ตอนที่ 117 มนต์สะกด (2)
“แอ๊ดด”
เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดอย่างช้าๆ ร่างอันหล่อเหล่าและล่ำสันเล็กน้อยเดินออกมา แต่สิ่งที่เขาเห็นหลังจากเดินพ้นประตูมาแล้วก็คือร่างของหญิงสาวสองนางกระโจนมากอดเขาแน่น
ด้วยความรวดเร็วของทั้งสองมันจึงทำให้เขาแทบจะไม่ได้ทันตั้งตัวเลย แถมเขาก็ยังไม่รู้อีกด้วยว่าหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูกอดเขาทำไม
“นี่! พวกเจ้าทั้งสองเป็นอะไรไป ถึงได้กระโจนมากอดข้าเช่นนี้”
ฉางหยางกล่าวขึ้นด้วยความสงสัย ทว่าภายในใจของเขานั้นกลับลอบยินดีอยู่ลึกๆ ซึ่งตอนนี้รอยยิ้มอันเขินอายก็เผยออกมาทีละนิด เนื่องจากพวกนางสองคนก็งดงามไม่ใช่น้อยเลย หนึ่งคนให้ความรู้สึกแบบเทพธิดาเอาแต่ใจ อีกคนก็ให้ความรู้สึกเหมือนภูติสาวตัวน้อยที่มีนิสัยเขินอาย
หลังยืนอยู่นานก็ไม่ยินเสียงตอบรับกลับมา มันจึงทำให้เขาต้องค่อยๆผลักร่างของพวกนางออกไปก่อน ดวงตาสีทองจ้องมองใบหน้าที่โฉมสะคราญตา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา
“ข้าถามว่าทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำเช่นนี้ พวกเจ้าไม่ได้ยินรึ”
เสียงของฉางหยางดังก้องกึงไปทั่วห้องพัก แต่ทางด้านหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูกลับไม่ได้ยินอย่างที่เขากล่าวออกมาแบบนั้น เพราะภาพมายาของดอกไม้สีดำทมิฬได้บิดเบือนความจริงจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย
ซึ่งภายในภาพมายาสิ่งที่พวกนางได้ยินก็คือ “พวกเจ้าทั้งสองไปไกลๆข้าซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าด้วยมือคู่นี้เอง”
“ไม่!... ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไม่จากไปไหนทั้งนั้น หากเจ้าจะสังหารข้าก็เอาเลย อย่าได้รีรอ” เสียงของทั้งดังขึ้นพร้อมกัน
ทางด้านฉางหยางได้ยินคำตอบที่ไม่ตรงกับเขาถามออกไป มันก็ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงและมึนงงตามๆกัน ซึ่งเขาเองก็ยังไม่เอ่ยว่าจะสังหารพวกนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วคำกล่าวเมื่อครู่มันอะไรกันแน่
“ทำไมเจ้าต้องทำกับข้าแบบนี้ ทั้งที่ข้าก็รักเจ้ามาตลอด แต่เจ้าก็ไม่เคยสนใจข้าเลยหรือว่าความงดงามของข้ายังไม่สามารถไปอยู่ในใจของเจ้าได้กัน” เสียงของหลิ่งซูดังขึ้น....ก่อนจะตามด้วยหลางหลู่เออร์
“เจ้า! ก็เห็นเพียงแต่ข้าเป็นตัวประโยชน์เท่านั้นใช่หรือไม่ และเจ้าเองก็ไม่เคยทำดีกับข้าเลยแม้น้อย มีแต่ความเย็นชาที่มอบกลับคืนมาให้ข้า ทำไม ทำไม ทำไมเจ้าถึงได้ใจร้ายยิ่งนัก”
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าก่อนหน้านี้เริ่มจางหายไป และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเย็นชา
“ย่อมได้หากพวกเจ้าต้องการเช่นนั้น”
ฉางหยางโอบกอดร่างของทั้งสองไปยังเตียง แล้วผลักพวกนางกระแทกลงบนเตียงอย่างรุนแรง ที่ใบหน้าของเขาตอนนี้เผยรอยยิ้มแสนชั่วร้ายขึ้น ดวงตาสีทองอันหื่นกระหายมองไปยังกระต่ายน้อยสองตัว ซึ่งกำลังรอหมาป่าแสนหิวโหยจ้องจะเขมือบอยู่
ภายในภาพมายาของพวกนาง กลายเป็นว่าฉางหยางพุ่งเข้ากอดร่างบอบบางของพวกนางไว้ และตามด้วยคำกล่าวแสนอ่อนหวาน มันก็เลยทำให้จิตใจของทั้งสองยินยอมรับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นความจริง
ดังนั้นภาพมายาทั้งหมดก็เลยกลายเป็นของจริงไป ประสาทสัมผัสของพวกนางเริ่มที่จะด้านช้าทีละน้อยๆ
ส่วนภายนอกนั้น ฉางหยางค่อยๆปลดชุดออกของพวกนางออก จนถึงตอนนี้เขาก็สามารถถอดมันได้หมดแล้ว ที่ข้างหน้าของเขาเป็นอันร่างสวยงามตระการตามาก ปทุมถันทั้งสองข้างสวยโค้งได้รูป บนยอดต่างก็ประดับประดาไปด้วยดอกบัวตูมสีชมพูน่าชวนมอง
“เอื๊อก”
เสียงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากดังขึ้นมา ดวงตาสีทองเริ่มถูกแผดเผาด้วยร่างของหญิงสาวทั้งสองนี้ เขาค่อยๆกวาดสายตาลงมาเรื่อยๆ ลงมาที่เอวคอดกิ่วและสุดท้ายก็มาหยุดตรงบุบผานิรันดร์ซึ่งมีส่วนดอกไม้เล็กๆเกิดอยู่
ข้างในของเขาเริ่มถูกสุมด้วยเปลวเพลิงราคะอย่างโชติช่วง ท่องซุงที่เคยนิ่งสงบมาตลอดหลายเดือนก็ผงาดขึ้นมาจนชุดจอมยุทธบวมเปล่งออกมาให้เห็นชัดเจน
ฉางหยางรีบโคจรพลังลมปราณเข้าไปในชุดจอมยุทธของเขาพร้อมกับส่งสัมผัสเข้าไปเชื่อมต่อ
“ฟิ้ววววว ฟิ้ววววว ฟิ้ววววว”
ชุดจอมยุทธแตกกระจายออกเป็นเส้นใยไหมรวมกันลอยอยู่บนกลางอากาศ ฉางหยางไม่ได้สนใจมันเลย เพราะตอนนี้ทุกอย่างของเขาต่างก็ถูกดึงดูดด้วยร่างของหลางหลู่เออร์และหลิ่งซูเพียงเท่านั้น
เขาค่อยๆคลานขึ้นไปบนเตียงนอน จากนั้นก็เข้าแทรกระหว่างหลางหลู่เออร์และหลิ่งซู มือข้างซ้ายเอื้อมไปสัมผัสปทุมถันของหลิ่งซู ส่วนมือข้างขวายื่นไปสัมผัสปทุมถันของหลางหลู่เออร์
สัมผัสแรกที่เขารับรู้ได้ก็คือมันนุ่มนวลอย่างมาก แทบจะหาอะไรมาเปรียบมันได้เลย หัวใจของเขาเริ่มกระหน่ำสูบฉีดโลหิตอย่างบ้าคลั่ง ความต้องการอยากลิ้มลองพุ่งทะยานขึ้นเสียดฟ้า
เนื่องด้วยกาลเวลาไม่เคยคอยท่า เขาจึงรีบประกบริมฝีปากเข้าที่ยอดดอกบัวตูมสีชมพู แล้วตวัดลิ้นเลียอย่างเมามัน ส่วนมือข้างซ้ายนั้นก็บีบแค้นปทุมถันของหลิ่งซูเช่นกัน
“อื๊มม อื๊มมม”
เสียงครวญครางอันแสนเบาเล็ดลอดออกมาจากปากของพวกนาง โดยเฉพาะหลางหลู่เออร์ที่ครวญครางตลอดช่วงฉางหยางลิ้มลองดอกบัวตูมสีชมพู
แต่ไหนเลยเขาจะลิ้มลองอยู่เพียงแค่คนเดียว ลิ้นที่แสนซุกซนก็ย้ายฝังไปทางหลิ่งซูบ้าง มันค่อยๆรวบเลียหมุนวนไปเรื่อยๆ จนเวลาได้ผ่านพ้นไปหนึ่งนาที
ในที่สุดฉางหยางก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เมื่อท่อนซุงของเขามันได้ถึงขีดจำกัดของมันแล้ว และมันก็เตรียมพร้อมเพื่อจะบุกทะลวงทำลายสวนบุบผานิรันดร์ให้ได้
ดวงตาหนึ่งเดียวของมันก็อยากจะเชยชมข้างในสวนบุบผานิรันดร์เหลือเกิน แต่ด้วยขนาดลำตัวใหญ่ล่ำสัน ก็ไม่รู้เลยว่าจะสามารถผ่านประตูบุบผานิรันดร์เข้าไปได้หรือไม่
ฉางหยางรีบขึ้นคร่อมหลางหลู่เออร์ทันใด เพราะเขายังเหลือภารกิจอีกหนึ่งที่ยังไม่ทำ ส่วนอีกหนึ่งคงต้องเริ่มจากนางก่อน
ว่าแล้วท่อนซุงของเขาก็เริ่มขยับไปจ่อตรงหน้าประตูบุบผานิรันดร์ พลังกายของมันถูกระเบิดออกมาทั้งหมด เพื่อทะลวงด้านข้างหน้านี้ไปให้ได้
“ซุบบ”
“อ๊าาาา”
ประตูถูกทำลายลงภายในอึดใจ เสียงครางของหลางหลู่เออร์ดังลั่น ความเจ็บปวดเริ่มถาโถมเข้าหานาง เลือดสีแดงสดไหลย้อยออกมาจากสวนบุบผานิรันดร์ แต่ด้วยกลิ่นของดอกไม้ทมิฬยังส่งผลอยู่ จึงทำให้นางตกอยู่ในภาพมายาต่อไป
“อู้.มะ...มันช่างลำบากเสียเหลือเกิน...”
สิ้นเสียงเพียงไม่นาน เอวของเขาก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างช้าๆ เสียงครวญครางของหลางหลู่เออร์ก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“อ๊าาาา อ๊าาาา อ๊าาาา อ๊าาาา”
“พับ พับบบ พับบ พับบ”
จังหวะถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ แทบจะไม่หยุดพักเลย เม็ดเหงื่อก็เริ่มปรากฏบนใบหน้าของเขา แต่ความต้องการมันกลับเพิ่มมากอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งท่อนซุงของเขาสู้ไม่ไหวจึงต้องปล่อยลูกน้องออกไปโจมตีต่อไป
“อ่าาาา”
ฉางหยางชักท่องซุงออกมาเตรียมพร้อมเพื่อลุยภารกิจสุดท้าย ซึ่งภารกิจแรกมันก็หินมากสำหรับเขาแล้ว และถ้าหากเขาดำเนินการต่ออีกสักสี่ถึงห้าภารกิจ ก็คงต้องบอกว่า “ขอยอมแพ้” เพียงเท่านั้น
ร่างของเขาเริ่มย้ายมาทางหลิ่งซูบ้าง ท่อนซุงยังคงจ่ออยู่ประตูบุบผานิรันดร์เหมือนเดิม แต่คราวนี้พลังกายของมันหมดไปกับภารกิจแรกพอสมควร
ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ยังจะสู้อย่างขาดใจ ดวงตาหนึ่งเดียวของมันพุ่งชนประตูอย่างรุนแรง
“ซุบบ”
“อ๊าาาา”
หลิ่งซูครางออกมาด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของนางแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะถูกภาพมายากลืนกินให้กลับมาเป็นแบบเดิม
ฉางหยางเห็นเลือดไหลออกมาเหมือนหลางหลู่เออร์ แต่เขาหาได้สนใจไม่ เอวเริ่มขยับขึ้นลง มือกุมไปที่ปทุมถันสองข้าง ริมฝีปากประกบดูดรวบเลียพร้อมกับเสียงจังหวะอันเร่าร้อนกระจายทั่วบ้านพัก
“อ๊าาาา อื๊มมม อ๊าาาา อ๊าาาา อื๊มมม”
“พับ พับบบ พับบ พับบ”
กระบวนการทุกอย่างดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง มือของเขากระหน่ำบีบแค้นปทุมถันทั้งสองข้างสลับกันอยู่ตลอด ส่วนเอวก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะผสานกับเสียงครางของหลิ่งซูเป็นพักๆ
“อ๊าาาา อ๊าาาา อ๊าาาา อ๊าาาา”
เสียงเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ ท่องซุงของเขามันก็เริ่มจะถึงจุดสุดยอด พลังกายของมันถูกทุ่มลงภายในการส่งลูกน้องชุดสุดท้ายออกไป
“อ่าาาา”
ร่างของฉางหยางล้มพับทับร่างหลิ่งซูด้วยความเหนื่อยหอบ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็ยังสามารถผ่านไปได้ด้วยดี
ดวงตาสีทองค่อยๆถูกปิดลงช้าๆพร้อมลมหายใจที่นิ่งสงบ และความเงียบก็คืนสู่บ้านพักหลังนี้อีกครั้ง.....