ตอนที่ 126 – อสรพิษจิตวิญญาณดารา
ตอนนที่ 126 – อสรพิษจิตวิญญาณดารา
ถังเทียนจ้องมองไปยังอสรพิษจิตวิญญาณดาราเบื้องหน้าของเขา หลังจากที่เผชิญหน้าครั้งก่อน ถังเทียนก็ครุ่นคิดว่าอย่างไม่พอใจเกี่ยวกับมัน เขามิคาดว่าเขาจะยังมีโอกาสอีกครั้ง และเขาตอนนี้มีกำลังใจสู้ที่มากมาย
“เจ้างูน้อย! ครั้งล่าสุดเจ้าโชคดีนัก แต่วันนี้เจ้าจะไม่โชคดีเช่นนั้นแน่!”
ถังเทียนจ้องเขม็งไปยังอสรพิษอย่างไม่กระพริบตาและปากก็พลันแสยะยิ้ม
อสูรจิตวิญญาณดาราราวกับเห็นศัตรูตัวฉกาจก็ม้วนร่างเป็นขดชูหัวของมันขึ้น ดวงตาอสรพิษอันเย็นเยียบจ้องไปยังถังเทียน
“เริ่มจากตัวเจ้าก่อนเลย!”
เมื่อกล่าวจบก็ออกแรงที่ขาจนทำให้เท้าจมลงไปในดินราวกับศรหลุดออกจากแหล่ง ร่างของเขาพุ่งไปยังอสรพิษจิตวิญญาณดารา
ร่างอสรพิษจิตวิญญาณดาราพลันปลดปล่อยอากาศอันเย็นเยียบ น้ำแข็งอันหนาวเย็นปรากฏเบื้องล่างพื้น ‘ชัวะ’ พุ่งขึ้นมาหาถังเทียน
ในใจถังเทียนสั่นสะท้าน เขาก็กระทืบเท้าหลบฉากออกไปด้านข้าง ความเย็นเยียบกวาดผ่านร่างเขาและปลายน้ำแข็งกระตุ้นให้เขารู้สึกขนลุกไปทั้งร่าง
มันคือหางอสรพิษ!
รวดเร็วนัก!
ในใจถังเทียนขบคิดผิดพลาด การโจมตีของหางอสรพิษมันราวกับผู้เชี่ยวชาญกระบี่กำลังจ้วงแทงกระบี่ เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทหารได้กล่าวเอาไว้ว่าอสูรจิตวิญญาณดาราเหล่านี้มันผสานรวมกับชิ้นส่วนจิตวิญญาณขุนพลโบราณและได้รับวิชาจากเศษชิ้นส่วนที่ผุพังเหล่านั้น
หางอสรพิษยืดออกตรงราวกับกระบี่ และอากาศมันก็พลันเบาบางลงอีกครั้ง มันก็ม้วนเหมือนกับกระบองฟาดไปยังคอถังเทียน
ถังเทียนก้มหัวลง วูบ หางอสรพิษก็กวาดผ่านเหนือหัวของเขา
ถังเทียนได้ปิดช่องว่างต่ออสรพิษจิตวิญญาณดารา เขากำหมัดแน่นและปราณแท้จริงก็สั่นกระเพื่อม ‘พรึบ’ อากาศรอบข้างกลายเป็นวุ่นวายฉับพลัน
อสรพิษจิตวิญญาณดารามิคาดคิดว่าอากาศรอบๆพลันสั่นกระเพื่อมจนวุ่นวาย แรงสั่นสะเทือนทั้งหมดถ้าแทรกซึมเข้าไปภายในร่างของมัน แม้ว่าแรงสั่นสะเทือนจะไม่เพียงพอที่จะทำให้มันเจ็บปวดแต่ก็ทำให้มันสูญเสียความเร็วลง
นี่เป็นสิ่งใหม่ที่ถังเทียนได้ค้นพบ
ตอนนี้เขาสามารถปลดปล่อยแรงสั่นสะเทือนได้ในอากาศรอบๆสิบเมตรก่อเกิดเป็นวงของแรงสั่นสะเทิอน ตราบเท่าที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ภายในวงมันจะต้องได้รับผลกระทบ สำหรับผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิดเช่นถังเทียนมันก็ถือได้ว่าเป็นกลวิธีที่ดีพิเศษ
ในช่วงเวลาสั้นๆของความสับสนวุ่นวายแต่สำหรับถังเทียนแล้วมันเป็นโอกาสที่ดี
ชัวะ ชัวะ ชัวะ!
สามลำแสงฝ่ามือมีดดวงเดือนโจมตีไปยังร่างของอสรพิษ
แรงสั่นสะเทือนของถังเทียนได้ผสานหลอมรวมเข้ากลับวิชาอื่นๆของเขา เหมือนดั่งเช่นฝ่ามือมีดดวงเดือนอันนี้ ซึ่งราวกับการสั่นสะเทือนอันรุนแรงทำให้มันคมกริบเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
เกล็ดของอสรพิษต่างกระจายไปทุกทีและและปรากฏบาดแผลบางๆอยู่บนร่างของอสรพิษ
อสรพิษจิตวิญญาณดาราผงะถอยหลังด้วยความเจ็บปวดและพ่นหมอกเย็นเยียบออกมาทันที ซึ่งม้วนพันไปรอบร่างของมันโดยพลัน ถังเทียนรู้สึกถึงรังสีที่เย็นเสียดกระดูก ปราณเย็นอันนี้ราวกับเข็มเล็กๆที่ทะลวงร่างเขาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะชุดเกราะนกยูงน้ำเงินที่ขัดขวางพวกมันเอาไว้ ทั่วร่างของเขาคงกลายเป็นก้อนน้ำแข็งไปแล้ว!
หมอกอันเย็นเยียบที่แปลกประหลาดกัดกร่อนขนนกบนชุดเกราะนกยูงน้ำเงินอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาชุดเกราะนกยูงน้ำเงินก็เกิดชั้นน้ำแข็งเกาะ
“ฮ่าฮ่า! ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องทำเช่นนั้น!”
ถังเทียนมีอาการถือดี เมื่อเขาตัดสินใจเริ่มที่จะเปิดทาง สิ่งแรกที่ถังเทียนขบคิดเอาไว้คือการที่จะทำลายหมอกของอสรพิษจิตวิญญาดาราเช่นไร
ดวงแสงโปร่งใสปรากฏที่มือซ้ายของถังเทียน
ก้อนสุญญากาศ!
หลังจากความเข้าใจเรื่องสั่นสะเทือนของถังเทียนลึกซึ้งยิ่งขึ้น ก้อนสุญญากาศก็กลายเป็นเรื่องง่ายในการใช้ออก ก้อนสุญญากาศมีขนาดใหญ่เท่าตะกร้าหวายมันมีขนาดใหญ่มากกว่าเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุด
ปุ!
ก้อนสุญญากาศแตกออก พรึบ หมอกรอบๆก็กลายเป็นฟองอากาศแตกอย่างรวดเร็ว
มือซ้ายของถังเทียนราวกับปากยักษ์ ดูดอากาศอันเย็นเยียบอย่างต่อเนื่อง หมอกก็ลดขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว และเป็นอีกคราที่ถังเทียนและอสรพิษจิตวิญญาณดาราเห็นร่างกัน ขณะที่มือซ้ายของถังเทียนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง
ผู้ใดจะรู้ว่าแม้กระทั่งมีกำแพงชั้นของปราณแท้จริง มือของถังเทียนยังแทบจะด้านชา เขาเหวี่ยงก้อนน้ำแข็งออกไป ก้อนน้ำแข็งปลิวโค้งหล่นออกไปไกลกว่าหนึ่งร้อยเมตรและแตกเป็นชิ้นๆ เมื่อตอนที่มันหล่นกระแทกก็เกิดเป็นชั้นน้ำแข็งหนาแน่น
พรึบ!
หางอสรพิษยืดตรงราวกับกระบี่พลางฟาดมาด้านข้าง
ถังเทียนสังเกตเห็นว่าปราณเย็นรอบๆอสรพิษจิตวิญญาณดาราเริ่มลดลงมากคล้ายกับว่าหมอกมันไม่ได้ไร้ที่สิ้นสุดสำหรับอสรพิษอีกต่อไปแล้ว
ถังเทียนมิได้หลบหลีกเผชิญหน้ากับการฟาด
เขาก็ยื่นหมัดออกเพื่อป้องกัน
เคร้ง!
ปราณพลุ่งพล่านที่มากมายถูกส่งผ่านมา ร่างของถังเทียนมิขยับเขยื้อน แม้ว่าการฟาดจะคมกริบเมื่อเทียบกับรูปปั้นทองแดงหมายเลขสิบเอ็ดของตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์แล้ว ความรุนแรงของมันยังคงด้อยกว่ามาก
หางอสรพิษยกขึ้นสูงขณะที่ถังเทียนก็ใช้โอกาสนี้เข้าประชิดตัว
หมัดที่ปกคลุมไปด้วยระลอกคลื่นและขณะที่มันปะทะเข้ากับร่างของอสรพิษ ผัวะ เกิดเสียงไม่ดังนักแต่ร่างอสรพิษก็สั่นสะท้าน ตำแหน่งที่ถังเทียนต่อยลงได้ส่งผลให้เกิดรอยแตกมากมายดั่งเช่นใยแมงมุม
แรงกระเพื่อมทั้งหมดและพละกำลังของหมัดที่รวบรวมเอาไว้มันรุนแรงอย่างยิ่ง เนื่องจากแรงกระเพื่อมที่ผ่านร่างของฝ่ายตรงข้าม แม้แต่เจ้าพวกรูปปั้นทองแดงกระจจอกที่ไร้สัญชาตญาณก็ยังแข็งเป็นเวลาหนึ่งนาที
ทุกการต่อสู้ทั้งหมดภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ได้สอนให้ถังเทียนรู้ว่าถ้าเขาโจมตีฝ่ายตรงข้ามโดนในหมัดแรกหลังจากนั้นอย่าได้พลาดโอกาสที่จะโจมตีหมัดที่สอง
อสรพิษขดตัวปราศจากตำหนิ
ปราศจากคำพูด หมัดที่ใช้ปราณมังกรสวรรค์ก็ตามติดและปะทะเข้ากับรอยแตกระหว่างร่างของอสรพิษ
เปรี้ยง! มันเหมือนกับรอยแตกถูกยัดเข้าไปด้วยประทัดขนาดใหญ่และระเบิดขึ้น
และเมื่อเป็นเช่นนี้ อสรพิษจิตวิญญาณสุดท้ายก็ฟื้นฟูจากอาการแข็งค้างที่เกิดจากแรงกระเพื่อมพลางคำราม มันกระโจนขึ้นและลากหางของมันยกขึ้นสูงราวกับเป็นกระบี่ขนาดมหึมาแล้วก็ฟาดมันลงมา
ถังเทียนรู้สึกภาพในสายตาเลือนลางเนื่องจากมันถูกบดบังโดยอสรพิษขนาดมหึมา หัวใจของเขาเต้นรัวขณะที่ลนลานหลบให้ปลอดภัย
เปรี้ยง!
ปราณที่พรั่งพรูอย่างน่าทึ่งพาดผ่านมาขณะที่เขาเหินออกไป
ในอดีตถ้าถังเทียนพบเจอสถานการณ์เช่นนี้ ส่วนมากเขาจะงุนงงมากที่สุด แต่ภายในตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์เขาอยู่ในจุดที่เสียเปรียบ เขาต้องค่อยรับการโจมตี ฯลฯ และมันกลายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดมิใช่ให้โอกาสคู่ต่อสู้ของเขาได้โจมตีต่อเนื่อง
ถังเทียนผู้อยู่กลางอากาศได้ลดตัวลงอย่างเฉียบพลันเพื่อรักษาสมดุลร่างของเขา จากหางตาของเขาพลันพบเห็นปากขนาดใหญ่ที่เตรียมเขมือบของอสรพิษจิตวิญญาณดารามันเหมือนกับหายนะที่มันกำลังตรงเข้ามาหาเขา
มันพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วปานอัสนีบาต แทบจะในชั่วพริบตาเดียวมันก็มาอยู่เบื้องหน้าถังเทียนแล้ว
ปากอันใหญ่และมีกลิ่นคาวโลหิตกระโจนเข้ามายังถังเทียน
โง่เง่า!
ถังเทียนพลันแสยะยิ้ม ครึ่งทางภายในอากาศเขาก็แล่นไปตามปากของอสรพิษและบีบคั้นตัวเองลดร่างของเขาและกวัดแกว่งหมัดของเขาออกไป
ระลอกคลื่นสั่นกระเพื่อมมาขณะที่หมัดก็พุ่งปะทะเข้าไปภายในปากอสรพิษ
วูบ!
ระลอกคลื่นทั้งหมดรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเพื่อก่อเกิดเป็นกลุ่มก้อนแสงโปร่งใสปราศจากเสียงไปยังปากของอสรพิษและมันก็ถูกกลืนลงไป
ภายในอากาศร่างของอสรพิษจิตวิญญาณดาราเริ่มที่จะแบนแฟบลงโดยไม่รู้สาเหตุ ดวงตาของอสรพิษจิตวิญญาณดาราหดตัวและแข็งค้าง!
“นกยูง!”
ถังเทียนก็พลันไขว่แขนของเขาเบื้องหน้าพร้อมแผดเสียงคำราม ชุดเกราะที่วูบวาบจากลำแสงที่เลือนลางก็เปล่งประกายแสงสีน้ำเงิน
เปรี้ยง!
อสรพิษจิตวิญญาณดาราพุ่งตัวเองเข้าหาลำแสงสีน้ำเงินที่ปกคลุมอยู่รอบตัวถังเทียนอย่างเชื่องช้า
ภาพสายตาของถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นดำมือและด้วยความเร็วที่มากมายเขาก็ปลิวกระเด็นถอยหลัง
เขากระเด็นไปประมาณสิบเมตรก่อนที่จะกระแทกเข้ากับพื้น หลังจากนั้นถังเทียนก็ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงทั้งสองแขนของเขาราวกับพวกมันได้หักไปแล้ว
“เจ้าเดรัจฉานตัวนี้ที่แท้ยังแอบซ่อนไม้เด็ดไว้อยู่”
ถังเทียนประคองแขนทั้งสองขึ้นมาและรู้สึกดีขึ้น หลังจากที่กระแทกเมื่อครู่ดูเหมือนอสรพิษจิตวิญญาณดาราจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว รังสีชุดเกราะของถังเทียนก็หมองหม่นลง
แต่หลังจากที่จ้องตาของอสรพิษจิตวิญญาณดาราที่ไร้ชีวิตชีวา เขาก็ถอนหายใจอย่างลงอก
ถ้ามันไม่ใช่เพราะการโจมตีสุดท้ายของอสรพิษจิตวิญญาณดาราแล้วล่ะก็มันคงไม่ง่ายเลยที่จะทำลายการป้องกันของมันที่มีเกล็ดอยู่หลายชั้น
แม้ว่าคลื่นระลอกจะรุนแรงยิ่งขึ้นมันก็มีผลกระทบเพียงแค่นี้ ในทางตรงกันข้ามแล้วมันไม่ทรงพลังเท่ากายากระเรียน แน่นอนว่าปราณกระเรียนของถังเทียนไม่สามารถแปรสภาพขั้นสูงได้เกินกว่านี้แล้ว ยามเมื่อมันต้องพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งผลของมันก็ลดน้อยลง
ก้อนสุญญากาศระเบิดอยู่ภายในท้องของอสรพิษ ร่างของเจ้าเดรัจฉานตัวนี้จะต้องกลายเป็นผุยผงอย่างแน่นอน
เขาเดินไปหาอสรพิษจิตวิญญาณดาราอย่างช้าๆและระมัดระวัง แต่อสรพิษจิตวิญญาณมันมิได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิดเดียว มันปราศจากลมหายใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว
มันเป็นอสูรจิตวิญญาณดาราที่ถังเทียนได้สังหารตัวแรก
หยาหยาก็กระโดนออกมาอย่างมีความสุขและวิ่งตรงมา ยามเมื่อมันเห็นซากอสรพิษวิญญาณดารานอนอยู่ตรงนั้น ตาก็พลันสว่างวาบมันยกธนูน้อยๆภายในมือของมันและเริ่มใช้สายรั้งธนูเปรียบดั่งมีดตัดซากอสรพิษวิญญาณดารา
ถังเทียนตกอยู่ในอาการงุนงงเนื่องจากมันรวดเร็วนัก
จากนั้นทหารก็ลอยออกมาเหลือบตาของเขา เขาแสดงท่าทางไม่แยแส “แม้ว่าตัวอ่อนจิตวิญญาณขุนพลมันจะระดับต่ำแต่พวกมันก็มีความสามารถมาก เจ้าควรจะมอบแก่นจิตวิญญษณให้มันทีหลัง มันสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยการกลืนแก่นจิตวิญญาณ”
“แก่นจิตวิญญาณขั้นหก” สีหน้าถังเทียนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เขาตระหนักได้ดีว่าเขานั้นยากจนเพียงใด ส่วนมากสิ่งที่เขาได้เก็บสะสมมามันต่างปลิวหายไป ตอนนี้เขาสามารถซื้อได้แค่เพียงหินดาราและแก่นจิตวิญญาณ แม้ว่าลุงเฉียนจะมอบหินดาราให้เขาหลายก้อนอยู่ แต่ตระกูลซางกวนก็มีแค่เพียงให้ตัวพวกเขาเองไม่เป็นปัญหาและต้องมีใช้เงินอย่างจำกัดเช่นกัน
“เหล่าจิตวิญญาณนี้มันจะผสมผสานไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้โบราณฉะนั้นมันไม่บริสุทธ์เพียงพอ และพวกเราจะไม่ได้ราคาที่ดีพอ” ทหารอธิบาย “แต่สำหรับหยาหยามันถือว่าเป็นของดี ข้าจำได้ว่ามันมีสารเลวคนหนึ่งที่เชี่ยวชาญการเก็บแก่นจิตวิญญาณเพื่อไปเลี้ยงตัวอ่อนจิตวิญญาณขุนพลของเขา หลังจากนั้น ตัวอ่อนจิตวิญญาณขุนพลของเขาก็กลายเป็นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง”
“ถ้างั้นพวกเราไม่สามารถเลี้ยงพวกมันด้วยจิตวิญญาณนักสู้โบราณโดยตรงงั้นหรือ?” ถังเทียนกล่าวถาม
“มันเหมือนว่าจะเป็นไปได้หลังจากนั้น แต่ตัวอ่อนจิตวิญญาณจะต้องมีระดับขั้นของความแข็งแกร่งที่แน่นอนเสียก่อนที่มันจะกระทำเช่นนั้นได้” ทหารพยายามเค้นความทรงจำแต่เขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าใด
“ก็ได้” ถังเทียนก็ตะโกนไปยังหยาหยา “ข้าจะให้แก่นจิตวิญญาณกับเจ้า ส่วนอย่างอื่นเป็นของข้า!”
หยาหยาก็แผดเสียงร้องด้วยความยินดีและเริ่มทำงานของมันอย่างขะมักเขม้น
“ข้าสงสัยนักว่าส่วนที่เหลือจะขายได้เท่าใดกัน?” ถังเทียนลูบคางรู้สึกเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เจ้ายังมีพลังเหลืออยู่พอที่จะต่อสู้หรือไม่?” ถังเทียนหัวร่อเยาะ
ถังเทียนยกยิ้มและกล่าวตอบตามความจริง “ข้าต้องพักผ่อนหนึ่งวัน”
แม้ว่าการต่อสู้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็รุนแรงยิ่งร่างของเขาเจ็บปวดอย่างหนักหนา
“สิ่งแรกจะต้องขายของพวกนี้ไปให้หมด” ทหารกล่าว “เมื่อฐานทัพอยู่ที่นี่ เจ้าก็สามารถหลับได้สบาย”
ถังเทียนถอนหายใจพลางนั่งลงฟื้นฟูบนสนามที่ได้ต่อสู้เมื่อครู่
การต่อสู้จริงและการฝึกฝนมันไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง มิว่าความรุนแรงแค่ไหนที่จะต้องเผชิญหน้ากับตำหนักสิบแปดรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ มันก็ยังมิอาจเทียบได้เท่ากับการต่อสู้จริง ภายในการต่อสู้เมื่อเขาเสียสมาธิเพียงเล็กน้อย เขาอาจจะสิ้นชีพเป็นได้
มันมิมีอะไรน่ากลัวไปกว่าความตายที่จะทำให้ผู้คนต่างตั้งใจ มิมีการพัฒนาอันใดที่จะดีไปกว่าการต่อสู้เสี่ยงชีวิตแล้ว
ผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สุด ได้เติบโตขึ้นจากการต่อสู้
ดวงตาของถังเทียนสว่างวาบไปด้วยกำลังใจ
ยามเมื่อเขาฟื้นฟูเสร็จสิ้น ถังเทียนก็กลับไปยังเมืองไตรวิญญาณและเดินเข้าไปร้านวัตุดิบโดยไม่ได้เลือก
“เจ้ารับซื้อซากอสูรจิตวิญญาณดาราหรือไม่?” ถังเทียนกล่าวถาม
เมื่อบุรุษผู้นั้นได้ยินก็สำรวจถังเทียน ดวงตาของเขาก็หดลง เนื่องจากบนร่างของถังเทียนยังคงมีสัมผัสปราณของอสรพิษจิตวิญญาดารา บุรุษผู้นั้นรู้เลยว่าตัวเขาจะต้องเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อพลางรีบเร่งกล่าว “แน่นอนว่าพวกเรารับซื้อ ข้าอยากรู้ว่าอสูรจิตวิญญาณดาราขั้นใดกันหรือที่เจ้าจัดการล่ามาได้?”
“อสรพิษจิตวิญญาณดาราขั้นหก” ถังเทียนมิยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยพลางหยิบเอาทุกชื้นส่วนของอสรพิษวิญญาณดาราออกมาทันที
บุรุษผู้นั้นมีท่าทางที่ชื่นชมพลางกล่าวอย่างนับถือ “ขอเวลาสักครู่ข้าจะไปเรียกเจ้าของร้านมาทันที”
***********************************************************
ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ