WOC บทที่ 6 - อันตรายอย่างยิ่ง
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/WorldofCultivation/
บทที่ 6 - อันตรายอย่างยิ่ง
"ศิษย์พีมาแล้ว" เฟยหยุนทักทายอย่างกระตือรือร้น เขาสวมเสื้อคลุมสีเหลืองอ่อนเช่นเดียวกับสาวกทุกคนของนิกายที่อยู่ภายในโถงใหญ่
เสียงที่เป็นมิตรของจั้วโมดังขึ้น "หน้าที่ในวันนี้เป็นของท่านหรือ?"
"ศิษย์พี่เชิญดูได้ตามใจชอบเลย" เฟยหยุน หัวเราะเบาๆ ชายหน้าผีถือผู้ซื้อรายใหญ่จากหมู่สาวกนิกายชั้นนอก และมักจะซื้อของจากพ่อค้ารายนี้เป็นจำนวนมาก
นิกายกระบี่อู้กงตั้งอยู่ห่างไกลจากเมืองต้งฟู และเต็มไปด้วยเส้นทางที่ยากลำบาก ดังนั้นห้องโถงอเนกประสงค์จึงถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทุกคนในนิกาย ถึงแม้จะไม่มีสินค้าระดับสูงวางขายอยู่ภายในห้องโถงจัดแสดงสินค้านี้ แต่สำหรับสาวกนิกายชั้นนอกเท่านี้ก็สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างทั่วถึงแล้ว แม้ว่าราคาของสินค้าต่างๆจะสูงกว่าภายในเมืองต้งฟูเล็กน้อย แต่เพื่อความสะดวกสบาย ทุกคนจึงเคยชินกับการซื้อสินค้าที่พวกเขาต้องการที่นี่
แม้แต่กับจั้วโมเองที่มีนกกระเรียนกระดาษมันก็เป็นยังคงเป็นเรื่องลำบากที่จะต้องเดินทางไป เมืองต้งฟู
ทั้งสองคนต่างเป็นคนคุ้นเคยจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพใดๆทั้งสิน "สินค้าที่มารอบนี้มีอะไรดีๆบ้าง?"
"มียุทธภัณฑ์เวทย์ชั้นหนึ่งเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ข้ากลัวว่ามันคงจะไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์พี่ปรารถนา" เฟยหยุนยิ้มขณะที่เขาตอบ หากนับความคุ้นเคย เขาก็คงจะรับรู้ได้ถึงความเฉลียวฉลาดของจั้วโม เขาจะไม่ค่อยซื้อในสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือสิ่งที่เขาไม่ต้องการ
"ข้าขอดูก่อน" จั้วโมไม่ได้รีบปฎิเสธ
เฟยหยุนเอายุทธภัณฑ์เวทย์บางส่วนออก ซึ่งจั้วโมก็หยิบพวกมันมาพิจารณาดูที่ละอัน
กำไลสีส้ม ที่แกะสลักจากหยกเพลิง ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการใช้ในการควบคุมเปลวเพลิง จั้วโมวางมันกลับคืน กำไลชิ้นนี้มีประโยชน์มากสำหรับเหล่าผู้ปรุงยา แต่เขาไม่ได้ต้องการมัน มันมีราคาเท่ากับเหรียญจิ้งซือระดับสองจำนวน 10 ชิ้น นั้นถือแพงเกินไปและไร้ประโยชน์ต่อตัวเขา
สินค้าที่เขาหยิบดูอีกไม่กี่ชิ้นก็ถูกวางลงเช่นกัน
มีเพียงแหวนทองแดงเหลืองเท่านั้นที่เขาตรวจดูเป็นเวลานาน
"ศิษย์พี่สนใจแหวนวงนี้หรือไม่?" เฟยหยุนมองเห็นความหวังและเริ่มกลายวาจาโน้มน้าวชวนซื้อ "[วงแหวนกระบี่อำนาจทองคำ], มันคือยุทธภัณฑ์เวทย์ธาตุทองคำระดับที่ 1 ถ้าหากโคจรพลังหลิงและเต็มมันจนเต็มจะสามารถปลดปล่อยการกระบี่ออกมาโจมตีได้ถึง 3 รูปแบบ พลังของมันแข็งแกร่งมากจนหน้าตกใจ ที่สำคัญที่สุดคือ ราคาของมันไม่แพงเกินไป เพียงแค่เหรียญจิ้งซือระดับสอง จำนวน 5 ชิ้นเท่านั้นเอง ยุทธภัณฑ์เวทย์ ที่ขายเพียงเหรียญจิ้งซือระดับสอง จำนวน 5 ชิ้น ไม่มีที่ใดมีอีกแล้ว "
เฟยหยุนยังกล่าววาจาโน้มน้าวต่อไป เรื่องของ [วงแหวนกระบี่อำนาจทองคำ]
จั้วโมไม่กล่าววาจาใดๆ เขาเริ่มโคจรพลังปราณและถ่ายเทปราณหลิงลงสู่วงแหวนชิ้นนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะไม่สนใจที่จะใช้งานแหวนวงนี้ แต่ตอนนี้เขาได้เรียนรู้ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] และสามารถเปลี่ยนพลังปราณหลิงของเขาให้กลายเป็นพลังปราณทองคำเพื่อให้เขาสามารถใช้แหวนได้
เฟยหยุนที่ได้เห็นความเฉลียวฉลาดจึงเอามือปิดปากที่กำลังอ้าออกเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้จั้วโมเสียสมาธิ
พลังปราณหลิงยังคงถ่ายเทเข้าสู่ภายลงในวงแหวน แหวนทองแดงสีเหลืองเข้มก็เริ่มเรืองแสงออกมา จั้วโมรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่แปลกใจเลยที่มันถูกเรียกว่ายุทธภัณฑ์เวทย์ แม้จะใช้พลังปราณหลิงเกือบแทบทั้งหมดของร่างกาย มันก็เติมเต็มพลังหลิงได้เพียงแค่หนึ่งในสามของแหวนเท่านั้น
เขาเริ่มเคลื่อนย้ายจิตและขยับนิ้วมือชี้ไปที่พื้นดิน
ออกมา!
กระบี่สี่ทองปรากฎตัวออกมาพร้อมทั้งพุ่งโจมตีทำให้พื้นบริเวณแตกออกจากกัน ตูม! เศษหินแตกออกเป็นชิ้นๆปรากฏให้เห็นพื้นที่เป็นหลุมไม่ลึกมาก
การโจมตีด้วยกระบี่ทองคำนี้ สามารถทะลุทลวงได้แทบทุกสิ่ง!
ผู้ฝึกตนที่อยู่ระดับต่ำกว่าจูจิ จะยากต่อการป้องกันการโจมตีนี้ พลังที่อยู่เบื้องหลังยุทธภัณฑ์เวทย์ชิ้นนี้ถือว่ามากเพียงพอแล้ว ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวของวงแหวนชิ้นนี้คือมันสามารถจัดเก็บรูปแบบกระบี่ได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น เพียงแค่คิดถ้าหากมันไร้ซึ่งข้อบ่งพร่อง ราคายุทธภัณฑ์เวทย์ชิ้นนี้จะกลายเป็นเท่าใดกัน?
เฟยหยุนเดินเข้ามาถามว่า "ศิษย์พีท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง?"
จั้วโมรู้สึกพึ่งพอใจในพลังของมันมาก แต่เขาก็ไม่แสดงสีหน้าใดๆบนใบหน้าของเขา "ข้าตกลงที่จะซื้อมัน"
เฟยหยุนรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง "ศิษย์พีท่านช่างมีสายตาที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!"
จั้วโมหยิบรายชื่อที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบต่างๆออกมา: "ไม่ทราบว่าเจ้ามีของเหล่านี้หรือไม่?"
เฟยหยุนหยิบรายชื่อและตรวจสอบดู และเขากล่าวว่า "ศิษย์พีต้องการที่จะสร้าง [พลั่วกระตุ้นหลิง]? เหตุใดท่านถึงต้องเสียเวลาสร้างมันล่ะ? ข้ามีสินค้าที่มีคุณภาพดีกว่านั้นเสียอีก ถ้าศิษย์พีต้องการมัน ข้าจะขายมันให้กับศิษย์พีด้วยราคาที่ท่านต้องพึ่งพอใจ"
"ไม่เป็นไร แต่ข้าต้องการที่จะสร้างมันขึ้นมาเอง เข้าใจข้าเถิด " จั้วโมตอบกลับ
เฟยหยุน หยุดและกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "ข้าเคารพในการตัดสินใจของศิษย์พี่ สิ่งนี้จะต้องยอดเยี่ยมเป็นแน่ ข้ามีวัตถุดิบทั้งหมดที่ท่านต้องการ ศิษย์พีโปรดรอสักครู่ "
เมื่อออกมาจากห้องโถงอเนกประสงค์ จั้วโมได้ใช้จ่ายเหรียญจิ้งซือส่วนใหญ่ของเขาไป ในการซื้อ [วงแหวนกระบี่อำนาจทองคำ] เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาได้บรรลุในระดับพลังเหลียนชีขั้นที่ 8 เขาจึงตัดสินใจมาที่นี้เพื่อหาซื้อยุทธภัณฑ์เวทย์ ภายใน 2 ปี จากระดับพลังเหลียนชีขั้นที่ 3 ไปสู่ขั้นที่ 8 มันช่างเป็นระดับความเร็วที่หากทุกคนได้รับรู้แล้วจะต้องตกใจ
มันขึ้นอยู่กับพรสวรรค์อันดีเลิศที่เขามี แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัว แต่สิ่งที่ช่วยเหลือเขาได้มากที่สุดก็คงเป็น เส้นหลอเลี้ยงพลังหลิง!!!
พลังการบ่มเพาะระดับเหลียนชีขั้นที่ 8 ของเขาไม่สามารถปกปิดจากคนอื่นได้ เพียงแค่ผู้อื่นได้มองเห็น พวกเขาก็จะรับรู้ได้ทันที แต่สิ่งที่เกี่ยวกับเส้นหลอเลี้ยงพลังหลิง เขาก็ยังคงต้องพยายามไม่ให้ผู้อื่นรู้
ถ้าจะพูดให้ง่ายและถูกต้องคือ มันย่อมง่ายที่จะหลีกเลี่ยงโจรปล้นในเวลากลางวัย แต่มันก็คงไม่ง่ายที่จะหลีกเลี่ยงลูกธนูในยามค่ำคืน ไม่กลัวในสิ่งที่หัวขโมยทำ แต่กลับต้องกลัวในสิ่งที่หัวขโมยคิด ถ้าข่าวเรื่องที่เขาบรรลุระดับพลังเหลียนชีขั้นที่ 8 ทุกคนก็จะเริ่มคิดเรื่องของเขาไปต่างๆนานา
เขาจึงตัดสินใจที่จะลดเวลาที่เขาจะต้องออกไปข้างนอกในยามเช้า เขาจะอยู่แต่ในที่พักและครุ่นคิดเรื่องของแท่งหยก เขาเพิ่งเริ่มต้นเรียนรู้ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ไม่ต้องกล่าวถึงระดับที่ 3 เลย ในตอนนี้เขายังคงหากไกลจากคำว่าระดับที่ 2 มากนัก แต่เขาก็รู้ว่ากระดาษย่อมไม่อาจทนรับเปลวเพลิงได้นาน และเขาก็คงไม่อาจซ่อนความจริงที่ว่าเขานั้นได้บรรลุพลังเหลียนชีขั้นที่ 8 ได้นานนัก
[วงแหวนกระบี่อำนาจทองคำ] อย่างน้อยก็ใช้เป็นเครื่องป้องกันยามเกิดเหตุร้ายได้
แม้เขาจะไม่เคยเห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับการฆ่าและปล้นทรัพย์ แต่เขาได้ยินคนส่วนใหญ่มักกล่าวว่า ระวังไว้อย่าน้อยมันก็ดี
การตี [พลั่วกระตุ้นหลิง] เป็นหนึ่งในความคิดของเขามานานแล้ว เมื่อเขาเพิ่งรู้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่าการตีขึ้นรูปนั้น ถือได้ว่าเป็นศาสตร์ที่แปลกประหลาดอย่างนึง มันยิ่งทำให้เขาสนใจในมันมากขึ้น แต่เขาก็ไม่เคยมีโอกาสเลยสักครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ศิษย์พีซวีเย่พึ่งได้สอนพวกเขาเกี่ยวกับสร้าง [พลั่วกระตุ้นหลิง] และ [สกรูเกลียวพันส่วนและเข็มมุด] และในตอนนี้พวกเขาก็พร้อมที่จะตีขึ้นรูปมันขึ้นมา
เขาได้ซื้อวัตถุดิบต่างๆมาเตรียมพร้อมเอาไว้ แต่จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่เริ่มสร้างมันขึ้นมา เขาพึ่งก้าวเขาสู้ระดับเหลียนชีขั้นที่ 8 ซึ่งระดับพลังมันยังไม่มั่นคง หรือเรียกได้ว่าเขายังไม่คุ้นเคยกับระดับพลังปัจจุบันที่เขามีอยู่ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึก [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] นอกเหนือไปจากการไปทุ่งยาวันละครั้งเขาก็อยู่แต่ที่พักตลอดเวลา เมื่อเขาทำการเรียกฝนให้ตกสำหรับผู้อื่น แม้เขาจะรู้สึกว่ามันเป็นเพียงพลังเสี้ยวหนึ่ง แต่เพื่อให้มันดูเหมือนเช่นแต่ก่อน เขาจะต้องแสดงท่าทางที่เหนื่อยล้าออกมาในแต่ละครั้ง
หลังจากผ่านไป 2-3 วัน ยังคงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขานั้นได้ก้าวเข้าสู้ระดับเหลียนชีขั้นที่ 8 เลย
จั้วโมยังคงอุ่นใจ บางครั้งเขาก็คิดว่าเขานั้นกลัวมากเกินไป แต่เพื่อความรอบครอบ เขาจะใช้เวลาในแต่ละวันเติมพลังปราณหลิงลงไปใน [วงแหวนกระบี่อำนาจทองคำ] และเขาก็มักจะตรวจสอบให้แน่ใจว่าพลังงานหลิงนั้นได้ถูกบรรจุจนเต็มวงแหวน
ต้องขอบคุณอย่างยิ่งที่ทุกอย่างยังคงสงบและไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น
เขายังคงก้มหน้าก้มตาเก็บเหล่าเมล็ดหลิงอยู่กลางทุ่ง ในมือขวาของเขานั้นเต็มไปด้วยก้านของเมล็ดหลิง ขณะที่ดวงตาของเขายังคงปิดอยู่ สีทองจางๆของ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ค่อยๆเล็ดลอดเข้าไปในเมล็ดหลิง เขารู้สึกได้ถึง [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ที่ไหลเวียนผ่านร่างกายได้โดยง่าย
ทันใดนั้นความผันผวนก็เกิดขึ้นจาก [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] จิตนึกคิดของจั้วโมก็ถูกปลุกขึ้น เขาพบเป้าหมายของเขาแล้ว!
เขาก็รับรู้ได้ถึงกลุ่มของสัตว์ทำลายตัวพืชเพลี้ย
ความสงบจาก [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] เป็นเหมือนปลาฉลามที่มีตามกลิ่นเลือด เพื่อล่าเป้าหมาย จากความรู้สึกที่ได้รับจาก [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] มันทำให้จั้วโมรับรู้ได้ถึงแรงต่อต้านที่รุนแรงของเหล่าเพลี้ย[เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง]
จิตสำนึกภายใต้สติ จั้วโมไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกโจมตีจนสูญเสียการควบคุม [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง]]
เขาบังคับตัวเองให้สงบลงเขาและพยายามไม่นึกถึงความโกรธและแรงกดดันของเพลี้ย แสงเย็นวาบสะท้อนผ่านสายตาของเขา เขาเริ่มควบคุม [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] และ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ก็กระโจนพุ่งเข้าหาเหล่าบรรดาเพลี้ยอ่อน!
[เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] เปรียบดั่งเม็ดทรายเล็ก ๆ มากมาย พวกมันล้อมเพลี้ยและเริ่มสร้างบาดแผลเล็ก ๆ ไว้บนตัวเพลี้ย
เพลี้ยครึ่งหนึ่งของพวกมันยากที่จะแยกแยะได้ด้วยตาเปล่า แต่พวกมันก็สามารถผสานจิตสำนึกของเพลี้ยแต่ละตัวเข้าด้วยกันเพื่อก่อให้เกิดเป็นคลื่นความคิดขนาดใหญ่ จิตวิญญาณของพวกมันเต็มไปด้วยความเครียดแค้นและต้องการที่จะทำร้ายล้างทุกสิ่ง!
นอกจากนั้นมันยังพ่นสารบางอย่างออกมารักษาบาดแผลของร่างกายพวกมัน
นี่ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และรุนแรง!
จั้วโมไม่คิดเลยว่าการทดลองใช้งาน [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] จะกลายเป็นแบบนี้!
เขาลืมไปแล้วว่าตัวเขานั้นกำลังทดลอง จิตใจของเขาเริ่มเข้าสู่จิตฆ่าฟัน เขาทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อควบคุม [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] และโจมตีเข้าสู่กลุ่มเพลี้ยครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่มีใครจะเป็นเหมือนเขา ที่ลงทุนยอมใส่จิตสำนึกของเขาทั้งหมดลงไปใน [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] เพราะมันนั้นอันตรายมากเกินไป
ตัวเขานั้นไม่เคยอยู่ในสนามรบมาก่อน จิตสำนึกของเขาก็ยังคงเปราะบางมาก เพียงพลาดแค่นิดเดียวเท่านั้นมันก็สามารถทำให้จิตสำนึกของเขากระจัดกระจายไปได้ ซึ่งหากผิดพลาดมันอาจทำให้เขากลายเป็นคนวิกลจริต แต่ความโหดเหี้ยมจากการรวมตัวของเพลี้ยยังคงไม่อาจเอาชนะจิตสำนึกของจั้วโมได้ มันทำได้เพียงกระตุ้นความชั่วร้ายของจั้วโมออกมา เขาเป็นเหมือนสิงโตที่กำลังกระหายศัตรู!
เป็นธรรมดาของทุกๆโลก คนที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง
เมื่อจิตสำนึกของจั้วโมเริ่มบ้าคลั่งและรุนแรงขึ้น เพลี้ยที่มีสติปัญญาต่ำกว่าต่างรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัว
การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและชัยชนะก็เริ่มเอียงไปจากจั้วโม
[เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] ยังคงฉีกกระชาก เพลี้ยแต่ละตัวในฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทุกที่ๆมันผ่านไป มันจะทิ้งเหล่าซากของเพลี้ยไว้เบื้องหลัง มันช่างเป็นเรื่องน่าแปลกที่ [เคล็ดสัปยุทธ์ยุคทอง] สามารถทำให้เพลี้ยอ่อนแอลงโดยไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
เมื่อเพลี้ยตัวสุดท้ายถูกฆ่าตาย จั้วโมก็หลุดออกจากจิตฆ่าฟัน มันเหมือนกับว่าเขาพึ่งขึ้นจากน้ำ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เขาตะโกนอย่างหนัก ดวงตาของเขานั้นดุร้ายเหมือนสัตว์ป่า
หลังจากนั้นอีกชั่วขณะหนึ่ง ความชั่วช้าในสายตาของเขาก็ค่อยๆพลันสลายไป เขายืนต่ออีกไม่ไหวและแล้วเขาก็นั่งลงกับพื้น
ในเวลานี้ ความกลัวคลืบคลานเข้าหาเขา
"ไม่น่าแปลกใจที่มีเหล่าชาวนาถึงไม่เหลือพืชหลิง ถ้าพวกเขาไม่ระมัดระวัง ต้นหลิงเหล่านี้ก็จะตายได้ง่าย! " ขณะที่เขากำลังกระวนกระวายใจ จั้วโมตบหน้าอกของเขา และเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นชาวนาที่สามารถกำจัดศัตรูพืนได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่เขาไม่ได้คิดเลย ว่ามันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก!
ตอนนี้พลังในร่างกายของเขาไม่หลงเหลืออยู่เลย เขาจึงจำต้องนั่งอยู่กลางทุ่งต่อไป ก่อนที่เขาจะพยายามลุกขึ้นแล้วย้ายร่างกายของเขากลับสู่ที่พัก
เขาจำเป็นต้องฟื้นฟูพลังปราณหลิงในร่างกาย พลังปราณหลิงในร่างกายทั้งหมดของเขาถูกใช้ไปจนหมด ไม่หลงเหลืออยู่เลย
ถึงแม้เขาจะยังคงเหนื่อย แต่เขาก็เข้าสู่สภาวะรวบรวมสมาธิได้อย่างรวดเร็ว