AST บทที่ 145 - กิ่งก้านนิรนามและเต่าทองคำห้าพันปี
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 145 - กิ่งก้านนิรนามและเต่าทองคำห้าพันปี
คืนนั้น ณ ที่พำนักของตระกูลซือตู
"ท่านปู่ หนานเทียนช่างไร้ประโยชน์ทำให้ตระกูลซือตูต้องทนทุกข์ทรมานจากความอัปยศอดสูในหลายๆครั้ง!" ชายผมสีเทานามซือตู หนานเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยน้ำตานองในขณะที่เขามอบคลานเข้าไปหาผู้อาวุโสผมสีขาวเบื้องหน้า
“หนานเทียน! ลุกขึ้นและพูดอย่างแน่วแน่ ปู่จะแก้ปัญหาทั้งหมดให้เจ้า!”
ผู้อาวุโสผมสีขาวคนหนึ่งพยุงตัวหนานเทียนขึ้น ในขณะที่เขาพูดอย่างหนักแน่นและดูสง่างาม!
ซือตู หนานเทียนเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า ชิงสุ่ยบังคับให้ตระกูลสือยกเลิกการขอแต่งงานจากตระกูลซือตูอย่างไร
"บังอาจอะไรเช่นนี้! ยกเลิกการแต่งงาน?" ซือตู เจี้ยนจี้ร้องตะโกนด้วยความโกรธ ดูเหมือนเขาจะแตกต่างไปจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิงที่เป็นคนสุขม!
ทั่วโลกในเก้าทวีป มันช่างน่าอายมากสำหรับฝ่ายชายที่ต้องเผชิญหน้ากับการยกเลิกการแต่งงานจากฝ่ายหญิง! แน่นอนว่าเหตุผลอีกอย่างอาจจะเป็นเพราะว่าฝ่ายหญิงนั้นมาจากตระกูลที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังคงเป็นเรื่องที่น่าอับอายเนื่องจากผู้คนอาจจะนินทาได้ว่า คนดังกล่าวตกลงมาจากความพยายามที่จะไต่ขึ้นบันไดทางสังคมที่สูงขึ้น คงจะเป็นการยากที่จะหาฝ่ายหญิงที่มีสถานะทางตระกูลที่ดีเช่นเดียวกันในอนาคต!
ซือตู เจี้ยนจี้เป็นปู่ของหนานเทียนและเป็น "บรรพบุรุษอาวุโส" ของตระกูลซือตู เขามีพลังอยู่ในระดับโฮ่วเทียนขั้นสูงสุดเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว และหาหนทางที่จะบุกเขาไปยังเมืองร้อยไมล์เพียงลำพังและเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆมากมาย ก่อนที่เขาจะไปพบกับนิกายหมอกเมฆา ซึ่งตั้งอยู่ที่อาณาจักรเจี้ยนเยทางตอนใต้ของอาณาจักรชางหลาง สำหรับสถานการณ์ที่ผ่านซือตู เจี้ยนจี้ยังไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง! และซือตู หนานเทียนก็ไม่กล้าจะถาม!
"เขาเป็นผู้ฝึกตนปราณเทวะเซียนเทียนทั้งที่อายุยังไม่ถึงสิบเจ็ดปี และเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่นภา ดวงตาของผู้อาวุโสเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งเย็นยะเยือกและกระหายเลือด
"ใช่เจ้าคนสารเลวที่ฆ่าลูกชายของเจ้าเมืองตระกูลธาราสวรรค์หรือไม่ และเรื่องนี้ก็ได้รับการแก้ไขโดยนิกายกระบี่สวรรค์อมตะ"
"หนานเทียน มานี่และนั่งลง บอกข้าทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าคนสารเลวชิงสุ่ยที่เจ้ารู้ มันเข้าร่วมยังนิกายกระบี่สวรรค์ได้อย่างไร และแม้กระทั่งสร้างปัญหาให้ตระกูลของเรา! มันกำลังก้าวเข้าสู่ความตาย!" ซือตู เจี้ยนจี้กลับมาอยู่ในท่าทีที่สงบนิ่งและพูดอย่างนุ่มนวล
ซือตู หนานเทียนรู้ว่าท่านปู่ของเขาเคยเป็นคนที่มีตัณหาเลือดร้อนมาก่อนที่เขาจะบรรลุถึงขั้นเซียนเทียน แม้ว่าเขาจะเป็นชายชราที่อ่อนโยนและเป็นมิตร แต่เมื่อเขาโกรธเขาก็จะออกไปสังหารมันผู้นั้น
เจ้าบอกว่าเขาสังหารผู้ฝึกตนปราณเทวะเซียนเทียน ด้วยการขยับเพียงครั้งเดียว? บอกรายละเอียดมาซิ!" ซือตู เจี้ยนจี้กล่าวในขณะที่เขาขุ่นเคืองใจ
เมื่อซือตู หนานเทียนบอกเล่าเรื่องราวจนเสร็จ ซือตู เจี้ยนจี้ก็เผยรอยยิ้ม "ผู้ฝึกตนปราณเทวะเซียนเทียนคนนี้ตายด้วยความโง่เขลาของเขา เขาประเมินกำลังฝ่ายตรงต่ำเกินไปและถูกฆ่าตายก่อนที่เขาจะสามารถใช้ความสามารถในระดับปราณเทวะเซียนเทียน แต่ความแข็งแรงของคนทั้งสองนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน เพียงแต่เขานั้นฉลาดกว่าอีกคน!"
"อัจฉริยะ แม้เหล่าอัจฉริยะจะได้รับพรจากสวรรค์ แต่มันก็มักจะมีวันที่อัจฉริยะตกต่ำเสมอ!"
"ท่านปู่ นิกายกระบี่สวรรค์มีความแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรชางหลางและชิงสุ่ยก็เป็นศิษย์ภายใน ถ้าเราจะไปทำอะไรเขา ก็จะทำให้เกิดปัญหากับท่านปู่ได้หรือไม่?" ซือตู หนานเทียนถามด้วยความลังเลใจ
"ฮืมมม แข็งแกร่งที่สุด ก็เกือบจะเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดเมื่อสามสิบปีที่แล้ว แต่นับตั้งแต่ที่ผู้อาวุโสนั้นได้รับบาดเจ็บหนัก ก็มีอยู่อย่างน้อยสามนิกายที่พอจะเปรียบเทียบกับนิกายกระบี่สวรรค์ และพวกเขาก็อ่อนแอกว่านิกายหมอกเมฆาพียงเล็กน้อย เจ้าคิดว่านิกายกระบี่สวรรค์จะต่อต้านนิกายหมอกเมฆาเช่นนั้นหรือ? "
"ท่านปู่เมืองร้อยไมล์นั้นตั้งอยู่ที่อาณาจักรชางหลาง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็คงจะไม่สะดวกสบายสำหรับนิกายกระบี่สวรรค์? "
"หนานเทียน เจ้าไม่ทราบเรื่องนี้ ร้อยไมล์ตั้งอยู่ที่ขอบสุดตะวันออกเฉียงใต้ของอาณาจักรชางหลาง ในขณะที่นิกายหมอกเมฆาตั้งอยู่ที่อาณาจักรเจี้ยนเย่ ซึ่งอยู่ทางใต้ของอาณาจักรชางหลาง ในแง่ของระยะทางนิกายหมอกเมฆามีความคล้ายคลึงกับนิกายกระบี่สวรรค์! "
"ท่านปู่ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรกันดีในตอนนี้?" ซือตู หนานเทียนเป็นเหมือนเด็กที่อยู่ข้างกายซือตู เจี้ยนจี้ที่ไม่มีอำนาจที่จะตัดสินใจใดๆได้เลย
"เขาจะไม่หยิ่งทะนงตนเกินไปหรือ? เขาบอกว่าจะจัดการพวกเรา? พวกเราจะเห็นว่าใครจะเป็นคนแรกที่ตาย ปู่ของเจ้าเคยเป็นผู้ฝึกตนปราณเทวะเซียนเทียนตั้งแต่สามสิบปีแล้ว!"
ชิงสุ่ยใช้เวลาสองวันที่เงียบสงบไปกับการเล่นกับเด็กน้อยอวี้ช่าง เมื่อเขาได้รับโอกาสในการพักผ่อน ช่วงสองคืนที่ผ่านมานี้เนื่องจากการฝึกฝนเขาไม่ได้รับการยอมรับจากหมิงเยวี่ย เก้อโหลว ชิงสุ่ยบังคับตัวเองให้เข้าสู่อาณาจักรปราณหยกอมตะสีม่วง ในแต่ละครั้งเขาพยายามไม่นึกถึงภาพที่สวยงามของหมิงเยวี่ย เก้อโหลว ใบหน้าที่พร่างพรายและใสบริสุทธิ์ของนางและดูมีเสน่ห์เมื่อนางร้องด้วยเสียงอันน่ารักและมีเสน่ห์ .
ความสวยงามและรอยยิ้มที่นำไปสู่ความพินาศของเมืองและอาณาจักร ไม่ใช่แค่นำความหายนะไปสู่ประชาชนและอาณาจักร แม้แต่คนที่แน่วแน่และไม่ยอมแพ้ก็คงจะไม่สามารถทนต่อต้านสิ่งนี้ได้!
เมื่อเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยก็ยังคงฝึกฝนอย่างหนักหน่วง จนตอนนี้เคล็ดวิชากายาบรรพกาลของเขานั้นสามารถโคจรพลังปราณได้สูงถึง 62 รอบ และเขาได้ประสบความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ ในการเรียนรู้เทคนิคกวางย่างก้าวจากเคล็ดวิชาเลียนแบบสัตว์ 9 อสูรซึ่งเพิ่มความเร็วขึ้น 20%
เทคนิคกวางย่างก้าวเป็นการเพิ่มความเร็วของตัวเอง กล่าวได้ว่าเป็นเทคนิคที่สนับสนุนอย่างเต็มที่โดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือการเพิ่มความเร็วของตัวเอง เทคนิคนี้มีสามขั้นตอน ขั้นต้น ขั้นเพิ่มพูล และขั้นสมบูรณ์!
ขั้นเริ่มต้นจะเพิ่มความเร็วขึ้น 20% ขั้นตอนเพิ่มพูลจะเพิ่มความเร็วขึ้น 50% และผู้ที่บรรลุขั้นสมบูรณ์จะสามารถบรรลุความเร็วได้เร็วขึ้นถึงสองเท่า แต่การที่แค่เพียงขั้นเริ่มต้น ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าต้องใช้เวลามากเกินไปและอาจใช้เวลานานมากในการบรรลุความเชี่ยวชาญระดับขึ้นเพิ่มพูล สำหรับการเรียนรู้เต็มรูปแบบก็จะต้องขึ้นอยู่กับโชคและความเข้าใจของคนๆนั้น
นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับหมูป่าอสูรมณีรัตน์ ชิงสุ่ยคาดหวังที่จะเพิ่มความเร็วของเขา นั่นคือเหตุผลที่ชิงสุ่ยเลือกที่จะฝึกเทคนิคกวางย่างก้าวตั้งแต่เริ่มแรกแทนที่จะเป็นเทคนิคอื่นๆที่สามารถสร้างความเสียหายได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงระดับขั้นเริ่มต้น เขาแทบจะอุทิศเวลาการฝึกซ้อมครึ่งหนึ่งของเขาในฝึกฝนเรียนรู้เทคนิคกวางย่างก้าว
นับตั้งแต่ดินแดนหยกยุพราชอมตะได้ขึ้นไปถึงระดับที่สามทำให้รู้สึกได้ถึงพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่เพิ่มขึ้น ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขมาก ในชีวิตก่อนหน้านี้ ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของที่ดินแค่เจ็ดเมตร และแปลงที่ดินใหญ่ที่สุดเพียงสามจุดห้ามู แม้แต่ที่รู้สึกว่าใหญ่มาก เป็นการทำไร่นา การกำจัดวัชพืช การเก็บเกี่ยวพืชซึ่งรวมถึงฝ้าย ข้าวโพด และมอลต์ขนาดสามจุดห้ามู มีที่ขนาดใหญ่เกินไป ตอนนี้เขามีดินแดนที่กว้างใหญ่กว่าห้าร้อยยเมตร ภายในอาณาจักรหยกอมตะสีม่วงซึ่งเป็นดินแดนอันเป็นที่รักของตัวเขาเอง!
(เตือนความจำ สามมู ประมาณครึ่งเอเคอร์หรือสองพันตารางเมตร)
ชิงสุ่ยเดินไปรอบดินแดนหยกยุพราชอมตะ และรู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามีกิ่งก้านสาขาสีดำเกิดขึ้น เป็นกิ่งไม้สีดำที่เขาซื้อมาพร้อมกับแก่นแท้ทองคำก่อนหน้านี้ การค้นพบครั้งนี้ทำให้ตระกูลชิงมีความสุขมากและระดับความประหลาดใจก็เหมือนกับว่าเขาได้เห็นต้นไม้ที่ออกดอกเป็นเหล็ก!
ชิงสุ่ยได้ประมาณช่วงเวลาที่ผ่านไปแล้ว มันเป็นเวลาประมาณห้าสิบปี ถ้าสิ่งที่ชายชราได้กล่าวมาเป็นความจริงแล้วมันจะใช้เวลาประมาณร้อยปีสำหรับกิ่งก้านที่จะงอก ...
อะไรกันถึงใช้เวลาร้อยปีในการงอก? แล้วจะต้องใช้เวลาเท่าไรในการเพาะปลูกดอกไม้ให้เติบโตขึ้นและโตเต็มที่?
ชิงสุ่ยมองไปที่ต้นกล้าสีเขียวที่กิ่งก้านถ่านหินสีดำ ในขณะที่หน่อเขียวมีขนาดเท่าเล็บ แต่มันมีพลังที่แข็งแกร่ง!
"ดี ไม่ต้องกังวลเพราะมีเวลามากมายในอาณาจักรหยกอมตะสีม่วง โดยปกติยิ่งใช้เวลานานเท่าไร
ก็ยิ่งมีค่ามากเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานถึงร้อยปีในการงอกใบ ผลเติบโตและสุกตามลำดับ แต่จะใช้เวลาประมาณห้าร้อยปีเท่านั้น ถึงจะใช้เวลาห้าร้อยปีหรือมากกว่านั้น? มันก็มีค่ามากยิ่งกว่าผลตอบแทนในอาณาจักรปราณ?" กล่าวคือจินตนาการของชิงสุ่ยเริ่มงอกเงยขึ้น
ลืมมันไป นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะบอก ชิงสุ่ยได้นำกิ่งก้านนิรนามออกจากจิตใจของเขา เขาคิดว่าเดิมทีเป็นกิ่งก้านที่ไร้ประโยชน์มันจึงไม่งอก แต่ตอนนี้ที่มันเริ่มงอกขึ้น ชิงสุ่ยเริ่มคิดว่าจริงๆแล้วมันค่อนข้างเป็นเรื่องที่ดี ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ดีเกินไป...
มองไปที่ทะเลสาบ ชิงสุ่ยได้ตระหนักว่าเต่าทองคำ 5000 ปีกำลังนอน "อาบแดด" อยู่บนพื้นทรายเหนือจากบ่อน้ำ มันต้องการอาบแดด แต่ทำไมเต่าจงใจนอนบนหลังของมันเพื่ออาบแดด?
ชิงสุ่ยเดินไปหาเต่าทองคำซึ่งมีแขนขาทั้งสี่ข้างชูอยู่ในอากาศ สีทองสดใสทำให้เต่าตัวน้อยดูงดงามและชิงสุ่ยต้องการสัมผัสมันด้วยตัวเอง!
บางทีมันอาจจะสังเกตเห็นชิงสุ่ย แต่มันก็พลิกตัวเองขึ้นมา ในขณะที่ชิสุ่ยคาดเดาได้แต่เขาก็ยังประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวของสิ่งเล็กๆนี้ เต่าโดยทั่วไปจะไม่ยกเท้านอนหงายในอากาศ เมื่อพวกมันนอนหงายอยู่บนหลังของพวกมัน พวกมันจะไม่สามารถพลิกตัวเองกลับมาได้ แต่เต่ายาสมุนไพรสีทองนี้สามารถพลิกตัวเองไปมาได้ตามที่ใจต้องการ
เมื่อเห็นชิงสุ่ย ดวงตาสีทองของมันกลิ้งไปมา แต่ก็ไม่หลบหนีรอดพ้น ชิงสุ่ยลอบหยิบมันขึ้นมาและมองไปที่สิ่งเล็กๆนี้ที่อาศัยอยู่มาได้นานถึงห้าพันปี
สัญลักษณ์ของอายุขัย!
สิ่งเล็กๆนี้ ก็ฉลาดมากราวกับว่ารู้ดีว่าชิงสุ่ยจะไม่ทำร้ายมัน ดวงตาสีทองเล็กๆของมันยังคงมองไปมาและเริ่มปีนขึ้นไปบนไหล่ของชิงสุ่ย
แม้ว่ามันจะมีขนาดเท่ากับหัวของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ชิงสุ่ยยังคงตกใจอยู่ครู่หนึ่งเมื่อหยิบมันขึ้นมา สิ่งเล็กน้อยนี้น้ำหนักอย่างน้อยห้าร้อยจินและมันช่วยไม่ได้ แต่เขาอุทานกับตัวเอง "สาระสำคัญมันอยู่ที่นี่!"
"สิ่งเล็กๆนี้ เขามีโอกาสมากมายที่จะเอาเลือดของมันออกมาใช้ในอนาคต!" ชิงสุ่ยสะบัดหัวเต่าและมันหดตัวลงทันทีภายในกระดอง!
"อืมมม มันเป็นเต่า มันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีในทักษะนี้เพื่อการป้องกันตัวเอง! "
******ชื่อนิกายกระบี่สวรรค์อมตะ ส่วนมากจะเป็นผู้อาวุโสมากๆใช้เรียก แต่ปัจจุบันถูกเรียก นิกายกระบี่นภา หรือ นิกายกระบี่สวรรค์ นะครับ ************