ตอนที่ 27 ชายหนุ่ม
หลี่ฉิงชานถอนหายใจยาว“สนุกมาก!”
แขนของเสือป่วยสั่นเทานี่เป็นผลมาจากการปะทะกับหลี่ฉิงชาน เขามองหลี่ฉิงชานตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดจากระยะไกล“จริงๆแล้วเจ้าฝึกฝนอย่างไรกันแน่?”ความก้าวหน้าที่รวดเร็วเช่นนี้มันราวกับของปีศาจ
ในตอนแรกเขาได้รับแรงปรารถนาในทักษะการต่อสู้จากหลี่ฉิงชาน เขาคิดว่าเขาต้องการหาเพชรที่ยังไม่เจียรไนใดๆเลยท่ามกลางเศษอิฐเศษปูนและมีจิตใจมั่นคงดั่งเพชร เพื่อจะดูว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะสืบทอดตำแหน่งหัวหน้านักล่าไหมแต่ในท้ายที่สุดเขาก็พบว่าเขาไม่ได้ประเมินหลี่ฉิงชานต่ำเกินไปเลยแม้แต่น้อย
หลี่ฉิงชานคิดเพียงครู่หนึ่ง“ข้าพึ่งดื่มเหล้าสมุนไพรที่แช่ด้วยโสม มันเป็นใบสั่งยาที่ถูกทิ้งไว้โดยอาจารย์ข้า”
เสือป่วยลังเลครู่หนึ่ง“เจ้าให้ข้าดูได้ไหม?”
เดิมทีในการปฏิบัติตามกฎของโลกการต่อสู้เขาไม่อาจละเลยเรื่องเหล่านี้ได้ แต่เขาอยากจะรู้มากกว่าว่าอะไรจะเกิดขึ้น
หลี่ฉิงชานตอบอย่างตรงไปตรงมา“ไม่มีปัญหา!”
เสือถามเกี่ยวกับใบสั่งยาและหลี่ฉิงชานก็บอกความจริงทั้งหมด เสือป่วยพยักหน้า“ใบสั่งยานี่ละเอียดจริงๆแต่ยานี้มีพลังมากเกินไป นอกจากนี้ยังใช้โสมมากเกินไป เจ้าอย่าดื่มมันมากเกิน ดื่มเพียงวันละหนึ่งถ้วยเล็กก็พอแล้ว”
นอกเหนือจากนั้นไม่มีความแตกต่างกับเหล้าสมุนไพรปกติทั่วไปมากนัก จากนั้นเขาเข้าไปในห้องหลี่ฉิงชานและชิมมันและได้ข้อสรุปเดียวกัน เขาไม่เชื่อว่าเพียงแค่ดื่มเหล้ายาที่แช่ด้วยโสมสามารถทำให้ความแข็งแกร่งก้าวหน้าได้เร็วมิฉะนั้นคนจากหมู่บ้านราชาโสมทั้งหมดคงจะไม่มีใครเทียบเคียงได้ในโลกนี้?
แต่เขาก็ไม่ควรที่จะถามอะไรเพิ่มเติมอีกเขาจึงได้แต่เพียงกลับไปพร้อมกับท้องที่เต็มอิ่มพร้อมกับข้อสงสัยของเขา เขาไม่คิดว่านั้นคือเหตุผลที่ทำให้การการบ่มเพาะทักษะของหลี่ฉิงชานรวดเร็วเพราะไม่มีทักษะวิชาศักดิ์สิทธิ์ท่ามการทักษะการบ่มเพาะร่างกายภายนอก
แน่นอนว่าหลี่ฉิงชานไม่สามารถบอกเขาได้ว่าเขาดื่มเหล้านี่เป็นถ้วยใหญ่ๆเลย อย่างน้อยเขาจะดื่มถ้วยใหญ่ๆหลายๆถ้วยในหนึ่งวันและดื่มทุกๆวัน ในตอนนี้เขาต้องการดื่มมันทั้งหมด
“เอาหล่ะเช่นนั้นแล้ว ทักษะความสามารถของข้าอยู่ในระดับใดตอนนี้”
“เจ้าถึงระดับสามแบบฉิวเฉียด”เสือป่วยยังจำเรื่องราวเมื่อหลายวันก่อนได้ เขาประเมินว่าหลี่ฉิงชานจะไม่มีปัญหาที่จะกลายมาเป็นผู้เยี่ยมยุทธระดับสาม ในตอนนี้มันกลายเป็นความจริงแล้วราวกับความฝันเลยทีเดียว
หลี่ฉิงชานกล่าว“แค่ระดับสาม?”
เสือป่วยถลึงตาจ้องมองเขาไปชั่วขณะหนึ่ง บรรดาผู้ที่สามารถฝึกทักษะการต่อสู้ของพวกเขาไปจนถึงระดับที่สามสามารถเรียกได้ว่ามีฝีมือแล้วแต่เจ้าเด็กนี้กลับไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าคำพูดนั้นก็หมายถึงทักษะความสามารถของเขาเองก็เป็นเพียง“ระดับสามเท่านั้น”
เขาคือคนที่เคยเป็นหัวหน้านักล่าของหมู่บ้านม้ามาหลายปีและไม่ใช่ว่าเขาจะต้องลาออกจากตำแหน่งเพราะแพ้ความแข็งแกร่งของเจ้านี้รึ “สิ่งที่ข้าเหนือกว่าทักษะการต่อสู้คือการยิงธนู มีเพียงเรื่องทักษะวิชาการต่อสู้เท่านั้นที่หมู่บ้านราชาโสมเหนือกว่าพวกเราเล็กน้อย แต่เรากล้าที่จะเรียกตัวเองว่าหมู่บ้านม้าเพราะเรามีธนูและหน้าไม้ที่แข็งแกร่ง แม้จะเป็นผู้เยี่ยมยุทธระดับหนึ่งก็ไม่กล้าที่จะสู้กับเราซึ้งๆหน้า”
นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งคือโรคของเขาได้เข้าใกล้หัวใจเรียบร้อยแล้ว แต่แม้จะเรียกว่าเสือป่วย คำว่า "ป่วย" เป็นคำต้องห้ามของเขามากที่สุดคำหนึ่งและไม่ว่ายังไงเขาจะไม่ใช้มันเป็นข้ออ้าง
“ใช่ ข้าพึ่งได้ฝึกศรประคำมุกเมื่อไม่นานมานี้ ข้าสามารถสิงลูกศรต่อเนื่องกันได้ถึงสามลูก แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยแม่นนัก ท่านหัวหน้าโปรดชี้แนะข้า” หลี่ฉิงชานเคยเห็นการยิงธนูของเสือป่วยด้วยตาตนเอง
ลูกสรประคำมุก สามารถยิงออกได้สามลูก?! เจ้าพึ่งฝึกได้แค่เดือนเดียว เสือป่วยสีเหลืองรู้สึกว่าการโจมตีในด้านจิตวิทยาเขาวันนี้น้อยเกินไป เขาโบกมือ“จะดีกว่าถ้าเจ้าไปถามปู่ซางเพื่อแนะนำเจ้าในตอนเช้า ข้าต้องกลับบ้านและไปรวมตัวกับครอบครัวทานอาหาร”
ในใจเขาเขาคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้อาจจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่เดินเข้าไปสู่โลกแห่งการต่อสู้ดังนั้นเขาจึงปัดเรื่องหัวหน้านักล่าไปทางอื่น หากเขามีความก้าวหน้าที่รวดเร็วเช่นนี้เขาคงจะไม่กลับมาที่หมู่บ้านม้าอีกต่อไป
“ใช่! นี่มันเทศกาลช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง” หลี่ฉิงชานได้เฝ้ามองพระจันทร์เต็มดวงที่ขึ้นบนท้องฟ้า เขาไม่มีครอบครัวที่จะมานั่งกินข้าวด้วยกันแต่อย่างน้อยเขาก็มีปีศาจและผีอยู่เคียงข้างเขาดั่งนั้นเขาจึงสามารถกินข้าวด้วยกันได้ เขาไปเตรียมตัว
เขาวางหญ้าสีเขียวสดไว้ให้สำหรับวัวสีเขียว วางเนื้อและไวน์ไว้สำหรับตนเองและเขาก็เตรียมธูปและกระดาษเงินสำหรับเสี่ยวอาน(อานน้อยนั้นเองเพื่อลืมกัน) ทุกอย่างถูกวางไว้ถูกต้องแต่เขามองไม่เห็นเงาของเสี่ยวอาน“พี่วัว เสี่ยวอานไปไหน”
“ข้าไม่รู้!”
หลี่ฉิงชานพึมพำกับตนเอง“เจ้าผีน้อยนี่เข้าไปเล่นในป่าเมื่อไม่นานมานี้ เขาไม่ได้เกาะติดอยู่กับข้าอีก มันแปลกจริงๆ เรารอเขาสักหน่อย!”
พระจันทร์เต็มดวงขึ้นสองแสงสดใสกลางท้องฟ้า ท่ามกลางความเงียบสงัดที่ครอบคลุมเหนือภูเขาโบราณสีขาว
ดวงจันทร์สว่างสดใสสาดส่องแสงงดงามอันบริสุทธิ์ผ่านช่องว่างระหว่างเมฆ
คนสวมหมวกไม้ไผ่หลายคนนอนหมอบอยู่บนหญ้าที่เขียวชอุ่มเฝ้าดูหน้าผาสูงที่สุดบนยอดเขาโบราณสีขาวราวกับกำลังรอบางสิ่ง
“สูญเสียความพยายามและเลือดเนื้อไปมาก มีผู้คนต้องตายมากมาย ความเกลียดชังที่มีต่อหมู่บ้านม้าก็มีมากยิ่งขึ้นเขาไปอีกแต่เราไม่ได้เห็นแม้แต่เส้นผมเส้นเดียวของโสมวิญญาณ ตอนนี้แม้แต่คนจากหมู่บ้านม้าก็ได้ลงภูเขาไปเพื่อรวมตัวกับครอบครัวของพวกเขาแล้วแต่เรายังคงต้องมาเฝ้าดู ในสมองของหัวหน้าหมู่บ้านคิดอะไรอยู่กันแน่”
“สิ่งที่เจ้าไม่เข้าใจคือโสมวิญญาณคือสิ่งที่มีจิตวิญญาณ หลังจากที่มันตื่นตระหนกเช่นนี้แล้วมันจะปกปิดตัวเองออกจากสายตาผู้คน แต่คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มเดือน โสมวิญญาณจะต้องปรากฏขึ้นและมาอาบแสงแสงจันทร์ หัวหน้าหมู่บ้านวางแผนมานานแล้วตราบเท่าที่เราสามารถหาโสมวิญญาณได้ความแข็งแกร่งของหัวหน้าหมู่บ้านก็จะเพิ่มขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นจะมีสิ่งใด้ที่เราจะต้องกลัวหมู่บ้านม้า เมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะบุกโจมตีหมู่บ้านม้า ปล้นอาหารและสมบัติพวกมันทั้งหมดจากนั้นก็ไปเล่นสนุกกับผู้หญิงของพวกมัน ฮ่าฮ่าฮ่า เพียงแค่นี้ก็นับว่าพวกเราได้แก้แค้นความเกลียดชังที่เรามีต่อพวกมันได้แล้ว”
มีเสียงคนห้ามปราบด้วยเสียงเบาข้างๆ“เงียบหน่อย อย่าทำลายแผนของหัวหน้า”
จากนั้นเสียงของมนุษย์ก็เงียบลงทันทีเหลือเพียงเสียงแมลงแห่งความตายในฤดูใบไม้ร่วงร้อง พระจันทร์เต็มดวงลอยขึ้นถึงกลางท้องฟ้า
มีเท้าของชายร่างเล็กคนหนึ่งเจาะพื้นดินออกมาอย่างกะทันหัน มันเดินอ้อยอิ่งขึ้นไปที่หน้าผาตรงที่มี่แสงจันทร์สว่างที่สุด มองอย่างละเอียดแล้วคนนี้ตัวเล็กจริงๆ มันเป็นโสมมันมีเพียงรูปร่างคลุมเคลือของมนุษย์เท่านั้นและในยามค่ำคืนมันดูราวกับเป็นคนตัวเล็ก มันเดินเบาราวกับขนนกที่กำลังล่องลอย
คนเก็บโสมซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหญ้าก็ค่อยๆหายใจไม่กล้าที่จะส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว พวกเขาไม่เคยเห็นสมุนไพรจิตวิญญาณมหัศจรรย์ดังกล่าวมาก่อนเลยในชีวิตของการรวบรวมโสม
โสมวิญญาณของมองไปทางซ้ายและขวาชั่วขณะหนึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้วลอยไปยังจุดสูงสุดของหน้าผาบนภูเขา เส้นแสงของพระจันทร์พันรอบตัวเมื่อมันปักหลัก
“ไปได้!!”ด้วยคำสั่งนี้นักรวบรวมโสมทั้งหมดปฏิบัติพร้อมกัน ตาข่ายตกลงมาจากฟ้าได้พุ่งไปที่โสมวิญาณ โสมวิญญาณกำลังอยู่ท่ามกลางการอาบแสงจันทร์มันไม่ทันระวังจากนั้นมันก็ถูกจับในตาข่ายก่อนที่มันจะสามารถตอบสนองได้ทันเวลาจากนั้นมักก็ถูกยกขึ้นมาตาข่ายนี้ทอจากกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นของวัวดังนั้นไม่ว่ามันจะดิ้นยังไงมันก็จะไม่สามารถทำลายออกไปได้
คนโสมสี่คนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความชื่นชมยินดี พวกเขาเบียดเสียดกันเข้าไปและสังเกตอย่างรอบคอบ
“มีหน้าผามากมายบนยอดเขานี้และเรามีคนของเราซุ่มโจมตีทั้งหมด โสมนี้ได้ตกมาอยู่ในมือเรา สวรรค์ช่างเข้าข้างเราเสียจริงเมื่อเรากลับไปแน่นอนว่าเราจะมีน้ำซุปให้ดื่มและบางทีเราอาจจะกลายเป็นผู้เยี่ยมยุทธ”
“และบางทีเราควรกินมันทั้งรากและเราอาจจะกลายเป็นเซียนอมตะ”มีชายหลายคนกำลังหัวเราะเสียงดัง
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของคนเก็บโสมก็จางหายไป ปลายดาบที่สว่างราวกับหิมะได้โผล่ออกมาจากลำคอของเขา มันเป็นเรื่องที่จะต้องทำให้เขาหันหัวไปดู
ปลายดาบก็ถูกดึงกลับหายไปจากนั้นขเก็ล้มลงบนพื้นทันที เขาเห็นเพียงแค่เงาที่คลุมเครือในขณะที่เขาล้มลง
คนเก็บโสมก็เริ่มที่จะตอบสนองและคำรามออกมาด้วยความโกรธและชักดาบของเขาออกมาฟันไปตรงเงาสีดำข้างหน้า
คมของดาบพุ่งผ่านคอของพวกเขาไปมาราวกับงูวิญญาณพลันเกิดบุปผาเลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นไปรอบๆ
ในเวลาชั่วอึดใจ คนเก็บโสมทั้งสี่ได้ถูกฆ่าตายลงอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่ได้มีเวลาขยับแม้แต่ครั้งเดียว เห็นได้ชัดว่าทักษะวิชาของคนที่เพิ่งมาถึงนี้สูงถึงเพียงใด
“ข้าไม่คิดว่าข่าวลือนี้เป็นความจริง ฮึ่มมมม แม้แต่กลุ่มคนงานป่าบนภูเขาก็กล้าที่จะมายุ่งกับสมบัติจิตวิญญาณนี่” ชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ในชุดหรูหราที่ทันสมัยได้เอาดาบยาวของเขากลับคืนมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ยืดมือของเขาไปจับโสมวิญญาณที่กำลังตกลงมาบนพื้น เขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้ ตราบเท่าที่เขาได้รับสมบัตินี้แน่นอนมันจะช่วยเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขาอย่างมาก
แต่ในตอนนี้จู่ๆก็มีเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น โสมวิญญาณที่ตกลงมาจู่ๆก็ขยับไปอีกด้านหนึ่งทำให้เค้าคว้าอากาศที่ว่างเปล่า
มิชชั่นพอสสิเบิลของเสี่ยวอานอิอิ ชัวร์!
ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบLegend of the Great Saint ครับ^^