ตอนที่แล้วWOC บทที่ 8 - การเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWOC บทที่ 10 - วัชพืช

WOC บทที่ 9 - การสรรสร้าง


ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/WorldofCultivation/

บทที่ 9 - การสรรสร้าง

ศิษย์พี่ซวียี่ได้ให้ความรู้ที่สำคัญมากมายเกี่ยวกับพลั่วกระตุ้นหลิง มันคือยุทธภัณฑ์เวทย์ระดับง่ายที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะถูกเรียกยุทธภัณฑ์เวทย์แต่ก็อย่าตีราคามันสูงเกินไป มันไม่อาจจัดอยู่ในระดับหนึ่งได้ แต่สำหรับจั้วโมผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างขึ้นรูปมาก่อน การสร้างสิ่งนี้ก็อาจสร้างปัญหาให้กับเขาโดยไม่รู้จบ

ตัวอย่างเช่น การตีก้อนทองสัมฤทธิ์ให้ขึ้นเป็นรูปร่างพลั่ว เธอเป็นการทดสอบความสามารถของจั้วโมได้เป็นอย่างดี ต้องขอบคุณที่ก้อนทองสัมฤทธิ์เริ่มอ่อนตัวลงหลังจากที่มันถูกตีเป็นเวลา 4 ชั่วโมง มันทำให้จั้วโมสามารถขึ้นรูปออกมาเป็นใบมีดสำหรับพลั่วได้(คมพลั่ว)

หลังจากพลั่วทองสัมฤทธิ์ถูกแกะสลักออกมาเป็นรูปร่าง  การขึ้นรูปพลั่วกระตุ้นหลิงก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย เพียงใช่[สายฟ้า] ที่เป็นพื้นฐานของทั้ง 8 ในการขึ้นรูป ซึ่งโดยทั่วไปผู้ฝึกตนจะไม่ค่อยถนัด ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ถนัดในการใช้เคล็ดวิชาขึ้นรูป แต่พวกเขากังวลเกี่ยวกับการแกะสลักรูปร่างออกมามากกว่า

จั้วโมยังคงถือมีดแกะสลักไว้ที่มือขวาของเขา ในขณะที่เขาค่อยๆลงมือแกะสลักโดยใช้[สายฟ้า] เขาไม่เคยใช้มีดแกะสลักมาก่อน และทุกคนที่เริ่มใช้มักจะเกิดความผิดพลาด และเมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้นก็ต้องลบทุกอย่างและกลับไปเริ่มต้นใหม่

หลังจากทำซ้ำ 7 ถึง 8 ครั้งแล้ว จั้วโมก็สามารถแกะสลักของชิ้นนี้ขึ้นมาได้

เมื่อมองดูรูปสลักที่อยู่บนพื้นผิวของพลั่วทองสัมฤทธิ์  หัวใจของจั้วโมเต็มไปด้วยความสำเร็จ การบ่มพลังของเขานั้นต่ำเกินไปดังนั้นในตอนนี้เขาจึงสามารถใช้ได้เพียงมีดแกะสลักซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือพื้นฐานที่สุดเท่านั้น ถ้าหากการบ่มเพาะของเขาสูงขึ้น และเขาสามารถควบคุมเปลวเพลิงผลาญใจเพื่อใช้ในการหลอมได้ รูปร่างที่เขาต้องการจะสามารถเป็นจริงได้ตามการเคลื่อนไหวความคิดของเขา ในทำนองเดียวกัน ถ้าหากเขามีพลังการบ่มเพาะที่สูงขึ้น เขาสามารถใช้กระบี่บินและยังสามารถแกะสลักเหรียญจิ้งซือให้เป็นแผ่นบางๆ หรือกระทั่งทำลายส่งสวรรค์และกลายเป็นผู้ทรงอำนาจก็สามารถทำได้

แต่สำหรับจั้วโม ในตอนนี้คือขีดจำกัดสูงสุดของเขา

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาค่อยๆหยิบเอาเหรียญจิ้งซือระดับที่ 2  ออกมาและฝังมันลงไปในแกนกลางของรูปร่างที่กำลังก่อตัว

พลั่วทองสัมฤทธิ์ก็สว่างวาบขึ้น แสงของมันค่อยๆพุ่งเคลือบผ่านไปทั่วโครงร่างของพลั่ว รอยถลอกต่างๆบนพลั่วก็พลันสลายหายไปในทันที ในตอนนี้ จั้วโมเริ่มหายใจเข้าเต็มปอด พลั่วกระตุ้นหลิงห้องข่าวได้ถือว่าเสร็จไปครึ่งนึงแล้ว

ตอนนี้พลั่วทองสัมฤทธิ์ ยังอ่อนนุ่มเกินไปและง่ายต่อการเปลี่ยนรูป จนมันอาจทำลายโครงสร้างพื้นฐานในการก่อตัวพลั่วชิ้นนี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้แร่โลหะเพลิงเพื่อเสริมโครงสร้างและเสริมความแข็งแกร่ง เขาถือแร่โลหะเพลิงสีชาดขึ้นมาบนมือ ความรู้สึกที่อบอุ่นกระจายออกมาอย่างชัดเจน

เขาใส่แร่โลหะเพลิงลงบนพลั่วทองสัมฤทธิ์ จั้วโมเริ่มคิดย้อนกลับถึงกระบวนการขึ้นรูปที่ศิษย์พี่ซวียี่ได้สอนเอาไว้ จุดสำคัญในขั้นตอนนี้คือการที่ค่อยทำให้และโลหะเพลิงหลอมเหลวละลายลงไปผสมในพลั่วทองสัมฤทธิ์ ถ้าหากเขาสามารถใช้เปลวเพลิงผลาญใจได้ ขั้นตอนนี้จะเป็นเรื่องง่ายในทันที แต่สำหรับจั้วโมที่อยู่ในระดับพลังที่ต่ำ ยืมพลังจากคัมภีร์คาถาที่พิเศษบางคัมภีร์

พลังปราณหลิงที่อยู่ในร่างกายของจั้วโมเริ่มโคจรไปยังเมืองเขา และเคลื่อนไหวราวกับดอกไม้บาน พลังปราณหลิงเริ่มโคจรไปตามแนวเส้นของนิ้วมือและห่อหุ้มมือของเขาด้วยชั้นแสงสีแดง

"ไป!!!"

เมื่อพลิกฝ่ามือทั้งสอง แสงสีแดงพุ่งตัวออกไปโจมตีทั้งพลั่วทองสัมฤทธิ์และแร่โลหะเพลิง

แร่โลหะเพลิงเริ่มร้อนจนกลายเป็นสีแดงเข้ม โลหะเพลิงสีแดงเข้มเริ่มหลอมละลายเข้าสู่พลั่วทองสัมฤทธิ์ พลั่วทองสัมฤทธิ์เปรียบดังฟองน้ำ เมื่อโลหะเหลวสัมผัสเข้ากับฟองน้ำ มันก็ถูกดูดซึมอย่างรวดเร็ว หลังจากโลหะเหลวหยุดได้ไม่นาน สีของพลั่วทองสัมฤทธิ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป มันเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นสีแดงเข้ม

เมื่อเขาหยิบคมพลั่วขึ้นมา พลั่วชิ้นนี้ก็หนักขึ้นกว่าแต่ก่อน เพียงแต่เบาเบา เสียงที่ก้องกังวานอย่างชัดเจนบ่งบอกได้ถึงคุณภาพและความแข็งแรง

เมื่อนำแท่งไม้มาติดกับคมพลั่วพลั่วกระตุ้นหลิงก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่มีความสุข จั้วโมรีบวิ่งเข้าไปในทุ่งหลิงเพื่อลองใช้พลังอันน่าตื่นเต้นของพลั่วกระตุ้นหลิงชิ้นนี้

หลังจากขุดลงไปพลั้วก็เริ่มสั่นเล็กน้อย จั้วโมก้มหน้าลงเพื่อตรวจสอบทุ่ง ความสุขก็เริ่มแสดงให้เห็นบนใบหน้าของเขา

พลั่วกระตุ้นหลิงเป็นยุทธภัณฑ์เวทย์ที่ใช้ในการเพราะปลูกอย่างแท้จริง!!!!

พลังหลิงบริเวณที่พลั่วได้ขุดลงไปแตกต่างจากบริเวณรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด บริเวณโดยรอบพลังหลิงจักจั่นกระจายอยู่ไม่เท่ากัน มันเป็นลักษณะยุ่งเหยิงหรืออยู่รวมเป็นกลุ่ม แต่เมื่อพื้นดินบริเวณที่คู่พลั่วหลิง พลังงานทั้งหมดจะกระจายในลักษณะเท่ากัน และดูเหมือนว่าเมล็ดหลิงจะสามารถดูดซับพลังหลิงบริเวณที่ถูกพลั่วขุดได้ง่ายกว่าที่อื่นด้วย

ของชิ้นนี้ช่างดีจริงๆ!!!

จั้วโมเริ่มรู้สึกมีแรงบันดาลใจในการใช้พลั่ว ในชั่วพริบตา เขาก็ถือพลั่วที่พึ่งสร้างขึ้นขุดไปทั่วทุ่งหลิงทั้ง 5 มูของเขา

ขณะที่เขาถือพลั่วกระตุ้นหลิง เขาหายใจราวกับวัว ใบหน้าของเขาซีดเผือกเพราะเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากจนลืมไปเลยว่าน้ำหนักของพลั่วกระตุ้นหลิงไม่ได้เบาเลยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับร่างกายเล็กของเขา เขาซึ่งจำเป็นต้องใช้พละกำลังอย่างมาก

แม้ร่างกายที่เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว ก็ไม่อาจปิดบังความร่าเริงในใจของเขาได้ จากความสำเร็จในการสร้างยุทธภัณฑ์เวทย์เป็นครั้งแรก มันถึงยากที่จะอธิบายความตื่นเต้นที่เขามี

เขาได้ใช้[เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง]ในการกำจัดศัตรูพืชในทุ่งหลิงทั้ง 5 มู  และใช้ [เคล็ดเมฆาฝนโปรย]ขั้นที่ 4 ของเขาในการรดน้ำ และใช้พลั่วกระตุ้นหลิงในการแผ่นดิน ผู้คนทั้งหมดในนิกายไม่มีใครเอาใจใส่พืชหลิงมากเทียบเท่าเขาได้ เขาเป็นคนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการเพาะปลูกมากถึงขนาดที่ลงทุนปลูกพืชหลิงเพิ่มขึ้น 5 มูในทุกๆปี

ด้วยพลังการบ่มเพาะระดับเหลียนชีขั้นที่ 8  เขาสามารถควบคุมพลังหลิงได้ง่ายยิ่งขึ้น ถ้าหากผลผลิตในไร่ทั้ง 5 มูของเขา มีปริมาณมากขึ้นจนเมื่อเขาสามารถดูแลพื้นที่ปลูกพืชหลิงทั้ง 15 มู ที่เขาได้เช่าจากนิกาย เขาจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในบรรดาสาวกนิกายชั้นนอก!!!!

เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านั้น มันยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นรั่วๆ ไม่มีอะไรในตอนนี้จะดีกว่าพืชหลิงและเหรียญจิ้งซือ

การที่เขาประสบความสำเร็จในการหลอมขึ้นรูปตั้งแต่ครั้งแรก มันยิ่งทำให้จั้วโมมีกำลังใจ ความโชคร้ายที่เกิดขึ้นในอดีตดูเหมือนจะถูกแทนที่ เขาเริ่มคุ้นชินกับเคล็ดวิชาอื่นๆอีก 3 เคล็ดวิชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง [เคล็ดพฤกษาพรรณา] มันเป็นการใช้เคล็ดวิชาทั้ง 3 เพื่อผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน [เคล็ดอัคคีเพลิงเดือด]ถูกใช้เพื่อกระตุ้นเมล็ดพืชเพิ่มความเร็วในการงอกงาม นอกจากนี้ยังช่วยในการดูดซึมพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกระตุ้นธาตุหยางในเหล่าพืชหลิง [เคล็ดพลังพสุธา] เป็นเคล็ดวิชาที่ไว้สำหรับกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชประเภทธาติหยิน และ[เคล็ดพฤกษาพรรณา]และ [เคล็ดเมฆาฝนโปรย] เป็นเคล็ดวิชาที่คล้านกัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหยินและหยาง แต่[เคล็ดพฤกษาพรรณา]นั้นมีพลังอำนาจเหนือกว่า[เคล็ดเมฆาฝนโปรย] มันจะช่วยเสริมสร้างแก่นของพืชเพื่อเสริมการเจริญเติบโตในเหล่าพืชหลิง พื้นฐานของพลัง[เคล็ดพฤกษาพรรณา]คือการปล้น ปล้นแก่นสำคัญจากพืชต้นอื่นๆเพื่อบำรุงตัวเอง

เขาจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งถ้าหากคิดจะใช้มัน แม้ว่าเทือกเขาอู้กงจะถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ แต่ถ้าหากเขาไม่ระมัดระวังมันอาจทำให้ต้นไม้ที่เก่าแก่แห้งเหี่ยวและตายจากไปได้

ทุกครั้งที่เขาใช้[เคล็ดพฤกษาพรรณา] จั้วโมจะตื่นตัวและระมัดระวังตลอดเวลา เขากลัวว่าเขาจะพลาดไปทำลายต้นไม้โบราณศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในภูเขาลูกนี้ มันไม่ง่ายเลยที่ต้นไม้ต้นหนึ่งจะมีชีวิตรอดจนกลายเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่ พวกมันผ่านเวลานับพันๆปีเพื่อคงสภาพอยู่ แม้จะไม่มีกฎชัดเจนภายในนิกาย แต่ถ้าหากเขาทำลายต้นไม้โบราณจำนวนมากไป มันก็คงไม่เป็นเรื่องดีสำหรับเขา

แสงแดดที่ส่องทะลุผ่านกิ่งไม้ลงมา เป็นแสงแห่งความกระปรี้กระเปร่า สภาพอากาศบนเทือกเขาอู๋กงเต็มไปด้วยความสวยงาม แล้วหน้าลื่นล้ม ลมหนาวพัดผ่านต้นไม้โดยนำพาความชื้นไปทุกหนแห่ง สถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่คงมีเพียงจั้วโมเท่านั้น ที่ยังคงอยู่

จั้วโมเริ่มสงบอารมณ์ลงเริ่มโคจรพลังหลิง เขาเคลื่อนย้ายมือเอาเขาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว เพื่อนเริ่มใช้งานชุดวิชาที่ยังไม่ค่อยคุ้นเคย [เคล็ดพฤกษาพรรณา]

หลังจากที่เขาเคลื่อนไหวนิ้วมือจนเริ่มรวดเร็ว นิ้วมือของเขาเคลื่อนไหวไปมาราวกับดอกไม้ที่กำลังบานอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่เขาหยุดดูเหมือนว่าคลื่นลมก็จะหายไปด้วย

เส้นพลังหลิงส่องแสงสีเขียวเล็กๆบางๆ ไม่ค่อยออกจากเหล่าต้นไม้มามาก และมาบรรจบกันที่มือของจั้วโม

ในระยะเวลาสั้นๆ แสงสีเขียวก็สว่างวาบขึ้น และเมื่อจั้วโมหยุดร่ายคาถา ลูกปัดสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา นี่คือลูกปัดที่อัดแน่นไปด้วยแก่นอันเข้มข้นของเหล่าพืช เขานำลูกปัดออกไปตรวจสอบตามบริเวณต้นไม้โบราณต่างๆรอบรอบตัวเขา บางใบก็เรืองแสงออกมาในขณะที่บางใบก็เริ่มแสดงอาการเหี่ยวเฉา

จั้วโมหยิบแท่งหยกออกมา สิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ในแท่งหยกคือภูมิศาสตร์ลบรอบเทือกเขาอู๋กง เขาใช้เวลานานมากกว่าจะเขียนมันขึ้นมาได้

แท่งหยกแท่งนี้จะแสดงตำแหน่งปัจจุบันที่เขาอยู่บนแผนที่ของเทือกเขาอู๋กง เพียงแค่เขาทำเครื่องหมาย และเมื่อเขาต้องการที่จะไปที่แห่งนั้นมันจะสามารถลดเวลาในการเดินทางลงได้มาก

แม้จั้วโมจะตกใจเกี่ยวกับพลังของ[เคล็ดพฤกษาพรรณา]แม้ว่าจะเป็นเพียงระดับ 1 แต่มันกลับสามารถขโมยพลังภายในต้นไม้ได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากมันก้าวหน้าขึ้นไปเป็นระดับสูง และผลของมันล่ะจะเป็นอย่างไร?

เขาค่อยๆเก็บลูกปัดแก่นพลังลงไปในเสื้อบริเวณอกอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะเตรียมจากไป

ภายใน 6 ชั่วโมง ถ้าหากต้นไม้ที่ถูกดูดพลังกลายเป็นเม็กลูกปัด พวกมันจำเป็นต้องใช้กระบวนการพิเศษของ[เคล็ดพฤกษาพรรณา]ในการกู้กับคืนมิฉะนั้น พวกมันจะต้องสูญสลาย

ขณะที่ออกมาจากป่าเขาก็เดินตามเส้นทางภูเขามุ่งหน้ากลับไปยังลานกว้างของเขาเอง

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวกำลังร้องไห้

ผู้หญิง?

เขาไม่ได้หยุดเดินแต่เขายังคงเดินไปข้างหน้าและเสียงสะอื้นก็ยิ่งได้ยินชัดมากขึ้น

สาวกภายในนิกายที่เป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ที่ห้องเลี้ยงสัตว์และรับผิดชอบในการเลี้ยงสัตว์หลิง จั้วโมจึงไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเธอมากนัก และเขาเองก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาและต้องหาวิธีแก้ไขเช่นกัน

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องไห้สะอื้นพร้อมกับเสียงพึมพำ " มะ มะ แม่……………"

จั้วโมหยุดฝีเท้าลงทันที หัวใจที่อ่อนนุ่มของเขารู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงอย่างรุนแรง

แม่……………………

ความรู้สึกคุ้นเคยที่ประหลาดเกิดขึ้นภายในใจอีกครั้ง

ให้ตายเถอะ!!!! เขาสาปแช่งอยู่ภายในใจ เขาเองไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย และทุกครั้งที่มีความรู้สึกคุ้นเคยแบบแปลกประหลาดปรากฏขึ้น หัวใจของเขาเริ่มถูกขว้างกัน ทั้งอึดอัด สาปแช่งยังถูกสบถออกมา ความคิดในหัวของเขาก็เริ่มควบคุมไม่ได้

ข้าเป็นใคร? บ้านของข้าอยู่ที่ไหน? แล้วแม่คุณข้าคือใคร…………

แม้เขาจะรู้สึกหงุดหงิดแต่เท้าของเขาก็เดินไปตามทิศทางของเสียงร้องไห้อย่างไม่รู้ตัว

เมื่อก้าวไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นก้อนหินก้อนใหญ่ ซึ่งด้านหลังมีสาวกนิกายเพศหญิงนอนขดอยู่ ใบหน้ารูปแอปเปิ้ลที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตาและเต็มไปด้วยความน่าสงสาร เธอนอนขดเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ ซึ่งไหล่ของเธอบางครั้งก็มีอาการกระตุก

"เจ้าร้องไห้ทำไม? มันช่างน่ารำคาญ!!!"จั้วโมตะโกนออกมาอย่างไม่สบายใจขณะที่เขานั่งลง

เมื่อเธอเห็นเครื่องแบบของนิกายชั้นนอกที่จั้วโมสวมใส่ ความหวาดกลัวในดวงตาของเธอก็หายไป ภายในเสียงร้องไห้ เธอก็พยายามกล่าวว่า "ขอโทษ ศิษย์พี่……………"

เมื่อได้ยินเสียงที่ดูหวาดกลัว จั้วโมยิ่งหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น "ไม่ต้องมาขอโทษ การที่เจ้าร้องไห้มันไม่ใช่ธุระของข้า แต่มันน่ารำคาญมาก" เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าทัศนคติของตัวเขาเองนั้นดูจะเลวร้ายเกินไปและเขาก็พยายามที่จะปรามความเลวร้ายนั้น และถามโดยใช้ความอดทน " บอกมาว่ามันคืออะไร?"

"ไม่…….."เสียงคล้ายกับเสียงยุงดังขึ้น

เปลวเพลิงแห่งความร้อนรุ่มในใจของจั้วโมก็ปะทุออก เขายกระดับเสียงขึ้นและกล่าวขัดจังหวะเพราะทนไม่ไหว "ข้าบอกให้เจ้าพูด!!"

เด็กหญิงตัวน้อยหวาดกลัวเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าที่แข็งทื่อของศิษย์พี่ช่างน่ากลัวอย่างมาก!!! เธอร้องไห้ในทันทีและตอบกลับด้วยสัญชาตญาณ "หญ้ากระบี่เขียวมีไม่เพียงพอให้สำหรับอาเป่าและคนอื่นกิน"

"ใครคืออาเป่า?"จั้วโมจ้องไปที่เธอและถาม

"อาเป่า…….อาเป่าก็คืออาเป่า เขาจำเป็นต้องกินหญ้ากระบี่เขียวทุกวัน แต่ที่นี่มีหญ้ากระบี่เขียวไม่เพียงพอ……….."ขณะที่เธอเล่าเธอก็เริ่มร้องไห้ครั้ง

"เงียบ!!!"จั้วโมตะโกนด้วยความโกรธอย่างไม่เป็นมิตร เด็กหญิงตัวน้อยกดตัวลงและแสดงอาการหวาดกลัวบนใบหน้าของเธอ เสียงร้องไห้ของเธอก็หยุดลงในทันที

เมื่อมองดูเด็กสาวที่มีใบหน้ายุ่งเหยิง จั้วโมลูบหน้าผากของเขาด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าเขาเองจะไม่เคยทำงานอยู่ในคอกม้า แต่เขาเองก็รู้เรื่องพื้นฐาน ปริมาณหญ้าหลิงที่ใช้เลี้ยงสัตว์หลิงแต่ละตัวนั้นไม่ค่อยต่างกันมาก นิกายจะมีทุ่งหลิงพิเศษอยู่ภายในเพื่อใช้สำหรับปลูกหญ้าหลิง

เมื่อเทียบการปลูกพืชหลิง หญ้าหลิงปลูกง่ายกว่าเยอะดังนั้นมันจึงได้รับการดูแลโดยสาวกที่เป็นผู้หญิงในนิกายรวมทั้งดูแลสัตว์อีกด้วย

หรือว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับหญ้าหลิง?

"มันเกิดอะไรขึ้น? เล่าข้ามา"

******นี้มันคนเกลียดผู้หญิงนี้หว่าาาา โครตข่มขู่ 5555********

******เนื้อเรื่องอธิบายแบบนี้จริงๆ***********

0 0 โหวต
Article Rating
7 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด