LSG-บทที่ 73 - เจ้าโอสถต้องห้าม (⅕) (อ่านฟรีวันที่26สิงหา)
LSG บทที่ 73
แปลไทยโดย : SwordGod
บทที่ 73 - เจ้าโอสถต้องห้าม (⅕)
ด้วยกระดูกมังกรปีศาจเป็นรากฐานของอาคมการก่อร่างสร้างมันปล่อยพลังงานปีศาจสีดำของสัตว์อสูรมังกรปีศาจ ดวงตาของ สัตว์อสูรสามตา กลายเป็นแก่นสำคัญของการสร้างอาคม รากฐานของอาคมการก่อตัวเป็นจุดเริ่มต้นและแก่นสำคัญของอาคมการก่อตัวเป็นหลัก ซหยุน ใช้เลือดของ สัตว์อสูรจันทราทมิฬ ในการวาดการก่อตัวของอาคม การวาดอาคมต้องวาดอย่างระวังเพื่อง่ายต่อการลอกในครั้งต่อไป
มีเทคนิคลึกลับมากมายในใจของซูหยุน สำหรับคนที่จัดการง่ายที่สุด แต่ทรงพลังมากที่สุดพวกเขาเป็นกลุ่ม อาคมปีศาจ จำนวนมากที่เขาได้เรียนรู้จากนิกายปีศาจ เพื่อที่จะสร้างอาคมปีศาจ หนึ่งจำเป็นต้องใช้วัสดุที่มีคุณลักษณะปีศาจและพลังงานปีศาจ อย่างไรก็ตามในตลาดวัสดุที่ขายมักจะมีพลังงานปีศาจน้อยมากและจัดเป็นวัสดุปีศาจระดับต่ำสุด นั่นเป็นเพราะว่าพลังงานปีศาจจำนวนมากๆมีอิทธิพลต่อจิตใจมากและถูกจัดเป็น 'วัสดุต้องห้าม' ด้วยเหตุนี้วัสดุปีศาจระดับสูงๆจึงไม่สามารถแพร่กระจายในตลาดได้ ผู้คนจึงสามารถซื้อได้จำนวนจำกัด แน่นอนตลาดมืดเป็นข้อยกเว้น
คราวนี้ไม่มีความจำเป็นที่ซูหยุนสร้าง อาคมปีศาจ ที่มีพลังมากเพราะเขาวางแผนจะพาคนออกไปเท่านั้น ซูหยุน ไม่ได้มีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องกลียุคในครั้งนี้ นอกจากนี้มันไม่เหมือนกับตอนที่มันสู้กับ สำนักวิชากู่เจวี้ยวซิน มันยากกว่ามาก
มันจึงสร้าง อาคมย้อมโลหิต แห่งนิกายปีศาจ
มันเลือกสร้าง อาคม อยู่ห่างจากลานสำนักวิชาบางแห่ง ซูหยุนได้สำรวจสภาพแวดล้อมด้วย มันพบว่ามีนักเรียนผ่านมาเป็นครั้งครวเท่านั้น
เมื่อนักเรียนเห็นซูหยุนสร้างอาคมขึ้นที่นี่พวกเขาก็คิดว่าเป็นนักเรียนจากแผนกสร้างอาคม ที่มาฝึกซ้อมที่นี่และไม่ต้องถามอะไรมัน
ผ่านไปหกชั่วยาม ดวงตะวันคล้อยลงมา ท้องฟ้ามืดลง
ออาคมขนายักษ์ขาดเพียงแค่บางสิ่งเท่านั้นก็จะใช้งานได้ สิ่งที่ซูหยุนต้องทำตอนนี้คือการปิดบังการก่อตัวของอาคมและรอการมาถึงของวันนั้น
ซูยองหยิบผ้าปูและใช้มันเพื่อปกปิดรูปแบบการก่อตัว จากนั้นมันก็วางหินสองก้อนไว้ด้านบนเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต่ำลง
คุณภาพขั้นพื้นฐานของนักเรียนของ สำนักวิชาดาราม่วง นั้นค่อนข้างดีเมื่อพวกเขาเห็นผ้าปูและโขดหินด้านบนพวกเขารู้ว่ามันเป็นรูปแบบการสร้างที่ยังไม่เสร็จ ในสถานการณ์ปกติพวกเขาจะไม่ยกผ้าปูและยุ่งกับการสร้างอาคม
ขั้นตอนต่อไปคือรอ
มันเดินช้าๆใจกลางเมืองและเดินไปยังโรงเตี๊ยม
มันไม่รู้ว่า พวกของ ชิงเอ๋อ มาถึงแล้วหรือยัง หลังจากคำนวณเวลามันคิดว่าพวกเขาควรจะมาถึง เมืองธาตุไฟ ตอนนี้
ขณะที่มันกำลังขบคิดอยู่ในหัวใจมันก็พบภาพเงาคู่หนึ่งที่คุ้นเคยด้านหน้ามัน
มีกลุ่มชายหญิงสวมเสื้อผ้าที่งดงามกำลังเดินด้วยกัน พวกเขากำลังเดินไปหาซูหยุน
ชายและหญิงเหล่านี้กำลังคุยกันและหัวเราะสนทนากันเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ทั้งสองด้านของชายและหญิงเป็นผู้คุ้มกันที่มีชุดเกราะและดาบประดับด้วยพลอยสีฟ้า มีทั้งหมดสี่คนและที่เอวทั้งสี่ของพวกเขาเป็นแผ่นแผ่นป้ายหยกที่สลักอักษรหนึ่งคำ
ซู ...
พวกเขามาจากตระกูลซู!
พวกเขาเป็นบุคคลที่มาจาก สำนักกภายใน และ ตระกูลหลัก สองคนจาก สำนักภายใน ล้อม คุณชายผิวขาวร่างผอมเพรียวคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คุณชายคนนี้ไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขาเลย เขาพยายามคุยกับหญิงสาวที่สวมชุดจอมยุทธหญิงสีขาวลายกระบี่
ผู้หญิงคนนั้นสวยเป็นพิเศษ แม้ว่านางไม่ได้แต่งหน้า แต่นางก็ยังสวยอยู่เสมอ ใบหน้าของนางโดดเด่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ดวงตาที่สดใสแวววาว พวกมันมีชีวิตชีวาเหมือนดาวฤกษ์ พวกพวกมันสามารถสะกดจิตใจของผู้คนที่จ้องมองมันลึกลงไปภายในจิตใจ
ไม่ว่าคุณชายผิวขาวร่างบางจะพยายามเกี้ยวพาราสีนางเพียงใดนางก็ยังเพิกเฉยต่อเขาและเดินต่อไปด้วยใจจดใจจ่อกับภาระกิจของตัวเอง
ซูหยุน ยืนอยู่ที่ๆมันยืนอยู่ไม่ได้ขยับไปไหน
ขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ มันก็ได้ยินเสียงที่คุณชายผิวขาวบางและอ่อนแอพูดอย่างไม่หยุดหย่อน
"ชิงเอ๋อ มันไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด ร้านนั่นมันต้องหลอกเราแน่ๆ นี่ไม่เกี่ยวข้องกับข้านา!
"ใช่แล้ว ใช่แล้วคุรหนู ชิงเอ๋อ ร้านนั่นมันคงเห็นว่าคุณหนูงดงามราวกับเทพธิดามันจึงวางยาในเครื่องดื่มของท่านแน่ๆ! "
"โชคดีที่คุณหนูรู้ซะก่อนถ้าไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงจะหนักหนานัก! "
"นายน้อย ฮัวหยุน ของพวกเราจะไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่ ท่านต้องแจ้ง ท่านเจ้าเมือง แห่ง เมืองธาตุไฟ ให้สอบสวนเรื่องนี้เพื่อทวงความเป็นธรรมให้คุณหนู ชิงเอ๋อ "
"ใช่แล้ว! พวกเราต้องทวงความยุติธรรมให้กับ คุณหนูชิงเอ๋อ! "
ก่อนหน้านี้ ชิงเอ๋อ ทานอาหารกับคนของตระกูลซูในร้านอาหาร ชิงเอ๋อ พบว่าเครื่องดื่มของนางถูกวางยา นางจึงลุกออกจากที่นั่นทันที
เจ้าของร้าน วางยาในเครื่องดื่ม ชิงเอ๋อ หรอ?
ใครมันจะเอาร้านไปเสี่งแบบนั้นกับเด็ก?
ในความเป็นจริงทุกคนรู้ว่าใครเป็นผู้วางยา พวกพี่น้องตระกูลซู อยู่ฝั่งเดียวกับ ซูฮัวหยู ซูฮัวหยู เป็นบุตรชายของผู้นำสูงสุดตระกูลซู มีฐานะที่สูงมาก หากใครมีความสัมพันธ์กับเขาก็จะง่ายกว่ามากสำหรับพวกเขาที่จะทำอะไรในตระกูลซู
ชิงเอ็อ รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามนางไม่ได้เปิดเผยเขา นางรู้ว่ามันไร้ประโยชน์แม้ว่านางจะพูดความจริงของเรื่องนี้
ซูชิงเอ๋อก้มหน้าลง เดินต่อไป แต่ร่องรอยของความเย็นชาอยู่ในสายตาของนาง
ทันใดนั้น
ชิงเอ๋อ สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง นางหันมองรอบๆอย่างประหลาดใจทำให้นางตื่นตัวตลอดเวลา
นางโงกหัวไปด้านข้าง นางเห็นว่าในมุมมืดขอเส้นทางเป็นชายที่ใส่ชุดจอมยุทธสีดำสนิทและหน้ากากเหล็กแตก ผู้ชายคนนี้กำลังมองไปที่นางอย่างเงียบ ๆ
เขาคือใคร? ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคย?
ซูชิงเอ๋อ สับสน
"ชิงเอ๋อ มีอะไรหรอ?" ซูฮัวหยู ข้างๆนางถามด้วยความสับสน
"ไม่มีอะไร นายน้อฮัวหยู "
ซูชิงเอ๋อ ก้มหน้าลงพูดอย่างไม่แยแส
ซูฮัวหยู สับสนมาก เขามองไปยังตำแหน่งที่ ซูชิงเอ๋อ มองไปที่ก่อนหน้านี้ เขาก็เห็นผู้ชายสวมหน้ากากเหล็ก ผิวของมันมืดลงทันที มันกอดอกแล้วพูด "เห้ย เจ้าบ้านนอก? หยุดมองได้แล้ว หากแกกล้าจ้องมาอีกละก้อ นายน้อยผู้นี้จะควักดวงตาของแกออกมา! "
ชายสวมหน้ากากเหล็กไม่ได้พูดอะไรสักคำ มันค่อยๆถอยกลับเข้าไปในความมืด
“เชอะ! ไอ้ขี้ขลาด!”
ซูฮัวหยู ยิ้มสบประมาท
คนที่อยู่ข้างๆเขาเริ่มหัวเราะเสียงดัง
"สมกับเป็น นายน้อยฮัวหยู ผู้ยิ่งใหญ่ แค่เพียงท่านตะโกนเท่านั้น ก็ทำให้ไอ้เจ้านั่นเปิดแนบไปเลย “มหัศจรรย์!”มหัศจรรย์!
"มันเป็นเรื่องธรรมดา!"
ซูฮัวหยู กำลังเพลิดเพลินกับการเยินยอ เขาตอบอย่างใจเย็น
คนกลุ่มนี้ค่อยๆเดินไปที่ สำนักวิชาดาราม่วง วันก่อนหน้านี้พวกเขาได้มาถึงงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่จัดทำโดย สำนักดาราม่วง แต่ นายน้อยฮัวหยู ยืนกรานว่าจะไปทานข้างนอก ซูชิงเอ๋อ รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการกระทำของเขาและทำให้มีความคิดในสิ่งที่เขาวางแผนไว้
เมืองธาตุไฟ คึกคักไปด้วยเสียงและกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมช่วงเย็น นักเรียนส่วนใหญ่ของ สำนักดาราม่วง จะออกไปเดินเล่นในตลาดกลางคืนหลังจากฝึกซ้อมทั้งวัน
บางคนก็แค่เดินเล่นเพื่อความสนุกสนานและค้นหาสมาชิกที่น่าสนใจในเพศตรงข้าม บางคนก็ออกมาซื้อยาที่จำเป็น โอสถ เม็ดยาและวัสดุสำหรับวันพรุ่งนี้
มันเป็นกระแสที่ไม่หยุดนิ่งของคนที่มาและไป
ซูหยุน ซ่อนตัวอยู่เงียบๆในมุมมองซูฮัวหยูและพวกเขาเดินไปยังทิศทางของ สำนักดาราม่วง สายตาของมันดูเย็นชา
หลังจากที่มันก้มหน้าลงและครุ่นคิดครู่หนึ่งมันหยิบปากกาขึ้นมาและเขียนคำสองคำ จากนั้นมันก็เดินไปทาง ซูฮัวหยู
“อ่า? เจ้าอีกแล้วหรอ?”
เมื่อซูหยุนเดินไปหาเขา ซูฮัวหยู ก็ตกใจเล็กน้อย
"ไปให้พ้น! อย่ามาขวางทางนายน้อย! "
อย่างไรก็ตามซูหยุนไม่ปฏิบัติตาม แต่มันเดินผ่านซูฮัวหยูและวางแผ่นกระดาษที่มันเขียนไว้ในมือซูฮัวหยูอย่างรวดเร็ว
"อ่านเอง!"
ซูฮูยก็ตกใจ เขาหันไปมอง แต่พบว่าชายคนนั้นหายตัวไปแล้ว
"เป็นคนแปลกปหลาดจริงๆ!"
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าซูหยุนหย่อนกระดาษเข้าไปในมือซูฮูัวหยูและแม้แต่กระซิบที่หู เมื่อเห็นว่าซูหยุนจากไปอย่างกระทันหันพวกเขาก็สับสน
"นายน้อยมีอะไรรึเปล่า?"
"ผู้ชายคนนั้นพยายามที่จะทำอะไร?"
"ข้าไม่รู้!
ซูฮัวหยู ยังสงสัย เขามองไปที่ใบกระดาษในมือ เขามองเห็นอีกษรได้หลายคำ เขากำแล้วม้วนกระดาษอย่างแน่นหนา
ซูชิงเอ๋อ ได้เหลือบมอง ซูฮัวหยู จากความสับสน นางไม่ได้พูดอะไร แต่ยังคงเดินไปที่ สำนักวิชาดาราม่วง
หลังจากเดินไประยะหนึ่งแล้วทุกคนก็เริ่มพูดคุยและหัวเราะอีกครั้ง ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าซูฮัวหยูแอบเปิดกระดาษก้อนหนึ่งไว้ในมือ เขามองไปที่คำที่เขียนไว้อย่างรอบคอบ
เมื่อดูอักษร ซูฮัวหยู ก็ตกใจ เขาเปิดตากว้างขึ้นแล้วหยุดเดิน
ทุกคนตกใจ พวกเขาทั้งหมดมองไปที่เขา
"เอ่อ ... พวกเจ้าทุกคนกลับไปที่สำนักวิชาดาราม่วนกันก่อนนะ พอดีข้านึกขึ้นได้ว่าข้ามีสหายเก่าอยู่ในเมืองธาตุไฟ พวกเจ้าทุกคนกลับไปก่อน สักพักข้าจะตามไป! "
"เพื่อน?" ซูชิงเอ๋อ ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ทำไมเราถึงไม่ได้ยิน นายน้อยฮัวหยู พูดถึงเรื่องนี้มาก่อน?"
"ข้าลืม!"
ซูฮัวหยูหัวเราะเสียงดัง
ซูชิงเอ๋อ ก้มหน้าลงและครุ่นคิดครู่หนึ่ง ความตื่นตัวเล้กน้อยประกายผ่านสายตาของนาง นางไม่ได้ถามอีกต่อไป นางเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินต่อไปยัง สำนัวิชาดาราม่วง
"หลิวเฮย, เสี่ยวเฟิง , เจ้าทั้งสองตามข้ามาได้!"
"โอ้ ครับนายน้อย!"
ดังนั้นกลุ่มคนกลุ่มนี้จึงถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเดินไปที่ สำนักวิชาดาราม่วง ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งเดินไปยังเขตชานเมือง เมืองธาตุไฟ
กลางคืนได้มาถึง ไม่มีแสงสว่างภายนอกเมือง มันเป็นความมืดดำมืดและดูเหมือนจะผิดปกติและแปลก
จำนวนคนออกจากเมืองในเวลากลางคืนน้อยมาก ซูหลิงเฮย และ ซูเสี่ยวเฟิง ที่เดินตามซูฮูัวหยูเริ่มรู้สึกอึดอัดบ้าง
สหายของท่านอาศัยอยู่นอกเมืองหรอครับ?
ซูเสี่ยวเฟิง ผู้แต่งตัวอย่างหรูหราและไม่มีเสื้อผ้ามากก็สั่นกอดร่างของเขา
"เจ้าสวะ การบ่มเพาะจิตวิญญาณของเจ้าต่ำมาก เจ้าทนไม่ได้แม้แต่อากาศหนาวแค่นี้หรอ? "
"นายท่าน ท่านไม่รู้อะไร มีรายงานว่าจะมี 'พายุดวงใจสะท้าน' คืนนี้ ลมพัดมาจากเทือกเขาดวงใจสะท้าน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนหนึ่งจะทนต่อพวกมันด้วยปราณวิญญาณลึกซึ้งเพียงอย่างเดียว! "
ซูเสี่ยวเฟิง บ่น
ซูฮัวหยู ส่ายหัว เขาไม่เข้าใจเลย
"นี่น่าจะเป็นที่นี่"
ซูเสี่ยวเฟิง และ ซูหลิวเฮย ทั้งคู่สับสน
"นายน้อยพวกเรามาที่นี่ทำไม?"
"อย่าบอกพวกเรานะว่าสหายของท่านอยู่ที่นี่?"
"ฮ่า ๆ ๆ เจ้าทึ่ม เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร สหายบิดาเจ้านะสิอยู่ที่นี่ที่นี่! "
ซูฮัวหยู เริ่มหัวเราะเสียงดัง
"อ้าาาา!!!!
"ดูนี่สิ
ซูฮัวหยู หยิบกระดาษที่เขาเคยปั้นเป็นก้อน เขาเปิดกระดาษ
"เจ้าโอสถต้องห้าม ... หากเจ้าต้องการโอสถต้องห้ามโปรดรอที่ไปทางประตูด้านใต้ของ เมืองธาตุไฟ หนึ่งลี้ การล่าช้าไม่เป็นที่ยอมรับ "
"จะ.....เจ้าโอสถต้องห้าม?"
ทั้งสองคนตกใจมาก
หรือว่านี่จัเป็น........
"ใช่แล้ว! พวกเราโชคดีจริงๆ! ใครจะไปคิดว่าเราจะได้พบกับเจ้าโอสถต้องห้าม ที่ขายโอสถต้องห้าม "
ดวงตาของ ซูฮัวหยู สลัวเล็กน้อย "ซูชิงเอ๋อ นังเพศยา มีวรยุทธสูง นังนั่นสามารถดมกลิ่นยาปลุกกำหนัดธรรทดาได้ทันที โอสถต้องห้ามเท่านั้นที่ อาจกินเข้าไปได้โดยที่นางไม่รู้! หึ! นังแม่มดนั่นชอบทำหน้าที่อันสูงส่งและมีคุณธรรม? หลังจากบิดาเจ้าซื้อ โอสถต้องห้าม คืนนี้ข้าจะดื่มมัน แล้วข้าจะสนุกกับเจ้าเท่าที่ต้องการ! ดูซิว่านังสุนัขตัวเมียนั่นจะยังทำตัวสูงส่งมีคุณธรรมอีกครั้งมั้ย! "
"อ้อ!นี่คือสิ่งที่นายน้อยคิดไว้"
"นายท่าน ช่างหลักแหลมจริงๆ!"
ลิ่วล้อทั้งสองคนหัวเราะ ทั้งสองคนต่างหวังว่า ซูฮัวหยู จะได้ตัว ซูชิงเอ๋อ แล้วบางทีพวกมันอาจจะได้รับส่วนที่เหลือ
ฟึบ
ในขณะนี้ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏร่างเดินออกจากเงามืดด้านข้าง
ซูฮัวหยู หรี่ตามอง พลันดวงตาของเขาส่องแสงเจิดจ้าทันที “เฮ้! เขามาที่นี่แล้ว!”
แปลไทยโดย : SwordGod