ตอนที่ 29 -- คุณสมบัติ
แปลโดย Mikky
Edit โดย check2534
ตอนที่ 29 -- คุณสมบัติ
“เสร็จแล้ว! พวกนายคิดว่ายังไงกันบ้าง?”
”
เห็นได้ชัดว่ามิลลี่ยังคงไม่ยอมตัดใจหยุดวาดเอ็มเบลม โคล้ดที่ไม่อาจทนเฉยได้อีกต่อไปจึงอาสาเป็นคนวาดแบบเอ็มเบลมเอง
ตรากิลด์ที่เสร็จสมบูรณ์นั้นเป็นรูปนักล่าหญิงที่กำลังขึ้นสายธนู โคล้ดได้แก้ไปภาพที่มิลลี่วาด ซึ่งดูเหมือนกับไส้เดือนยึกยือจนเหมือนกับวงเวทย์ลึกลับ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพของนักล่าหญิงนั้นดูคล้ายกับมิลลี่เล็กน้อย ผมรู้สีกได้ถึงความน่าเคารพที่ไหลออกมาจากตัวมิลลี่
“หวาา….โคล้ด เธอนี่เก่งจริงๆ!”
”
“เก่งงานผู้หญิงเหมือนกันนะเนี่ย”
”
“บอกแล้วไงว่าผมเป็นผู้หญิง!”
”
“อืม ♪ มันน่ารักและดูเท่จริงๆ! เอาอันนี้แหละ!”
”
มิลลี่ดูค่อนข้างจะถูกใจรูปนี้มากทีเดียว
สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้สนใจว่าภาพนั้นจะเป็นยังไง ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ปัญหาของผม
โคล้ดดูมีความสุขมากที่ถูกมิลลี่ชม
ดูจากรูปเอ็มเบลมแล้ว รู้สึกว่าโคล้ดจะวาดมิลลี่ออกมาด้วยความเคารพอย่างมาก
“โคล้ด เธอตีค่ามิลลี่สูงไปรึเปล่า?”
”
“มันก็ปกติไม่ใช่หรอ ยังไงเธอก็เป็นเทพธิดาสงครามของผมนะ!”
”
หล่อนหันหน้ามาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มอันเปล่งประกาย
จะส่งรอยยิ้มหนุ่มหล่อมาให้ทำไมเนี่ย
แต่ยังไงหล่อนก็ยังหล่อไม่เท่าผมอยู่ดี
การที่คนอย่างโคล้ดเทิดทูนคนอย่างมิลลี่มากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มิลลี่เองก็ดูจะชอบโคล้ดพอสมควร ซึ่งผมเองก็รู้สึกชอบโคล้ดเหมือนกัน
ในเมื่อผมอยู่กับมิลลี่ตั้งแต่ตอนแรก บางทีผมอาจจะป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นก็ได้
พยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ดีกว่า
“โทษทีนะ...เซฟคุง มีอะไรหรอ? ถึงได้จ้องหน้าผมแบบนี้….”
”
“ก็แค่คิดว่าเธอเป็นไบโชเน็นรึเปล่า”
”
“ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นผู้หญิง!”
”
ขณะที่กำลังฟังโคล้ดแก้ตัวอยู่ ผมก็โยนคุกกี้ชิ้นสุดท้ายเข้าปาก
--ป่าโคโบลด์
หลังจากจัดงานเลี้ยงต้อนรับโคล้ด พวกเราก็ตัดสินใจไปล่าที่ที่มิลลี่เจอเพื่อย่อยอาหาร
ซึ่งคนที่แนะนำเรื่องนี้ก็คือผมเอง
เหตุผลก็คือ ตอนที่ผมใช้สเกาท์สโคปกับมิลลี่เมื่อกี้ หล่อนได้รับการสืบทอดทักษะ “สกรีนพ้อยท์” มาด้วย ซึ่งผมอยากจะดูว่าสกิลนี้แท้จริงแล้วทำอะไรได้บ้าง
เมื่อนักเวทย์ได้พบเจอกับเวทย์มนต์ที่ไม่รู้จัก ย่อมเป็นธรรมดาที่พวกนั้นอยากจะตรวจสอบเกี่ยวกับทักษะนั้น
แต่ก็ไม่ใช่ว่าหล่อนจะใช้เวทย์นั้นออกมาให้ดูง่ายๆได้
ทักษะสืบทอดนั้นเป็นสิ่งที่คุณควรจะปกปิดไว้จากผู้อื่น และหากผมถามหล่อนตรงๆ เพื่อยืนยันว่าโคล้ดครอบครองทักษะสืบทอดจริงๆ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะปกปิดการคงอยู่ของสเกาท์สโคปเหมือนกัน
นั่นคือเหตุผลที่แทนที่ผมจะเอ่ยชื่อออกไปตรงๆ ผมก็ลองวิธีที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า
ผมก็แค่ถามโคล้ดออกไปตามปกติโดยไม่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“โคล้ด เธอใช้เวทย์มนต์ประเภทไหนบ้าง?”
”
โคล้ดดูหน้าเปลี่ยนสีเล็กหน้อย
….ดูเหมือนผมจะถามตรงไปหน่อยแฮะ
“โง่จังเลยนะนายเนี่ย เรื่องแบบนี้นายไม่ต้องถามเธอโดยตรง แค่ใช้สเกาท์…..อืออื้ออออ!?”
”
เธอนั่นแหละที่โง่
ผมปิดปากเธอเอาไว้แล้วเริ่มคุยกับเธอผ่านทางข้อความกิลด์
(ไม่ใช่ว่าผมบอกไปแล้วหรอกหรอว่าสเกาท์สโคปถือเป็นความลับระหว่างเราสองคนน่ะ?!)
”
(อ๊ะ จริงด้วย โทษทีๆ)
”
เฮ้อ อย่างที่คาดเลยแฮะว่ามิลลี่จะต้องหลุดปากแน่ๆ
(ลองใช้สเกาท์สโคปใส่โคล้ดดูสิ ในหมู่เวทย์มนต์มากมายที่หล่อนเรียนรู้มา มีเวทย์แปลกๆที่ชื่อว่า “สกรีนพ้อยท์” อยู่ใช่ไหมล่ะ เธอไม่อยากรู้หรอว่ามันเป็นเวทย์มนต์แบบไหน?)
”
(อา...เข้าใจแล้ว ไม่คิดเลยว่าสเกาท์สโคปจะใช้แบบนี้ได้ด้วย...ชั้นเองก็อยากรู้เหมือนกัน!)
”
ทั้งผมและมิลลี่ต่างก็มีรอยยิ้มอันชั่วร้ายปรากฎขึ้นบนใบหน้า และเมื่อโคล้ดก็มองมาที่พวกเราด้วยสีหน้างุนงง
“เวทย์มนต์ที่ผมใช้ได้….สินะ? ผมใช้ได้แค่เวทย์พื้นฐานเท่านั้นเอง”
”
ข้ออ้างชัดๆ
ดูเหมือนว่าหล่อนไม่ต้องการบอกผม
เอาเถอะ ไม่ใช่ว่าผมเองก็วางแผนที่จะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองให้โคล้ดรู้เหมือนกัน เพราะงั้นพวกเราก็เหมือนอยู่เรือลำเดียวกันทำนองนั้นแหละ
“ถ้าเซฟคุงอยากทำให้ผมพูดออกมา จะไม่ดีกว่าหรอถ้าใช้รางวัลที่ได้จากการเป็นผู้ชนะในการประลองของเราน่ะ?”
”
โอ้ จริงด้วย คนที่แพ้จะต้องฟังคำขอของคนที่ชนะไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม เกือบลืมไปเลยนะเนี่ย
“.....ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร ผมจะใช้รางวัลนั่นในสถานการณ์อื่นภายหลัง”
”
“น่ากลัวจังเลยนะ”
”
โคล้ดยักไหล่แล้วมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ไม่หวาดหวั่น
“....นายคงไม่ได้คิดจะใช้มันทำเรื่องลากมกอะไรใช่ไหม?..”
”
ผมเมินคำถามของมิลลี่แล้วเดินไปข้างหน้า
ผมเดินก้าวเท้าเร็วจนมิลลี่ต้องวิ่งเหยาะๆตามหลัง
หลังจากเดินมาได้สักระยะหนึ่ง พวกเราก็เจอเข้ากับต้นไม้ขนาดมหึมา ในพื้นที่โล่งกว้างที่ไม่มีต้นไม้ต้นอื่นอยู่รอบๆ
“ตรงนี้คือที่ๆโคล้ดถูกจู่โจม”
”
“กะ...กรุณาอย่าพูดถึงมันอีกเลย มิลลี่ซัง….”
”
โคโบลด์นั้นมีประสาทสัมผัสในการรับรู้สมาชิกในกลุ่มของตนเองสูง หากพวกมันรับรู้ได้ว่าพวกมันตัวหนึ่งกำลังจู่โจมคนที่กำลังอยู่คนเดียว พวกมันที่เหลือก็จะรวมตัวกันเข้าจู่โจมคนพวกนั้น
แม้ว่าคุณสมบัติทางกายภาพของโคล้ดจะค่อนข้างสูง แต่ว่าความสามารถด้านเวทย์มนต์ของหล่อนค่อนข้างต่ำ อีกทั้งเลเวลของหล่อนก็ต่ำเช่นกัน
ถึงแม้ว่าการรับมือกับโคโบลด์หนึ่งหรือสองตัวจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับหล่อน แต่มันก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งนั่นทำให้หล่อนถูกโคโบลด์ล้อมเอาไว้
ในแง่ของลักษณะของโคโบลด์นั้น พวกมันสามารถมองเห็นได้เฉพาะสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเท่านั้น
ขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ โคโบลด์ตัวหนึ่งก็ได้ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าพวกเรา
แผงคอสีน้ำเงินกับรูปร่างที่เหมือนครึ่งคนครึ่งสัตว์ ในมือของมันถือกระบองอยู่
ตอนนี้ได้เวลาใช้สเกาท์สโคปแล้ว
โคโบลด์
เลเวล 21
พลังเวทย์ 2420/2420
ปีศาจที่เรียกว่าโคโบลด์นี้จัดเป็นมอนส์เตอร์ประเภทสัตว์ทั่วๆไป
คุณสมบัติของโคโบลด์แต่ละตัวนั้นแตกต่างกันออกไปพอสมควร ดังนั้นแล้วมันจึงไม่มีทางใช้เวทย์หมู่คุณสมบัติเดียวจัดการได้
แม้ว่าเหตุผลจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ดูเหมือนว่าคุณสมบัติของโคโบลด์แต่ละตัวจะแตกต่างออกไปตามอาวุธที่พวกมันถืออยู่
บางทีอาจเป็นเพราะพวกมันชอบคุณสมบัติแตกต่างกัน แต่โคโบลด์แต่ละตัวนั้นมีความชอบในการใช้อาวุธต่างกัน
โคโบลด์ที่ถือกระบองนั้นมีคุณสมบัติสีแดง
ดังนั้นการใช้เวทย์สีแดงหรือเวทย์สีฟ้าจึงไม่ค่อยได้ผลกับมันมากเท่าไหร่
“บลูเกล!”
”
ขณะที่ผมกำลังอยู่ในห้วงความคิด มิลลี่ก็ร่ายเวทย์สีฟ้าหมู่และยิงออกไปเรียบร้อย
เฮ่ย เฮ่ย ที่นี่มีพวกมันแค่ตัวเดียว แถมเธอยังไม่สนใจทฤษฎีความขัดแย้งของคุณสมบัติอีก
โคโบลด์ตัวนั้นถูกโจมตีพายุกรรโชกแรงขนาดยักษ์ ถึงแม้ผมจะบอกว่าพลังของมันจะลดลงก็ตาม แต่ในเมื่อมิลลี่ใช้เวทย์หมู่ ก็ดูเหมือนว่าจะโดนโคโบลด์อย่างแรง
“กรีนสเฟียร์” (Green Sphere - ทรงกลมเขียว)
”
บอลสีเขียวอ่อนลอยเข้าหาโคโบลด์ด้วยความรวดเร็ว และในเวลาที่เวทย์นั้นโดนตัว โคโบลด์ก็ถูกปั่นและบดละเอียดกลายเป็นชิ้นๆ
หลังจากที่มันลอยเคลื่อนไปได้ระยะหนึ่ง บอลแสงสีเขียวก็ค่อยๆหายไปเอง
-มันเป็นเวทย์สายสีเขียวระดับกลาง กรีนสเฟียร์
หนึ่งในลักษณะเฉพาะที่ไม่ธรรมดากของเวทย์สายสีเขียวคือ มันสามารถโจมตีได้จากระยะไกล
กรีนสเฟียร์นั้นทำได้เพียงลอยเคลี่อนอย่างเดียวเท่านั้น เพราะงั้นมันจึงเป็นเวทย์ที่หลบค่อนข้างง่าย แต่สำหรับด้านพลังทำลายล้างนั้นพูดได้ว่ามันเป็นเวทย์ที่มีพลังสูงสำหรับเวทย์ระดับกลาง
เมื่ออยู่ในพื้นที่แคบหรือใช้เวทย์อย่างกรีนวอลจากระยะไกลเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของศัตรู นี่ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะใช้เวทย์นี้
“ชนะแล้ว~♪”
”
มิลลี่ทำท่าดีใจอย่างไร้เดียวสาออกมาเมื่อสามารถเอาชนะโคโบลด์ได้ แต่ผมกลับรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“มิลลี่ อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณสมบัติมอนสเตอร์เลย?”
”
“หืม? ชั้นก็รู้มานิดหน่อยนะ แต่จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก”
”
ผมถอนหายใจขณะที่มองมิลลี่ซึ่งทำหน้าประหลาดใจ
สมกับที่เป็นมิลลี่แฮะ หรือผมควรจะพูดว่ายังไงดี?
สิ่งหนึ่งที่เหล่านักเวทย์จำเป็นต้องรู้ก็คือเรื่องความสอดคล้องของคุณสมบัติ
ปีศาจทุกตัวในโลกนี้ต่างก็มีคุณสมบัติของตัวเอง ความแตกต่างที่ใหญ่หลวงนี้มีผลอย่างมาก
ผมถูกมาสเตอร์ยัดเรื่องพื้นฐานพวกนี้เข้าใส่หัว
การมีคาถาจำนวนมากอยู่ในตัวไม่ได้ทำให้หล่อนอยู่บนจุดสูงสุด แต่เป็นความจริงที่หล่อนมีขีดจำกัดพรสวรรค์สูง และหล่อนก็ใช้พรสวรรค์นั้นเอาชนะในการต่อสู้
ในขณะที่วิธีการต่อสู้ของมิลลี่นั้นทื่อและหยาบกระด้างมาก
หากเป็นคู่ต่อสู้กระจอกๆเหมือนเคยล่ะก็ หล่อนก็คงจะจัดการได้อยู่ เอาเถอะยังมีตอนที่เราสู้กับราชาแห่งความตายอยู่
ที่สำคัญคือเธอต้องรู้จักเทคนิคการต่อสู้พื้นฐาน
อืม ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อพ่อที่ควรจะเป็นมาสเตอร์ของเธอดันมาตายไปซะก่อน…
“มิลลี่”
”
หลังจากเรียกชื่อเธอ ผมก็วางมือลงบนหัวแล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ
“เดี๋ยว….จู่ๆทำอะไรของนายเนี่ย! อ๊า….โธ่…”
”
“ผมจะเป็นคนเคี่ยวเข็นเธอให้เอง ตกลงไหม?”
”
มิลลี่ก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่แดงด้วยความเขินอาย
ถ้าเธอไม่รู้เรื่องพื้นฐานล่ะก็ งั้นผมก็ทำแค่สอนเธอซะ
ถ้าผมฝึกฝนเธออย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่าเธอจะต้องกลายหนึ่งในสุดยอดจอมเวทย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ
แม้ว่าเธออาจจะไม่เก่งเท่าผมก็ตาม
“มิ..มิลลี่ซังกับเซฟคุง...มีความสัมพันธ์แบบนั้นงั้นหรอ…?”
”
“ธะ..เธอเข้าใจผิดแล้ว โคล้ด! พวกเราไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษจริงๆนะ….เซฟทำไมไม่พูดอะไรบ้างเลย!”
”
ทั้งโคล้ดและมิลลี่ที่กำลังหน้าแดงต่างก็โบกมือปฏิเสธไปมา
…..สองคนนี้กำลังร้อนตัวอะไรกันนะ? สงสัยจังแฮะ
โคโบลด์ตัวหนึ่ง (ที่กำลังถือมีด) ดูเหมือนจะแอบซ่อนอยู่หลังเงาใต้ต้นไม้ใหญ่ ผมจึงยิงเรดบลาสเตอร์ใส่มัน
มันก้าวถอยหลังเมื่อเห็นสายตาอันเย็นชาของผม
“ผมไม่รู้จริงๆว่าพวกเธอมีเรื่องอะไรกัน แต่เอาไว้หลังจากนี้ก่อน ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในระหว่างต่อสู้”
”
“อะ...อืม”
”
ทั้งมิลลี่และโคล้ดที่ยังคงหน้าแดงอยู่ขณะที่เผชิญหน้ากับโคโบลด์
หลังจากที่จัดการโคโบลด์เสร็จแล้ว พวกเราสามคนก็ออกล่ากันต่อครู่หนึ่ง แต่ดูเหมือนพวกเธอทั้งสองคนจะมีท่าทีแปลกไปเล็กน้อยและดูค่อนข้างเหม่อลอย
นี่ผมพูดอะไรผิดไปงั้นหรอ?
==========
อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร
==========
ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/