AST บทที่ 152 - หญิงสาวผู้มีเส้นพลังปราณเชื่อมต่อกันทั้งหมด?
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
แปลโดย ป๋าบีม
บทที่ 152 - หญิงสาวผู้มีเส้นพลังปราณเชื่อมต่อกันทั้งหมด?
สามวันนับตั้งแต่ชิงสุ่ยได้หมั้นหมายกับสือฉิงจวง ได้ก่อนให้เกิดข่าวดังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง ชิงสุ่ย กลายเป็นแบบอย่างสำหรับคนรุ่นใหม่ และเป็นเป้าหมายที่พวกเขาหวังจะเดินรอยตาม!
ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อสามวันก่อนไม่มีใครจากตระกูลซือถูปรากฏตัวขึ้นบนถนนในเมืองร้อยไมล์อีกเลย ชื่อเสียงของชิงตระกูลชิงและความเคารพในเมืองร้อยไมล์ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้ชิงสุ่ยมีข้อตกลงที่ดีกับตระกูลอวี้ และตอนนี้เขาได้กลายเป็นญาติกับตระกูลสือโดยการหมั้นหมายสือฉิงจวง แห่งเมืองร้อยไมล์
"ท่านพี่ชิงสุ่ยช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ ซึ่งเป็นคนที่แตกต่างจากพวกข้าเป็นอย่างมาก ถ้าข้าสามารถบรรลุ ระดับอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน ข้าจะไปหาสาวงามที่ได้หมั้นไว้กับคน แล้วยึดไว้มาเป็นของตัวเอง ความรู้สึกที่ขโมยของคนอื่นมาต้องเป็นความรู้สึกที่ดีมากอย่างแน่นอน!! "
นี่คือสิ่งที่ชิงหยูพูดเมื่อเขากลับมา และคนที่เหลือของตระกูลชิงต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ ชิงสุ่ยเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี กับคำพูดของชิงหยู?
นอกเหนือจากการฝึกสอนคนในตระกูลแล้ว ชิงสุ่ยจะใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเล่นกับเล่นกับเด็กน้อยตระกูลอวีแต่มีสิ่งหนึ่งที่เขากังวลใจไม่สามารถที่จะตัดสินใจได้ มันเกี่ยวกับการเดินทางของเขาไปยังนิกายกระบี่นภา หลังจากปีใหม่ แต่เขาไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะพาตระกูลชิงไปด้วยหรือเขาจะไปคนเดียว!
ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยได้มุ่งเน้นที่การฝึกฝนทักษะต่างๆ นอกเหนือจากทักษะเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล ชิงสุ่ยได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกฝนทักษะ เคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูร ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถมีการฝึกได้เพียงรูปแบบกวางและแบบพยัคฆ์ ชิงสุ่ยหวังว่าจะสามารถเข้าใจเทคนิคเพิ่มเติมจากการฝึกฝน!
ทุกครั้งที่เขาค้นพบสิ่งแปลกใหม่เขาจะทำการจดบันทึกลงด้วยฝู่กันและกระดาษ!
การฝึกฝนสามารถฝึกได้ครั้งละทักษะ ดังนั้นในเวลานี้ ชิงสุ่ยจึงมุ่งเน้นในกับการฝึกทักษะ กวางย่างก้าว ซึ่งเขาได้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับทักษะพยัคฆ์!
ทักษะ "พยัคฆ์คำราม" ถือเป็นเทคนิคที่ดีสำหรับการปรับการไหลของ พลังปราณนอกจากนั้นก็ยังช่วยในการปรับปราณให้เกิดความสมดุลจึงช่วยในการเสริมสร้างร่างกายของผู้ฝึก ชิงสุ่ยเคยสัญญาว่าจะสอนทักษะการต่อสู้ให้กับหมิงเยวี่ย เก้อโหลว ดังนั้นเขาอาจจะเริ่มต้นด้วยการสอนเทคนิคนี้ให้กับเธอ!
ในทุกๆเช้า คนในตระกูลชิงทุกคนและแม้แต่สมาชิกรุ่นที่สอง ได้ทำการเริ่มฝึกทักษะกวางย่างก้าว แล รูปแบบพยัคฆ์ ผลที่เกิด เห็นได้ชัดที่สุดจากรูปแบบพยัคฆ์ ไม่ใช่แค่ช่วยในการเพาะปลูก แต่ยังสามารถเพิ่มพละกำลังในการต่อสู้ได้อีกด้วย เช่นคนที่ฝึกได้ระดับหนึ่งสามารถเพิ่มพละกำลังของเขาโดย 500 จิน; สำหรับคนที่ฝึกได้สำเร็จมากกว่าระดับหนึ่งสามารถเพิ่มพละกำลังของเขาได้ถึง 1000 จิน; และคนที่ฝึกได้ถึงขั้นสมบูรณ์จะเพิ่มพละกำลังให้เขาได้ถึง5000 จิน
สำหรับทักษะกวางย่างก้าว ช่วยเพิ่มความเร็วและความว่องไว ขณะที่รูปแบบพยัคฆ์ก่อให้เกิดการโจมตีที่มหาศาล!
"ชิงสุ่ย ข้าอายุมากแล้วแถมยังโง่มากอีกด้วยข้าอาจจะทำให้ท่านผิดหวัง!" เห็นได้ชัดว่าชิงสุ่ยต้องการสอนทักษะการต่อสู้ให้กับ หมิงเยวี่ย เก้อโหลว จึงทำให้เธอมีความสุขและความกังวลควบคู่กันไป!
อย่าได้กังวลไปเลย ผ่อนคลายเข้าไว้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝน หากเจ้าสามารถฝึกมันได้ก็ดีแต่ถ้าไม่สามีของเจ้าจะคิดหาวิธีอื่นๆที่จะทำให้เจ้าเข้าถึงระดับปราณเทวะเซียนเทียนเองไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม! "ชิงสุ่ยคิดว่าถ้ามีเวลามากพอเขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้หมิงเยวี่ย เก้อโหลว เป็น ผู้ฝึกฝนให้ได้!
"อืมข้าจะพยายามให้หนัก!"
อย่าเครียดมากเกินไปละ หมิงเยวี่ย เจ้าต้องสดใส ร่าเริงให้มาก พวกเราจะต้องทำได้มันอย่างแน่นอน! "ชิงสุ่ย กล่าวขณะที่เขายิ้มอย่างอบอุ่น เขารู้ว่าแรงดันที่เหมาะสมอาจเป็นแรงจูงใจที่ดี แต่ถ้าอยู่ภายใต้ความกดดันมากเกินไปก็จะทำให้คนเหล่านั้นล้มเหลวได้หรือกระทั้งท้อแท้ก็เป็นไปได้!
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่น่าทึ่งมาก สามารถสร้างปาฏิหาริย์เมื่อต้องเผชิญกับความกดดันอันยิ่งใหญ่ แต่การมีโชคเข้ามาช่วยก็เป็นบจุดที่สำคัญเช่นกัน!
ชิงสุ่ยอธิบายให้เธอฟังถึงทักษะ "พยัคฆ์คำราม" ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานของรูปแบบพยัคฆ์ ทั้งหมด ซึ่งหมิงเยวี่ย ไม่เคยศึกษาทักษะการต่อสู้ใดๆ ทำให้เธอจึงสามารถเริ่มต้นด้วยการฝึกทักษะ พยัคฆ์คำราม ก่อนที่จะฝึก ทักษะกวางย่างก้าว
“อืมม?
ชิงสุ่ย รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าหมิงเยวี่ย สามารถฝึกมันได้อย่างรวดเร็ว เธอสามารถเปิดใช้งานเส้นลมปราณ ได้อย่างราบรื่นและรวบรวม ปราณได้จากทุกๆที่ ชิงสุ่ยได้ใช้เทคนิคเนตรสวรรค์ของเขาสำรวจไปที่หมิงเยวี่ย และมันก็ทำให้เขาก็ตะลึงทันที!
"นางเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับเส้นลมปราณทั้งหมดเชื่อมต่อกันโดยธรรมชาติ... " ชิงสุ่ยสามารถคิดได้แค่เท่านั้น!
ตอนแรกเขารู้สึกทึ่งและตกใจ แต่ตอนนี้เขากับรู้สึกรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากที่คนมีพรสวรรค์ด้านการเพาะปลูก แต่ไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อนเลย มันเป็นเรื่องที่หน้าเสียดายเป็นอย่างมากสำหรับเธอที่พลาดโอกาสที่ดีสำหรับการฝึกฝนไป!
เขาไม่รู้เลยว่าความรู้ที่เขามีจะสามารถชดเชยเวลาที่เธอเสียไปได้หรือไม่ และเขาสามารถช่วยให้เธอก้าวไปบนเส้นทางแห่งการเพาะปลูกได้ไหม!
"ชิงสุ่ยนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้ารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของพลังปราณบาง! "หมิงเยวี่ย ถาม ชิงสุ่ยหลุดจากภวังค์หลังจากที่เธอได้ถามเขาอย่างเบาๆ!
"อืมดี ดีมาก! หมิงเยวี่ย จำที่ข้าบอกไว้นะจงมุ่งเน้นเฉพาะการฝึกปราณ ของทักษะพยัคฆ์คำรามเท่านั้น" ชิงสุ่ยกล่าวและยิ้มอย่างมีความสุข!
ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันยากสำหรับหมิงเยวี่ย เก้อโหลว ที่จะเริ่มต้นการฝึกของเธอเมื่ออายุยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปีเท่านั้น ถ้าเธอฝึกทักษะที่ไร้ประโยชน์มันจะทำให้เธอเสียหายมากกว่านี้!
ไม่ว่าอะไรก็ตามเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลอย่างน้อยก็อยู่ในระดับตำนานหรือสูงกว่านั้น "ทักษะพยัคฆ์คำราม" เป็นหนึ่งในเทคนิคในกลุ่มนั้นมีหรือที่มันจะเป็นทักษะขยะ?
ดังนั้น ชิงสุ่ยวางแผนที่จะใช้เทคนิคการสนับสนุนของเขาช่วยรับรู้ถึงความคืบหน้าของ หมิงเยวี่ย เก้อโหลว บนเส้นทางการเพาะปลูก สำหรับทุกคนที่เกิดมาพร้อมกับเส้นพลังปราณเชื่อมต่อกันทั้งหมดจึงเป็นผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเพาะปลูก!
เมื่อได้เห็นทางทีของชิงสุ่ย หมิงเยวี่ย เก้อโหลว มีความสุขมาก เธอกลัวว่าเธอจะโง่เกินไปที่จะเข้าใจและจะทำได้ไม่ดีพอ เธอกลัวที่จะเห็นความผิดหวังในสายตาของชิงสุ่ย!
"หมิงเยวี่ย เก้อโหลว คืนนี้มาหาข้าด้วย ข้าจะทำการฝังเข็มให้เจาเพื่อเปิดศักยภาพทังหมดของร่างกายของเจ้า มันช่วยให้เจ้าสามารถเสริมสร้างการเพาะปลูก และยังช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายทำให้การฝึกฝนของเจ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น! "ชิงสุ่ยตัดสินใจเร่งฝึกฝนความคืบหน้าในการเพาะปลูกของหมิงเยวี่ย เก้อโหลว!
“อืม! แล้วคืนนี้ข้าจะมาหา!”หลังจากพูดแบบนี้ หมิงเยวี่ย เก้อโหลว หน้าของเธอก็แดงกล้ำขึ้นมาคล้ายลูกท้อก่อนวิ่งออกไปที่ตึกใหญ่!
"พี่ใหญ่ชิงสุ่ยมีคนมาหาท่าน!" ชิงเป่ยเข้ามาและบอกกับชิงสุ่ย!
"ใครมาข้ากัน?"
"ข้าไม่รู้จักพวกเขา แต่คนที่มาเป็นสาวงามคนหนึ่งและเด็กผู้หญิงที่น่ารักอีกคน เด็กน้อยคนนั้นบอกว่านางชื่อของยายา และนางเรียกท่านว่า พี่ใหญ่ชิงสุ่ย! "ชิงเป่ยกล่าวเป็นในๆ!
ชิงสุ่ยเคาะหัว ชิงเป่ย เบาๆและมุ่งหน้าไปทางเข้าด้านหลังของชิงเป่ย!
"พี่ใหญ่ชิงสุ่ย!"
เด็กสาวน่ารักตัวน้อยๆ วิ่งไปหาชิงสุ่ย เมื่อเธอเห็นเขา เธอจึงกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเขา!
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ชิงสุ่ย พวกเราจะออกเดินทางในวันนี้ เลยแวะมาหาเจ้าเพื่อบอกลา เจ้าเป็นเพื่อนที่เกือบจะสนิทกับข้าเพียงคนเดียวที่เข้ารู้จักในเมืองร้อยไมล์!”หญิงสาวรูปงามกล่าวและยิ้มให้ชิงสุ่ย
"เพื่อนที่เกือบสนิท?" ชิงสุ่ยหัวเราะ!
"ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเจ้ามากมายและเจ้าอาจจะเหมือนกันสำหรับข้า แต่ข้ารู้สึกว่าเจ้านั้นเป็นคนที่ดีและพวกเรามีได้ทีการติดต่อกันมากกว่าสามครั้งทำให้ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเพื่อนที่เกือบสนิทของข้า! "หญิงสาวงรูปงามกล่าวและยิ้มอย่างสง่างาม
ชิงสุ่ยรู้แค่ว่าหญิงสาวรูปงามคนนี้ชื่อ เซียนหยู ชิงชิง และที่สำคัญชิงสุ่ยรู้สึกว่าพวกเขามีความคล้ายคลึงกันเล็กน้อย หรือบางทีเธออาจจะหน้าตาคล้ายกับแม่ของเขา!
ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังสงสัยว่าเธออาจเป็นพี่สาวที่เขาไม่เคยพบมาก่อนในชีวิตของเขา แต่ชิงสุ่ยเคยได้ยินจากแม่ว่าพี่สาวของเขามีปานสีแดงขนาดเท่าเมล็ดข้าวด้านบนมุมตาซ้ายของเธอ! แต่ผู้หญิงคนนี้กับไม่มีเครื่องหมายนั้นและอายุของเธอดูเหมือนจะอายุมากกว่าเขาไม่ถึงหนึ่งปี ดังนั้นชิงสุ่ยจึงล้มเลิกความคิดนี้!
"ถ้าเกิดเจ้ามีโอกาสมาหาพวกเรา เจ้าก็สามารถมาหาพวกเราได้ที่ ตระกูลเซียนหยู ที่ทวีปกลาง ข้าถือว่าเจ้าเป็นเพื่อนที่เกือบสนิทของข้า และที่สำคัญเจ้าได้รักษายายา ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ารักษาอาการบาดเจ็บให้ยายา ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่รู้จักเจ้าและเกือบสนิทกับเจ้าจนเรียกเจ้าว่าเพื่อนที่เกือบสนิทหรอก! "ชิงชิง กล่าวและยิ้มอย่างอ่อนโยน!
คำพูดของเธอนั้นฟังดูหยิ่งเป็นอย่างมากถ้าพูดโดยคนอื่น แต่เมื่อเธอพูดมันกับมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก มันทำให้ใครที่ได้ฟังไม่สามารถโกรธหรือเกลียดเธอได้เลย
"นอกเหนือจากญาติๆของข้า ข้าไม่มีเพื่อนเลย และตอนนี้ข้าได้เป็นเพื่อนที่เกือบสนิทกับเจ้าไปแล้ว เจ้าไม่รู้สึกเป็นเกียรติหรือ? "ชิงชิง กระพริบดวงตาคู่สวยของเธอ ด้วยดวงตาที่สดใสและเป็นสีดำเข็มเป็นประกายทำให้ตาของเธอมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก!
"ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากและข้ายังต้องขอบคุณยายาด้วยที่ทำให้ข้าได้เป็นเพื่อนที่เกือบสนิทอันแสนมีค่าเช่นนี้! "ชิงสุ่ยพูดขณะหยอกล้อยายา!
"ยาย่าบอกลาเขาสิ!"
"ลาก่อนพี่ใหญ่ชิงสุ่ย! ท่านต้องมาเยี่ยมยายานะ! "
ชิงสุ่ยโบกมือให้พวกเขาและกล่าวลา! ชีวิตของข้านั้นช่างแตกต่างกับพวกเจ้ามากนักเหมือนเส้นตรงสองเส้นที่ตัดกัน เมื่อแยกผ่านไปก็ไม่รู้จะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกหรือไหมในอนาคต!
"ข้าสงสัยจริงๆว่าใครจะสามารถทำร้ายสาวน้อยแสนน่ารักอย่างนี้ได้!" และชิงสุ่ยสงสัยว่าทำไมเซียนหยู ชิงชิงถึ รู้ว่าใครเป็นคนวางยาพิษยายา!
ก่อนจะมองไปที่รถม้าที่กำลังห่างออกไปไกล ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะหลังจากนี้มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เขาควรกังวลอีกแล้ว!
ณ ตระกูลซือถู!
"เอื้อก เอื้อก! หนานเทียนเจ้าจงอย่าเข้ายุ่งเกี่ยวกับ ตระกูลชิงอีก ถ้าเด็กหนุ่มผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ และนี่คงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตข้า แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป ถ้าเจอคนจากตระกูลชิงให้ทำเหมือนไม่รู้จักแล้วเดินอ้อมไปอย่าได้เข้าไปประทะจงยับยั้งชั่งใจไว้" ซือถูเจียนอี้กล่าวออกมาอย่างอ่อนแรงขณะที่เขากระอักเลือดออกมา!
"ท่านปู่หลานของท่านทำให้ท่านเป็นบาดเจ็บ!" หนานเทียนร้องไห้อย่างขมขื่น
"หนานเทียน ชีวิตของปู่ได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว จงจำไว้สิ่งที่ปู่บอกไว้อย่าเข้าเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป ข้ามีทักษะฝีกฝนในห้องของข้า มันอยู่ใต้เตียงของข้า ยังมีตำราที่พบเจอโดยบังเอิญมันสามารถช่วงให้การเพาะปลูกไปถึงระดับเทวะเทียนเซียน ถ้าเป็นคนที่มีศักยภาพเขาจะสามารถบรรลุเข้าระดับเทวะเทียนเซียน ในเวลา 30 ปี! "
ซือถูหนานเทียน ตื่นเต้นมากแต่เขามองไปที่ ซือถูเจียนอี้ที่มีท่าทีเงียบสงบ "ทานปู่นิกายหมอกเมฆา สามารถช่วยเราได้ไหม?"
ซือถูหนานเทียนยังคงหวังในที่พึ่งสุดท้าย!
"ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ เขาอาจจะช่วยเราได้ แต่เมื่อข้าตาย เจ้าคงรู้ความหมายที่ข้าจะบอกใช่หรือไม่? "ซือถูเจียนอี้กล่าวด้วยสายตาหดหู่!
"ข้ายอมรับไม่ได้!" ซือถูหนานเทียนตะโกนออกมา
และนั้นก็เป็นคำพูดสุดท้ายของซือถูเจียนอี้
ชิงสุ่ยได้ทราบถึงการตายของ ซือถูเจียนอี้ เขาไม่เคยตั้งใจที่ปล่อยให้ซือถูเจียนอี้มีชีวิตรอดต่อไป แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ ซือถูเจียนอี้ตายในทันที
ขณะที่ตระกูลซือถู ถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าโศก แต่ที่ตระกูลชิงกลับเต็มไปด้วยความสุข ชีวิตในแต่ละวันของพวกเขาช่างมีความสุขเป็นอย่างมาก
"ท่านแม่ ข้าอาจจะออกจากเมืองร้อยไมล์หลังจากปีใหม่ พวกท่านมีความคิดอย่างไรบ้าง? ทุกคนจะติดตามข้าไปและปักหลักอยู่ที่เมืองฉางหลางหรือทุกคนจะคงที่อยู่ในเมืองร้อยไมล์ต่อไป"ชิงสุ่ยรู้สึกว่าถึงเวลาเขาต้องตัดสิ้นใจเกี่ยวกับปัญหานี้!