ตอนที่ 5 หนังสือมีรสชาติอย่างไร
กริ้ง กริ้ง กริ้ง
เสียงระฆังได้ประกาศจบภาคการศึกษาที่2แล้ว
ปีการศึกษาของสถาบัน เบอร์เจ้นได้สิ้นสุดแล้วนะวันนี้ นักเรียนทั้งหลายที่ไม่ได้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มของสถาบันรีบวิ่งออกนอกประตูของสถาบันกันทันที ศาสตราจารย์รีบเตือนนักศึกษาทั้งหลายไม่ให้ออกไปเล่นข้างนอกบ่อยนักเนื่องจากนี่เป็นฤดุหนาว แต่ก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหุขวา
โดยทั่วไป นักเรียนจะพักกันอยู่ในหอโรงเรียน แต่ก็มีบางคนที่พักอยู่ข้างนอก
“ฮู่ วุ่นวายกันมาก แม้ว่าอากาศจะหนาวจัด พวกเขาก็ยังวิ่งกันอยู่อีก ฉันคิดว่าการเป็นเด้กหนุ่มนี่ดีจริงๆนะ”
“ใครจะไม่อยากเป็นกันละ?อ้า บางที ลิชไงละ?”
“ฮ่าๆ ฉันกลัวว่าลิชนั้นจะอยากมีกระดูกเพิ่มซะมากกว่า?
แม้กระทั่งเหล่าอาจารย์นั้นก็อยู่ในช่วงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ การเป็นอิสระจากเหล่าลิงทั้งหลาย อาจารย์บางคนก็วางแผนที่จะกลับบ้านสักสองสามวัน
ศาสตราจารย์คนนึงได้ถามวิทซืว่า“ศาสตราจารย์วินซ์คุณจะอยู่ในโรงเรียนช่วงวันหยุดนี่ไหม?”
“ใช่”เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่เย็นจับใจ
เสียงที่ไม่เข้ากับใบหน้าและการแสดงออกที่ดูว่างเปล่าของเขานั้น ทำให้ศาสตราจารย์ที่ถามเขานั้นอดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาใช้เวลามาหลายปีด้วยกัน เขาจึงปรับตัวและพูดอีกครั้งว่า“เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังจะมุ่งเน้นไปที่โครงการวิจัย เป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่า?”
ดวงตาของศาสตราจารย์วินซืกลายเป็นเย็นชาในทันที มันเป็นธรรมชาติ เพราะมันเป็นเรื่องหยาบคายอย่างมากสำหรับจอมเวทย์ทั้งหลายที่มาสืบการวิจัยของกันและกัน เขาพูดด้วยเสียงต่ำทันที“มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดคุยกันตรงนี้”
“ฮ่าๆ ถูกต้อง ลืมไปเถอะว่าฉันถาม”
“…..”
วินซ์เหลือบตามองเขาชั่วครู่ก่อนจะหันไปมองที่หน้าต่าง
บรรยากาศในห้องกลายเป็นเย็นเฉียบ ศาสตราจารย์วินซ์มีชื่อเสียงในเรื่องของความไม่เป็นมิตร เขาเป็นจอมเวทย์ระดับสูงที่ถูกส่งมาจากเมืองหลวงให้มาสอนในสถาบัน เบอร์เจ้น ในฐานะ ผู้อาวุโส เขาเป็นผู้ใช้เวทย์ขั้น6 เขาอยู่เหนืออาจารย์คนอื่นๆ
“โอ้!คุณอยู่นี่เองศาสตราจารย์วินซ์”
ในขณะนั้นก็มีอาจารย์เข้ามาที่ออฟฟิศ ด้วยใบหน้าอ่อนโยน อาจารย์คนนี้เป็นคนที่อ้วนอย่างมาก และเขาเก็บไขมันของเขาไว้ในชุดสูทที่ประณีตมันทำให้เขาดุคล้ายลูกโป่ง ดังนั้นนักเรียนจึงเรียกเขากันว่า“บอลลูน”
บอลลูนหรือที่เรียกกันว่าศาสตราจารย์บอลลูนพูดพร้อมกับหัวเราะ“ฉันถามอะไรบางอย่างได้ไหม?”
“….ได้”
วินซ์ไม่สามารถปฏิเสธใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นได้ เขาจ้องไปที่ศาสตราจารย์บอลลูนด้วยท่าทางรำคาญ วินซ์ไม่ชอบศาสตราจารย์บอลลูน เนื่องจากคำพูดที่ออกมาจากปากของเขาแต่ละครั้งไม่เคยทำให้วินซ์อารมณ์ดี
“เด็กคนนั้นไม่จบอีกแล้วหรอในปีนี้?”
คิ้วของเขาขมวดทันทีที่ได้ยินคำถามนี้
ธีโอดอร์ มิลเลอร์ ...
ดวงตาของศาสตราจารย์วินซ์กระพริบถี่ๆเมื่อเขานึกถึง ธีโอดอร์ มิลเลอร์ เขาเป็นนักเรียนที่ทรยศต่อความสามารถของตัวเองและไม่เคยได้รับการตอบแทนจากความพยายามของเขา ความจริงที่ว่า ธีโอร์ ได้รับจดหมายถึงสามครั้งทำให้เขากลายเป็นคนดังทันที
อาจารย์คนอื่นๆรีบหันมาหาเขา
“อะฮ้า นั่นใช่เด็กที่ชื่อธีโอรึเปล่า?”
“ในปีนี้เขาได้รับจดหมายครั้งที่สามจากคุณไม่ใช่หรอ? หลังจากปีหน้า เราจะไม่ได้เจอเขาอีก ฉันขอโทษ ...ฉันไม่ควรจะพูดถึงเรื่องนี้ใช่มั้ย?ฮ่าๆๆๆ!”
“ศาสตราจารย์คลอธ พุดได้ตรงมาก?
“สุดท้ายเขาก็เป็นแค่ลูกของครอบครัวชนชั้นสูงที่กำลังตกต่ำ ดุเหมือนพรสวรรค์ของพวกเขาก็จะต่ำลงไปด้วยนะ” เขาพุดด้วยใบหน้าน่ารังเกียจ
‘เหมือนคนที่ลืมตาแต่ไม่สามารถมองเห็นอะไร’
วินซ์เดินห่างออกไปสองสามก้าว ก่อนที่จะมองพวกด้วยความรังเกียจ มันรู้สึกเหมือนหูของเขาจะเน่า ถ้ายังคงนั่งฟังอยู่ พวกเขาเหล่านี้คือผู้สอนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนักเรียนที่สอน
มันไม่ถูกต้อง ผู้สอนควรจะดุหมิ่นนักเรียนของตัวเองงั้นหรือ?
‘ธีโอ นั้นเป็นจอมเวทย์ที่ดีกว่าพวกคุณมากนัก’
คำพูดเหล่านี้ไม่สามารถที่จะพุดได้ วินซ์นั้นอยากจะหยิบถ้วยกาแฟแล้วสาดลงบนใบหน้าของศาสตราจารย์บอลลูน อย่างไรก็ตามวินซ์นั้นได้หยุดตัวเอง ..... เพราะมันคือความจริง
‘ธีโอดอร์ มิลเลอร์’
วินซ์มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าที่มืดขึ้นเหมือนจะแสดงถึงหัวใจของเขา จากนั้นเขาก็เห็นไฟที่อาคารฝั่งตรงข้ามในห้องสมุด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะมาห้องสมุดในวันพิธีปิดการศึกษา
วินซ์นั้นอธิฐานให้กับธีโอดอร์ ให้ความพยายามของเขานั้นได้รับการตอบแทน
***
ในตอนนี้ไหล่ของธีโอกำลังสั่นไปมาอยู่
“อุว้า”
โต๊ะนั้นกำลังสั่นอยู่ เนื่องจากหนังสือปกแข็งทั้ง7เล่มที่วางอยู่กลางโต๊ะ มันเคยมีเรื่องเล่าว่าบบรรณารักษ์นั้นเคยถูกฆ่าตายจากคำสาปของหนังสือ
‘แม้ว่านี่จะไม่ใช่คำสาปก็ตาม ฉันก็จะตายอยู่ดี’
หนังสือแต่ละเล่มนั้นหนักกว่าอิฐเสียอีก ถ้ามันหล่นลงมาโดนเขาละก็หัวเขาแตกแน่ๆ
“เอาล่ะ มันเพียงพอแล้วสำหรับวันนี้”
ธีโอลูบคราบฝุ่นออกจากฝ่ามือของเขา ห้องสมุดเป็นที่ๆไม่ค่อยมีคนเข้ามาบ่อยนัก ดังนั้นหนังสือทุกเล่มทั่เขาหยิบจึงเต็มไปด้วยฝุ่น โชคดีที่ความตะกละนั้นกินหนังสือได้โดยไม่ต้องเคี้ยวไม่งั้นเขาคงต้องทำความะสอาดมันเสียก่อน
‘ก่อนอื่นฉันต้องใช้การประเมิณค่าเสียก่อน’
ธีโอขยับมือซ้ายด้วยท่าทางคุ้นเคย เขากำลังจะวัดค่าของหนังสือโดยใช้ความสามารถของความตะกละ พลังนี้มันใช้ง่ายกว่าที่เขาคิด
ธีโอยื่นมือซ้ายไปมันเป็นท่าเดียวกับที่เขาให้อาหารแก่มัน เขาสั่งมันว่า“ประเมิน”
ฟุบ
ลิ้นนั้นโฉบไปจากมือซ้ายของเขาด้วยความเร็ว จากนั้นก็เลียปกหนังสือ ในขณะเดียวกันก็มีการแสดงข้อมูลเป็นภาพออกมา
[ignition and ignite are different]
[-หนังสือเล่มนี้นั้นเกี่ยวกับเวทย์เผาไหม้ที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว อธิบายถึงความสามารถของ ignite ซึ่งแตกต่างจาก การignition ที่สามารถทำให้เกิดไฟลุกบนที่ต่างๆ แต่ igniteนั้น สามารถสร้างระเบิดได้ในอากาศ ข้อดีของ igniteคือ สามารถใช้งานได้ในระยะไกล ข้อเสียคือ ความรุนแรงจะน้อยกว่าignition
*ความเข้าใจของคุณสูงมาก (96.7%)
*ระดับของหนังสือนี้คือ ทั่วไป
*หลังจากกินแล้ว จะได้รับเวทมนต์ขั้น1 “ignite”]
“ฉันจำได้ว่าเวทย์นี้เป็นประโยชน์มาก”
เขาหัวเราะและหยิบหนังสือขึ้นมา
‘การประเมิณ’ของความตะกละ คือการวัดค่าอาหาร นี้ช่วยให้เขากำหนดประโยชน์ของอาหารที่จะถูกกินได้ การใช้การประเมิณนั้นหมายความว่าเขาจะเข้าใจได้ทุกหนังสือแม้ว่าเขาจะไม่เคยอ่านมันมาก่อนก็ตาม การที่เวทมนต์การประเมินนั้นช่วยให้เขาเลือกหนังสือที่พิเศษได้
‘ขอบคุณสำหรับสิ่งนี้ มันทำให้ฉันเลือกหนังสือได้ง่ายมาก’
ขณะที่เขาจะประเมินเล่มที่สอง
-...หิว ขออาหารด้วย
ความตะกละได้ตื่นขึ้น
[ความตะกละได้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับและมันบ่นหิวแล้ว]
[ความตะกละ จะตอบคำถามของคุณหลังจากกินหนังสือสองเล่มและจะหลับไปทันทีหลังจากกินหนังสือสามเล่ม มีระยะเวลา30นาที]
หนังสือสองเล่มหรือสามเล่ม
เขาต้องเลือก ถ้าเขาเลือกให้มันกินหนังสือสองเล่มเขาจะถามคำถามได้ แต่ถ้าเขาเลือกสามเล่ม เขาก็จะได้ความรู้และเวทย์เพิ่ม ครั้งสุดท้ายนั้น เขาคิดว่าการพัฒนาทักษะของเขาเป็นเรื่องสำคัญเขาเลยเลือกที่จะให้มันกินสามเล่ม
แล้วครั้งนี้ละเขาควรเลือกอะไร?