เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 7 นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 7 นักบวชปีศาจสุราดอกไม้
แปลโดย iPAT
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
“มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนจุดสูงของโลกใบนี้ขณะที่วิญญาณคือพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ มีวิญญาณมากมายหลากหลายชนิดจนมิอาจนับได้ถ้วน พวกมันอาศัยอยู่รอบตัวเรา ทั้งในพื้นดิน ต้นไม้ หรือกระทั่งในร่างกายของสัตว์ป่า”
“ตั้งแต่เผ่าพันธุ์มนุษยถือกำเนิดขึ้นบนโลกใบนี้ พวกเราก็เริ่มค้นพบความลึกลับของวิญญาณ ผู้ที่สามารถปลุกทะเลวิญญาณซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของวิญญาณให้ตื่นขึ้นจะสามารถบ่มเพาะและได้รับพลังอำนาจจากวิญญาณที่พวกเราบ่มเลี้ยงมาในที่สุด นี่คือผู้คนที่ถูกเรียกว่าผู้ใช้วิญญาณ”
“เมื่อพวกเจ้าสามารถปลุกทะเลวิญญาณให้ตื่นขึ้น พวกเจ้าก็ถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ใช้วิญญาณเรียบร้อยแล้ว”
ภายในสถานศึกษาของหมู่บ้าน อาจารย์ผู้อาวุโสกำลังสั่งสอนเด็กหนุ่มสาวจำนวนห้าสิบเจ็ดคน
เมื่ออาจารย์ผู้อาวุโสเปิดโอกาสให้ศิษย์ของเขาซักถาม เด็กหนุ่มผู้หนึ่งก็ยกมือและยืนขึ้น “ท่านอาจารย์ ข้ารู้เรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว มีผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง ระดับสอง และอีกหลายระดับ ท่านอาจารย์ช่วยบอกรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมได้หรือไม่?”
อาจารย์อาวุโสพยักหน้าและโบกมือให้เด็กหนุ่มนั่งลง “ผู้ใช้วิญญาณมีทั้งหมดเก้าระดับ ตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงเก้า ทุกระดับเปรียบได้กับอาณาจักรใหญ่ ขณะเดียวกันในแต่ละอาณาจักรก็แบ่งออกเป็นสี่ดินแดน นั่นคือขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสุดยอด พวกเจ้าพึ่งกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณ ดังนั้นพวกเจ้าจึงอยู่ระดับหนึ่งขั้นต้น”
“หากพวกเจ้าขยันบ่มเพาะ พวกเจ้าจะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสองขั้นสุดยอดหรือกระทั่งระดับสามได้อย่างไม่มีปัญหา แน่นอนว่ายิ่งมีพรสวรรค์สูงเท่าใดก็ยิ่งมีโอกาสก้าวหน้าและรวดเร็วเท่านั้น”
“ผู้ที่มีพรสวรรค์นภาที่สี่ ทะเลวิญญาณยี่สิบถึงสามสิบเก้าส่วน ขอบเขตสูงสุดที่พวกเจ้าสามารถไปถึงคือผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งหรือระดับสอง
พรสวรรค์นภาที่สาม ทะเลวิญญาณสี่สิบถึงห้าสิบเก้าส่วน ปกติแล้วความก้าวหน้าของพวกเจ้าจะหยุดอยู่ที่ผู้ใช้วิญญาณระดับสองหรือหากโชคดีก็สามารถไปถึงระดับสาม
พรสวรรค์นภาที่สอง ทะเลวิญญาณหกสิบถึงเจ็ดสิบเก้าส่วน พวกเจ้าจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามหรือระดับสี่
พรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ทะเลวิญญาณแปดสิบถึงเก้าสิบเก้าส่วน ผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับนี้สามารถบรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับที่ห้า”
“สำหรับขอบเขตผู้ใช้วิญญาณระดับหกเป็นต้นไป มันมีอยู่เพียงในตำนานเท่านั้น ในประวัติศาสตร์ของตระกูลแสงจันทร์ไม่เคยปรากฏผู้ใช้วิญญาณระดับหกมาก่อน แต่สำหรับระดับสี่และระดับห้า ตระกูลของเราเคยมีอยู่หลายคน”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ช่วยไม่ได้ที่ดวงตาของเด็กหนุ่มสาวจะส่องประกายขึ้นด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง
หลายคนมองฟางเจิ้งที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด เขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ดังนั้นทุกคนจึงเต็มไปด้วยความอิจฉา ในเวลาเดียวกันบางคนก็มองไปยังมุมหลังห้องริมหน้าต่างเพื่อพบกับฟางหยวนที่ก้มหน้านอนหลับอยู่บนโต๊ะและยังส่งเสียงกรนออกมาอีกด้วย
“ดู เขายังนอนหลับเหมือนเดิม” เสียงกระซิบดังขึ้น
“เขานอนมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ นี่เขาไม่คิดที่จะเรียนรู้สิ่งใดบ้างเลยงั้นหรือ?”
“ยังมีอีก ข้าได้ยินมาว่าหลายวันนี้เขาออกไปนอกหมู่บ้านทุกคืน”
“มีหลายคนเห็นเขาถือไหสุราในยามค่ำคืน เขาคงจะออกไปดื่มและเมาอยู่ที่นั่น โชคดีที่หมู่บ้านของเราสงบสุขมานานหลายปี ดังนั้นเขาจึงปลอดภัยมาถึงตอนนี้” คำนินทาเล็กๆน้อยๆถูกส่งต่อไปอย่างรวดเร็วภายในกลุ่มเด็กที่อยู่ในห้อง
“อืม ช่องว่างมันใหญ่โตเกินไป คนที่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะกลับมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม”
“เขาร่วงหล่นลงสู่พื้นดินขณะที่น้องชายของเขาที่เคยถูกมองข้ามกลับกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งและได้รับการปฏิบัติที่ดีจากทุกคนราวกับมังกรที่ทะยานขึ้นสู่สรวงสวรรค์ นี่มันน่าขันเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่า”
คิ้วของอาจารย์อาวุโสเริ่มขมวดลึกเมื่อเขาพบว่าฟางหยวนกำลังนอนกลางวันโดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
‘มันผ่านมาสัปดาห์หนึ่งแล้วแต่เขายังทำใจไม่ได้ ฮืม ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะได้อย่างไร?’ อาจารย์อาวุโสรู้สึกหงุดหงิด เขาพูดกับฟางหยวนหลายครั้งแล้วว่าให้ยอมรับความจริงแต่มันกลับไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง ฟางหยวนทำตัวราวกับไม่สนใจโลกหล้า เขานอนในชั้นเรียนตลอดเวลาและทำให้เหล่าอาจารย์รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
‘เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามเท่านั้น หากเขาไม่สามารถยอมรับและยังทำตัวเช่นนี้ต่อไป เขาก็จะเป็นเพียงคนไร้ค่าที่ผลาญทรัพยากรของตระกูลไปอย่างเปล่าประโยชน์’ หัวใจของอาจารย์อาวุโสเต็มไปด้วยความผิดหวัง
พรสวรรค์ของฟางหยวนอยู่ในนภาที่สามขณะที่น้องชายของเขามีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง แน่นอนว่าตระกูลต้องทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดให้กับฟางผู้น้องและละทิ้งฟางผู้พี่
อย่างไรก็ตามอาจารย์อาวุโสยังบรรยายต่อไป “ในประวัติศาสตร์ของตระกูลแสงจันทร์ มีบุคคลที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นมากมาย มีผู้ใช้วิญญาณระดับห้าสองคน หนึ่งในนั้นคือผู้นำตระกูลรุ่นแรก บรรพชนของพวกเรา ท่านเป็นผู้ก่อตั้งหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล ส่วนอีกผู้หนึ่งคือผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่ ท่านมีพรสวรรค์อันโดดเด่นและสามารถบรรลุเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าได้ตั้งแต่ยังเยาว์ หากมิใช่เพราะนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ที่น่ารังเกียจตนนั้นลอบโจมตี ท่านอาจสามารถบรรลุถึงระดับหก แต่ผู้ใดจะคิดว่า...”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้อาจารย์อาวุโสก็ถอนหายใจยาวขณะที่ศิษย์หนุ่มสาวรู้สึกโกรธแค้น
“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะปีศาจตนนั้น เขาทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์”
“น่าเสียดาย ท่านผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่ใจดีเกินไป มันทำให้ท่านต้องจบชีวิตลงตั้งแต่ยังหนุ่ม”
“หากข้าเกิดเร็วกว่านี้สักหลายร้อยปีและได้พบกับนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ ข้าจะฉีกใบหน้าที่น่ารังเกียจของมันออกมา”
เรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่กับนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นสิ่งที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดี
นักบวชปีศาจสุราดอกไม้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า เขาเป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้น หลายร้อยปีก่อนหน้า เขาลอบเข้ามาขโมยกล้วยไม้จันทราของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลแต่ถูกค้นพบโดยผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่ หลังการต่อสู้ครั้งใหญ่ นักบวชปีศาจสุราดอกไม้พลาดพลั้งจนถึงจุดที่ต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต ด้วยความใจดีของผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่ เขาจึงตกลงสู่หลุมพรางที่น่ารังเกียจของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้และถูกลอบโจมตีอย่างรุนแรง นั่นเป็นเหตุให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้เขาจะสามารถสังหารนักบวชปีศาจสุราดอกไม้แต่เขากลับเสียชีวิตหลังจากนั้นเพราะอาการบาดเจ็บ
ดังนั้นในหัวใจของสมาชิกตระกูลแสงจันทร์ ผู้นำตระกูลรุ่นที่สี่จึงถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สละชีวิตเพื่อหมู่บ้านและพวกเขาทุกคน
‘นักบวชปีศาจสุราดอกไม้...’ ชื่อของคนผู้นี้ปลุกให้ฟางหยวนตื่นขึ้นการจากหลับไหล
เขาบิดร่างกายและรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยอยู่ภายในใจ ‘นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ เขาตายอยู่ที่ใดกันแน่? เหตุใดข้าจึงไม่พบมรดกของเขาหลังจากค้นหารอบหมู่บ้านมานานหลายวัน?’
จากความทรงจำของฟางหยวน ครั้งหนึ่งมีผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์ที่อกหักจากหญิงคนรักและเริ่มดื่มสุราอย่างหนักทุกวัน กระทั่งสองเดือนหลังจากนั้นเมื่อเขาดื่มสุราจนเมามายและทิ้งตัวนอนอยู่นอกหมู่บ้าน กลิ่นสุราจากร่างกายของเขาดึงดูดวิญญาณสุราให้เข้ามาหาโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อตระหนักถึงการคงอยู่ของวิญญาณสุรา ผู้ใช้วิญญาณผู้นั้นเต็มไปด้วยความสุขและต้องการจับมัน แต่วิญญาณสุราพยายามหลบหนี หลังจากที่เขาไล่ตามมันไป ในที่สุดเขาก็ได้พบกับถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง
เนื่องจากวิญญาณสุราเป็นวิญญาณหายากและมีราคาสูงหากขายออกไป ดังนั้นผู้ใช้วิญญาณขี้เมาผู้นี้จึงตัดสินใจเข้าไปในถ้ำและได้พบกับศพของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้รวมถึงมรดกที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลัง
ชายขี้เมาย้อนกลับมายังหมู่บ้านและรายงานเรื่องที่เขาค้นพบกับเหล่าผู้อาวุโส เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที แน่นอนว่าเขาได้รับสิ่งตอบแทนมากมายและเป็นเหตุให้ระดับการบ่มเพาะของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ หญิงคนรักของเขาจึงย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง เรื่องราวของชายผู้นี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาของผู้คนในหมู่บ้านอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
‘น่าเสียดายที่ข้าได้ยินข่าวมาเพียงบางส่วน ข้าไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของสถานที่แห่งนั้น นักบวชปีศาจสุราดอกไม้ เจ้าตายอยู่ที่ใดกันแน่?’
หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนซื้อสุราและเดินออกไปนอกหมู่บ้านทุกคืน เขาต้องการใช้กลิ่นสุราเพื่อล่อลวงให้วิญญาณสุราปรากฏตัว แต่น่าเสียดายที่มันไม่เคยเผยตัวออกมา นี่ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
‘หากข้าได้รับมันและปรับแต่งมันด้วยความรู้ของข้า มันจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าวิญญาณแสงจันทร์ของตระกูล แต่ตอนนี้ใกล้เข้าฤดูร้อนแล้ว เหลือเวลาอีกไม่มาก” ฟางหยวนถอนหายใจขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
ภายใต้ท้องฟ้าสีครามและเมฆสีขาว ภูเขาที่เขียวชอุ่มทอดตัวยาวไปจนสุดสายตา ในป่าไผ่แห่งหนึ่งบนภูเขาชิงเหมา ต้นไผ่แต่ละต้นพ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับหอกอันแหลมคม หน่ออ่อนไม้ไผ่ผุดขึ้นราวกับทะเลสีเหลือง นกกระจอกบินลงมาเกาะอยู่บนกิ่งไม้และสร้างรังอยู่ที่นั่น สายลมท้ายฤดูใบไม้ผลิหอบเอาความสดชื่นจากแม่น้ำและภูเขากระจัดกระจายไปยังทุกหนทุกแห่ง
นี่เป็นช่วงเวลาที่ชั้นเรียนกำลังจะจบลง “ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าสอนให้พวกเจ้าตรวจสอบและบำรุงทะเลวิญญาณของตนเอง ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องปรับแต่งวิญญาณดวงแรกแล้ว หลังจากจบชั้นเรียนวันนี้ พวกเจ้าจงไปยังห้องโถงวิญญาณและเลือกวิญญาณหนึ่งดวงที่พวกเจ้าต้องการกลับไปปรับแต่ง หลังจากนั้นจงนำมันมาเข้าชั้นเรียนด้วยในคร้้งต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นมันจะเป็นการประเมินความสามารถครั้งแรกของพวกเจ้า ผู้ใดที่สามารถผ่านการทดสอบนี้เป็นคนแรกจะได้รับรางวัลเป็นหินวิญญาณยี่สิบก้อน”