาหลายชั้นอยู่ห่างไม่ไกลจากตัวเมือง ศาลาที่พักแห่งนี้มีความสูงกว่า 100 เมตร แต่ก็ยังเล็กกว่ากำแพงเมือง
มันทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเปิดหูเปิดตา เมื่อนำเมืองร้อยไมล์มาเปรียบเทียบกับอาณาจักรชางหลาง เมืองร้อยไมล์เปรียบได้กลับเมืองเด็กเล่นไปโดยปริยาย
ผู้คนมากมายขับขี่สัตว์ดุร้ายไปทั่วท้องถนน และอาจพบเห็นสัตว์อสูรเทวะเซียนเทียนได้เป็นครั้งคราว
คนเหล่านี้ทั้งหมดล้วนมีพลังจิตวิญญาณและพลังปราณที่แข็งแกร่ง และบางทีที่พวกเขามองมาที่ชิงสุ่ยและเหวินเหรินอูซวง ชิงสุ่ยรู้ดีว่าพวกเขานั้นสามารถรับรู้ได้ถึงระดับพลังเทวะเซียนเทียนของอูซวง
ยอดยุทธจากทั่วโลกออกเดินทางไปทั่วทุกมุมโลกด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่เนื่องจากโลกอันกว้างใหญ่และไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด มันจึงทำให้แม้กระทั่งผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนเองก็ไม่อาจเดินทางระยะไกลด้วยเท้าสองข้างของตัวเองได้ อีกครั้งมีสัตว์เคลื่อนที่มากมายในโลกใบนี้ ซึ่งก็มีอาชาทั่วไปไว้สำหรับใช้งานไม่ว่าจะเป็นอาชาอู๋ซุ่ยหรือจะเป็นอาชาขนแดง
อาชาอู๋ซุ่ยและอาชาขนแดงเป็นม้าสงครามคุณภาพสูงและมีร่างกายที่สูงนับ 3 เมตร มันจึงทำให้หมาป่าทั่วไปไม่กล้าเข้าใกล้พวกมัน
ในบางครั้งผู้คนทั่วไปอาจจะได้พบเห็นอาชาบินเหาะเหินเดินทางผ่านอากาศ มันยิ่งทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบทั้งหมดเกิดความอิจฉาริษยา
สำหรับผู้ฝึกตนเทวะเซียนเทียนจำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีอาชาที่คุณภาพดี แต่พวกมันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับคุณภาพต่ำ สำหรับผู้ที่มีอาชาระดับต่ำ พวกเขาก็มักจะไม่ใช้งานมัน
ชิงสุ่ยและอูซวงมองไปรอบๆขณะที่พวกเขากำลังเดิน สิ่งที่ชิงสุ่ยมองเห็นคือสาวงามจำนวนมากและพวกเธอเหล่านั้นมีความงามมากกว่ามาตรฐานคลองเมืองร้อยไมล์แต่พวกเธอก็ไม่อาจเปรียบเทียบกับเหวินเหรินอูซวงได้แม้แต่น้อย แต่อย่างน้อยภาพเบื้องหน้าของเขาก็เพียงพอที่จะฆ่าความเบื่อหน่ายของเขาได้
"ชิงสุ่ย แม้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะงดงามอย่างมาก แต่เจ้าก็ไม่ควรน้ำลายไหลหรือแม้กระทั่งจินตนาการภาพในหัวของเจ้า…."
ชิงสุ่ยรีบเช็ดปากของเขา ซึ่งมันทำให้อูซวงหลุดเสียงหัวเราะออกมา ผู้คนโดยรอบเริ่มหันมาจ้องมองความงดงามที่หายากยิ่งบนใบหน้าของอูซวง
"เจ้าเห็นหรือเปล่าผู้คนมากมายกำลังจ้องมองมาที่เจ้า? การแสดงออกของพวกมันดูราวกับว่าพวกมันจะกลืนกินเจ้าทั้งตัว มันทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดมาก ถ้าพวกมันยังกล้ามองมาที่ผู้หญิงข้า สงสัยค่าคงจะต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้วล่ะ"ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
"เจ้าว่าใครเป็นผู้หญิงของเจ้า? เจ้าไม่รู้สึกอับอายบ้างหรือ"อูซวงหยิกแก้มของชิงสุ่ย
การกระทำของอูซวงมันทำให้พวกเขาดูราวกับเป็นคู่รัก ซึ่งมันทำให้หลายๆคนที่อยู่รอบตัวของพวกเขาถึงกับถอนหายใจ และทุกเสียงถอนหายใจนั้นมันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยมีความสุข
และสุดท้ายพวกเขาก็พบกับโรงเตี๊ยมที่ดูดีมีฐานะและมีอาหาร เขาจึงตัดสินใจหยุดพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวที่จะมุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่นภา
ถึงแม้พวกเขาจะเดินทางเข้ามาภายในอาณาจักรชางหลาง แต่ถ้าหากพวกเขาต้องการเดินทางไปสุดขอบทิศเหนือหรือทิศใต้ มันก็จะต้องใช้เวลากว่า 10 วันหรืออาจจะถึงครึ่งเดือน หลังจากที่เขาได้ถามผู้คนมากมายพวกเขาก็ได้รับรู้มาว่านิกายกระบี่นภาอยู่ไม่ห่างไกลจากที่ที่พวกเขาอยู่ และพวกเขาก็สามารถเดินทางโดยรถม้าโดยใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน
คืนนี้ก็เป็นเหมือนทุกๆคืนที่ผ่านมา ชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนอย่างไม่หยุนหย่อน ชีวิตของเขายังคงเปรียบดั่งใบหญ้าที่เป็นเหมือนคนไร้อำนาจและอาจรอวันที่ถูกเหยียบย่ำ มันจึงทำให้เขาไม่เคยคิดที่จะหยุดฝึกฝน
"ชิงสุ่ย ออกไปเดินเล่นบริเวณรอบๆกันดีกว่า"เหวินเหรินอูซวงจ้องมองชิงสุ่ยที่กำลังเฉยชาก่อนที่เธอจะกล่าวออกมา
เมื่อสาวงามถึงขั้นเอ่ยปากขอ และแสดงท่าทางอ้อนวอน มาทำให้ชิงสุ่ยไร้ซึ่งทางเลือก เมื่อเห็นภาพที่เธอกระทำทั้งหมด ชิงสุ่ยก็พยักหน้าอย่างไม่ต้องคิดใดๆ
ขณะที่ชิงสุ่ยเดินไปที่ต่างๆเขาก็ยังคงจับมือของอูซวงเดินตามถนนไปด้วยกัน พวกเขาเดินดูทุกอย่างแม้กระทั่งของเล่นสำหรับเด็ก แต่พวกเขาก็ไม่ได้คืออะไร
"อูซวง เจ้าอยากได้อะไร? เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะซื้อให้เจ้าทุกอย่างเอง"ชิงสุ่ยมองเห็นว่าเหวินเหรินอูซวงกำลังจ้องมองไปยังกำไรหยกชิ้นหนึ่ง
"ข้าเพียงแต่ต้องการจะมาดูเท่านั้นและข้าก็ไม่อยากได้อะไร มันคือสิ่งที่ข้าไม่เคยมีในอดีต นายในตอนนี้ข้ารู้สึกเพียงแค่อยากสนุกกับการต้องมองของเหล่านั้น"เหวินเหรินอูซวงไม่ได้รำคาญกับการกระทำของชิงสุ่ยที่ทำตัวเหมือนคนที่แก่กว่าเธอ ในขณะที่เธอพยายามฟื้นคืนความทรงจำเก่าๆ
ชิงสุ่ยรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน เขารู้ดีว่าอูซวงมีช่วงวัยเด็กที่ยากลำบากและไม่เคยได้รับสิ่งเหล่านี้ ได้ทุกคำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรมันมักจะซ่อนความขมขื่นอยู่เบื้องหลังคำพูดเหล่านั้น
"อูซวง เจ้าอยากให้ข้าพาเจ้าไปเที่ยวรอบๆอาณาจักรชางหลางก่อนที่พวกเราใจมุ่งหน้าไปยังนิกายกระบี่นภาหรือไม่?" ชิงสุ่ยกล่าวถาม
"ฮ่าๆๆ ไม่จำเป็นหรอก ยังไงพวกเราก็จะเดินทางไปยังนิกายกระบี่นภาในบ่ายวันนี้ แต่ข้าก็ขอขอบคุณเจ้ามากจริงๆ!!"
ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาและกล่าวออกมาว่า "จิตใจของผู้หญิงมันช่างยากที่จะหยั่งถึง"
ทันใดนั้น ชิงสุ่ยก็รับรู้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่อยู่บนเบื้องฟ้า ผู้คนมากมายแหงนมองขึ้นไปข้างบนและบางคนก็สะท้อนถึงเสียงแห่งความสุขเศร้า บ้างก็สรรเสริญ บ้างก็ถอนหายใจ บ้างก็แสดงอาการหลงใหล
ขณะที่แร้งอัสนีปีกทองคำบินผ่าน มันก็ได้สร้างเส้นทางสีทองตามหลังเส้นทางที่มันบินผ่าน ร่างกายที่เป็นประกาย เมื่อรวมกับปีกที่กว้างขยายยามเมื่อยืดออก พวกมันกว้างกว่า 200 เมตร เฉพาะปีกเท่านั้นที่เป็นสีทอง ร่างกายของมันเป็นสีดำทมิฬ แต่สิ่งที่ทำให้มันไม่เหมือนสัตว์อสูรทั่วไปคือมันมี "มงกุฎ"สีเงินขาวปรากฏอยู่บนหนังศีรษะของมัน สีที่คมชัดของ "มงกุฎ"ยิ่งทำให้มันเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
หลังจากมองดูและอัสนีปิดทองคำ สายตาของชิงสุ่ยก็พบกับหญิงสาวสวมชุดจีนโบราณอยู่เหนือตัวของมัน เขาเองก็ไม่อาจอธิบายได้ว่าเธอเป็นเด็กหญิงหรือเป็นผู้ใหญ่กันแน่
คิ้วของเธอถูกย้อมสีไปด้วยสีดำ ดวงตาของเธอแวววาวคล้ายดวงดาว แต่กลับให้ความรู้สึกมืดและลุ่มลึก ใบหน้าที่ดูเหมือนรังเกียจโลกทั้งใบ ผิวที่งดงามน่าอัศจรรย์จนไร้ที่ติ ราวกับว่าเขากำลังมองเห็นภาพวาดของภูมิทัศน์ที่แสนงดงามเกินจะบรรยาย จนไม่อาจนำความงามที่เธอมีไปเที่ยวชลหญิงใดได้
ร่างกายได้ผอมและปราณีตสามารถทำให้ผู้คนเกิดอาการบ้าคลั่ง ขณะที่เธอยืนอยู่บนสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ผมของเธอพลิ้วสยายไปตามสายลมมันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ในความฝัน
ยังมีหญิงคนอื่นที่มีความงามเทียบเท่ากับอาจารย์เทพธิดาของเขา
เสียงการสนทนามากมายเกิดขึ้นรอบรอบตัวของชิงสุ่ย แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้ยินอะไรเลย ภายใต้หัวของเขาเต็มไปด้วยความงดงามและกลิ่นอายน่าหลงใหลจากหญิงสาวคนนั้น