LSG-บทที่ 79 กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง (อ่านฟรีวันที่7กันยา)
LSG บทที่ 79
แปลไทยโดย : SwordGod
กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง
อาจารย์ใหญ่ ของ สำนักดาราม่วง มองดูคล้ายหญิงแก่วิปลาศ
นางมีผิวย่น เหมือนหนังไก่วัยชราร่างกายผ่ายผอมหลังค่อม นางสวมเสื้อคลุมสีม่วงที่มีลวดลายของดาราและยึดติดลีบเหมือนกับไม้เท้าเถาวัลย์ นางมองเหมือนหินภูเขาไฟในชุดคลุมดาราสีม่วงและดวงตาที่คลุมเครือของนางที่เหลือบมองลงมา ..
พวกเราคาราวะ อาจารย์ใหญ่สำนักวิชาดาราม่วง!"
ผู้คนโดยรอบลุกขึ้นคาราวะนาง
"พวกเราขอคาราวะนายหญิง !!"
"ข้าและเหล่าสาวก ขอคาราวะนายหญิง!"
ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกหรือด้านในไม่ว่าจะเป็นนักเรียนหรืออาจารย์ทุกคนก็คาราวะกันในขณะคลื่นเสียงที่ดังในทุกทิศทาง
ทุกคนดูเคารพยำเกรง ที่แนวเทือกเขาอาถรรพ์ นายหญิงแห่งสำนักวิชาดาราม่วงไม่เคยขาดแคลนอำนาจ แม้ในพื้นที่ใกล้เคียงไม่มีใครกล้าที่จะไม่แยแสนาง ไม่ได้เป็นเพราะว่าชื่อเสียงของนาง แต่เพราะนางทุ่มเทตัวเองและมีส่วนอย่างมากต่อภูมิภาคเหล่านี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถปฏิเสธการช่วยเหลือของนางได้
นักเรียนมองไปที่หญิงชราคนนั้นด้วยน้ำตาแห่งความตื่นเต้น
การมาถึงของนางทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปทั้งหมด
นี่ ... . แสดงถึงความพิเศษของบุคลได้อย่างชัดเจน
"ทุกคนไม่ต้องสุภาพโปรดลุกขึ้นเถิด"
อาจารย์ใหญ่ดาราม่วงยิ้มอย่างเมตตาขณะพูด
"ขอบคุณนายหญิง!"
"เนื่องในวันนี้ เป็นงานแลกเปลี่ยนวิชายุทธ แห่งสำนักวิชาดาราม่วง ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตัวแทนทั้งหมดจากภูมิภาคต่างๆที่ทอดยาวหลายพันลี้มาร่วมงานในวันนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและขอแสดงความขอบคุณทุกๆท่าน อย่างจริงใจต่อทุกคนที่นี่! "
"มิกล้ามิกล้า!"
"นายหญิงดาราม่วง มีน้ำใจโอบอ้อมยิ่งนัก!"
ตัวแทนทั้งหมดร้องออกมา
"ฮ่า ฮ่า
"เอาล่ะๆทุกๆคนอยู่ที่นี่มาแล้วตั้งหลายชั่วยามแล้ว ข้าก็ไม่อยากรบกวนเวลาอันมีค่าของพวกท่าน! เรามาเข้าเรื่องของเราเลยดีกว่า! "
วิทธยายุทธของ นายหญิงดาราม่วง นั้นสูงส่งมากๆ ตามคำบอกเล่าจากคนอื่นๆ วิทธยายุทธของนางอยู่ระดับ เขตแดนดวงจิตวิญญาณ แต่ระดับขั้นไหนนั้นไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัด นักบ่มเพาะคนอื่นนั้นกล่าวกันไปว่าการบ่มเพาะของนางอยู่ขั้นที่9หรือ10 และเป็นไปได้ว่านางจะกลายเป็นเพียงไม่กี่คนที่บรรลุ ระดับเขตแดนดาราวิญญาณ ภายในสามขอบเขตใหญ่ มณฑลเจ่ว์เหลียน มณฑลฉิงหวัง แนวเทือกเขาอาถรรพ์
เขตแดนดาราวิญญาณ ...
พลังนี้จะมีอยู่ได้อย่างไร?
นักบ่มเพาะนับไม่ถ้วนได้ใช้เวลาฝึกฝนตลอดชีวิต แต่ไม่สามารถบรรลุระดับที่สูงเช่นนี้ได้
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนชื่นชม นายหญิงดาราม่วง ไม่ได้มีเพียงวรยุทธของนางเท่านั้น แต่ยังมีการค้นคว้าเกี่ยวกับ การบ่มเพาะวิญญาณ อีกด้วย การแลกเปลี่ยนวรยุทธโดยแท้จริงสำหรับ นายหญิงดาราม่วง แล้วคือการเปิดเผยผลงานคนคว้า ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ ต่อสาธารณชน การตีสอนของนาง ความมานะและความอุตสาหะของนาง และนางเต็มใจที่จะแบ่งปันผลงานค้นคว้าของนางทำให้หลาย ๆ คนบูชานาง
"คราวนี้ข้ากำลังค้นคว้าเกี่ยวกับผลกระทบของ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ เกี่ยวกับศักยภาพของมนุษย์ ข้าได้ศึกษาเรื่องนี้เป็นเวลาหลายปีแล้วและโดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ข้ามีความก้าวหน้า! แต่สุดท้ายแล้วยังไงๆ ตัวข้าซึ่งเป็นนายหญิงดาราม่วง ก็ยังเป็นเพียงแค่หญิงแก่ มีงานหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ตรงกับทุกคน วันนี้ข้าจะนำเสนองานคนคว้าของข้าให้กับพวกท่าน ฟรีๆ เพื่อนำมันไปปรับปรุง ... "
ตามเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ นายหญิงดาราม่วง จะเปิดเผยและแบ่งปันเรื่องราวทั้งหมดของนางในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง
โดยปกติแล้วนี่คือช่วงเวลาที่เงียบที่สุดและไม่มีใครสามารถทำไม้ได้ แม้แต่คนที่กำลังโมโหพยายามลดเสียงของมันลงเพราะกลัวว่าพวกมันจะทำความยุ่งยากให้ นายหญิงดาราม่วง
แต่…
นายหญิงดาราม่วง ยังไม่ทันพูดจบ กลับมีบุคคนหนึ่งลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
นายหญิงดาราม่วง หันมามอง
น่าแปลกที่คนที่ยืนขึ้นเป็นตัวแทนจาก 'นิกายอนัตตา' อู๋กง
อู๋กง เป็นคนร่างกายกำยำและใบหน้าของเขา มันแพล็บ เขาสวมชุดหยกติดเครื่องประดับเครื่องรางหลายชิ้นและของจุ๊กๆจิ๊กๆอื่นๆ มองจากที่ไกลๆเขาดูเหมือนเต่าที่ฝังตัวอยู่กับอัญมณี
"โอ้! ผู้อาวุโส อู๋กง ไม่ทราบว่าท่านติดขัดตรงไหนรึ? " นายหญิงดาราม่วงถามด้วยความแปลกใจ
ทุกคนหันไปมอง อู๋กง พร้อมกัน
อู๋กง เงอะๆงะๆ คำนับ นายหญิงดาราม่วงก่อนที่จะเปิดปากของเขา "คำกล่าวของ นายหญิงดาราม่วง ข้าน้อยมีหรือจะกล้ามีปัญหา? ที่ข้าน้อยยืนขึ้นข้าน้อยมิได้มีข้อกังขากับคำกล่าวของ นายหญิงดาราม่วง แต่ข้ากังขาสหายน้อยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเหล่านั้น! "
ที่ฝั่งตรงข้าม?
ทุกคนตกใจและหันเหความสนใจไปที่คนตรงข้ามกับอู๋กง อย่างรวดเร็ว
ตระกูลซู!
คนของตระกูลซูก็ประหลาดใจ
ซูฮัวหยู รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยขณะที่ ชิงเอ๋อ ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง
นางคำนับด้วยความเคารพ: "ข้าน้อยผู้เยาว์ ชิงเอ๋อ ข้าขอคาราวะ ผู้อาวุโสทุกๆท่านผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้" นางยังพูดชัดเจนและน้ำเสียงสดใส: "ข้าใคร่อยากจะทราบสิ่งที่ ผู้อาวุโสอู๋กง หมายถึง? ตระกูลซูไม่ได้ส่งเสียงมุบๆมิบอันใดเลยตั้งแต่พวกเรามาถึงที่นี่ ท่านผู้อาวุโสอู๋กงสงสัยสิ่งใดึรึ? "
"อืม? อู๋กง ยิ้มกว้าง: "นี่เป็นการแลกเปลี่ยนทางวิชาการทุกๆสามปีมีครั้งซึ่งทุกคนถือว่าสำคัญมาก ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลซูจะหยิ่งยโสถึงขนาดส่งตุ๊กตาเข้ามางานชุมนุมที่มีความสำคัญเท่าสวรรค์! ข้าไม่ควรสงสัยเรื่องนี้หรอกรึ ... ? "
“ชั่วช้า!
ซูฮัวหยูยืนขึ้นอย่างกราดเกรี้ยวและตะโกนว่า "อู๋กง เจ้าหมายความว่าไง? เจ้าเรียกใครว่าตุ๊กตา? เจ้ากำลังดูหมิ่นเหยียดหยามพวกเรารึ? "
"ดูหมิ่น?" อู๋กงเปล่งเสียงหึในลำคอ "ไม่ใช่ว่าตระกูลซูของพวกเจ้าเองหรอกรึที่ดูหมินห๊ะ พวกเจ้าทุกคนเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา มีพรสวรรค์เพียงเล็กน้อยและได้รับการปลูกฝังมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น แต่พวกเจ้าทั้งหมดมาที่นี่และเข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนกับเรานี้ อ่ะ ไหนบอกสิว่าใครกันแน่ที่ดูหมิ่น ทุกคนที่นี่บอกได้แค่เพียงเหลือบดู! "
"เจ้า…"
ซูฮัวหยู โกรธจนควันออกหู
ชิงเอ๋อรู้สึกขุ่นเคืองและถามว่า "หากเป็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสอู๋กง ท่านต้องการเสนอแนะอะไร?"
อู๋กง หัวเราะและตอบว่า "ทำไมเราไม่ทำเช่นนี้ ฉันจะถามคำถามบางอย่างเกี่ยวกับ ลมปราณวิญญาณลึกล้ำ ถ้าเจ้าสามารถตอบได้อย่างถูกต้องข้าจะเชื่อมั่นด้วยพลังและสติปัญญาของเจ้า แต่ถ้าเจ้าตอบอย่างผิด ๆ ก็หมายความว่าเจ้าทุกคนไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนนี้และตระกูลซูจะต้องออกไปข้างนอก เสียงของผู้เข้าร่วมท่านอื่นที่เหลือว่ายังไง? "
"นี่มันไร้สาระ!"
ตระกูลซู ลุกขึ้นยืนทีละคนๆ จ้องเขม็ง
นักเรียนยังได้เริ่มพูดถึงกันและกัน บางคนเห็นด้วยกับ อู๋กง ขณะที่บางคนคิดว่า อู๋กง กำลังทำให้เกิดปัญหามากเกินไป
"เอาซี่ ใครกลัวเจ้ากัน?"
"นายน้อย ฮัวหยู! อย่าประมาท! "
"มีสิ่งใดต้องกลัวกัน ชิงเอ๋อ! ข้าคือนายน้อยไม่ว่าจะยังไงข้าคือสาวกที่มีพรสวรรค์จากตระกูลซู เกี่ยวกับ ปราณวิญญาณลึกล้ำ ข้าเองก็ศึกษาหนังสือมาเยอะ แล้วข้าไม่ควรที่จะตอบคำถามมันหรอ? "
ซูฮัวหยู ยืนขึ้นมาด้วยความมั่นใจแล้วพูดว่า "อู๋กง! ข้ารู้ว่าทำไมเจ้าถึงเลือก ตระกูลซู เมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้านั้นได้ชวน แม่นางชิงเอ๋อ ไปดื่มแต่ถูกปฏิเสธ เจ้าไม่พอใจเลยวางแผนให้ตระกูลซูต้องลำบาก ข้าพูดถูกใช่มั้ย? แต่เจ้าควรจะยุติแผนการบ้าๆนี้ของเจ้าซ่ะ ข้านายน้อยผู้นี้จะไม่ยอมปล่อยให้แผนการของเจ้าสำเร็จ! "
เมื่อ อู๋กง ได้ยินแบบนี้ใบหน้าอ้วนของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนตับของหมูและตื่นตระหนกตอบว่า "ไร้สาระ ... เจ้าเอาอะไรมาพูด!? เรื่องขี้ประติ๋วแค่นั้นนะหรือ ข้าจะเก็บมาเจ้าคิดเจ้าแค้น? ทำไมจิตใจข้าถึงดูไร้เดียงสาเยี่องนั้น?
"หึ สวะ!"
“สวะ” อู๋กง คั่งแค้น "ตุ๊กตุ๋นน้อย เมมื่องครั้งที่ข้าเข้าร่วมแลกเปลี่ยนวิชายุทธครั้งแรก เจ้ายังไม่เกิดด้วยซ้ำ! เจ้ากล้าขึ้นเสียงพูดกับข้าอย่างนี้หรอ! "
"ข้ากล้าถามทุกคนเป็นพยาน ตุ๊กตาเหล่านี้มีความรู้แค่หางอึ่งมาที่นี่ด้วยข้ออ้างว่ามีพรสวรรค์มาที่นี่และพูดคุยเกี่ยวกับความลับอันยิ่งใหญ่?"
"นี่…"
"ผู้อาวุโส อู๋กง พูดได้ถูกต้องแล้ว พวกเขายังเด็กเกินไปเกรงว่าพวกเขายังเป็นกบในกะลาครอบ! "
"ถูกต้องแม้แต่ระดับการบ่มเพาะของพวกเขายังต่ำกว่ามาตรฐาน เจ้าตุ๊กตาพวกนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่ในระดับ แก่นแท้วิญญาณเท่านั้น แล้วนางเจ้าเข้าใจ ปราณวิญญาณลึกล้ำ ได้ซักเท่าไหร่กันเชียว ... "
"แล้วในที่นี้ เจ้าไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะ ขั้นที่7หรือ8แก่นแท้วิญญาณหรอกรึไง?"
มู่เฟิง ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่ม มู่ ไม่ได้พูดคำในการมีส่วนร่วม เขาไม่สนับสนุน อู๋กง หรือช่วยให้พูดให้ ตระกูลซู
นายหญิงดาราม่วงหน้างอและตะโกนว่า "ผู้อาวุโส อู๋กง!"
อู๋กง หันหน้าไปหา นายหญิงดาราม่วง อย่างรวดเร็ว
"ในการบ่มเพาะเห็นได้ชัดแล้วว่าไม่ได้มีความแตกต่างกันเท่าไหร่จะผู้อาวุโส คนแก่หรือคนหนุ่ม แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ใยท่านต้องกังวลเรื่องนี้กัน? เรื่องนี้ ... ไม่มีอะไรมาก! "
นายหญิงดาราม่วง ได้กล่าวไว้
"แต่คนในตระกูลซูได้ตอบต่อสาธารณชนแล้ว หากข้าปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปแล้วศักดิ์ศรีของนิกายอนัตตาข้าจะหลงเหลืออยู่อีกมั้ย?" เห็นได้ชัดว่า อู๋กง ไม่ได้เห็นด้วยกับเห็ผล นายหญิงดาราม่วง แม้ว่านายหญิงดาราม่วงจะมีอำนาจอันยิ่งใหญ่แต่ อู๋กง ได้รับการสนับสนุนจากนิกายชั่วร้าย! เขาต้องกลัวอะไร
"นี่ ... "
"ฮึ! อู๋กง เจ้าหุบปากสวะๆของเจ้าได้แล้วและออกไปให้พ้น! เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้าหรือ? "
ซูฮัวหยู โกรธจัด
"ดี! อู๋กง ยิ้มเยาะ "ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก ข้าจะขอถามคำถามเกี่ยวกับ การค้นคว้าการบ่มเพาะ แก่นแท้วิญญาณ เพียงอย่างเดียว เจ้าฟังให้ดี! "
"ว่ามา!"
.........
ครืดดด !!!
หินถูกขยับและผ้าใบด้านล่างก็ยกขึ้น ในช่องว่างที่เต็มไปด้วยวัชพืชมีอาคมวิญญาณน่ากลัวขนาดมหึมาที่วาดด้วยเลือด
ยังมีการจารึกอาคมวิญญาณขนาดใหญ่ไว้ที่นั่น
เนื่องจากอคมวิญญาณยังขาดส่วนประกอบสุดท้ายมันยังไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุนี้มันเลยยังไม่ปล่อย ปราณใดๆออกมา ใด ๆ ยังไม่มีอำนาจใด ๆ มากที่สุดก็มีกลิ่นคาว กำลังเพิ่มในที่ไกลๆและห่างไกลจากเมืองใด ๆ ไม่มีใครจะสะดุดกับมันได้
ซูหยุนเดินไปเพื่อตรวจสอบสถานะของอาคม
โชคดีที่มีการสึกหรอไม่มากนัก แต่เนื่องจากการผ่านไปหลายวันเส้นบางส่วนของอาคมวิญญาณจึงขยายออกไป ในเวลานั้นการปรับปรุงเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว
มันเปิดแหวนมิติของมันหยิบเอาของที่อยู่ด้านในออกมาแล้วตกแต่งอาคมอย่างละเอียด
เวลาสั้นๆ การเคลื่อนไหวของ ซูหยุน เริ่มเร่งขึ้นเล็กน้อยและการเริ่มต้นของมันเริ่มเพ่งสมาธิ
ลมพัดเบา ๆ ต้นไม้ที่ล้อมรอบไปด้วยสายลมและทะเลสาบที่อยู่ใกล้เคียงก่อตัวเป็นระลอกมากมาย ...
ฟึบ!
ขณะนั้น แสงไฟสองสามลำก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วและได้ยินเสียงต่ำ
"เจ้าเป็นใครแล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่?"
ซูหยุนที่ยังคงวิเคราะห์และจดจ่ออยู่กับการเติมเต็มอาคม ได้ยินและวาดเส้นที่ว่างทัที
มันหันหน้าปหาคนที่อยู่ข้างหลังมันและเห็นมีเสื้อผ้าสีเขียวปักยืนด้วยกัน
ยามสำนักวิชา ชั้นยอด?
ซูหยุนสะดุดเล็กน้อยขณะที่มันแอบเหลือบมองป้ายที่แขวนอยู่บนเอว
"สหายค้นคว้าอาวุโส ข้าเป็นนักเรียนที่นี่"
"กรุณานำป้ายนักเรียนออกมา!"
ผู้ชายคนหนึ่งพูดด้วยเสียงต่ำ
ส่วนที่เหลือของพวกเขาเงียบ ๆ ล้อมรอบซูหยุน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เชื่อ
หัวใจของซูนถูกกระแทกสักครู่ก่อนจะสงบลง
สารเลวน้อยพวกนี้ไม่ได้หลอกลวงอย่างง่ายๆ
มันสูดลมหายใจค่อย ๆ ยกมือขึ้นคว้าป้ายนักเรียนที่เอวและยื่นออกมา
ป้ายชื่อถูกให้เช่าและข้อมูลถูกต้อง แต่ ซูหยุน ไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้ามีคำถามใด ๆ ที่ยกมามันก็จะไม่สามารถตอบได้ แต่ไม่เป็นไรเพราะการปรากฏของป้ายเป็นความสมจริง หลังจากที่ทุกคนที่ให้เช่าป้ายชื่อผู้คนที่นั่นจะนำป้ายนักเรียนที่คล้ายกันออกไป
ถ้าหากมันไม่ให้ป้ายมันก็จะโดนจับกุมโดยยามดาราม่วง หรือแม้แต่ฆ่า
ซูหยุนร้องไห้อย่างเงียบ ๆ มันไม่คิดว่าเจ้าของสำนักวิชาจะใช้ยามที่เข้มแข็งเช่นนี้ในการเฝ้าระวัง
คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วมันจะดีกว่าที่จะให้ ...
"เจ้าลังเลอะไร?"
"ส่งมันมา"
ซูหยุนรู้สึกเหน็บหนาวไม่กล้าลังเล มันดึงป้ายนักเรียนออกมาในครั้งเดียวและส่งมอบให้
ยามได้เห็นการกระทำของมันและในที่สุดก็ผ่อนคลายความตึงเครียดของพวกเขา
ยามได้รับตรานักเรียนและใช้ ปราณวิญญาณลึกล้ำ เพื่อสแกนครั้งเดียว ทันทีใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป เขาชักกระบี่ที่เอวและชี้ไปที่ซูหยุน
ชูวาา!
ยามโดยรอบล้อมรอบอย่างรวดเร็ว ชักกระบี่ของพวกเขาออกมา
ซูหยุนก็ตกใจ "หมายความว่าไง?"
“หมายความว่าไง? หึ เราน่าจะถามคำถามนี้มากกว่า? เจ้าไม่ใช่นักเรียนของสำนักวิชาของพวกเราเลย!”
"เป็นไปไม่ได้! ป้ายนี้ ... . เห็นได้ชัดว่า .... เห็นได้ชัดว่าเป็นของข้า! "
ซูหยุนกล่าวอย่างหวาดกลัว
ในเวลาเดียวกันหัวใจของมันเต้นระรัวตกไปถึงตาตุ่ม! ทำไมเหล่าเจ้าหน้าที่เหล่านี้ถึงเอาแต่มองรูปลักษณ์ไม่ถามคำถามใด ๆ ว่ามันเป็นคนหลอกลวงหรือไม่?
"กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง?" "เจ้าเป็นผู้ชาย! ทำไมเจ้าถึงมีป้ายนักเรียนหญิง? "
ซูหยุน มองอย่างตะลึงทันที
“อ้าว ชิบหาย!”
แปลไทยโดย : SwordGod